โลกสวยผ่านนะคะ
เราคิดมานานแล้วว่าอยากจะเล่าเรื่องนี้ออกมา แต่ก็ทำใจลำบากเพราะมันเป็นด้านมืดที่เราเก็บไม่เคยมีใครรู้นอกจากตัวเราเอง นี่เป็นการเล่าเรื่องครั้งแรก อาจจะยาวหน่อยนะคะ เพราะอยากจะเริ่มไกลหน่อยภาพจะชัด ใครขี้เกียจอ่านข้ามไป
เริ่มใช้ยา เลยค่ะ
เกลิ่นก่อนว่า เราได้ผ่านเหตุการณ์นี้มา 10 ปีพอดี มีหลายอย่างเปลี่ยนไปถาวร ยังมีความผิดปกติทางจิตหลงเหลืออยู่ เผื่อจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่คิดจะพึ่งยาแบบบ้าคลั่งเหมือนเรา
จุดเริ่มต้นของโรคนอนไม่หลับ
อาการนอนไม่หลับของเราเริ่มเป็นมาตั้งแต่ช่วงเข้าสู่วัยรุ่นประมาณประถมปลาย-มัทยมต้น อาจเพราะฮอร์โมนต่างๆเริ่มทำงานสภาพร่างกายที่เริ่มเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ความเป็นสาว
แรงหนุนอีกอย่าที่มีส่วนมากคือประสบการร์ชีวิตในวัยเด็ก บ้านคนจีนอยู่ในละแวกเดียวกันเกือบทั้งตระกูล เราจะถูกเข้มงวดค่อนข้างมาก เรื่องที่ไม่น่าจะเป็นเรื่องอย่างการเอาข้าวเข้าปากแต่ละครั้งก็ยังอาจมีปัญหาตามมา ไม่มีพื้นที่ส่วนตัวทุกส่วนในชีวิตจะถูกสอดส่องตลอดเวลา
สภาพจิตของเราจะเป็นคนคิดมากมีเรื่องในหัวอยู่ตลอดเวลา ทุกอย่างต้องคิดหน้าคิดหลังวางแผน เรียกว่าทุกการกระทำที่ผิดพลาดจะส่งผลเสียหนักกว่าสมดุลของเหตุการณ์เมื่อเทียบกับเด็กทั่วไป ไม่มีที่ให้ความอ่อนแอหรือความเห็นใจทั้งสิ้น
กลางคืนปิดไฟนอนก็มีเรื่องให้คิดตลอด เป็นความเครียด ความกังวลต่อสิ่งต่างๆในแต่ละวัน กว่าจะข่มตาให้หลับลงได้หลังจากปิดไฟก็อีกเป็นชั่วโมงหรือมากกว่านั้น เกือบทุกๆวันเราจะหลับโดยเฉลี่ยอยู่ราว 6 ชม./วัน +/- นิดหน่อย โดยไม่เคยนอนกลางวัน เราอึดอัดและกดดันกับชีวิตที่เป็นอยู่มากไม่ลำบากแต่ไม่มีความสุขเลย **ฉันต้องหาทางออกให้ได้***
เราวางแผนย้ายโรงเรียนในมัทยมปลาย หาทางย้ายที่เรียนไปที่ไกลขึ้นจะได้ออกจากสิ่งแวดล้อมเดิมๆ เพื่อให้ไม่มีปัญหากับที่บ้าน ( พูดง่ายๆว่าทำให้เนียนนั่นแหละ) รร. ปัจจุบันก็ถือว่าดีอยู่แล้วเรียนมาตั้งแต่ประถม
