สหภาพแรงงานยาสูบ บุกคลัง ส่งหนังสือ ค้านขึ้นภาษีบุหรี่ ชี้กระทบรายได้แรงงาน-เกษตรกรยาสูบ
https://www.matichon.co.th/economy/news_2954760
สหภาพแรงงานยาสูบ บุกคลัง ส่งหนังสือ ค้านขึ้นภาษีบุหรี่ 1 ต.ค.นี้ ชี้กระทบรายได้แรงงาน-เกษตรกรยาสูบ เพิ่มบุหรี่เถื่อนเกลื่อนเมือง
เมื่อวันที่ 23 กันยายน ผู้สื่อข่าวรางานว่า ที่กระทรวงการคลัง สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจยาสูบ และเกษตรกรชาวไร่ยาสูบ จำนวน 50 คน เดินทางมาส่งหนังสือร้องเรียน กรณีการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่ ถึงนายนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งมีน.ส.
วันดี เจริญประวัติ รักษาการณ์ตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับหนังสือ
น.ส.
วันดี เจริญประวัติ รักษาการณ์ตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี กล่าวว่า จะรับข้อเสนอจากสหภาพแรงงานยาสูบเพื่อไปสรุปภายในวันนี้ เพื่อส่งให้นาย
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาต่อไป ส่วนผลของข้อร้องเรียนจะสามารถตอบกลับได้วันไหนนั้นยังไม่สามารถระบุได้ ต้องรอนาย
อาคม เป็นผู้สั่งการ
นาย
สุเทพ ทิมศิลป์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจยาสูบ เปิดเผยว่า จากกรณีที่กระทรวงการคลังกำลังเตรียมเสนอโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่ใหม่ เพื่อให้รัฐมนตรีพิจาณาเห็นชอบเพื่อใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 นี้ ประกอบกับรายงานข่าวที่ระบุว่าอาจจะทำให้บุหรี่ขึ้นราคาอีกซองละ 6-13 บาท นั้น เป็นการซ้ำเติมปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยมีบทเรียนมาตั้งแต่การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่ปี 2560 ได้ส่งผลให้รายได้ของพนักงานและลูกจากของการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.)
นาย
สุเทพ กล่าวว่า แม้ว่าในหลักการการขึ้นภาษีบุหรี่ จะช่วยดูแลสุขภาพของคนไทยและเป็นการเพิ่มรายได้ภาษีให้รัฐ แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ไม่ได้ช่วยคนมีคนสูบลดลง และการขึ้นภาษียังส่งผลกระทบให้ ยสท. แข่งขันในตลาดได้ลำบากขึ้น และยังทำให้ราคาบุหรี่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จนทำให้เกิดปัญหาบุหรี่เถื่อนจำนวนมาก ซึ่งส่วนนี้ก็ส่งผลให้การจัดเก็บภาษีบุหรี่ของรัฐบาลลดลงด้วยเช่นกัน เพราะคนหันไปซื้อบุหรี่เถื่อน ที่มีราคาถูกกว่ามากขึ้น อย่างไรก็ตามแม้ ยสท. จะมีกำไร แต่เงินรายได้ที่ต้องส่งรัฐ 88% ก็หายไปกว่า 34,000 ล้านบาท เพราะไม่ได้นำส่งมา 4 ปีแล้ว และหากกรมสรรพสามิตนำข้อเสนอแนะการปรับขึ้นภาษีบุหรี่จากเครือข่ายสุขภาพมาใช้จริง นอกจากรายได้รัฐจะหายไปแล้ว อาจทำให้ ยทส. อยู่ไม่ได้และหายไปด้วย
“ไม่อยากให้กระทรวงการคลังและกรมสรรพสามิตผิดสัญญาจนต้องกลืนจุดยืนของตัวเองที่เคยบอกว่า การปรับโครงสร้างภาษีจะต้องบรรลุวัตถุประสงค์ 4 เรื่อง ทั้งการแก้ปัญหาชาวไร่ รายได้ บุหรี่เถื่อนและสาธารณสุข แต่พอเอาเข้าจริงก็เสียท่าให้กับหมอและเอ็นจีโอฝั่งสุขภาพ อยากให้เห็นใจคนในอุตสาหกรรมที่ยังต้องทำงาน ทำไร่ ส่งเสียครอบครัว” นายสุเทพ กล่าว
ด้านนาย
