รีวิวชิ้นนี้เป็นรีวิวหลังจากที่ผมได้ใช้งานยางชุดนี้มาแล้ว ถึงตอนนี้ประมาณ 41,000 กม. กับ 1 ปี 4 เดือนครับ และคิดว่าไกล้จะเปลี่ยนยางชุดใหม่น่าจะภายในสิ้นปีนี้แล้วครับ (ไม่เกินอีก 1-2 เดือนนี้) สภาพยางยังใช้งานได้ปกติ แต่ผมเป็นคนขับรถเร็วยางชุดนี้เอาไม่ค่อยอยู่ ก่อนหน้านี้ช่วงโควิดใช้รถไม่มากและใช้ขับแค่ไกล้ๆเลยรู้สึกไม่มีความจำเป็นที่จะเปลี่ยน แต่ตอนนี้เริ่มใช้รถมากขึ้น และมีการเดินทางข้ามจังหวัดบ้าง เลยอยากได้ยางสดใหม่ที่สมรรถนะโอเคและเอาอยู่ครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับรถ
ยางที่จะรีวิวนี้ใช้กับรถ Toyota Altis หน้าหมู ปี 2004 วางเครื่อง 2zz-ge 6MT เครื่องขนาด 1800 ซีซี ตามสเปค 190 แรงม้า (แต่ลงพื้นเหลือแค่ 170+) ช่วงล่างเป็นสตรัท Monroe Monotube ใส่ค้ำบนหน้า XRS ตรงรุ่น และใส่ Rigid Collar ด้วยครับ ซึ่งขอบอกไว้ก่อนนะครับว่าผมเป็นคนค่อนข้างขับรถเร็วและรูดหลุม ไม่ได้ค่อยๆเร่งค่อยๆเบรคเน้นประหยัดน้ำมัน รวมถึงการใส่สตรัท ค้ำ ที่รีดสมรรถนะของยางมากขึ้นอาจทำให้เปลืองยางมากกว่าปกติ เลยอาจทำให้ผมใช้ยางเปลืองกว่าคนปกติ และฟีลลิ่งที่รับรู้ได้แตกต่างจากรถสแตนดาร์ดครับ
ยางที่ผมเคยใช้มาทั้งหมด
1. Maxxis MA-P1 = 195/60/15
2. Maxxis MS800 = 195/60/15
3. Yokohama A.Drive = 195/65/15
4. Bridgestone Turanza GR100 = 195/60/15
5. Michelin Primacy 3ST = 195/60/15 อ่านต่อ..
https://pantip.com/topic/37866119
6. Otani EK1000 = 195/65/15 อ่านต่อ..
https://pantip.com/topic/37890490
7. Toyo Proxes C1S (นำเข้าจากญี่ปุ่น) = 195/65/15 อ่านต่อ..
https://pantip.com/topic/39945998
8. Apollo Alnag 4G = 195/60/15 (ตัวที่เขียนรีวิวอยู่)
9. Dunlop Enasave EC300 = 185/65/15 (ยางติดรถ Mazda 2)
10. Bridgestone Ecopia EP150 = 185/65/15 (ใส่ใน Mazda 2) อ่านต่อ..
https://pantip.com/topic/40811813
ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับยาง
ยี่ห้อ/รุ่น : Apollo Alnac 4G (Made in India)
ขนาด : 195/60/15
ประเภท : ยางราคาประหยัด
ดีชนีย์น้ำหนัก : 88 (560 กก./เส้น)
ดีชนีย์ความเร็ว : H (210 กม./ชม.)