การจะหาข้ออ้างย้ายที่เรียนเราต้องเลือกโรงเรียนที่ไกลเกินกว่าจะไปกลับ ดีกว่าเดิมอยู่ในระดับแถวหน้าของประเทศและพยายามสอบเข้าให้ได้ หลอกที่บ้านว่าได้โควต้า ทุกอย่างก็เป็นไปตามแผน Yes............ได้ไปแล้ว รู้ว่าอนาคตต้องพึ่งตัวเองมากกว่าที่เคยแอบกลัวแต่ก็ตื่นเต้น เปลี่ยนจากแขนยาวเป็นแขนจีบ
เราย้ายออกมาอยู่หอพัก เป็นหอ ญ อยู่คนเดียวเพราะต้องการความเป็นส่วนตัว ที่บ้านก็ต้องการแบบนั้นอยู่แล้วซึ่งมันก็ดี ชีวิตมีความสุขกว่าเดิม แต่แอบมีกังวลบ้างว่าวันนึงเปิดห้องเข้ามาจะเจอที่บ้านมาแอบค้นของนั่งรออยู่ไหม ตอนเลิกเรียนจะมาดักดูไหม (เคยโดน)
กลางคืนเราต้องเดินมาเช็คกลอน 2-3 ครั้งเพราะกลัวใครเปิดเข้ามา กลัวคนมากกว่ากลัวผี ใช้เวลาปรับตัวอยู่เป็นเดือนกว่าจะเริ่มหายระแวง แต่อาการนอนไม่หลับของเราก็ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่ หลับก็ฝันเหมือนตอนอยู่ที่บ้านพอสะดุ้งตื่นก็นอนไม่หลับอีก และแล้วความซวยก็มาเยือน
เริ่มมีปัญหา
สวัสดีจร้าฉันอายุ 16 พึ่งเข้า ม.4 แล้วฉัน ปวดท้อง จ้า ใช่แล้วค่ะ ปวดท้อง ปวดเหมือนท้องเมนนั่นแหละ เป็นๆหายๆ มันทำให้เรายิ่งไม่ได้นอนเข้าไปใหญ่ และ ไม่บอกที่บ้าน เพราะกลัวจะต้องกลับไปอยู่บ้าน (ความคิดเด็กๆในขณะนั้นอะเนอะ )
อาการกินเวลาอยู่ไม่นานประมาณเดือนก็เริ่มหนัก เราปวดนานปวดตลอดแล้วก็เลือดออก เหมือนประจำเดือนแต่มาเยอะมากแดงสด สุดท้ายไป รพ. แล้วก็พบว่าเป็นเนื้องอกที่มดลูกค่ะ รอไม่ได้ต้องผ่าเลยเพราะเส้นเลือดแตก ผ่ามดลูกทิ้งเหลือแต่รังไข่ หลังจากตรวจชิ้นเนื้อก็เป็นเนื้อร้ายอีก ต้องหาหมอตรวจมะเร็งซ้ำเป็นระยะทุก 3-6 เดือน ไปอีก 5 ปี
พักฟื้นอยู่ 2 สัปดาห์ก็กลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม แต่ไม่เหมือนเดิม หลายๆอย่างเหมือนฝันร้าย เรายังไม่เคยมีแฟนและตอนนี้เป็นหมันถาวรไม่สามารถท้องได้อีกแล้ว มีแผลใหญ่ที่หน้าท้อง มีเรื่องให้กลุ้มใจอื่นๆอีกมากมาย นี่คือ เรื่องที่ทำให้เริ่มมีปัญหา ข้อดีอย่างเดียวที่ได้จากเหตุการณ์นี้คือไม่มีประจำเดือนตลอดชีวิต
เข้าสู่อาการนอนไม่หลับอย่างหนัก
คืออาการทางกายและจิตใจที่ตามมาภายหลังผ่านตัดไปร่างกายมันมีการเปลี่ยนแปลง (+18) ทางกาย ความรู้สึกที่หัวนมกับตรงนั้นไวขึ้นมาก ทางจิตคือเราเริ่มหมกมุ่นคิดเรื่องใต้สะดือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆมันผุดขึ้นมาเอง พอจิตยิ่งคิดทางกายก็ยิ่งมีอาการ
