ความตอนเดิม พวกเราขึ้นมาพักผ่อนหลับเป็นตายกันอยู่ที่ สถานีที่ 6 ของทางเดินขึ้นสู่ยอดภูเขาไฟ ฟูจียาม่า ถูกปลุกให้ตื่นกันราว 7 โมงเช้า ซึ่งมองนอกเคบินพักแรมออกไป อาทิตย์อุทัยสว่างจ้าขาวโพลน จัดการธุระของแต่ละรายบุคคลเสร็จก็ กินอาหารเช้าของโรงแรมแบบเคบินกันเลย จำไม่ได้แล้วว่าเขาเลี้ยงอะไรเรา เพราะบางทีก็ไม่สดวกที่จดบันทึกเรื่องเล็กๆน้อยๆครับ น่าจะก่อน 8 โมงเช้า รวมพลครบคน ก็เดินเรียงรายลุยหิมะที่ตกลงมาทั้งคืน โชคดีเช้านั้นมีแต่แสงจ้าสว่างมาก มองหาดวงอาทิตย์ไม่เจอ ตานี้ละประโยชน์แว่นตาสีดำกันแสงจ้าใส่กันพรึบเหมือนในหนังที่เขาเล่นสกีที่สวิสฯเลยเชียว
ยิ่งสูงยิ่งชัน (ยิ่งสูง ยิ่งหนาว เลิกคิดไปได้เลย เพราะมันหนาวจนมือชา ปกติสำหรับตอนนั้นไปแล้ว) บรรดาพี่ๆ กับสต๊าฟของโรงเรียนที่ไปกับเรา ป้อแป้ เดินช้าลงแล้วก็ช้าลง (สต๊าฟทั้งทีมอายุ มากกว่า พวกเราเยอะ) ท้ายที่สุดทั้งหมด หยุดที่ชั้นที่ 8th station สรุปจะหยุดพักกันตรงนั้น พักใหญ่ โดยให้ใครที่อยากไต่ต่อ พวกเราจะให้เวลา และรออยู่ใน rest area ชั้นที่ 8
อาฮ้า เฮียศานติ หนุ่มไฟแรงของพวกเราขอทดสอบไปต่อ ไต่ตามทัวร์แก๊งค์อื่นๆ ขึ้นไป ระหว่างรอ ทางหัวหน้าทัวร์ สั่งของว่าง ชา กาแฟ รับรองพวกเรา อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง สไตล์ญี่ปุ่นเขาเลย มีการเล่าประวัติ ฟูจีซัง พบโดยใคร ปีไหน ถ้าบันทึกไม่พลาด ฟูจีซัง น่าจะถูกพิชิตความสูง โดยฝรั่ง ชาติอะไร ผมขออภัยจำไม่ได้ละ จดไว้แต่เพียงความกว้างปากปล่อง ฟูจีซัง crater กว้างเกือบ 800 เมตร ว๊าว ! หัวหน้าทัวร์เล่าเรื่องราวหลากหลายของ ฟูจีซัง ฆ่าเวลาเป็นชั่วโมงเศษ เฮียศานติของเรากลับมา แก้มแดง ร่าเริงท่าทางมีความสุขเหมือนเป็นท่านเซ่อร์ ฮิลลารี่ ผู้พิชิตยอดเขาเอฟเวอร์เรส เลยชะละ เฮียบอกว่าขึ้นไปถึงยอด ฟูจีซัง เล๊ย ชั้นที 11 แนะ จบที่ยอดเขาละกะลงมา เท่านั้นแหละ พวกเรารักเพื่อน รักษาน้ำใจเพื่อน เราก็ช่วยกันชมเฮียแกยิ้มแก้มแดงจัด แค่นั้นละ ไม่มีใครถามแกเรื่อง ปล่อง crater เรื่องชั้นที่ 11 เรายังปล่อยให้เฮียสุขใจ มาจนถึงปีนี้ก็เท่ากับผ่านไป เกิน 50 กว่าปีละ ฟูจีซัง อาจจะสูงกว่าเดิมก็ได้ Who know ?
