[CR] 🙇‍♀️ศรัทธาสุดขอบฟ้าทีTibet & Everest 🗻[EPISODE 2]

🙏สวัสดีค่ะ🥰
กระทู้นี้นำเสนอเรื่องราวการเดินทางในทิเบต
ต่อเนื่องจากกระทู้ที่แล้วนะคะ 

ลิ้งกระทู้ตอนที่แล้วค่ะ
https://m.pantip.com/topic/40993135 


📌🧳ทริป 3-10.Jan.2020 : 🙇‍♀️ศรัทธาสุดขอบฟ้าทีTibet & Everest🗻[EPISODE 2]  

เหตุการณ์วันต่อมา

📝7.Jan.20 : Shigatse to EBC

🌜เมื่อคืนเป็น🛌คืนที่หลับติดต่อกันได้นานที่สุด แม้จะอยู่บนที่สูง 4000กว่าเมตรจากระดับน้ำทะเล ร่างกายค่อยๆปรับตัวแล้ว 
และยาทิเบตมีประสิทธิผลดีทีเดียว👍  
วันนี้จะไป EBC  เข้าใกล้เทือกเขาที่สูงที่สุดในโลก "Everest" อีกไฮไลต์ของทริปนี้ 


ตลอดทางทิวทัศน์งดงาม 
เป็นการเดินทางบนที่สูง ที่ถนนดีที่สุดในชีวิต จีนทำถนนบนภูเขาเป็นถนนลาดยาง และสัญญานอินเตอร์เนต 4G
บนเทือกเขาหิมาลัยได้อย่างน่าทึ่ง อัศจรรย์
เราจึงไปถึง EBC ฝั่งทิเบต 
ได้แบบคุณหนู Shortcut🤣🤣  
เคยเที่ยวจีนครั้งสุดท้ายเมื่อ10กว่าปีก่อน 
มาครั้งนี้🇨🇳 พัฒนาไปไกลมาก
สมกับเป็นมหาอำนาจอันดับ2 ของโลก 
 
รถบัสหยุดที่ด่าน มีก้อนหินเขียนว่า "Qomolangma (ཇོ་མོ་གླང་མ)"
คนทิเบตเรียก Everest ว่า "โชโมลังมา"
หรือ "จูมู่หลั่งหม่า珠穆朗玛) ในภาษาจีน
มีความหมายว่า"มารดาแห่งสวรรค์" 
ส่วนชาวเนปาลเรียกยอดเขานี้ว่า 
"สครมาตา" มีความหมายว่า "มารดาแห่งท้องสมุทร" เราปิติจนน้ำตาซึม พวกเรากำลังจะเข้าสู่เขตEverestแล้ว ซึ่งถือเป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติของจีนด้วย  

Jigme ลงจากรถไปแสดงพาสปอร์ต
และเอกสาร Alien's Travel Permit 
ของทุกคนแก่เจ้าหน้าที่ 
ใครที่จะมา Everest นอกจาก 
"Tibet Travel Permit"แล้ว 
ต้องมี"Alian's Travel Permit" ด้วย
ถึงจะผ่านด่านได้
ซึ่งไม่ลำบากอะไร ทางทัวร์ทำให้หมด
สิ่งที่เราต้องทำ มีอย่างเดียว
คือ ขอวีซ่าจีน ที่🇹🇭  

จากด่าน ขับรถมาต่อสักพัก
ก็จะมีการเปลี่ยนรถ 
เป็นรถBusสีเขียวของอุทยานแทน
ในรถสะอาด มีที่วางสัมภาระ
เปิดHeater อุ๊นอุ่น ที่นั่งสบาย
คนขับเป็นคนทิเบต เปิดเพลงทิเบตในระหว่างขับไพเราะมากๆ เสียดายลืมสอบถามและอัดเสียง ช่วงนั้นสมองจะอึนๆ มึนๆ เพราะอยู่ที่สูงมาก  