(**เราได้แจ้งอาการกับหมอตอนไปตรวจมะเร็งซ้ำหลังผ่าตัด มันเป็นอาการเริ่มต้นโรคติดเซ็กซ์ Nymphomania แต่หมอบอกไม่เกี่ยวกับการผ่าตัด **)
เราเก็บเรื่องพวกนี้เงียบ เพื่อนจะรู้แค่ว่าเป็นเนื้องอกไปผ่าตัดแต่ไม่รู้เรื่องอื่นๆ (เราให้สังคมรอบตัวเห็นเฉพาะโลกที่เป็นด้านสว่างของเรา) จากทุนเดิมที่สมองคิดนู่นนี่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ภาระจากการเรียน การรับมือทางบ้าน ทีนี้ยิ่งฟุ้งซ่านเข้าไปใหญ่ จินตนาการเยอะมากนอนไม่หลับ
เวลาไปเรียนเราเริ่มเหมือนซอมบี้ เริ่มมีวูบหลับช่วงบ่าย เพลียขนาดไหน ตกกลางคืนก็ตาสว่างนอนไม่หลับอยู่ดี
ออกกำลังช่วยได้บ้างแต่ก็ไม่ดีขึ้น (ไม่ได้นอนแรงไม่ค่อยมี)
เราเริ่มหาอะไรทำตอนกลางคืนเพราะคิดว่าคงดีกว่ากลิ้งอยู่บนเตียงแล้วต้องลุกไปห้องน้ำสองรอบก่อนจะหลับ ก็เลยซื้อจักรมาเริ่มตัดเสื้อผ้า (ชอบคอสเพลย์อยู่แล้วอยู่บ้านไม่มีโอกาศได้ทำ) เล่นคอมบ้าง แชทบ้าง ทำอะไรไปเรื่อยจนกว่าตาจะปิดค่อยนอน ได้นอนเฉลี่ย 4-5 ชม./วันหรือน้อยกว่านั้น พอสะสมหลายๆวันก็อาจหลับจริงๆสักคืนแล้วก็กลับมาเป็นวัฐจักรเดิมซ้ำๆ
เริ่มใช้ยา
เราทนต่อการนอนไม่หลับอยู่จนอายุ 17 พยายามมีสติเพื่อประคองชีวิตให้อยู่ในลู่ทาง การเรียนให้รอด เพราะมันหมายถึงอิสระด้วย
ด้วยความบังเอิญเราได้ยานอนหลับเม็ดสีเหลืองมาจำนวนนึง (รู้ทีหลังคือ Valium) เราทนกับอาการนอนไม่หลับมานานแต่ไม่เคยนึงถึงยาเลย
มันคือสวรรค์จริงๆทำให้เราหลับได้สนิทตั้งแต่หัวค่ำ เหมือนปิดสวิตซ์สมอง ไม่คิด ไม่ฝัน ตื่นเต็มตาสดชื่น เรารู้ว่าเราเจอตัวช่วยแล้วพยามกินอย่างประหยัดใช้เท่าที่จำเป็น
แต่สุดท้ายของมันก็ต้องหมดอยู่ เราเริ่มเข้าหาหมอซื่อๆเพื่อขอยา แต่บ้าไปแล้ว หมอที่ไหนจะจ่ายยานอนหลับให้เด็กอายุ 17 ที่มาคนเดียวแถมบอกว่าเคยใช้ยาแต่ไม่มีประวัติการรักษา อาการนอนไม่หลับเราก็กลับมารังควานเหมือนเดิม เราพยายามหาข้อมูลในเน็ตหาสิ่งทดแทน ก็ซื้อยาแก้แพ้มากินมหาศาลแรกๆก็พอแทนได้แต่ไม่นานก็ดื้อยา ...... เราเริ่มหายานอนหลับอีกครั้งและความ

ก็ตามมา
ติดยา