Treadwear : 280 (สึกเร็วปานกลาง)
Traction : AA (เบรคบนถนนเปียกได้ดีเลิศ)
Tempurature : A (ต่อต้านการเกิดความร้อนได้ดีมาก)
ราคา/เส้น: 1500 (ราคาจากร้านย่านสายไหมที่ผมไปเปลี่ยนมา)

credit: รูปจาก Shoppee
Apollo เป็นยางสัญชาติอินเดียครับ ชุดที่ผมซื้อมา made in India แต่หลังๆเหมือนจะมีการผลิตในไทยแล้ว สำหรับรุ่น Alnac4G จะมีความนุ่มเงียบกว่า ส่วนรุ่น Aspire 4G ซึ่งผมเดาว่าจะซิ่งกว่านิดๆ คือสมรรถนะดีกว่าแต่จะไม่นุ่มเงียบเท่า (เดานะครับ จาก feedback ของเพื่อนที่ใช้รุ่นนี้อยู่) ซึ่งท่าที่ลองหาข้อมูลในเน็ตทั้ง 2 รุ่นก็มีทั้งขอบ 15-16-17 เหมือนๆกันครับ ขอออกตัวก่อนว่ารีวิวนี้เป็นความรูสึกส่วนตัว ท่านอื่นเอายางรุ่นนี้ไปใช้ในรถคันอื่นหรือรุ่นอื่นอาจจะได้ความรู้สึกต่างกัน โปรดใช้จักรยานในการอ่านละกันครับ
รีวิวยางชุดนี้ ขอหมายเหตุว่ามันเป็นยางที่ราคาถูกแสนถูกแค่เส้นละ 1500 บาท แต่ผมจะขอรีวิวโดยใช้มาตรฐานเดียวกันกับยางรุ่นท้อปๆ เส้นละ 3 พันนะครับ ด้วยราคาที่ถูกกว่ากันครึ่งนึงอาจจะเทียบสมรรถนะกันไม่ได้ เพราะมันตอบโจทย์เรื่องความคุ้มค่าเป็นหลัก และผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่ซื้อยางระดับราคานี้ก็ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะดีเท่ายางแพง และคงไม่ได้เอามันไม่ตะบี้ตะบันขับซิ่งๆครับ
รีวิวยาง Apollo Alnac 4G
ความนุ่มสบาย - Alnac 4G เป็นยางที่ค่อนข้างนุ่มย้วยครับ ตอนที่ใส่มาใหม่ๆนุ่มมากย้วยมากไกล้เคียงยางรุ่นท้อปๆอย่าง Michelin Primacy 3ST ที่ผมเคยใช้เลยครับ นุ่มๆย้วยๆข้อดีคือนั่งสบายข้อเสียคือก็จะมีความเสียวๆนิดนึงเวลาเปลี่ยนเลนหรือเข้าโค้งแล้วมันย้วยครับ แต่ต้องยอมรับว่านุ่มมากๆเหมือนมิชลินอยู่ได้แค่ไม่กี่เดือน พอเข้าประมาณเดือนที่ 4 มันก็เริ่มแข็งขึ้นต่างจากตอนใหม่ๆชัดเจน แต่ก็ดีตรงที่มันก็ย้วยน้อยลงด้วยครับ พอใช้ครบประมาณ 6 เดือนกับหมื่น กม. ความแข็งมันพอๆกับ Bridgestone GR100 ในตอนใหม่ๆ นอกจากความนุ่มแล้ว ผมมีประเด็นเรื่องความไม่ค่อยสบายนิดหน่อยตรงที่ยางมันจะดิ้นๆเล็กน้อย ผมมีความรู้สึกว่าต้องเปลืองแรงในการประคองมากกว่าปกติ แม้จะขับในทางตรงก็ตามครับ ผลระยะยาวคือขับแล้วเมื่อยกว่าปกตินั่นเอง
ความเงียบสงบ - ช่วงใหม่ๆยางทั้งนุ่มและเงียบดีเลิศมากครับ แต่ผมสังเกตุมีเสียงหอนเบาๆครบ 3 ครั้งแรก ตั้งแต่อายุยางได้ 3 เดือน (ราวๆ 4 พัน กม.) เสียงหอนนี้มักจะมีกับถนนลาดยางเรียบๆเท่านั้นครับ และหลังหมื่นโลเสียงหอนก็เริ่มดังชัดขึ้น แต่ยังคงดังเฉพาะในถนนลาเยางเรียบๆเช่นเดิม ส่วนเสียงยางบดถนนก็พอได้ยินอยู่บ้างแต่ค่อนข้างเบาและไม่ได้ถึงขั้นรู้สึกรำคาญอะไรครับ
