.
ไดอารี่ความคิดถึง
หลังจากปิดเทอมบอสก็ไม่ได้ไปไหน เพราะเป็นเพียงการปิดเทอมแรกยี่สิบกว่าวันเอง บอสจึงไม่ไปกรุงเทพหาพ่อกับแม่ รวมทั้งพี่ ๆ ด้วยที่ยังอยู่บ้านกับตายายกันครบ ชีวิตในแต่ละวันก็ไม่มีอะไร นอกจากอยู่บ้านเฉย ๆ แล้วยายก็พาไปนานั่นแหละ เพราะช่วงนี้ข้าวดอเหลืองใกล้ได้เกี่ยวแล้ว
ตากับยายปลูกข้าวดอไว้ที่นาลุ่มติดลำห้วยห้าไร่ นอกนั้นข้าวใหญ่หรือข้าวนาปีหมด ตากับยายปลูกข้าวดอไว้ทุกปีกันข้าวใหญ่หมด เดี๋ยวจะไม่มีข้าวกินจนถึงสิ้นปี เพราะกว่าจะได้เกี่ยวข้าวใหญ่ก็ธันวาคมถึงมกราคมนู่น ข้าวดอจึงสำคัญกับครอบครัวของเธอ
“ยายไปนาปะ บอสจะไปเก็บผักลืมผัวฝากให้อี่แม่” บอสชวนยายไปนาเองเลยสำหรับวันนี้ เนื่องจากเมื่อคืนคุยกับแม่ว่า จะเก็บผักลืมผัวฝากไปให้แม่ขายกับผักกะแยง แล้วให้แม่โอนเงินกลับมาให้บอส วันก่อนมานาบอสเห็นผักกะแยงกับผักลืมผัวขึ้นเยอะเลย จึงคิดว่าจะเก็บฝากไปให้แม่ขายดีกว่า เห็นช่องทางทำเงินแล้ว
ประจวบเหมาะกับญาติกลับมาบ้านพอดี และ จะกลับไปกรุงเทพพรุ่งนี้ในตอนเช้า ฝากไปกับญาติไม่ต้องเสียตังค์ บอสจึงชวนยายไปนาดีกว่า ยอมไม่ไปเล่นกับพี่สาวฝาแฝดหนึ่งวันเพื่อเงินกันเลย
“ไปกะไป ยายกะสิไปเบิ่งข้าวนำ ใกล้พอเกี่ยวล่ะ อาทิตย์หน้าสิพาเกี่ยวข้าว” ยายบอกข่าวร้าย ทำเอาเธอกลอกตาให้ยายลับหลังเลย ขี้เกียจเกี่ยวข้าวนัก แดดก็แดด ทว่าเธอก็ได้เกี่ยวแค่ข้าวดอเท่านั้นแหละ เพียงห้าไร่ยายไม่อยากจ้างคนงานให้เปลืองเงิน เกี่ยวข้าวใหญ่นู่นยายถึงจ้างคนงาน
“บีมไปเก็บผักลืมผัวนำพี่บ่” ชวนน้องบีมไปด้วย จะได้ช่วยกันเก็บให้ได้เยอะ ๆ
“ไปนาบ่! ไปนำ” น้องบีมก็ไม่เคยปฏิเสธทุกครั้งที่เธอชวนไปไหนมาไหนด้วย ส่วนพี่ ๆ ให้อยู่บ้านนี่แหละ ถ้าอยากไปก็ตามสบาย
“ไปกะไปใส่เสื้อแขนยาวซ้งขายาวเร็ว ๆ ขาจังบ่ลาย” ยายบอกน้องบีม เจ้าตัวก็รีบไปแต่งตัวอย่างเร็ว ตอนนี้เก้าโมงเช้าก็ถือว่ายังมีเวลาเหลือเยอะในการเก็บผักที่เกิดเองตามธรรมชาติ “ไปนำบ่ซุมใหญ่หนิ” ยายถามหลาน ๆ ที่เหลืออีกสี่คน
“อี่ยายไปนาเฮ็ดหยัง” พี่แป้งถาม เหมือนลังเลว่าจะไปด้วยหรือไม่
“ไปเบิ่งข้าวเบิ่งน้ำซือ ๆ หนิแหล่ว” ยายตอบ
“ไปเก็บผักลืมผัว พี่แป้งไปนำบ่” บอสตอบอีกคน ขณะกำลังเตรียมกระสอบถุงปุ๋ย หมวก และ เสื้อแขนยาวให้ตนเอง
“อ่อ ! บ่ไปหรอกไปโลด บีมกะไปบ่” พี่แป้งหันไปถามน้องบีม น้องบีมพยักหน้าเป็นคำตอบ ตอนนี้แต่งตัวเสร็จแล้วพร้อมเดินทาง
“ขั้นสิลงไปคุ้มใต้ปิดเฮือนให้ยายดี ๆ เด้อหนิ” ก่อนไปมิวายกำชับหลาน ๆ จากนั้นพวกเธอสามคนยายหลานจึงออกเดินตางไปนากัน โดยการเดินลัดทุ่งไปเหมือนเดิม ยายหาบคุถังกับไม้คานไปด้วย เผื่อได้ปลากลับมา ส่วนเธอถือถุงปุ๋ยเปล่าพับให้เล็กที่สุดจะได้ถือถนัดมือ ส่วนน้องบีมเดินตัวเปล่า