เรารู้แล้วว่าเราไม่มีทางหายาได้จากการพบแพทย์ตรงๆแน่ เราเริ่มใช้มารยา+อุบายแล้วก็หาทางจนได้แหละ จากหน่วยงานสาธาณสุขที่ปลอดภัยและไม่ใช่หมอเป็นคนจ่าย (ขออนุญาตไม่บอกวิธี) ได้มาเม็ดสีฟ้าเป็นยาคลายกังวลชื่อว่า Ativan สิบกว่าเม็ด เราหาข้อมูลตัวยาจากในเน็ตก่อนที่จะกิน และกินอย่างระมัดระวัง การกิน 1-2 เม็ดช่วยให้ไม่คิดมากแต่ไม่ได้หลับ ต้อง 3 เม็ดถึงจะหลับ
เราก็ชอบยาตัวนี้มากคือถ้าเรากิน 1 เม็ดจะช่วยให้เราสงบสมองไม่ยุ่งเหยิงมา ช่วงแรกเราใช้ช่วงกลางคืนหรือรุ่งขึ้นเป็นวันหยุด เพราะถ้ากินเอาหลับสนิทตื่นมาจะเอ๋อๆหน่อย เราใช้วิธีกินคู่กับยาแก้แพ้ก็ได้ผลเรื่องการนอนที่ดีขึ้นตื่นมาไม่เอ๋อ
หลังจากที่รับยามา 2-3 ครั้งจากหลายๆที่ เราก็ไม่ได้ประหยัดยาซะเท่าไหร่เพราะหาได้ไม่ยาก บางครั้งก็ได้ Valium มาด้วย ยาแก้แพ้โยนทิ้งไปเลย และก็เริ่ม ชิน กับยา เริ่มใช้ Ativan ในช่วงกลางวันด้วยเพื่อคลายเครียด
เวลาที่ยาออกฤทธิ์ขณะที่กำลังตื่นอยู่มันจะเหมือนอยู่ในโลกส่วนตัว ความคิดจะช้าลงจะไม่ได้สนใจสิ่งต่างๆรอบตัวเท่าไหร่ เรารู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทนกับอะไรเครียด ฟุ้งซ่านก็กินยา .......
เราจ่ายยาให้ตัวเองมาราวเทอมนึง กินเหมือนเป็นลูกอม จิตใจ ความคิด นิสัยเราเปลี่ยนไป เวลาในแต่ละวันเหมือนผ่านไปเร็วขึ้น
มีปัญหาเรื่องความจำ ออกจากห้องมาแล้วนึกขึ้นได้ “ปิดน้ำแล้วยังหว่า” ต้องกลับขึ้นไปดู ลงมาแล้วต้องกลับขึ้นไปใหม่เพราะกลัวลืมอย่างอื่นอีก ตื่นมาจำวันไม่ได้ ใส่เครื่องแบบผิดวัน จำการบ้านไม่ได้ จำนัดไม่ได้ สื่อสารกันคนอื่นไม่ค่อยรู้เรื่อง
คุมอารมณ์ไม่ค่อยได้ไม่สนใจโลก ไม่ระวังตัวหรือระแวงแบบแต่ก่อน เผลอบ่อยนั่งหวอออกบ้างทีก็รู้นะว่าออกแต่ก็ไม่สนใจว่าใครจะมอง ไม่ระวังคำพูดคิดอะไรรู้สึกยังไงก็พ่นออกมาทันที ขึ้นเร็วลงเร็ว ทะเลาะกับที่บ้านบ่อย โลกด้านสว่างที่สร้างให้คนอื่นมองเริ่มเล็กลง
ไม่ค่อยขัดใจตัวเองหรือคิดหน้าคิดหลัง หอปิด 4 ทุ่มแต่หิวจะกินก็ต้องหาทางออกไปให้ได้ ชอบอะไรก็ซื้อมันทุกสีไม่คิดอะไรทั้งสิ้น ใช้เงินหมดกระเป๋าจนไม่มีค่ารถ คือมันเหมือนแค่ คิด แล้วก็ ทำ ไปตามความอยาก ไม่กรอบ หรือ ขอบเขตอะไรดลใจที่จะขัดหรือห้ามสิ่งที่อยากจะทำ