เดินลงจาก ฟูจีซัง เร็วกว่าตอนไต่ขึ้น ลงไปถึงชั้น 5 ทำธุระกันเรียบร้อย รถบัสพาเราลงจาก ฟูจีซัง วิ่ง อ้อมทะเลสาป ฮาโกเน่ ที่สวยตรึงตามาจนทุกวันนี้ ไปกิน lunch กันในโรงแรม ตากลม(หนาว)ชมวิว รอบๆ ของ ฮาโกเน่ อิ่มท้องแล้ว ก็ได้ ฟรีไทม์ ตลอดช่วงบ่าย ตามอัธยาศัย ใครจะะออกไปเที่ยวเองก็ได้ มี shopping mall เดินได้ต่อเนื่องหลายชั่วโมง หรือใครใคร่นอนก็ได้เช่นกัน นัดกิน dinner ช่วงหัวค่ำพร้อมกัน ถือว่าสนุกสนานครับกับ ฟูจียาม่า และ ฮาโกเน่ วันนี้จบละ พบกันตอนหน้าที่มีเก็บตก รอบๆ โยโกฮาม่า กันอีกสักหนึ่งตอนครับ sayonara สวัสดีครับ
เล่าต่อ ตอนลุยขึ้นยอดภูเขาไฟ ฟูจีซัง
ยิ่งสูงยิ่งชัน (ยิ่งสูง ยิ่งหนาว เลิกคิดไปได้เลย เพราะมันหนาวจนมือชา ปกติสำหรับตอนนั้นไปแล้ว) บรรดาพี่ๆ กับสต๊าฟของโรงเรียนที่ไปกับเรา ป้อแป้ เดินช้าลงแล้วก็ช้าลง (สต๊าฟทั้งทีมอายุ มากกว่า พวกเราเยอะ) ท้ายที่สุดทั้งหมด หยุดที่ชั้นที่ 8th station สรุปจะหยุดพักกันตรงนั้น พักใหญ่ โดยให้ใครที่อยากไต่ต่อ พวกเราจะให้เวลา และรออยู่ใน rest area ชั้นที่ 8
อาฮ้า เฮียศานติ หนุ่มไฟแรงของพวกเราขอทดสอบไปต่อ ไต่ตามทัวร์แก๊งค์อื่นๆ ขึ้นไป ระหว่างรอ ทางหัวหน้าทัวร์ สั่งของว่าง ชา กาแฟ รับรองพวกเรา อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง สไตล์ญี่ปุ่นเขาเลย มีการเล่าประวัติ ฟูจีซัง พบโดยใคร ปีไหน ถ้าบันทึกไม่พลาด ฟูจีซัง น่าจะถูกพิชิตความสูง โดยฝรั่ง ชาติอะไร ผมขออภัยจำไม่ได้ละ จดไว้แต่เพียงความกว้างปากปล่อง ฟูจีซัง crater กว้างเกือบ 800 เมตร ว๊าว ! หัวหน้าทัวร์เล่าเรื่องราวหลากหลายของ ฟูจีซัง ฆ่าเวลาเป็นชั่วโมงเศษ เฮียศานติของเรากลับมา แก้มแดง ร่าเริงท่าทางมีความสุขเหมือนเป็นท่านเซ่อร์ ฮิลลารี่ ผู้พิชิตยอดเขาเอฟเวอร์เรส เลยชะละ เฮียบอกว่าขึ้นไปถึงยอด ฟูจีซัง เล๊ย ชั้นที 11 แนะ จบที่ยอดเขาละกะลงมา เท่านั้นแหละ พวกเรารักเพื่อน รักษาน้ำใจเพื่อน เราก็ช่วยกันชมเฮียแกยิ้มแก้มแดงจัด แค่นั้นละ ไม่มีใครถามแกเรื่อง ปล่อง crater เรื่องชั้นที่ 11 เรายังปล่อยให้เฮียสุขใจ มาจนถึงปีนี้ก็เท่ากับผ่านไป เกิน 50 กว่าปีละ ฟูจีซัง อาจจะสูงกว่าเดิมก็ได้ Who know ?
เดินลงจาก ฟูจีซัง เร็วกว่าตอนไต่ขึ้น ลงไปถึงชั้น 5 ทำธุระกันเรียบร้อย รถบัสพาเราลงจาก ฟูจีซัง วิ่ง อ้อมทะเลสาป ฮาโกเน่ ที่สวยตรึงตามาจนทุกวันนี้ ไปกิน lunch กันในโรงแรม ตากลม(หนาว)ชมวิว รอบๆ ของ ฮาโกเน่ อิ่มท้องแล้ว ก็ได้ ฟรีไทม์ ตลอดช่วงบ่าย ตามอัธยาศัย ใครจะะออกไปเที่ยวเองก็ได้ มี shopping mall เดินได้ต่อเนื่องหลายชั่วโมง หรือใครใคร่นอนก็ได้เช่นกัน นัดกิน dinner ช่วงหัวค่ำพร้อมกัน ถือว่าสนุกสนานครับกับ ฟูจียาม่า และ ฮาโกเน่ วันนี้จบละ พบกันตอนหน้าที่มีเก็บตก รอบๆ โยโกฮาม่า กันอีกสักหนึ่งตอนครับ sayonara สวัสดีครับ