ช่วงนี้ฝนก็ยังไม่หาย ยังตกอยู่เนือง ๆ ทำให้มีน้ำในนา และ ลำห้วยเยอะมาก ๆ เสียงน้ำไหลจากฝายปูนนาตาสมเด็จดังน่ากลัวในความรู้สึก ฤดูน้ำหลากแบบนี้ ยายพาพวกเธอข้ามลำห้วยตรงฝายนาตาสมเด็จดีกว่า แทนที่จะเป็นสะพานไม้ไผ่ที่ตาทำเอาไว้ เพราะมันอันตรายเกินไป เกรงว่าจะตกน้ำตกท่าเอาได้ ช่วงน้ำหลากข้ามตรงนี้ปลอดภัยที่สุด
“ไปบีมยางออกก่อนยาย ยางดี ๆ บ่ต้องฟ้าวมันสิตกสะพาน อย่าแลนเด้อค่อย ๆ ยางเอา” ยายกำชับ เพราะตอนนี้น้ำที่ฝายไหลแรงมาก เสียงน้ำตกดังก้องไปทั่วทุ่งบริเวณนี้ น้องบีมพยักหน้าตอบรับ ค่อย ๆ เดินข้ามสะพานปูนขนาดกว้างพอสมควร แต่ไม่มีราวให้จับหรือกั้นเอาไว้ เพราะไม่ได้ถูกออกแบบมาให้เป็นสะพาน ถูกออกแบบมาเป็นกำแพงกั้นน้ำเท่านั้น “บ่ต้องแนมน้ำ พุ่นแนมไปข้างหน้า แนมเบิ่งเถียงเฮาพุ่น” ยายบอกหลานสาวคนเล็ก
เธอเองก็กลัวตก และ กลัวเสียงน้ำไหลด้วย ถึงอย่างไรก็ต้องข้ามให้ได้นั่นแหละ ข้ามมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ว่าพอถึงฤดูฝนน้ำหลากแบบนี้ทีไรเธอก็ไม่เคยหายกลัวสักที คอยลุ้นไปกับน้องบีม เชื่อว่าน้องบีมเองก็คงกลัวเหมือนกัน ดูจากการค่อย ๆ เดินของน้องบีมและการทำหน้าตรงนิ่งเหลือเกิน ทั้งขำทั้งสงสาร
ในที่สุดน้องบีมก็ข้ามไปได้ ตามด้วยเธอเดินตามหลังมาติด ๆ และ ยายเดินตามหลังมาคนสุดท้าย ข้ามฝายมาได้ก็เป็นอานาเขตนาของเธอแล้ว เป็นนาของป้าลีที่ยายแบ่งให้ ถัดจากนาป้าลีตรงนี้ไปก็เป็นนาของเธอนั่นเอง
“บีมยางมาทางผิบีม มาทางคูห้วยผิ ยายสิเบิ่งปลา” ยายบอกน้องบีม เพราะน้องบีมกำลังจะมุ่งหน้าไปยังเถียงนา ยายให้วนมาทางลำห้วยก่อน ดูต้อนกับหลี่ที่ตาทำดักปลาเอาไว้ก่อน พวกเธอสองคนเดินตามหลังยายไปติด ๆ อย่างว่าง่าย
ตอนนี้ข้าวในนาของเธอข้าวใหญ่ก็เริ่มตั้งท้องออกรวงบ้างแล้ว วันออกพรรษาก็จะได้มาเอามารข้าว หรือ กอข้าวที่กำลังตั้งท้องไปจุดประทีป ส่วนข้าวดอก็เหลืองพอประมาณ กลางเดือนตุลาคมคงได้เก็บเกี่ยวล่ะ
ขณะนี้ผักกะแยงในนาเขียวขจีมาก ออกดอกสีม่วงสวยงามเหลือเกิน อย่างกับเป็นดอกไม้ชนิดหนึ่งกันเลย ‘ก็ดอกไม้นั่นแหละ ดอกไม้ป่า’ เธอคิดพร้อมเผยยิ้มให้ผักกะแยงที่เกิดปนกับต้นข้าวในนา
อีกไม่นานพวกมันก็จะต้องได้ไปเที่ยวกรุงเทพกันแล้ว เธอจะเก็บเอาให้หมดเลย ผักลืมผัวก็เช่นกัน เกิดเป็นกอเป็นพวงยาวเลื้อยไปตามพื้นดิน กลิ่นของผักกะแยงหอมเตะจมูก นำไปใส่อ่อมกบคงจะอร่อยน่าดู ใส่แกงหน่อไม้ก็อร่อยหอมที่สุด
บอสกับน้องบีมยืนดูยายบนคันนา ส่วนยายดูต้อนที่ตาทำดักปลาเอาไว้ ด้านในมีปลาหมอสองตัวกับปลาช่อนหนึ่งตัว ยายจับใส่คุถังที่ถือมาด้วย
“ยายนั่นโตนึง อยู่ตรงนั้น” น้องบีมชี้มือบอกยาย เห็นปลาอีกตัวที่ยายเก็บเอาไม่หมด