ปลีกตัวออกจากสังคม ชอบอยู่ในโลกจินตนาการ เริ่มทำอะไรตามจินตนาการ วันนี้อยากใส่คอสเพลย์อยู่ห้องจินตานการว่าเป็นนั้นนี่ก็ใส่ อยากใส่ชุดหมวยไปข้างนอกก็ทำ เลิกเรียนกลับห้องหรือไปไหนทำอะไรคนเดียวไม่อยากยุ่งกับใคร ไม่ยัยยั้งความคิด 18+ ไม่ว่าจะที่ไหนเมื่อไหร่ อยู่ข้างนอกบ้างครั้งก็ปล่อยให้จินตนาการลื่นไหลไปจนเขื่อนแตกเลอะเทอะแล้วก็ตื่นเต้นดี
อาการเริ่มหนัก

การเรียนเริ่มมีปัญหา ช่วงใกล้สอบเราพยายามไม่ใช้ยาเพราะกลัวอาการเอ๋อเบลอ ผลคืออารมณ์เราแย่มาก ดำดิ่งมาก ความจำก็ยังไม่ดีอยู่เรียกว่าผลข้างเคียงจากยาไม่ได้หายไป
ชีวิตประจำวันบกพร่อง ไม่ทำความสะอาดห้อง ล้างจาน ซักเสื้อผ้า พอใส่หมดตู้แล้วก็ใส่ซ้ำรีดอย่างเดียวประโปรงบางทีเป็นอาทิตย์ ซักก็คืออาบน้ำทั้งชุดใส่เสื้อผ้าอาบเลยแล้วก็ตาก บางวันไม่อาบน้ำตื่นมาค่อยรีดเสื้อแปรงฟันแล้วไปเรียน
เริ่มมีความสุขกับสิ่งแปลกๆ เรามีความรู้สึกว่าอยากลงโทษตัวเอง เวลาจินตนาการว่าตัวเองทำเรื่องน่าอายหรือถูกเหยียดหยามแล้วรู้สึกดี+สะใจ ชอบการ detox หรือสวนทวารแล้วเวลากลั้นไว้จนแตกเพราะมันดูน่าอายเละเหมือนได้ลงโทษตัวเอง
เราพยายามเก็บอาการเพื่อไม่ให้คนอื่นรู้ เพื่อนก็เริ่มสังเกตเราก็ทำให้มันเข้าใจว่า อกหัก จะได้ไม่ต้องตอบอะไรเยอะ กลับห้องมาพออยู่ในโลกของตัวเอง อาจร้องไห้โฮ้โดยไม่มีสาเหตุจนตาปูด คิดอะไรไม่ออกเริ่มหัดกินเบียร์เพราะคิดว่าน่าจะดีกว่ากินยา กระป๋องนึงก่อนนอนก็พอให้อารมณ์มันลำมุนขึ้นได้บ้างแล้วก็อยู่ในจินตนาการต่อไป ใช้ความอดทนอย่างมากเพี่อให้ผ่านช่วงนี้ไปได้ จนสอบเสร็จถึงช่วงปิดเทอม
เราหาเรื่องไม่กลับบ้านโดยการลงเรียนพิเศษให้เยอะๆอ้างว่าเกรดตกเครียด ที่บ้านก็ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ แต่ก็ยอม ด้วยความที่เป็นปิดเทอมจะทำตัวให้ยุ่งยังไงมันก็ว่างอยู่ดี ดูหนังฟังเพลงเย็บผ้าอยู่ห้อง ปิดเทอมได้ไม่กี่วันปัญหาก็เกิดคือหอจับได้ว่าเอาเหล้าเข้ามากิน หอ ญ ค่อนข้างเข้มงวด แน่นอนเรื่องนี้ให้ใครรู้ไม่ได้โดยเฉพาะที่บ้าน จึงชิงขอย้ายออกมีแค่เพื่อนสนิทมาช่วยย้ายคนเดียวที่เหลือจ้าง