การเกาะถนนแห้ง - ค่อนข้างรู้สึกได้ชัดเจนว่ายางเอารถผมไม่ค่อยอยู่ อาจจะเพราะว่าเครื่องแรงเกิไปหน่อย ความเกาะถนนของยางมีไม่มากพอเลยมีออกอาการให้รู้สึกได้บ่อยๆครับ กล่าวคือ หากมีการกดคันเร่งลึกเพื่อเร่งแซงในช่วงที่ยางใหม่ๆจะมีอาการย้วยๆชัดเจน ส่วนช่วงที่ใช้มานานแล้วก็มีอาการหน้าฉกๆบ้าง การเข้าโค้งรู้สึกได้ชัดเจนว่ายางไม่ค่อยดูดถนนถึงแม้จะเป้นลาดยางเรียบๆ มีอาการหน้ารถแถจะออกจากโค้งนิดๆแต่ก็แก้ได้ง่ายๆด้วยการผ่อนคันเร่งในโค้งหรือเข้าโค้งให้ช้าลงอีกนิดครับ
การเกาะถนนเปียก - เป็นยางราคาถูกที่ผมรู้สึกโอเคกับจุดนี้ครับ มันอาจรีดน้ำไม่ดีเท่ายางรุ่นท้อปก็จริง แต่ถือว่าพอใช้ได้เลยทีเดียว ไม่เอะอะเหิร เอะอะเหิร เหมือนอีกรุ่นที่ผมเคยใช้ครับ ตอนใหม่ๆขับ 80 ลงแอ่งน้ำก็มีแรงดึงให้เสียวเล็กน้อย แต่ถ้าลดเหลือ 70 ก็จะโอเคขึ้นเยอะเลย แต่พอผ่านการใช้งานไปเยอะๆการรีดน้ำก็ลดลงตามสภาพครับ
ระยะเบรค - เทียบกับยางรุ่นท้อปๆระยะเบรคก็ด้อยกว่าจริงๆครับ แต่ถ้าเทียบกับยางในระดับราคาไกล้เคียงกันผมรู้สึกว่าก็ไม่ได้หนีกันเท่าไร แต่ด้วยความที่ Apollo มีความนุ่มย้วย มันอาจทำให้เรารู้สึกไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรในการเบรคแรงๆแต่ละครั้งครับ
ความขับสนุก - ต้องยอมรับว่านอกจากความนุ่มย้วยที่ทำให้การขับไม่ค่อยสนุกแล้ว Apollo ยังเป็นยางที่ค่อนข้างทื่อๆ (ตรงข้ามกับคม) ก็คือ ถ้าเป็นยางที่คมเวลาเข้าโค้งเราจะรู้สึกเลี้ยวเป็นเลี้ยว หักพวงมาลัยเท่าไรก็ไปเท่านั้น ยางสื่อสารกับคนขับได้ชัดเจนว่ากำลังเกาะโค้งอยู่และต้องหักพวงมาลัยเพิ่มลดเท่าไรถึงจะพอดีเข้าโค้ง แต่สำหรับยางชุดนี้ผมมีความรู้สึกว่าผมรู้สึกอ่านอาการได้ไม่ค่อยชัดเจนเวลาเข้าโค้งครับ เลี้ยวไปแล้วยังงงๆว่าเราเลี้ยวพอไหม ต้องหักเพิ่มหรือลดเท่าไร เรียกว่าต้องอ่านอาการและแต่งพวงมาลัยกันบ่อยๆครับ แม้แต่ในทางตรงตอนที่หักเปลี่ยนเลนหรือหักแซงก็เช่นกัน มีความรู้สึกว่าเราได้รับ feedback จากถนนและยางแบบคลุมเคลือไม่ค่อยชัดเจนเหมือนยางในรุ่นแพงๆครับ แต่พอใช้ไปๆมันก็เริ่มชิน ซึ่งชิ้นนี้ไม่ได้แปลว่าอ่านอาการได้ดีขึ้นนะครับ แต่หมายถึงเรารู้สึกช่างมัน กับความที่มันไม่ค่อยสื่อสารกับเราเสียมากกว่าครับ
สรุปผลการใช้งาน
ยาง Apollo Alnac 4G เป็นยางในระดับราคาเริ่มต้น สมรรถนะการยึดเกาะถนน และการคงประสิทธิภาพเหมือนตอนใหม่ๆอาจจะทำได้ไม่ดีเท่ายางรุ่นท้อปๆที่ราคาแพง แต่ด้วยความที่มันราคาถูกกว่ากันครึ่งนึง มันก็เป็นยางที่คุ้มค่าคุ้มราคาครับ ถ้าท่านใดกำลังมองหายางที่เอาไปใส่รถที่ไม่ได้แรงนัก และขับใช้งานทั่วไปไม่ได้ขับเร็วขับโหด ผมว่ามันก็ดีเพียงพอครับ และยังประหยัดเงินด้วย
สุดท้ายนี้ หวังว่ารีวิวฉบับนี้จะมีประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจครับ ผมเป็นเพียงคนใช้รถใช้ถนนธรรมดาอาจไม่ได้มีความรู้ในเชิงลึก และสิ่งที่เขียนไป เขียนบนพื้นฐานของความรู้สึกของผมเองเท่านั้น อาจจะไม่ตรงกับความรู้สึกของท่านอื่นๆนะครับ ถ้ามีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ..