“ตาดีกว่ายายเว้ย! เกือบบ่เห็นน้อหนิ” ยายพูดปนหัวเราะให้กับน้องบีม เพราะมันดันเป็นปลาช่อนตัวเขื่องเสียนี่ “พุ่นบอสพาน้องไปหาเก็บนำไฮข้าวดอพุ่น อย่าเหยียบกอข้าวเด้อล่ะ” ยายบอกให้พวกเธอไปเก็บผักได้
“บีมฮู้จักผักลืมผัวบ่กับผักกะแยง” บอสถามน้องสาวก่อน เผื่อไม่รู้จะได้เอาให้ดูเป็นตัวอย่าง
“ฮู้อยู่” น้องบีมตอบ ทว่าเธอก็ไม่แน่ใจจึงมองหาตัวอย่างสักหน่อย ซึ่งก็หาไม่ยากมีเยอะแยะเต็มไปหมด
“นี่ผักกะแยงมันเป็นต้นจังสิ !” บอสนั่งถอนต้นผักกะแยงมาให้น้องสาวดู “ดมเบิ่งหอมเด้ อะ!” ยื่นผักกะแยงไปจ่อจมูกน้องบีม “หอมบ่” น้องบีมพยักหน้า จากนั้นบอสก็ถอนผักลืมผัวให้น้องบีมดูอีก บอกว่านี่คือผักลืมผัว ห้ามเอาต้นหญ้าปนมาด้วยเด็ดขาด
“น้องบีมฮู้จักอยู่” เจ้าตัวค่อนขอดเธอกลับมานิดหน่อย
“เอ๋ากะย่านบ่ฮู้น้อ กะย่านเอาหญ้าใส่มานำ” เธอเองก็แอบเหวี่ยงน้องสาวคืนนิดหน่อย ที่สอนไม่ได้! ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้วนัก “บีมสิเก็บผักอิหยัง พี่บอสให้เลือก เก็บแข่งกันเฮา” เป็นกุศโลบายหลอกให้น้องสาวตั้งใจทำงานเฉย ๆ นั่นแหละ
น้องบีมกวาดสายตาไปมองที่นาข้าวดอ เห็นว่าผักกะแยงมีเยอะที่สุด จึงตัดสินใจตอบว่าตนเองจะเป็นคนเก็บผักกะแยงเอง ให้เธอกับผักลืมผัวไป
“น้องบีมเอาผักกะแยงเด้อ”
“อือ อ่ะคนละถุงไปเลย เต็มถุงปุ๋ยกะพอ” บอสยักคิ้วให้น้องสาว พร้อมยื่นถุงปุ๋ยใบกระทัดรัดให้ด้วย จากนั้นสองคนพี่น้องก็นั่งลงเก็บผักในนาข้าว พวกมันเกิดปนกับต้นข้าว ยิ่งได้ปุ๋ยยิ่งงามไปพร้อม ๆ กับต้นข้าวนั่นแหละ
“อย่าเหยียบข้าวยายเด้อ เก็บตะอยู่ไฮข้าวดออย่าพากันลงข้าวใหญ่” ยายกำชับ พวกเธอขานรับอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาเก็บผักต่อไป วาดฝันเอาไว้ว่าถ้าแม่ขายหมดแล้ว โอนเงินกลับมาให้เธอ ๆ จะเอาไปซื้ออะไรดี ให้น้องบีมด้วยค่าช่วยเก็บในวันนี้ แค่คิดก็มีความสุข
บอสเปิดเพลงเอ็มพีสามในโทรศัพท์ฟังไปด้วยอย่างเพลิดเพลิน ร้องตามไปด้วยอย่างสบายใจ มือก็ถอนผักลืมผัวไปไม่เหนื่อยเลย
“บีมถ้าขายได้บีมสิเอาหยัง ! ห้ามเอาแพงเงินสิเมิด ถ้าสมมุติขายผักได้แหมะ” บอสถามน้องสาว พูดคุยกันสองคนพี่น้อง
“บีมเอาขนม” น้องบีมตอบ
“เอาตะขนมบ่ เอาจักห่อ” เธอตอบปนยิ้ม แค่ขนมไม่ต้องใช้เงินขายผักก็ได้ ใช้เงินของเธอก็ได้ ดีล่ะเธอจะได้ฮุบเงินให้หมดเลย หึหึ กระตุกยิ้มที่มุมปากนิดหน่อยอย่างสบายใจ
“เอาสามห่อได้บ่” น้องบีมถามอย่างจริงจัง “ห่อละสิบบาทเด้สามห่อ”
“เอ้อ! กะห่อละสิบบาทนั่นล่ะ “ บอสค่อนขอดให้น้องสาวนิดหน่อย ทว่าก็แฝงไปด้วยรอยยิ้ม แค่สามสิบบาทจิ๊บ ๆ มาก “เก็บเอาเต็มถุงเลยเฮา”
“หอม !” น้องบีมถอนต้นผักกะแยงมาแล้วดมเข้าเต็ม ๆ ด้วยความหอมของมันจึงทำให้ผ่อนคลายที่สุด ถึงแดดจะแรงก็ไม่หวั่น ทว่าเหมือนฟ้าจะครึ้มมาด้วย เดี๋ยวแดดเดี๋ยวฝนอยู่นั่นแหละ