หลังจากย้ายมาอยู่ที่ใหม่ไม่ใกลจากเดิม เป็นหอรวมไม่มีข้อห้ามอะไรเข้าออกได้ตลอดค่าเช่าแพงกว่าเดิม เราเลยทำงานในห้างด้วยหาเงินกับแก้ว่าง ซึ่งเหนื่อยกว่าตอนเปิดเทอมเพราะห้างให้ใส่ชุด นร. เริ่มเรียนช่วงสายต้องแต่ตัวเหมือนไปโรงเรียนแต่ไปเรียนพิเศษเป็นตัวประหลาด เพราะปิดเทอมไม่มีใครใส่เครื่องแบบ บ่าย 3 ทำงาน เลิก 2 ทุ่ม และ
เราก็กลับมากินยาเหมือนลูกอมอีก ทั้งที่ไม่จำเป็นเลย ยาก็หลายอย่างขึ้น แล้วเราเริ่มกิ
พลีชีพ ด้านมืดที่ไม่เคยบอกใคร แชร์ประสบการณ์ โรคนอนไม่หลับ เสพติดยานอนหลับ จนเป็นโรคจิต 16+
เราคิดมานานแล้วว่าอยากจะเล่าเรื่องนี้ออกมา แต่ก็ทำใจลำบากเพราะมันเป็นด้านมืดที่เราเก็บไม่เคยมีใครรู้นอกจากตัวเราเอง นี่เป็นการเล่าเรื่องครั้งแรก อาจจะยาวหน่อยนะคะ เพราะอยากจะเริ่มไกลหน่อยภาพจะชัด ใครขี้เกียจอ่านข้ามไป เริ่มใช้ยา เลยค่ะ
เกลิ่นก่อนว่า เราได้ผ่านเหตุการณ์นี้มา 10 ปีพอดี มีหลายอย่างเปลี่ยนไปถาวร ยังมีความผิดปกติทางจิตหลงเหลืออยู่ เผื่อจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่คิดจะพึ่งยาแบบบ้าคลั่งเหมือนเรา
จุดเริ่มต้นของโรคนอนไม่หลับ
อาการนอนไม่หลับของเราเริ่มเป็นมาตั้งแต่ช่วงเข้าสู่วัยรุ่นประมาณประถมปลาย-มัทยมต้น อาจเพราะฮอร์โมนต่างๆเริ่มทำงานสภาพร่างกายที่เริ่มเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ความเป็นสาว
แรงหนุนอีกอย่าที่มีส่วนมากคือประสบการร์ชีวิตในวัยเด็ก บ้านคนจีนอยู่ในละแวกเดียวกันเกือบทั้งตระกูล เราจะถูกเข้มงวดค่อนข้างมาก เรื่องที่ไม่น่าจะเป็นเรื่องอย่างการเอาข้าวเข้าปากแต่ละครั้งก็ยังอาจมีปัญหาตามมา ไม่มีพื้นที่ส่วนตัวทุกส่วนในชีวิตจะถูกสอดส่องตลอดเวลา
สภาพจิตของเราจะเป็นคนคิดมากมีเรื่องในหัวอยู่ตลอดเวลา ทุกอย่างต้องคิดหน้าคิดหลังวางแผน เรียกว่าทุกการกระทำที่ผิดพลาดจะส่งผลเสียหนักกว่าสมดุลของเหตุการณ์เมื่อเทียบกับเด็กทั่วไป ไม่มีที่ให้ความอ่อนแอหรือความเห็นใจทั้งสิ้น
กลางคืนปิดไฟนอนก็มีเรื่องให้คิดตลอด เป็นความเครียด ความกังวลต่อสิ่งต่างๆในแต่ละวัน กว่าจะข่มตาให้หลับลงได้หลังจากปิดไฟก็อีกเป็นชั่วโมงหรือมากกว่านั้น เกือบทุกๆวันเราจะหลับโดยเฉลี่ยอยู่ราว 6 ชม./วัน +/- นิดหน่อย โดยไม่เคยนอนกลางวัน เราอึดอัดและกดดันกับชีวิตที่เป็นอยู่มากไม่ลำบากแต่ไม่มีความสุขเลย **ฉันต้องหาทางออกให้ได้***
