คนที่ 1
เป็นผู้ชายทำงานเก่ง เวลา 99% ในแต่ละวัน ทุ่มให้กับงาน
ตั้งแต่มีลูกก็ให้เราออกจากงานมาเลี้ยงลูก
และเขาบ้างานจนแทบไม่มีเวลาให้เรากับลูก ออกจากบ้านเช้า กลับค่ำ กลับมาก็ทำต่อ เสาร์อาทิตย์หยุด ก็แทบไม่ได้ออกไปไหยกัน เพราะงานเข้าตลอด (คือประมาณว่า วันหยุดเดือนนึง 8 วัน บางเดือนได้ออก 1 วัน บางเดือนไม่ได้ออกเลย)
บางครั้งเขาไปทำงาน ลูกไม่สบาย ก็ให้เรานั่งแท็กซี่พาลูกไป ไม่ได้ลางานมาพาไป ค่ารักษาก็ใช้บัตรเขารูด
ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆในบ้าน เขารับผิดชอบทุกอย่างนะ ดีตรงนี้ รวมถึงให้เงินเราเดือนละ 3,000 ไว้ใช้ส่วนตัว **ย้ำว่าใช้ส่วนตัวนะ ไม่เกี่ยวกับค่ากินค่าน้ำค่าไฟค่าบ้านจิปาถะ
คือเราจะเอาไปช้อปออนไลน์ หรือใช้อะไรก็เรื่องของเรา
ข้อดีคือ เราไม่มีความกังวลเรื่องเงินเลย
ข้อเสียคือ เราก็อยากให้เขามีเวลาให้เราบ้าง พาไปนู่นไปนี่ ไม่ใช่ทำแต่งาน
คนที่ 2
เป็นคนทำงานประมาณนึง
หาเงินสู้คนแรกไม่ได้ คือเป็นคนกลางๆ
ด้วยความเป็นคนแบบนี้ เราเลยต้องช่วยหาเงินอีกแรง
สมมุติว่าเรากับเขารายได้พอๆกัน
แล้วเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านทุกอย่างคือหาร 2
ค่าน้ำค่าไฟค่าบ้านค่าใช้จ่ายลูก (อ้อ...เรื่องลูกคือ เขาให้พ่อกับแม่เขาช่วยดูให้ในช่วงที่เราไปทำงาน) ส่วนเวลาไปกินข้าวกันข้างนอกช่วงวันหยุด เขาจะออกค่าใช้จ่ายเอง
แต่ที่ดีคือ เขาเป็นคนใส่ใจ แคร์ความรู้สึกเรามากๆ
วันหยุดเสาร์อาทิตย์ เราเคยเปรยๆว่าอยากไปไหน เขาก็พาไป คือจัดเวลาชีวิตดีมาก ไปทำงานเช้า เลิกงานก็รีบกลับ ยังไม่มืดก็มาแล้ว เวลาลูกป่วย เขารีบลางานกลับมาพาเรากับลูกไปโรงพยาบาล
แต่อย่างที่บอกว่า รายได้เขาไม่ได้สูง เขาเลยไม่ได้ให้เงินเราเป็นเดือนๆ แต่จะให้ในโอกาสพิเศษ เช่น วันเกิด ปีใหม่ ให้เงินเรา 3,000 บ้าง 5,000 บ้าง เป็นของขวัญให้เรา
ข้อดีคือ เราเหนื่อยเรื่องลูกน้อยหน่อย และมีคนใส่ใจเราตลอดเวลา
ข้อเสียคือ สภาพคล่องอาจจะไม่ได้ดีมาก แค่พออยู่ได้เป็นเดือนๆไป
ถามคุณผู้หญิงว่า ถ้าจะต้องเลือกผู้ชายสองคนนี้ คนใดคนหนึ่งมาเป็นสามี/คู่ชีวิต จะเลือกคนไหน???
เป็นผู้ชายทำงานเก่ง เวลา 99% ในแต่ละวัน ทุ่มให้กับงาน
ตั้งแต่มีลูกก็ให้เราออกจากงานมาเลี้ยงลูก
และเขาบ้างานจนแทบไม่มีเวลาให้เรากับลูก ออกจากบ้านเช้า กลับค่ำ กลับมาก็ทำต่อ เสาร์อาทิตย์หยุด ก็แทบไม่ได้ออกไปไหยกัน เพราะงานเข้าตลอด (คือประมาณว่า วันหยุดเดือนนึง 8 วัน บางเดือนได้ออก 1 วัน บางเดือนไม่ได้ออกเลย)
บางครั้งเขาไปทำงาน ลูกไม่สบาย ก็ให้เรานั่งแท็กซี่พาลูกไป ไม่ได้ลางานมาพาไป ค่ารักษาก็ใช้บัตรเขารูด
ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆในบ้าน เขารับผิดชอบทุกอย่างนะ ดีตรงนี้ รวมถึงให้เงินเราเดือนละ 3,000 ไว้ใช้ส่วนตัว **ย้ำว่าใช้ส่วนตัวนะ ไม่เกี่ยวกับค่ากินค่าน้ำค่าไฟค่าบ้านจิปาถะ
คือเราจะเอาไปช้อปออนไลน์ หรือใช้อะไรก็เรื่องของเรา
ข้อดีคือ เราไม่มีความกังวลเรื่องเงินเลย
ข้อเสียคือ เราก็อยากให้เขามีเวลาให้เราบ้าง พาไปนู่นไปนี่ ไม่ใช่ทำแต่งาน
คนที่ 2
เป็นคนทำงานประมาณนึง
หาเงินสู้คนแรกไม่ได้ คือเป็นคนกลางๆ
ด้วยความเป็นคนแบบนี้ เราเลยต้องช่วยหาเงินอีกแรง
สมมุติว่าเรากับเขารายได้พอๆกัน
แล้วเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านทุกอย่างคือหาร 2
ค่าน้ำค่าไฟค่าบ้านค่าใช้จ่ายลูก (อ้อ...เรื่องลูกคือ เขาให้พ่อกับแม่เขาช่วยดูให้ในช่วงที่เราไปทำงาน) ส่วนเวลาไปกินข้าวกันข้างนอกช่วงวันหยุด เขาจะออกค่าใช้จ่ายเอง
แต่ที่ดีคือ เขาเป็นคนใส่ใจ แคร์ความรู้สึกเรามากๆ
วันหยุดเสาร์อาทิตย์ เราเคยเปรยๆว่าอยากไปไหน เขาก็พาไป คือจัดเวลาชีวิตดีมาก ไปทำงานเช้า เลิกงานก็รีบกลับ ยังไม่มืดก็มาแล้ว เวลาลูกป่วย เขารีบลางานกลับมาพาเรากับลูกไปโรงพยาบาล
แต่อย่างที่บอกว่า รายได้เขาไม่ได้สูง เขาเลยไม่ได้ให้เงินเราเป็นเดือนๆ แต่จะให้ในโอกาสพิเศษ เช่น วันเกิด ปีใหม่ ให้เงินเรา 3,000 บ้าง 5,000 บ้าง เป็นของขวัญให้เรา
ข้อดีคือ เราเหนื่อยเรื่องลูกน้อยหน่อย และมีคนใส่ใจเราตลอดเวลา
ข้อเสียคือ สภาพคล่องอาจจะไม่ได้ดีมาก แค่พออยู่ได้เป็นเดือนๆไป