“คาตะหอมหลาย เก็บแนะ” บ่นน้องสาวไปอีก ตนเองก็ตั้งใจเก็บผักลืมผัวไป โทรศัพท์ก็เล่นเพลงไปเรื่อย สักพักมีคนโทรเข้าเป็นเบอร์ของพิมพ์เอง
“ว่า!” ถามทันทีที่กดรับสายพี่สาว
“มืงอยู่ไส” พิมพ์ถาม
“อยู่นา! มาเก็บผักฝากให้แม่กู เป็นหยัง” เธอถามกลับ
“โทรหาซือ ๆ ล่ะบ่เห็นมืง” พิมพ์ตอบ
“อ่อ! แค่หนิล่ะ กูเก็บผักก่อนเดี๋ยวมื้ออื่นกูไปหา มื้ออื่นมืงกับอี่แพรวอยู่เฮือนบ่ฮั่น” บอสถาม จากนั้นก็ขอวางสายไป เธอจะเก็บผักยังโทรมากวนอยู่ได้ ไม่สนว่ามือจะเปื้อน จะดำ หรือ ด้านอะไรทั้งนั้น ตอนนี้มีแค่คำว่าเงินและเงินลอยเข้ามาในหัว ได้สักห้าร้อยบาทก็ยังดี
สองคนพี่น้องง่วนอยู่กับการเก็บผัก ส่วนยายเดินเลาะดูปลา และ ข้าวอยู่คนเดียว ปล่อยพวกเธอสองคนเก็บกันเอง บอสเก็บผักลืมผัวไปในใจก็เอ็นดูความเป็นพวงของผักไป บางกอก็ใหญ่ บางกอก็เล็ก บอสเด็ดมันขึ้นมาจากดิน สะบัดดินที่รากออกก่อนจะนำใส่ใสถุงปุ๋ย บางครั้งก็นึกสนุกเล่นกันอยู่สองคนพี่น้อง
“บีม! บีมดูผมพี่ ฮา “ หลังจากที่บอสสะบัดดินที่รากของผักออกจนหมด จากนั้นก็นำมาทาบที่ผมของตนเอง พูดปนหัวเราะ แค่ทำเล่น ๆ เฉย ๆ ไม่คิดจะปักใส่ผมจริง ๆ หรอก เดี๋ยวมีคนมาเห็นหาว่าเป็นผีบ้าเอาได้ จากนั้นก็นำมาค้างบนศีรษะไปเลย พร้อมเสียงหัวเราะของพวกเธอ ก่อนจะนำมันยัดลงไปในถุงปุ๋ยเช่นเดิม
“ให้บีมนำแนพี่บอส” น้องบีมอยากได้บ้าง
“ได้! เดี๋ยวพี่พ่อกอใหญ่ ๆ ก่อนเด้อสั่น” บอสยิ้มให้น้องสาว กะจะแกล้งสักหน่อย และแล้วเธอก็เจอผักลืมผัวกอใหญ่หนาด้วย “บีมพ่อแล้ว เดี๋ยวพี่เฮ็ดผมให้” บอสถอนผักลืมผัวขึ้นมา สะบัดดินที่รากออกให้หมด ก่อนจะนำมาทาบกับศีรษะของน้องบีม หามุมที่สวยที่สุด จากนั้นก็เด็ดใบข้าวมามัดเข้ากับเส้นผม แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จ ผมปลอมจากผักลืมผัวสวยมาก!
“งามคัก! ฮา” บอสพูดปนหัวเราะ “เบิ่งสิถ่ายรูปให้เบิ่ง” บอสหยิบโทรศัพท์มือถือถ่ายรูปให้น้องบีมดู เจ้าตัวดูรูปตนเองแล้วหัวเราะเสียงดังลั่นด้วยความพอใจกับผมของตนเอง จากนั้นพวกเธอก็ตั้งใจเก็บผักต่อไป “บีมสะบัดดินออกให้เมิด ๆ เด้อ ยามล้างมันจังล้างง่าย”
“จ้า” น้องบีมตอบ
“บีมปะเฮาขึ้นไปไปไฮใหม่ ไฮหนิเมิดล่ะ” บอสชวนน้องบีมย้ายที่ใหม่ น้องบีมก็ทำตามอย่างว่าง่าย พวกเธอสองคนพี่น้องนั่งเก็บผักจนถึงเที่ยงยายก็ชวนขึ้นเถียงนา ตั้งแต่มาถึงนาพวกเธอยังไม่ได้ไปที่เถียงเลย ยายพาอยู่นาลุ่มก่อน
“ปะ ๆ ขึ้นเถียงหากินข้าว” ยายชวน ยายเองเดินหาปลาอยู่แถว ๆ นี้ ได้ปลาในคุถังมาตั้งเยอะ “เก็บได้หลายบ่ล่ะผัก” ยายถาม
“ได้หลายอยู่ยาย” เธอเป็นคนตอบ ขึ้นมาจากนาข้าวมายืนอยู่คันนากับน้องบีม
คิดถึง 2 บทที่ 78
.