เราวางแผนย้ายโรงเรียนในมัทยมปลาย หาทางย้ายที่เรียนไปที่ไกลขึ้นจะได้ออกจากสิ่งแวดล้อมเดิมๆ เพื่อให้ไม่มีปัญหากับที่บ้าน ( พูดง่ายๆว่าทำให้เนียนนั่นแหละ) รร. ปัจจุบันก็ถือว่าดีอยู่แล้วเรียนมาตั้งแต่ประถม
การจะหาข้ออ้างย้ายที่เรียนเราต้องเลือกโรงเรียนที่ไกลเกินกว่าจะไปกลับ ดีกว่าเดิมอยู่ในระดับแถวหน้าของประเทศและพยายามสอบเข้าให้ได้ หลอกที่บ้านว่าได้โควต้า ทุกอย่างก็เป็นไปตามแผน Yes............ได้ไปแล้ว รู้ว่าอนาคตต้องพึ่งตัวเองมากกว่าที่เคยแอบกลัวแต่ก็ตื่นเต้น เปลี่ยนจากแขนยาวเป็นแขนจีบ
เราย้ายออกมาอยู่หอพัก เป็นหอ ญ อยู่คนเดียวเพราะต้องการความเป็นส่วนตัว ที่บ้านก็ต้องการแบบนั้นอยู่แล้วซึ่งมันก็ดี ชีวิตมีความสุขกว่าเดิม แต่แอบมีกังวลบ้างว่าวันนึงเปิดห้องเข้ามาจะเจอที่บ้านมาแอบค้นของนั่งรออยู่ไหม ตอนเลิกเรียนจะมาดักดูไหม (เคยโดน)
กลางคืนเราต้องเดินมาเช็คกลอน 2-3 ครั้งเพราะกลัวใครเปิดเข้ามา กลัวคนมากกว่ากลัวผี ใช้เวลาปรับตัวอยู่เป็นเดือนกว่าจะเริ่มหายระแวง แต่อาการนอนไม่หลับของเราก็ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่ หลับก็ฝันเหมือนตอนอยู่ที่บ้านพอสะดุ้งตื่นก็นอนไม่หลับอีก และแล้วความซวยก็มาเยือน
เริ่มมีปัญหา
สวัสดีจร้าฉันอายุ 16 พึ่งเข้า ม.4 แล้วฉัน ปวดท้อง จ้า ใช่แล้วค่ะ ปวดท้อง ปวดเหมือนท้องเมนนั่นแหละ เป็นๆหายๆ มันทำให้เรายิ่งไม่ได้นอนเข้าไปใหญ่ และ ไม่บอกที่บ้าน เพราะกลัวจะต้องกลับไปอยู่บ้าน (ความคิดเด็กๆในขณะนั้นอะเนอะ )
อาการกินเวลาอยู่ไม่นานประมาณเดือนก็เริ่มหนัก เราปวดนานปวดตลอดแล้วก็เลือดออก เหมือนประจำเดือนแต่มาเยอะมากแดงสด สุดท้ายไป รพ. แล้วก็พบว่าเป็นเนื้องอกที่มดลูกค่ะ รอไม่ได้ต้องผ่าเลยเพราะเส้นเลือดแตก ผ่ามดลูกทิ้งเหลือแต่รังไข่ หลังจากตรวจชิ้นเนื้อก็เป็นเนื้อร้ายอีก ต้องหาหมอตรวจมะเร็งซ้ำเป็นระยะทุก 3-6 เดือน ไปอีก 5 ปี
พักฟื้นอยู่ 2 สัปดาห์ก็กลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม แต่ไม่เหมือนเดิม หลายๆอย่างเหมือนฝันร้าย เรายังไม่เคยมีแฟนและตอนนี้เป็นหมันถาวรไม่สามารถท้องได้อีกแล้ว มีแผลใหญ่ที่หน้าท้อง มีเรื่องให้กลุ้มใจอื่นๆอีกมากมาย นี่คือ เรื่องที่ทำให้เริ่มมีปัญหา ข้อดีอย่างเดียวที่ได้จากเหตุการณ์นี้คือไม่มีประจำเดือนตลอดชีวิต