กิตติทัศน์ ผาทอง ตัวแทนภาษีชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาขาวไร่ยาสูบได้รับผลผลกระทบมาโดยตลอดแต่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐเท่าที่ควร รวมทั้งเงินชดเชย 160 ล้านที่รัฐบาลรับปากว่าจะให้ ก็ยังต้องติดตามทวงถามมา 2 ปีแล้ว ทั้งนี้การขึ้นภาษีบุหรี่สรรพสามิตสูง จะทำให้กระทบกับปากท้องชาวไร่กว่า 30,000 ครอบครัว และจะทำให้ถูกตัดโควตาปลูกยาสูบเพิ่มขึ้นไปอีก ซึ่งกระทบต่อรายได้เฉลี่ย 30,000 บาทต่อไร่ ทั้งนี้ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาเม็ดเงินของชาวไร่หายไปกว่า 900 ล้านบาท ดังนั้นภาษีที่ยิ่งสูงก็จะยิ่งส่งผลกระทบต่อชาวไร่ไปอีก
ลูกจ้าง’ศป.ปส.อ.’น้ำตาซึม!ถูกสั่งเลิกจ้างทั่วประเทศ เศร้าจบป.ตรีเงินน้อย-ซ้ำตกงาน
https://www.dailynews.co.th/news/303331/
น้ำตาซึม ! ลูกจ้าง ศป.ปส.อ. ถูกสั่งเลิกจ้างงานทั่วประเทศ สุดเศร้า แม้จบ ปริญญาตรี ได้เงินเดือน 8 พัน ไม่พอใช้จ่าย เคราะห์ซ้ำยังต้องตกงาน
เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดศรีสะเกษ ศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ ชั้น 1 อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นาย
นฤพล งามศิริ อายุ 27 ปี ลูกจ้างชั่วคราว ตำแหน่งเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูลและช่วยเหลืองานยาเสพติด ประจำศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอ (ศป.ปส.อ.) อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ เป็นผู้แทนกลุ่มลูกจ้างชั่วคราวช่วยเหลืองานยาเสพติด (ศป.ปส.อ.) จากทั้ง 22 อำเภอ และจากทั่วประเทศ รวมกว่า 800 คน เข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์ขอความเห็นใจ กรณีทางรัฐบาลไม่ต่อสัญญาจ้างเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูลและช่วยเหลืองานยาเสพติด ซึ่งรับเงินเดือนเพียงแค่เดือนละ 8,000 บาท โดยอ้างว่าถูกตัดงบประมาณไปกว่า 1,000 ล้านบาท ส่งผลทำให้กลุ่มลูกจ้างดังกล่าวได้รับผลกระทบเดือดร้อนอย่างหนัก โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำและปัญหาโรคระบาดโควิด-19
นาย
นฤพล กล่าวว่า เป็นตัวแทนของกลุ่มลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว มายื่นหนังสือร้องขอความเห็นใจ กรณีถูกสั่งเลิกจ้าง ลูกจ้างของรัฐ ซึ่งงานในตำแหน่งที่ตนและกลุ่มลูกจ้างดังกล่าวได้รับมอบหมาย ถือเป็นงานที่มีความสำคัญในการช่วยเหลือและเป็นกำลังหนุนงานของภาครัฐให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ถึงแม้เงินเดือนจะน้อยนิด แต่ตนและกลุ่มลูกจ้างก็ยังรักและมีความเต็มใจที่จะทำงานนี้ด้วยความเข้มแข็ง การที่ออกมายื่นหนังสือในครั้งนี้ก็เพื่อสะท้อนปัญหาให้ ผวจ. และทางรัฐบาล ได้รับรู้ถึงความเดือดร้อนและพิจารณาช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ด้วย เพราะแต่ละคนต่างมีภาระที่ต้องรับผิดชอบครอบครัว โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ค่าเล่าเรียนบุตร ค่าผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ค่าน้ำค่าไฟและค่าครองชีพ และต้องกลายเป็นคนตกงาน ขาดรายได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของคนในครอบครัว และกลุ่มคนเหล่านี้ไม่อยากถูกทิ้งไว้ข้างทาง
แม่โวยลูกสาวพิการ โดนสวมสิทธิ์ฉีดวัคซีนเข็ม 2 ไปโผล่เชียงราย เช็ค ร.พ.ปลายทางถึงกับอึ้ง
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6637303
แม่โวยลูกสาวพิการ โดนสวมสิทธิ์ฉีดวัคซีนเข็ม 2 ไปโผล่เชียงราย เช็ค ร.พ.ปลายทางถึงกับอึ้ง ถูกสวมบัตรประชาชนด้วย ตร.ไม่รับแจ้ง ให้ไปแจ้งที่เกิดเหตุ
วันที่ 23 ก.ย.64 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นาง
นฤมล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี ประกอบอาชีพรับราชการครู หลังเมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้พา น.ส.