คะแนนความถึงพอใจ:
นุ่มเงียบสบาย: 7/10
ทางแห้ง: 6/10
ทางเปียก: 6/10
คงคุณภาพ: 5.5/10
ความคุ้มราคา: 8/10
ฝากติดตามผลงานที่เพจ Need For Slow ด้วยครับ:
https://www.facebook.com/Needforslow247/
[CR] รีวิวสามัญชน: ยาง Apollo Alnac 4G
ข้อมูลเกี่ยวกับรถ
ยางที่จะรีวิวนี้ใช้กับรถ Toyota Altis หน้าหมู ปี 2004 วางเครื่อง 2zz-ge 6MT เครื่องขนาด 1800 ซีซี ตามสเปค 190 แรงม้า (แต่ลงพื้นเหลือแค่ 170+) ช่วงล่างเป็นสตรัท Monroe Monotube ใส่ค้ำบนหน้า XRS ตรงรุ่น และใส่ Rigid Collar ด้วยครับ ซึ่งขอบอกไว้ก่อนนะครับว่าผมเป็นคนค่อนข้างขับรถเร็วและรูดหลุม ไม่ได้ค่อยๆเร่งค่อยๆเบรคเน้นประหยัดน้ำมัน รวมถึงการใส่สตรัท ค้ำ ที่รีดสมรรถนะของยางมากขึ้นอาจทำให้เปลืองยางมากกว่าปกติ เลยอาจทำให้ผมใช้ยางเปลืองกว่าคนปกติ และฟีลลิ่งที่รับรู้ได้แตกต่างจากรถสแตนดาร์ดครับ
ยางที่ผมเคยใช้มาทั้งหมด
1. Maxxis MA-P1 = 195/60/15
2. Maxxis MS800 = 195/60/15
3. Yokohama A.Drive = 195/65/15
4. Bridgestone Turanza GR100 = 195/60/15
5. Michelin Primacy 3ST = 195/60/15 อ่านต่อ.. https://pantip.com/topic/37866119
6. Otani EK1000 = 195/65/15 อ่านต่อ.. https://pantip.com/topic/37890490
7. Toyo Proxes C1S (นำเข้าจากญี่ปุ่น) = 195/65/15 อ่านต่อ.. https://pantip.com/topic/39945998
8. Apollo Alnag 4G = 195/60/15 (ตัวที่เขียนรีวิวอยู่)
9. Dunlop Enasave EC300 = 185/65/15 (ยางติดรถ Mazda 2)
10. Bridgestone Ecopia EP150 = 185/65/15 (ใส่ใน Mazda 2) อ่านต่อ.. https://pantip.com/topic/40811813
ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับยาง
ยี่ห้อ/รุ่น : Apollo Alnac 4G (Made in India)
ขนาด : 195/60/15
ประเภท : ยางราคาประหยัด
ดีชนีย์น้ำหนัก : 88 (560 กก./เส้น)
ดีชนีย์ความเร็ว : H (210 กม./ชม.)
Treadwear : 280 (สึกเร็วปานกลาง)
Traction : AA (เบรคบนถนนเปียกได้ดีเลิศ)
Tempurature : A (ต่อต้านการเกิดความร้อนได้ดีมาก)
ราคา/เส้น: 1500 (ราคาจากร้านย่านสายไหมที่ผมไปเปลี่ยนมา)
credit: รูปจาก Shoppee
Apollo เป็นยางสัญชาติอินเดียครับ ชุดที่ผมซื้อมา made in India แต่หลังๆเหมือนจะมีการผลิตในไทยแล้ว สำหรับรุ่น Alnac4G จะมีความนุ่มเงียบกว่า ส่วนรุ่น Aspire 4G ซึ่งผมเดาว่าจะซิ่งกว่านิดๆ คือสมรรถนะดีกว่าแต่จะไม่นุ่มเงียบเท่า (เดานะครับ จาก feedback ของเพื่อนที่ใช้รุ่นนี้อยู่) ซึ่งท่าที่ลองหาข้อมูลในเน็ตทั้ง 2 รุ่นก็มีทั้งขอบ 15-16-17 เหมือนๆกันครับ ขอออกตัวก่อนว่ารีวิวนี้เป็นความรูสึกส่วนตัว ท่านอื่นเอายางรุ่นนี้ไปใช้ในรถคันอื่นหรือรุ่นอื่นอาจจะได้ความรู้สึกต่างกัน โปรดใช้จักรยานในการอ่านละกันครับ