ไดอารี่ความคิดถึง
หลังจากปิดเทอมบอสก็ไม่ได้ไปไหน เพราะเป็นเพียงการปิดเทอมแรกยี่สิบกว่าวันเอง บอสจึงไม่ไปกรุงเทพหาพ่อกับแม่ รวมทั้งพี่ ๆ ด้วยที่ยังอยู่บ้านกับตายายกันครบ ชีวิตในแต่ละวันก็ไม่มีอะไร นอกจากอยู่บ้านเฉย ๆ แล้วยายก็พาไปนานั่นแหละ เพราะช่วงนี้ข้าวดอเหลืองใกล้ได้เกี่ยวแล้ว
ตากับยายปลูกข้าวดอไว้ที่นาลุ่มติดลำห้วยห้าไร่ นอกนั้นข้าวใหญ่หรือข้าวนาปีหมด ตากับยายปลูกข้าวดอไว้ทุกปีกันข้าวใหญ่หมด เดี๋ยวจะไม่มีข้าวกินจนถึงสิ้นปี เพราะกว่าจะได้เกี่ยวข้าวใหญ่ก็ธันวาคมถึงมกราคมนู่น ข้าวดอจึงสำคัญกับครอบครัวของเธอ
“ยายไปนาปะ บอสจะไปเก็บผักลืมผัวฝากให้อี่แม่” บอสชวนยายไปนาเองเลยสำหรับวันนี้ เนื่องจากเมื่อคืนคุยกับแม่ว่า จะเก็บผักลืมผัวฝากไปให้แม่ขายกับผักกะแยง แล้วให้แม่โอนเงินกลับมาให้บอส วันก่อนมานาบอสเห็นผักกะแยงกับผักลืมผัวขึ้นเยอะเลย จึงคิดว่าจะเก็บฝากไปให้แม่ขายดีกว่า เห็นช่องทางทำเงินแล้ว
ประจวบเหมาะกับญาติกลับมาบ้านพอดี และ จะกลับไปกรุงเทพพรุ่งนี้ในตอนเช้า ฝากไปกับญาติไม่ต้องเสียตังค์ บอสจึงชวนยายไปนาดีกว่า ยอมไม่ไปเล่นกับพี่สาวฝาแฝดหนึ่งวันเพื่อเงินกันเลย
“ไปกะไป ยายกะสิไปเบิ่งข้าวนำ ใกล้พอเกี่ยวล่ะ อาทิตย์หน้าสิพาเกี่ยวข้าว” ยายบอกข่าวร้าย ทำเอาเธอกลอกตาให้ยายลับหลังเลย ขี้เกียจเกี่ยวข้าวนัก แดดก็แดด ทว่าเธอก็ได้เกี่ยวแค่ข้าวดอเท่านั้นแหละ เพียงห้าไร่ยายไม่อยากจ้างคนงานให้เปลืองเงิน เกี่ยวข้าวใหญ่นู่นยายถึงจ้างคนงาน
“บีมไปเก็บผักลืมผัวนำพี่บ่” ชวนน้องบีมไปด้วย จะได้ช่วยกันเก็บให้ได้เยอะ ๆ
“ไปนาบ่! ไปนำ” น้องบีมก็ไม่เคยปฏิเสธทุกครั้งที่เธอชวนไปไหนมาไหนด้วย ส่วนพี่ ๆ ให้อยู่บ้านนี่แหละ ถ้าอยากไปก็ตามสบาย
“ไปกะไปใส่เสื้อแขนยาวซ้งขายาวเร็ว ๆ ขาจังบ่ลาย” ยายบอกน้องบีม เจ้าตัวก็รีบไปแต่งตัวอย่างเร็ว ตอนนี้เก้าโมงเช้าก็ถือว่ายังมีเวลาเหลือเยอะในการเก็บผักที่เกิดเองตามธรรมชาติ “ไปนำบ่ซุมใหญ่หนิ” ยายถามหลาน ๆ ที่เหลืออีกสี่คน
“อี่ยายไปนาเฮ็ดหยัง” พี่แป้งถาม เหมือนลังเลว่าจะไปด้วยหรือไม่
“ไปเบิ่งข้าวเบิ่งน้ำซือ ๆ หนิแหล่ว” ยายตอบ
“ไปเก็บผักลืมผัว พี่แป้งไปนำบ่” บอสตอบอีกคน ขณะกำลังเตรียมกระสอบถุงปุ๋ย หมวก และ เสื้อแขนยาวให้ตนเอง
“อ่อ ! บ่ไปหรอกไปโลด บีมกะไปบ่” พี่แป้งหันไปถามน้องบีม น้องบีมพยักหน้าเป็นคำตอบ ตอนนี้แต่งตัวเสร็จแล้วพร้อมเดินทาง
“ขั้นสิลงไปคุ้มใต้ปิดเฮือนให้ยายดี ๆ เด้อหนิ” ก่อนไปมิวายกำชับหลาน ๆ จากนั้นพวกเธอสามคนยายหลานจึงออกเดินตางไปนากัน โดยการเดินลัดทุ่งไปเหมือนเดิม ยายหาบคุถังกับไม้คานไปด้วย เผื่อได้ปลากลับมา ส่วนเธอถือถุงปุ๋ยเปล่าพับให้เล็กที่สุดจะได้ถือถนัดมือ ส่วนน้องบีมเดินตัวเปล่า