ศศิวิมล อายุ 31 ปี ลูกสาวซึ่งเป็นผู้พิการทางสติปัญญา ไปฉีดวัคซีนเข็ม 2 ตามนัดที่ ร.พ.ราชานุกูล กทม. แต่เมื่อ ร.พ. ตรวจสอบข้อมูลการฉีดวัคซีนของ ร.พ.กลับพบว่าข้อมูลของ น.ส.
ศศิวิมล ได้มีการบันทึกรับวัคซีนเข็ม 2 เรียบร้อยแล้ว ในวันที่ 18 ก.ย.ที่ ร.พ.โอเวอร์บุ๊ค จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่ ร.พ.ราชานุกูล จึงให้ นาง
นฤมล ประสานไปยัง ร.พ.โอเวอร์บุ๊ค เพื่อขอทราบเหตุผลในการบันทึกข้อมูลและให้แก้ไขข้อผิดพลาด ทาง ร.พ.โอเวอร์บุ๊ค ได้แจ้งว่าในวันที่ 18 ก.ย. ได้ฉีดวัคซีนให้กับ น.ส.
ศศิวิมล ที่อยู่บ้านพักถนนลาดหญ้า เขตคลองสาน แขวงคลองสาน กทม. โดยผู้ฉีดวัคซีนได้มี นาย
ยี่พวง สามีเป็นผู้พามาฉีด ซึ่งเป็นคนละคนกัน
สำหรับวิธีการในการฉีดวัคซีนของทาง ร.พ.โอเวอร์บุ๊ค ได้รับทราบว่าจะฉีดวัคซีนให้กับผู้ที่แสดงบัตรประชาชนตัวจริง และมีการคีย์ข้อมูลลงในระบบภายหลัง ไม่ได้ใช้วิธีการเสียบบัตรประชาชนในการคีย์ข้อมูล ทั้งนี้ ทาง ร.พ.โอเวอร์บุ๊ค แจ้งว่าไม่สามารถแก้ไขข้อมูลในระบบให้ได้ เนื่องจากผู้มาฉีดวัคซีนได้แสดงตัวตนโดยมีบัตรประชาชนจริงมาฉีด จึงต้องมีการพิสูจน์ให้ได้ว่าคนที่มาฉีดไม่ใช่ น.ส.
ศศิวิมล และมีการนำบัตรประชาชนมาสวมสิทธิ์ได้อย่างไร
ต่อมาเวลา 14.18 น.วันเดียวกัน นาง
นฤมล ได้เดินทางไปที่สำนักงานเขตคลองสาน เพื่อขอตรวจสอบและขอคำแนะนำในการดำเนินการ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบทะเบียนราษฎร์แจ้งว่าข้อมูลตามบัตรประชาชนของ น.ส.
ศศิวิมล เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง บัตรประชาชนมีการจัดทำที่สำนักงานเขตอำเภอเมือง จ.กาญจนบุรี ควรมีการแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ทราบต้นตอว่าผู้ที่อ้างว่าชื่อ น.ส.