รถ Bus ขับมาส่งที่หน้าวัดRongbuk
ซึ่งเป็นวัดที่อยู่สูงที่สุดในโลก
จากระดับน้ำทะเลประมาณ 5200ม.
ยู้..ฮู้...เห็นยอดเขา Everest แล้ว🤩

คืนนี้เราจะนอนแคมป์ที่นี่
ห้องพักของเรา เป็นห้องรวมหญิง
มีทั้งหมด5 คน ตู้(จีน) , จูน+มาตี้ (ฮ่องกง), 
เอลิน่า(รัสเซีย)และเรา(🇹🇭)
ทุกคนมีเตียงของตัวเอง 
ใต้ผ้าปูเตียงทุกคนจะมีกระเป๋าไฟฟ้า
ห้องสะอาด ผ้าปูเตียง ปลอกหมอน 
ผ้านวม ก็สะอาด และมีกลิ่นหอมอ่อนๆของผงซักฟอก ติดหลอดไฟให้ความสว่างหลายดวง
มีรางปลั๊กไฟให้ชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ
มีกระติกน้ำร้อนขนาดใหญ่ 
และWifi สัญญานดี แต่ไม่มีใคเล่น เพราะ AMS สุขาเป็นส้วมหลุม ทริปนี้เจอส้วมหลุมที่นี่แห่งเดียว
  
คิดไม่ถึงว่าจะสะดวกสบายขนาดนี้
จริงๆเตรียมใจมาสู้กับความลำบาก 
และอดทนกับความไม่สุขสบายต่างๆ 
กลายเป็นพลิกล็อกเลย เราประทับใจมาก😍 

อากาศที่นี่หนาวยะเยือก 
ลมแรง🍃💨มากๆจนตัวแทบปลิว
แต่หิมะยังไม่ตก
อีก2วันต่อมา หิมะถล่มหนักเลย
จากคลิปที่เพื่อนJigme ซึ่งเป็นไกด์เหมือนกัน  ส่งมาให้ดู ถือว่าพวกเราโชคดี 
พายุบนเทือกเขาหิมาลัยน่ากลัว😱  
หลังจัดเก็บสัมภาระเสร็จ
Jigme นัด Brife กรณีมีอาการฉุกเฉิน
สาธิตวิธีใช้ถังออกซิเจน ฯลฯ
จากนั้นได้นำผ้าลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้า
ที่มีอีกด้านหนึ่งเป็นขนแกะ 
มาผูกเอวให้ทุกคนกันหนาว
ซึ่งเป็นTreaditional Dressของทิเบตจากนั้นทุกคนเดินเกาะกลุ่มกันออกไปชมทิวทัศน์
ระยะทางจากวัด Rungbok เดินไปประมาณ 6 กม.ก็จะถึงBase Camp 
ทั้งกรุ๊ปไม่มีใครเดินไปถึง แต่ละคนไม่ไหว ยกเว้น Jigme ไกด์ทิเบต🤣คนเดียว 

เราเดินไปได้ไม่ถึงกิโล ใจจะขาด
อดคิดถึง George Mallory
มนุษย์คนแรกที่พยายามขึ้นสู่ยอดเขา
ที่สูงที่สุดในโลก กับ Andrew Irvine คู่หูปีนเขา หนุ่มน้อยผู้เชี่ยวชาญ 
เรื่องการซ่อมถังออกซิเจนไม่ได้ 