ช่วงนี้ฝนก็ยังไม่หาย ยังตกอยู่เนือง ๆ ทำให้มีน้ำในนา และ ลำห้วยเยอะมาก ๆ เสียงน้ำไหลจากฝายปูนนาตาสมเด็จดังน่ากลัวในความรู้สึก ฤดูน้ำหลากแบบนี้ ยายพาพวกเธอข้ามลำห้วยตรงฝายนาตาสมเด็จดีกว่า แทนที่จะเป็นสะพานไม้ไผ่ที่ตาทำเอาไว้ เพราะมันอันตรายเกินไป เกรงว่าจะตกน้ำตกท่าเอาได้ ช่วงน้ำหลากข้ามตรงนี้ปลอดภัยที่สุด
“ไปบีมยางออกก่อนยาย ยางดี ๆ บ่ต้องฟ้าวมันสิตกสะพาน อย่าแลนเด้อค่อย ๆ ยางเอา” ยายกำชับ เพราะตอนนี้น้ำที่ฝายไหลแรงมาก เสียงน้ำตกดังก้องไปทั่วทุ่งบริเวณนี้ น้องบีมพยักหน้าตอบรับ ค่อย ๆ เดินข้ามสะพานปูนขนาดกว้างพอสมควร แต่ไม่มีราวให้จับหรือกั้นเอาไว้ เพราะไม่ได้ถูกออกแบบมาให้เป็นสะพาน ถูกออกแบบมาเป็นกำแพงกั้นน้ำเท่านั้น “บ่ต้องแนมน้ำ พุ่นแนมไปข้างหน้า แนมเบิ่งเถียงเฮาพุ่น” ยายบอกหลานสาวคนเล็ก
เธอเองก็กลัวตก และ กลัวเสียงน้ำไหลด้วย ถึงอย่างไรก็ต้องข้ามให้ได้นั่นแหละ ข้ามมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ว่าพอถึงฤดูฝนน้ำหลากแบบนี้ทีไรเธอก็ไม่เคยหายกลัวสักที คอยลุ้นไปกับน้องบีม เชื่อว่าน้องบีมเองก็คงกลัวเหมือนกัน ดูจากการค่อย ๆ เดินของน้องบีมและการทำหน้าตรงนิ่งเหลือเกิน ทั้งขำทั้งสงสาร
ในที่สุดน้องบีมก็ข้ามไปได้ ตามด้วยเธอเดินตามหลังมาติด ๆ และ ยายเดินตามหลังมาคนสุดท้าย ข้ามฝายมาได้ก็เป็นอานาเขตนาของเธอแล้ว เป็นนาของป้าลีที่ยายแบ่งให้ ถัดจากนาป้าลีตรงนี้ไปก็เป็นนาของเธอนั่นเอง
“บีมยางมาทางผิบีม มาทางคูห้วยผิ ยายสิเบิ่งปลา” ยายบอกน้องบีม เพราะน้องบีมกำลังจะมุ่งหน้าไปยังเถียงนา ยายให้วนมาทางลำห้วยก่อน ดูต้อนกับหลี่ที่ตาทำดักปลาเอาไว้ก่อน พวกเธอสองคนเดินตามหลังยายไปติด ๆ อย่างว่าง่าย
ตอนนี้ข้าวในนาของเธอข้าวใหญ่ก็เริ่มตั้งท้องออกรวงบ้างแล้ว วันออกพรรษาก็จะได้มาเอามารข้าว หรือ กอข้าวที่กำลังตั้งท้องไปจุดประทีป ส่วนข้าวดอก็เหลืองพอประมาณ กลางเดือนตุลาคมคงได้เก็บเกี่ยวล่ะ
ขณะนี้ผักกะแยงในนาเขียวขจีมาก ออกดอกสีม่วงสวยงามเหลือเกิน อย่างกับเป็นดอกไม้ชนิดหนึ่งกันเลย ‘ก็ดอกไม้นั่นแหละ ดอกไม้ป่า’ เธอคิดพร้อมเผยยิ้มให้ผักกะแยงที่เกิดปนกับต้นข้าวในนา
อีกไม่นานพวกมันก็จะต้องได้ไปเที่ยวกรุงเทพกันแล้ว เธอจะเก็บเอาให้หมดเลย ผักลืมผัวก็เช่นกัน เกิดเป็นกอเป็นพวงยาวเลื้อยไปตามพื้นดิน กลิ่นของผักกะแยงหอมเตะจมูก นำไปใส่อ่อมกบคงจะอร่อยน่าดู ใส่แกงหน่อไม้ก็อร่อยหอมที่สุด
บอสกับน้องบีมยืนดูยายบนคันนา ส่วนยายดูต้อนที่ตาทำดักปลาเอาไว้ ด้านในมีปลาหมอสองตัวกับปลาช่อนหนึ่งตัว ยายจับใส่คุถังที่ถือมาด้วย
“ยายนั่นโตนึง อยู่ตรงนั้น” น้องบีมชี้มือบอกยาย เห็นปลาอีกตัวที่ยายเก็บเอาไม่หมด