ศศิวิมล และมีการแสดงตัวตนโดยใช้บัตรประชาชนจริง ในวันที่ 18 ก.ย. เป็นผู้ใด
จากนั้นเวลา 15.30 น. นาง
นฤมล ได้เดินทางไปที่ สน.สมเด็จเจ้าพระยา เพื่อแจ้งความ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งให้ทราบว่า ไม่สามารถรับแจ้งความได้ ต้องไปแจ้งความที่ สภ.เมืองเชียงราย ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ จากนั้นเวลา 19.08 น. นาง
นฤมล ได้เดินทางมาแจ้งบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ต่อไป และเกรงว่าจะมีการนำบัตรประจำตัวประชาชนที่ปลอมขึ้นมาไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมายซึ่งอาจทำให้เสียหายในภายหลังได้
โดย นาง
นฤมล เปิดเผยว่า ประเด็นปัญหาที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือคือ ต้องการแจ้งความเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย กรณีนำบัตรประชาชนที่ไม่ใช่ของจริงไปแสดงตัวตนและสวมสิทธิ์เป็นลูกสาว ซึ่งไม่ทราบว่าถูกนำไปใช้ที่ใดมาบ้างแล้ว แต่ที่ทราบแล้วแน่นอนคือมีการนำมาแสดงตัวในการฉีดวัคซีนโควิดที่ ร.พ.โอเวอร์บุ๊ค ในวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ต้องการให้ ร.พ.โอเวอร์บุ๊ค แก้ไขข้อมูลที่ได้บันทึกการฉีดวัคซีนเข็ม 2 ของ น.ส.
ศศิวิมล ในระบบของหมอพร้อมให้ถูกต้องตามความเป็นจริง โดยการลบข้อมูลการฉีดวัคซีนออก เนื่องจากลูกสาว ไม่ได้ฉีดวัคซีนที่ ร.พ.โอเวอร์บุ๊ค ในวันเวลาดังกล่าว ทั้งนี้ อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินการตรวจสอบกรณีดังกล่าวเพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อไป
JJNY : 4in1 สหภาพแรงงานยาสูบบุกคลัง│ลูกจ้าง’ศป.ปส.อ.’ถูกเลิกจ้างทั่วปท.│แม่โวยลูกโดนสวมสิทธิ์ฉีด│อุตุฯเตือน‘เตี้ยนหมู่’
https://www.matichon.co.th/economy/news_2954760
สหภาพแรงงานยาสูบ บุกคลัง ส่งหนังสือ ค้านขึ้นภาษีบุหรี่ 1 ต.ค.นี้ ชี้กระทบรายได้แรงงาน-เกษตรกรยาสูบ เพิ่มบุหรี่เถื่อนเกลื่อนเมือง
เมื่อวันที่ 23 กันยายน ผู้สื่อข่าวรางานว่า ที่กระทรวงการคลัง สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจยาสูบ และเกษตรกรชาวไร่ยาสูบ จำนวน 50 คน เดินทางมาส่งหนังสือร้องเรียน กรณีการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่ ถึงนายนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งมีน.ส.วันดี เจริญประวัติ รักษาการณ์ตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับหนังสือ
น.ส.วันดี เจริญประวัติ รักษาการณ์ตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี กล่าวว่า จะรับข้อเสนอจากสหภาพแรงงานยาสูบเพื่อไปสรุปภายในวันนี้ เพื่อส่งให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาต่อไป ส่วนผลของข้อร้องเรียนจะสามารถตอบกลับได้วันไหนนั้นยังไม่สามารถระบุได้ ต้องรอนายอาคม เป็นผู้สั่งการ
นายสุเทพ ทิมศิลป์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจยาสูบ เปิดเผยว่า จากกรณีที่กระทรวงการคลังกำลังเตรียมเสนอโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่ใหม่ เพื่อให้รัฐมนตรีพิจาณาเห็นชอบเพื่อใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 นี้ ประกอบกับรายงานข่าวที่ระบุว่าอาจจะทำให้บุหรี่ขึ้นราคาอีกซองละ 6-13 บาท นั้น เป็นการซ้ำเติมปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยมีบทเรียนมาตั้งแต่การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่ปี 2560 ได้ส่งผลให้รายได้ของพนักงานและลูกจากของการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.)