รีวิวยางชุดนี้ ขอหมายเหตุว่ามันเป็นยางที่ราคาถูกแสนถูกแค่เส้นละ 1500 บาท แต่ผมจะขอรีวิวโดยใช้มาตรฐานเดียวกันกับยางรุ่นท้อปๆ เส้นละ 3 พันนะครับ ด้วยราคาที่ถูกกว่ากันครึ่งนึงอาจจะเทียบสมรรถนะกันไม่ได้ เพราะมันตอบโจทย์เรื่องความคุ้มค่าเป็นหลัก และผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่ซื้อยางระดับราคานี้ก็ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะดีเท่ายางแพง และคงไม่ได้เอามันไม่ตะบี้ตะบันขับซิ่งๆครับ
รีวิวยาง Apollo Alnac 4G
ความนุ่มสบาย - Alnac 4G เป็นยางที่ค่อนข้างนุ่มย้วยครับ ตอนที่ใส่มาใหม่ๆนุ่มมากย้วยมากไกล้เคียงยางรุ่นท้อปๆอย่าง Michelin Primacy 3ST ที่ผมเคยใช้เลยครับ นุ่มๆย้วยๆข้อดีคือนั่งสบายข้อเสียคือก็จะมีความเสียวๆนิดนึงเวลาเปลี่ยนเลนหรือเข้าโค้งแล้วมันย้วยครับ แต่ต้องยอมรับว่านุ่มมากๆเหมือนมิชลินอยู่ได้แค่ไม่กี่เดือน พอเข้าประมาณเดือนที่ 4 มันก็เริ่มแข็งขึ้นต่างจากตอนใหม่ๆชัดเจน แต่ก็ดีตรงที่มันก็ย้วยน้อยลงด้วยครับ พอใช้ครบประมาณ 6 เดือนกับหมื่น กม. ความแข็งมันพอๆกับ Bridgestone GR100 ในตอนใหม่ๆ นอกจากความนุ่มแล้ว ผมมีประเด็นเรื่องความไม่ค่อยสบายนิดหน่อยตรงที่ยางมันจะดิ้นๆเล็กน้อย ผมมีความรู้สึกว่าต้องเปลืองแรงในการประคองมากกว่าปกติ แม้จะขับในทางตรงก็ตามครับ ผลระยะยาวคือขับแล้วเมื่อยกว่าปกตินั่นเอง
ความเงียบสงบ - ช่วงใหม่ๆยางทั้งนุ่มและเงียบดีเลิศมากครับ แต่ผมสังเกตุมีเสียงหอนเบาๆครบ 3 ครั้งแรก ตั้งแต่อายุยางได้ 3 เดือน (ราวๆ 4 พัน กม.) เสียงหอนนี้มักจะมีกับถนนลาดยางเรียบๆเท่านั้นครับ และหลังหมื่นโลเสียงหอนก็เริ่มดังชัดขึ้น แต่ยังคงดังเฉพาะในถนนลาเยางเรียบๆเช่นเดิม ส่วนเสียงยางบดถนนก็พอได้ยินอยู่บ้างแต่ค่อนข้างเบาและไม่ได้ถึงขั้นรู้สึกรำคาญอะไรครับ
การเกาะถนนแห้ง - ค่อนข้างรู้สึกได้ชัดเจนว่ายางเอารถผมไม่ค่อยอยู่ อาจจะเพราะว่าเครื่องแรงเกิไปหน่อย ความเกาะถนนของยางมีไม่มากพอเลยมีออกอาการให้รู้สึกได้บ่อยๆครับ กล่าวคือ หากมีการกดคันเร่งลึกเพื่อเร่งแซงในช่วงที่ยางใหม่ๆจะมีอาการย้วยๆชัดเจน ส่วนช่วงที่ใช้มานานแล้วก็มีอาการหน้าฉกๆบ้าง การเข้าโค้งรู้สึกได้ชัดเจนว่ายางไม่ค่อยดูดถนนถึงแม้จะเป้นลาดยางเรียบๆ มีอาการหน้ารถแถจะออกจากโค้งนิดๆแต่ก็แก้ได้ง่ายๆด้วยการผ่อนคันเร่งในโค้งหรือเข้าโค้งให้ช้าลงอีกนิดครับ