เมื่อวันที่ 8.June ค.ศ.1924 
สองคนนี้ได้ออกจากเต้นท์ 
เพื่อเตรียมปีนขึ้นสู่ยอดเขาEverest 
ซึ่งอยู่อีกไม่ไกลเท่าไหร่
แต่นั่นคือการปีนเขาครั้งสุดท้าย 
ทั้งคู่ไม่ได้กลับมาแคมป์อีกเลย  
การตายของทั้งคู่ ยังคงเป็นปริศนาว่า 
เขาทั้งคู่ไปถึงยอดเอเวอเรสต์หรือไม่?  
ศพของ George Mallory เพิ่งค้นพบได้เมื่อ ปี ค.ศ.1999
ลักษณะของศพค่อนข้างสมบูรณ์ ไม่เน่าเปื่อย เพราะอากาศหนาวเย็นและออกซิเจนต่ำ ทำให้จุลินทรีย์ไม่สามารถเติบโตได้
ศพของ Mallory คว่ำหน้าอยู่บนหิมะ 
มีไหล่และแขนหัก มีเชือกคล้องเอว
แว่นกันแดดเก็บอยู่ในกระเป๋า 
นาฬิกา สมุดโน๊ต อยู่ครบ  

ยกเว้นภาพภรรยาของเขาที่หายไป
Mallory เคยสัญญากับ Rute 
ว่าจะวางภาพภรรยาของเขา
ที่ยอดเขาเอเวอร์เรสต์เมื่อเขาปีนไปถึง  

ส่วนศพของ Irvine ยังหาไม่พบเลย 
แม้ปี 2004 นักปีนเขาระดับแนวหน้าของโลกจะพยายามช่วยกันค้นหาทุกพิกัดแบบสแกนพื้นที่บนEverestก็ยังหาไม่เจอ  
ศพของ Irvine มีความสำคัญมาก 
เพราะเขาจะทำหน้าที่เป็นผู้ถ่ายรูป 
หาก Mallory สามารถไปยืนจุดSummit ของEverestได้  

คหสต.คิดว่า Mallory ไปถึงยอดเขา Everest คนแรกขอโลก ไม่ใช่ Edmund Hillary
ที่ทำได้ใน70 ปีต่อมา
แต่สถิติโลกจะบันทึก เมื่อนักปีนเขาคนนั้นสามารถ มีขีวิตกลับมาได้เท่านั้น
Mallory พลาดตกเขา 
เพราะปีนเขากลับแค้มป์ตอนกลางคืน
และอาจมีปัญหาออกซิเจนไม่เพียงพอ
ในระหว่างทาง  

คำตอบของ Mallory ต่อผู้สัมภาษณ์
ที่ยังเป็นอมตะและแรงบันดาลใจ
ให้นักปีนเขาทั่วโลกมุ่งสู่เอเวอร์เรสต์
จนถึงปัจจุบัน ก็คือ
Q: "Why climb mount Everest"
A: "Because it's there"  
เราอินกับเรื่องราวของ Mallory 
และกลุ่มนักปีนเขา ปี ค.ศ.1924 มาก
พวกเขากล้าฝัน กล้าทำ สู้ อึด ทึก เกินมนุษย์ 🙏ขอคารวะจากใจ💕  

George Mallory เลือกไต่เขาฝั่งทิเบต
เขาได้แวะพักที่วัด Rongbuk
และถ่ายภาพเป็นที่ระลึก
ก่อนไป Base Camp ภาพสมัยนั้น 
เป็นสีขาวดำ ดูขลังและมีมนต์เสน่ห์ 
แม้จะเป็นแค่วัดอารามทิเบตที่แสนจะธรรมดาแต่ก็ยังสามารถดำรงอยู่อย่างยาวนาน 
บนที่สูง 5,200ม.ที่แสนจะทุรกันดาร
เป็นเวลากว่า119 ปี (สร้างเมื่อ1902)
เราว่าไม่ธรรมดาเลย
ลามะที่นี่ต้องมีศรัทธาอย่างแรงกล้า 
เคยคิด ถ้ามีโอกาส อยากไปนมัสการวัดนี้ 
แต่ไม่ได้จริงจัง เพราะรู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้
 
⏳วันนี้มาถึงจนได้ ดีใจ ปลาบปลื้มมากๆ
มองไปที่ยอดเขา Everest แบบ❤ฟูฟู
แม้หน้าตา+ริมฝีปากจะซีดเซียวมากๆ 
โชคดีหน่อยที่ปาก👄ยังไม่เป็นสีม่วง🤣😅