นายสุเทพ กล่าวว่า แม้ว่าในหลักการการขึ้นภาษีบุหรี่ จะช่วยดูแลสุขภาพของคนไทยและเป็นการเพิ่มรายได้ภาษีให้รัฐ แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ไม่ได้ช่วยคนมีคนสูบลดลง และการขึ้นภาษียังส่งผลกระทบให้ ยสท. แข่งขันในตลาดได้ลำบากขึ้น และยังทำให้ราคาบุหรี่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จนทำให้เกิดปัญหาบุหรี่เถื่อนจำนวนมาก ซึ่งส่วนนี้ก็ส่งผลให้การจัดเก็บภาษีบุหรี่ของรัฐบาลลดลงด้วยเช่นกัน เพราะคนหันไปซื้อบุหรี่เถื่อน ที่มีราคาถูกกว่ามากขึ้น อย่างไรก็ตามแม้ ยสท. จะมีกำไร แต่เงินรายได้ที่ต้องส่งรัฐ 88% ก็หายไปกว่า 34,000 ล้านบาท เพราะไม่ได้นำส่งมา 4 ปีแล้ว และหากกรมสรรพสามิตนำข้อเสนอแนะการปรับขึ้นภาษีบุหรี่จากเครือข่ายสุขภาพมาใช้จริง นอกจากรายได้รัฐจะหายไปแล้ว อาจทำให้ ยทส. อยู่ไม่ได้และหายไปด้วย
“ไม่อยากให้กระทรวงการคลังและกรมสรรพสามิตผิดสัญญาจนต้องกลืนจุดยืนของตัวเองที่เคยบอกว่า การปรับโครงสร้างภาษีจะต้องบรรลุวัตถุประสงค์ 4 เรื่อง ทั้งการแก้ปัญหาชาวไร่ รายได้ บุหรี่เถื่อนและสาธารณสุข แต่พอเอาเข้าจริงก็เสียท่าให้กับหมอและเอ็นจีโอฝั่งสุขภาพ อยากให้เห็นใจคนในอุตสาหกรรมที่ยังต้องทำงาน ทำไร่ ส่งเสียครอบครัว” นายสุเทพ กล่าว
ด้านนายกิตติทัศน์ ผาทอง ตัวแทนภาษีชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาขาวไร่ยาสูบได้รับผลผลกระทบมาโดยตลอดแต่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐเท่าที่ควร รวมทั้งเงินชดเชย 160 ล้านที่รัฐบาลรับปากว่าจะให้ ก็ยังต้องติดตามทวงถามมา 2 ปีแล้ว ทั้งนี้การขึ้นภาษีบุหรี่สรรพสามิตสูง จะทำให้กระทบกับปากท้องชาวไร่กว่า 30,000 ครอบครัว และจะทำให้ถูกตัดโควตาปลูกยาสูบเพิ่มขึ้นไปอีก ซึ่งกระทบต่อรายได้เฉลี่ย 30,000 บาทต่อไร่ ทั้งนี้ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาเม็ดเงินของชาวไร่หายไปกว่า 900 ล้านบาท ดังนั้นภาษีที่ยิ่งสูงก็จะยิ่งส่งผลกระทบต่อชาวไร่ไปอีก
ลูกจ้าง’ศป.ปส.อ.’น้ำตาซึม!ถูกสั่งเลิกจ้างทั่วประเทศ เศร้าจบป.ตรีเงินน้อย-ซ้ำตกงาน
https://www.dailynews.co.th/news/303331/
น้ำตาซึม ! ลูกจ้าง ศป.ปส.อ. ถูกสั่งเลิกจ้างงานทั่วประเทศ สุดเศร้า แม้จบ ปริญญาตรี ได้เงินเดือน 8 พัน ไม่พอใช้จ่าย เคราะห์ซ้ำยังต้องตกงาน
เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดศรีสะเกษ ศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ ชั้น 1 อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นายนฤพล งามศิริ อายุ 27 ปี ลูกจ้างชั่วคราว ตำแหน่งเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูลและช่วยเหลืองานยาเสพติด ประจำศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอ (ศป.ปส.อ.) อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ เป็นผู้แทนกลุ่มลูกจ้างชั่วคราวช่วยเหลืองานยาเสพติด (ศป.