การเกาะถนนเปียก - เป็นยางราคาถูกที่ผมรู้สึกโอเคกับจุดนี้ครับ มันอาจรีดน้ำไม่ดีเท่ายางรุ่นท้อปก็จริง แต่ถือว่าพอใช้ได้เลยทีเดียว ไม่เอะอะเหิร เอะอะเหิร เหมือนอีกรุ่นที่ผมเคยใช้ครับ ตอนใหม่ๆขับ 80 ลงแอ่งน้ำก็มีแรงดึงให้เสียวเล็กน้อย แต่ถ้าลดเหลือ 70 ก็จะโอเคขึ้นเยอะเลย แต่พอผ่านการใช้งานไปเยอะๆการรีดน้ำก็ลดลงตามสภาพครับ
ระยะเบรค - เทียบกับยางรุ่นท้อปๆระยะเบรคก็ด้อยกว่าจริงๆครับ แต่ถ้าเทียบกับยางในระดับราคาไกล้เคียงกันผมรู้สึกว่าก็ไม่ได้หนีกันเท่าไร แต่ด้วยความที่ Apollo มีความนุ่มย้วย มันอาจทำให้เรารู้สึกไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรในการเบรคแรงๆแต่ละครั้งครับ
ความขับสนุก - ต้องยอมรับว่านอกจากความนุ่มย้วยที่ทำให้การขับไม่ค่อยสนุกแล้ว Apollo ยังเป็นยางที่ค่อนข้างทื่อๆ (ตรงข้ามกับคม) ก็คือ ถ้าเป็นยางที่คมเวลาเข้าโค้งเราจะรู้สึกเลี้ยวเป็นเลี้ยว หักพวงมาลัยเท่าไรก็ไปเท่านั้น ยางสื่อสารกับคนขับได้ชัดเจนว่ากำลังเกาะโค้งอยู่และต้องหักพวงมาลัยเพิ่มลดเท่าไรถึงจะพอดีเข้าโค้ง แต่สำหรับยางชุดนี้ผมมีความรู้สึกว่าผมรู้สึกอ่านอาการได้ไม่ค่อยชัดเจนเวลาเข้าโค้งครับ เลี้ยวไปแล้วยังงงๆว่าเราเลี้ยวพอไหม ต้องหักเพิ่มหรือลดเท่าไร เรียกว่าต้องอ่านอาการและแต่งพวงมาลัยกันบ่อยๆครับ แม้แต่ในทางตรงตอนที่หักเปลี่ยนเลนหรือหักแซงก็เช่นกัน มีความรู้สึกว่าเราได้รับ feedback จากถนนและยางแบบคลุมเคลือไม่ค่อยชัดเจนเหมือนยางในรุ่นแพงๆครับ แต่พอใช้ไปๆมันก็เริ่มชิน ซึ่งชิ้นนี้ไม่ได้แปลว่าอ่านอาการได้ดีขึ้นนะครับ แต่หมายถึงเรารู้สึกช่างมัน กับความที่มันไม่ค่อยสื่อสารกับเราเสียมากกว่าครับ
สรุปผลการใช้งาน
ยาง Apollo Alnac 4G เป็นยางในระดับราคาเริ่มต้น สมรรถนะการยึดเกาะถนน และการคงประสิทธิภาพเหมือนตอนใหม่ๆอาจจะทำได้ไม่ดีเท่ายางรุ่นท้อปๆที่ราคาแพง แต่ด้วยความที่มันราคาถูกกว่ากันครึ่งนึง มันก็เป็นยางที่คุ้มค่าคุ้มราคาครับ ถ้าท่านใดกำลังมองหายางที่เอาไปใส่รถที่ไม่ได้แรงนัก และขับใช้งานทั่วไปไม่ได้ขับเร็วขับโหด ผมว่ามันก็ดีเพียงพอครับ และยังประหยัดเงินด้วย
สุดท้ายนี้ หวังว่ารีวิวฉบับนี้จะมีประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจครับ ผมเป็นเพียงคนใช้รถใช้ถนนธรรมดาอาจไม่ได้มีความรู้ในเชิงลึก และสิ่งที่เขียนไป เขียนบนพื้นฐานของความรู้สึกของผมเองเท่านั้น อาจจะไม่ตรงกับความรู้สึกของท่านอื่นๆนะครับ ถ้ามีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ..
คะแนนความถึงพอใจ:
นุ่มเงียบสบาย: 7/10
ทางแห้ง: 6/10
ทางเปียก: 6/10
คงคุณภาพ: 5.5/10
ความคุ้มราคา: 8/10
ฝากติดตามผลงานที่เพจ Need For Slow ด้วยครับ:
https://www.facebook.com/Needforslow247/
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้