“ตาดีกว่ายายเว้ย! เกือบบ่เห็นน้อหนิ” ยายพูดปนหัวเราะให้กับน้องบีม เพราะมันดันเป็นปลาช่อนตัวเขื่องเสียนี่ “พุ่นบอสพาน้องไปหาเก็บนำไฮข้าวดอพุ่น อย่าเหยียบกอข้าวเด้อล่ะ” ยายบอกให้พวกเธอไปเก็บผักได้
“บีมฮู้จักผักลืมผัวบ่กับผักกะแยง” บอสถามน้องสาวก่อน เผื่อไม่รู้จะได้เอาให้ดูเป็นตัวอย่าง
“ฮู้อยู่” น้องบีมตอบ ทว่าเธอก็ไม่แน่ใจจึงมองหาตัวอย่างสักหน่อย ซึ่งก็หาไม่ยากมีเยอะแยะเต็มไปหมด
“นี่ผักกะแยงมันเป็นต้นจังสิ !” บอสนั่งถอนต้นผักกะแยงมาให้น้องสาวดู “ดมเบิ่งหอมเด้ อะ!” ยื่นผักกะแยงไปจ่อจมูกน้องบีม “หอมบ่” น้องบีมพยักหน้า จากนั้นบอสก็ถอนผักลืมผัวให้น้องบีมดูอีก บอกว่านี่คือผักลืมผัว ห้ามเอาต้นหญ้าปนมาด้วยเด็ดขาด
“น้องบีมฮู้จักอยู่” เจ้าตัวค่อนขอดเธอกลับมานิดหน่อย
“เอ๋ากะย่านบ่ฮู้น้อ กะย่านเอาหญ้าใส่มานำ” เธอเองก็แอบเหวี่ยงน้องสาวคืนนิดหน่อย ที่สอนไม่ได้! ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้วนัก “บีมสิเก็บผักอิหยัง พี่บอสให้เลือก เก็บแข่งกันเฮา” เป็นกุศโลบายหลอกให้น้องสาวตั้งใจทำงานเฉย ๆ นั่นแหละ
น้องบีมกวาดสายตาไปมองที่นาข้าวดอ เห็นว่าผักกะแยงมีเยอะที่สุด จึงตัดสินใจตอบว่าตนเองจะเป็นคนเก็บผักกะแยงเอง ให้เธอกับผักลืมผัวไป
“น้องบีมเอาผักกะแยงเด้อ”
“อือ อ่ะคนละถุงไปเลย เต็มถุงปุ๋ยกะพอ” บอสยักคิ้วให้น้องสาว พร้อมยื่นถุงปุ๋ยใบกระทัดรัดให้ด้วย จากนั้นสองคนพี่น้องก็นั่งลงเก็บผักในนาข้าว พวกมันเกิดปนกับต้นข้าว ยิ่งได้ปุ๋ยยิ่งงามไปพร้อม ๆ กับต้นข้าวนั่นแหละ
“อย่าเหยียบข้าวยายเด้อ เก็บตะอยู่ไฮข้าวดออย่าพากันลงข้าวใหญ่” ยายกำชับ พวกเธอขานรับอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาเก็บผักต่อไป วาดฝันเอาไว้ว่าถ้าแม่ขายหมดแล้ว โอนเงินกลับมาให้เธอ ๆ จะเอาไปซื้ออะไรดี ให้น้องบีมด้วยค่าช่วยเก็บในวันนี้ แค่คิดก็มีความสุข
บอสเปิดเพลงเอ็มพีสามในโทรศัพท์ฟังไปด้วยอย่างเพลิดเพลิน ร้องตามไปด้วยอย่างสบายใจ มือก็ถอนผักลืมผัวไปไม่เหนื่อยเลย
“บีมถ้าขายได้บีมสิเอาหยัง ! ห้ามเอาแพงเงินสิเมิด ถ้าสมมุติขายผักได้แหมะ” บอสถามน้องสาว พูดคุยกันสองคนพี่น้อง
“บีมเอาขนม” น้องบีมตอบ
“เอาตะขนมบ่ เอาจักห่อ” เธอตอบปนยิ้ม แค่ขนมไม่ต้องใช้เงินขายผักก็ได้ ใช้เงินของเธอก็ได้ ดีล่ะเธอจะได้ฮุบเงินให้หมดเลย หึหึ กระตุกยิ้มที่มุมปากนิดหน่อยอย่างสบายใจ
“เอาสามห่อได้บ่” น้องบีมถามอย่างจริงจัง “ห่อละสิบบาทเด้สามห่อ”
“เอ้อ! กะห่อละสิบบาทนั่นล่ะ “ บอสค่อนขอดให้น้องสาวนิดหน่อย ทว่าก็แฝงไปด้วยรอยยิ้ม แค่สามสิบบาทจิ๊บ ๆ มาก “เก็บเอาเต็มถุงเลยเฮา”
“หอม !” น้องบีมถอนต้นผักกะแยงมาแล้วดมเข้าเต็ม ๆ ด้วยความหอมของมันจึงทำให้ผ่อนคลายที่สุด ถึงแดดจะแรงก็ไม่หวั่น ทว่าเหมือนฟ้าจะครึ้มมาด้วย เดี๋ยวแดดเดี๋ยวฝนอยู่นั่นแหละ