ปส.อ.) จากทั้ง 22 อำเภอ และจากทั่วประเทศ รวมกว่า 800 คน เข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์ขอความเห็นใจ กรณีทางรัฐบาลไม่ต่อสัญญาจ้างเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูลและช่วยเหลืองานยาเสพติด ซึ่งรับเงินเดือนเพียงแค่เดือนละ 8,000 บาท โดยอ้างว่าถูกตัดงบประมาณไปกว่า 1,000 ล้านบาท ส่งผลทำให้กลุ่มลูกจ้างดังกล่าวได้รับผลกระทบเดือดร้อนอย่างหนัก โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำและปัญหาโรคระบาดโควิด-19
นายนฤพล กล่าวว่า เป็นตัวแทนของกลุ่มลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว มายื่นหนังสือร้องขอความเห็นใจ กรณีถูกสั่งเลิกจ้าง ลูกจ้างของรัฐ ซึ่งงานในตำแหน่งที่ตนและกลุ่มลูกจ้างดังกล่าวได้รับมอบหมาย ถือเป็นงานที่มีความสำคัญในการช่วยเหลือและเป็นกำลังหนุนงานของภาครัฐให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ถึงแม้เงินเดือนจะน้อยนิด แต่ตนและกลุ่มลูกจ้างก็ยังรักและมีความเต็มใจที่จะทำงานนี้ด้วยความเข้มแข็ง การที่ออกมายื่นหนังสือในครั้งนี้ก็เพื่อสะท้อนปัญหาให้ ผวจ. และทางรัฐบาล ได้รับรู้ถึงความเดือดร้อนและพิจารณาช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ด้วย เพราะแต่ละคนต่างมีภาระที่ต้องรับผิดชอบครอบครัว โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ค่าเล่าเรียนบุตร ค่าผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ค่าน้ำค่าไฟและค่าครองชีพ และต้องกลายเป็นคนตกงาน ขาดรายได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของคนในครอบครัว และกลุ่มคนเหล่านี้ไม่อยากถูกทิ้งไว้ข้างทาง
แม่โวยลูกสาวพิการ โดนสวมสิทธิ์ฉีดวัคซีนเข็ม 2 ไปโผล่เชียงราย เช็ค ร.พ.ปลายทางถึงกับอึ้ง
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6637303
แม่โวยลูกสาวพิการ โดนสวมสิทธิ์ฉีดวัคซีนเข็ม 2 ไปโผล่เชียงราย เช็ค ร.พ.ปลายทางถึงกับอึ้ง ถูกสวมบัตรประชาชนด้วย ตร.ไม่รับแจ้ง ให้ไปแจ้งที่เกิดเหตุ
วันที่ 23 ก.ย.64 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นางนฤมล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี ประกอบอาชีพรับราชการครู หลังเมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้พา น.ส.ศศิวิมล อายุ 31 ปี ลูกสาวซึ่งเป็นผู้พิการทางสติปัญญา ไปฉีดวัคซีนเข็ม 2 ตามนัดที่ ร.พ.ราชานุกูล กทม. แต่เมื่อ ร.พ. ตรวจสอบข้อมูลการฉีดวัคซีนของ ร.พ.กลับพบว่าข้อมูลของ น.ส.ศศิวิมล ได้มีการบันทึกรับวัคซีนเข็ม 2 เรียบร้อยแล้ว ในวันที่ 18 ก.ย.ที่ ร.พ.โอเวอร์บุ๊ค จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่ ร.พ.ราชานุกูล จึงให้ นางนฤมล ประสานไปยัง ร.พ.โอเวอร์บุ๊ค เพื่อขอทราบเหตุผลในการบันทึกข้อมูลและให้แก้ไขข้อผิดพลาด ทาง ร.พ.โอเวอร์บุ๊ค ได้แจ้งว่าในวันที่ 18 ก.ย. ได้ฉีดวัคซีนให้กับ น.ส.ศศิวิมล ที่อยู่บ้านพักถนนลาดหญ้า เขตคลองสาน แขวงคลองสาน กทม. โดยผู้ฉีดวัคซีนได้มี นายยี่พวง สามีเป็นผู้พามาฉีด ซึ่งเป็นคนละคนกัน