มุมที่เห็นจะเป็นด้านเหนือ (North face) ของEverestซึ่งคนส่วนใหญ่เห็นว่างดงามกว่า South Face เราชู 2แขน เห็นด้วย
Jigme บอกว่าวันนี้ฟ้าไม่ใส เห็นEverest
ไม่ชัด เขาเอาภาพ Everest วันฟ้าใส
ให้เราเป็นที่ระลึก😍  

พวกเราทุกคนเข้านอนกันแต่หัวค่ำ
เพราะโดนอาการ AMS กระหน่ำโจมตีอย่างหนัก มีหลายคน รับประทานอาหารเย็นไม่ลง
รวมทั้งเราด้วย 
พอซุกตัวเข้าผ้านวม รู้สึกอุ่น สบาย
ติดปัญหาอย่างเดียว คือมีออกซิเจนในอากาศเบาบางมากๆ 

ตู้ สาวจีน บ่นปวดหัว ซึมและหลับทันที
เอทิน่า สาวรัสเซีย นอนข้างๆเรา บ่นหายใจไม่ออก สูดออกซิเจนจากกระป๋องเป็นระยะๆ
เรากับมาตี้ สาวฮ่องกง นอนราบบนหมอนไม่สบาย นั่งพิงหมอนนอน รู้สึกสุขสบายกว่า  

จูน สาวฮ่องกง ดูอาการดีกว่าทุกคน
ไปกินบะหมี่และเข้านอนเป็นคนสุดท้าย 
ส่วนเราหลับตา แต่ยังไม่หลับ
สักห้าทุ่ม กำลังจะเคลิ้ม สะดุ้งตกใจ 
มีเสียงดังมาก "อ๊าก" 🤮  
มาตี้ อาเจียน จนเลอะผมและที่นอน
จูนนอนข้างมาตี้ ลุกขึ้นมาช่วย
เรายังไม่หลับ ก็ลุกไปช่วยเปลี่ยนผ้าปูเตียง กับเอาทิชชู่เปียก ช่วยซับเศษอาเจียนที่ผม ทำเสร็จ จะตายเอา 
มันเหนื่อยมากๆๆๆแทบขาดใจ🤢
ตอนลุกทำ ลืมตัว  

เราเดินออกไปที่จุดวางอุปกรณ์ฉุกเฉิน
เอาOxygen tank มา 1 ถัง
และ Canular มา 2 อัน สลับกันสูดกับมาตี้ ทำให้พอหลับได้บ้าง
สูดออกซิเจนจากแท้งค์ 
ทำให้สบายขึ้น มากกว่าจากกระป๋อง
เพราะปริมาตรออกซิเจนในแท้งค์มีมากกว่า  

หลังออกจากเมืองShigatse
พวกเราก็จะอยู่ที่ระดับ 5000-5600 ม.
คืนนี้ทุกคนปวกเปียก เหนื่อยอ่อน
ไม่มีเสียงคุยกัน ได้ยินแต่เสียงลมพัดแรง วู้ว..วู้ด กระทบประตูเกือบทั้งคืน

แม้ร่างกายจะไม่สุขสบายอย่างมาก
แต่❤ของเราฟูฟู อิ่มเอิบมากเลย
ดีใจที่ได้มา EBC🗻..Rongbuk Monastery🏯 

PS : ผู้ใดสนใจ  เชิญคลิ๊กชมนะคะ 
ลิ้งค์วิดีโอ พบศพ George Mallory
https://youtu.be/krUga51QkRE 

ลิ้งค์วิดีโอตามหาศพของ Andrew Irvine ล่าสุด
https://m.youtube.com/watch?v=8G0fNkk4g0A&ab_channel=SonyIAlphaUniverse
ชื่อสินค้า:   ทิเบต Everest Base Camp
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่