“คาตะหอมหลาย เก็บแนะ” บ่นน้องสาวไปอีก ตนเองก็ตั้งใจเก็บผักลืมผัวไป โทรศัพท์ก็เล่นเพลงไปเรื่อย สักพักมีคนโทรเข้าเป็นเบอร์ของพิมพ์เอง
“ว่า!” ถามทันทีที่กดรับสายพี่สาว
“มืงอยู่ไส” พิมพ์ถาม
“อยู่นา! มาเก็บผักฝากให้แม่กู เป็นหยัง” เธอถามกลับ
“โทรหาซือ ๆ ล่ะบ่เห็นมืง” พิมพ์ตอบ
“อ่อ! แค่หนิล่ะ กูเก็บผักก่อนเดี๋ยวมื้ออื่นกูไปหา มื้ออื่นมืงกับอี่แพรวอยู่เฮือนบ่ฮั่น” บอสถาม จากนั้นก็ขอวางสายไป เธอจะเก็บผักยังโทรมากวนอยู่ได้ ไม่สนว่ามือจะเปื้อน จะดำ หรือ ด้านอะไรทั้งนั้น ตอนนี้มีแค่คำว่าเงินและเงินลอยเข้ามาในหัว ได้สักห้าร้อยบาทก็ยังดี
สองคนพี่น้องง่วนอยู่กับการเก็บผัก ส่วนยายเดินเลาะดูปลา และ ข้าวอยู่คนเดียว ปล่อยพวกเธอสองคนเก็บกันเอง บอสเก็บผักลืมผัวไปในใจก็เอ็นดูความเป็นพวงของผักไป บางกอก็ใหญ่ บางกอก็เล็ก บอสเด็ดมันขึ้นมาจากดิน สะบัดดินที่รากออกก่อนจะนำใส่ใสถุงปุ๋ย บางครั้งก็นึกสนุกเล่นกันอยู่สองคนพี่น้อง
“บีม! บีมดูผมพี่ ฮา “ หลังจากที่บอสสะบัดดินที่รากของผักออกจนหมด จากนั้นก็นำมาทาบที่ผมของตนเอง พูดปนหัวเราะ แค่ทำเล่น ๆ เฉย ๆ ไม่คิดจะปักใส่ผมจริง ๆ หรอก เดี๋ยวมีคนมาเห็นหาว่าเป็นผีบ้าเอาได้ จากนั้นก็นำมาค้างบนศีรษะไปเลย พร้อมเสียงหัวเราะของพวกเธอ ก่อนจะนำมันยัดลงไปในถุงปุ๋ยเช่นเดิม
“ให้บีมนำแนพี่บอส” น้องบีมอยากได้บ้าง
“ได้! เดี๋ยวพี่พ่อกอใหญ่ ๆ ก่อนเด้อสั่น” บอสยิ้มให้น้องสาว กะจะแกล้งสักหน่อย และแล้วเธอก็เจอผักลืมผัวกอใหญ่หนาด้วย “บีมพ่อแล้ว เดี๋ยวพี่เฮ็ดผมให้” บอสถอนผักลืมผัวขึ้นมา สะบัดดินที่รากออกให้หมด ก่อนจะนำมาทาบกับศีรษะของน้องบีม หามุมที่สวยที่สุด จากนั้นก็เด็ดใบข้าวมามัดเข้ากับเส้นผม แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จ ผมปลอมจากผักลืมผัวสวยมาก!
“งามคัก! ฮา” บอสพูดปนหัวเราะ “เบิ่งสิถ่ายรูปให้เบิ่ง” บอสหยิบโทรศัพท์มือถือถ่ายรูปให้น้องบีมดู เจ้าตัวดูรูปตนเองแล้วหัวเราะเสียงดังลั่นด้วยความพอใจกับผมของตนเอง จากนั้นพวกเธอก็ตั้งใจเก็บผักต่อไป “บีมสะบัดดินออกให้เมิด ๆ เด้อ ยามล้างมันจังล้างง่าย”
“จ้า” น้องบีมตอบ
“บีมปะเฮาขึ้นไปไปไฮใหม่ ไฮหนิเมิดล่ะ” บอสชวนน้องบีมย้ายที่ใหม่ น้องบีมก็ทำตามอย่างว่าง่าย พวกเธอสองคนพี่น้องนั่งเก็บผักจนถึงเที่ยงยายก็ชวนขึ้นเถียงนา ตั้งแต่มาถึงนาพวกเธอยังไม่ได้ไปที่เถียงเลย ยายพาอยู่นาลุ่มก่อน
“ปะ ๆ ขึ้นเถียงหากินข้าว” ยายชวน ยายเองเดินหาปลาอยู่แถว ๆ นี้ ได้ปลาในคุถังมาตั้งเยอะ “เก็บได้หลายบ่ล่ะผัก” ยายถาม
“ได้หลายอยู่ยาย” เธอเป็นคนตอบ ขึ้นมาจากนาข้าวมายืนอยู่คันนากับน้องบีม