สำหรับวิธีการในการฉีดวัคซีนของทาง ร.พ.โอเวอร์บุ๊ค ได้รับทราบว่าจะฉีดวัคซีนให้กับผู้ที่แสดงบัตรประชาชนตัวจริง และมีการคีย์ข้อมูลลงในระบบภายหลัง ไม่ได้ใช้วิธีการเสียบบัตรประชาชนในการคีย์ข้อมูล ทั้งนี้ ทาง ร.พ.โอเวอร์บุ๊ค แจ้งว่าไม่สามารถแก้ไขข้อมูลในระบบให้ได้ เนื่องจากผู้มาฉีดวัคซีนได้แสดงตัวตนโดยมีบัตรประชาชนจริงมาฉีด จึงต้องมีการพิสูจน์ให้ได้ว่าคนที่มาฉีดไม่ใช่ น.ส.ศศิวิมล และมีการนำบัตรประชาชนมาสวมสิทธิ์ได้อย่างไร
ต่อมาเวลา 14.18 น.วันเดียวกัน นางนฤมล ได้เดินทางไปที่สำนักงานเขตคลองสาน เพื่อขอตรวจสอบและขอคำแนะนำในการดำเนินการ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบทะเบียนราษฎร์แจ้งว่าข้อมูลตามบัตรประชาชนของ น.ส.ศศิวิมล เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง บัตรประชาชนมีการจัดทำที่สำนักงานเขตอำเภอเมือง จ.กาญจนบุรี ควรมีการแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ทราบต้นตอว่าผู้ที่อ้างว่าชื่อ น.ส.ศศิวิมล และมีการแสดงตัวตนโดยใช้บัตรประชาชนจริง ในวันที่ 18 ก.ย. เป็นผู้ใด
จากนั้นเวลา 15.30 น. นางนฤมล ได้เดินทางไปที่ สน.สมเด็จเจ้าพระยา เพื่อแจ้งความ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งให้ทราบว่า ไม่สามารถรับแจ้งความได้ ต้องไปแจ้งความที่ สภ.เมืองเชียงราย ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ จากนั้นเวลา 19.08 น. นางนฤมล ได้เดินทางมาแจ้งบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ต่อไป และเกรงว่าจะมีการนำบัตรประจำตัวประชาชนที่ปลอมขึ้นมาไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมายซึ่งอาจทำให้เสียหายในภายหลังได้
โดย นางนฤมล เปิดเผยว่า ประเด็นปัญหาที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือคือ ต้องการแจ้งความเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย กรณีนำบัตรประชาชนที่ไม่ใช่ของจริงไปแสดงตัวตนและสวมสิทธิ์เป็นลูกสาว ซึ่งไม่ทราบว่าถูกนำไปใช้ที่ใดมาบ้างแล้ว แต่ที่ทราบแล้วแน่นอนคือมีการนำมาแสดงตัวในการฉีดวัคซีนโควิดที่ ร.พ.โอเวอร์บุ๊ค ในวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ต้องการให้ ร.พ.โอเวอร์บุ๊ค แก้ไขข้อมูลที่ได้บันทึกการฉีดวัคซีนเข็ม 2 ของ น.ส.ศศิวิมล ในระบบของหมอพร้อมให้ถูกต้องตามความเป็นจริง โดยการลบข้อมูลการฉีดวัคซีนออก เนื่องจากลูกสาว ไม่ได้ฉีดวัคซีนที่ ร.พ.โอเวอร์บุ๊ค ในวันเวลาดังกล่าว ทั้งนี้ อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินการตรวจสอบกรณีดังกล่าวเพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อไป