เข้าสู่อาการนอนไม่หลับอย่างหนัก
คืออาการทางกายและจิตใจที่ตามมาภายหลังผ่านตัดไปร่างกายมันมีการเปลี่ยนแปลง (+18) ทางกาย ความรู้สึกที่หัวนมกับตรงนั้นไวขึ้นมาก ทางจิตคือเราเริ่มหมกมุ่นคิดเรื่องใต้สะดือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆมันผุดขึ้นมาเอง พอจิตยิ่งคิดทางกายก็ยิ่งมีอาการ
(**เราได้แจ้งอาการกับหมอตอนไปตรวจมะเร็งซ้ำหลังผ่าตัด มันเป็นอาการเริ่มต้นโรคติดเซ็กซ์ Nymphomania แต่หมอบอกไม่เกี่ยวกับการผ่าตัด **)
เราเก็บเรื่องพวกนี้เงียบ เพื่อนจะรู้แค่ว่าเป็นเนื้องอกไปผ่าตัดแต่ไม่รู้เรื่องอื่นๆ (เราให้สังคมรอบตัวเห็นเฉพาะโลกที่เป็นด้านสว่างของเรา) จากทุนเดิมที่สมองคิดนู่นนี่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ภาระจากการเรียน การรับมือทางบ้าน ทีนี้ยิ่งฟุ้งซ่านเข้าไปใหญ่ จินตนาการเยอะมากนอนไม่หลับ
เวลาไปเรียนเราเริ่มเหมือนซอมบี้ เริ่มมีวูบหลับช่วงบ่าย เพลียขนาดไหน ตกกลางคืนก็ตาสว่างนอนไม่หลับอยู่ดี
ออกกำลังช่วยได้บ้างแต่ก็ไม่ดีขึ้น (ไม่ได้นอนแรงไม่ค่อยมี)
เราเริ่มหาอะไรทำตอนกลางคืนเพราะคิดว่าคงดีกว่ากลิ้งอยู่บนเตียงแล้วต้องลุกไปห้องน้ำสองรอบก่อนจะหลับ ก็เลยซื้อจักรมาเริ่มตัดเสื้อผ้า (ชอบคอสเพลย์อยู่แล้วอยู่บ้านไม่มีโอกาศได้ทำ) เล่นคอมบ้าง แชทบ้าง ทำอะไรไปเรื่อยจนกว่าตาจะปิดค่อยนอน ได้นอนเฉลี่ย 4-5 ชม./วันหรือน้อยกว่านั้น พอสะสมหลายๆวันก็อาจหลับจริงๆสักคืนแล้วก็กลับมาเป็นวัฐจักรเดิมซ้ำๆ
เริ่มใช้ยา
เราทนต่อการนอนไม่หลับอยู่จนอายุ 17 พยายามมีสติเพื่อประคองชีวิตให้อยู่ในลู่ทาง การเรียนให้รอด เพราะมันหมายถึงอิสระด้วย
ด้วยความบังเอิญเราได้ยานอนหลับเม็ดสีเหลืองมาจำนวนนึง (รู้ทีหลังคือ Valium) เราทนกับอาการนอนไม่หลับมานานแต่ไม่เคยนึงถึงยาเลย
มันคือสวรรค์จริงๆทำให้เราหลับได้สนิทตั้งแต่หัวค่ำ เหมือนปิดสวิตซ์สมอง ไม่คิด ไม่ฝัน ตื่นเต็มตาสดชื่น เรารู้ว่าเราเจอตัวช่วยแล้วพยามกินอย่างประหยัดใช้เท่าที่จำเป็น
แต่สุดท้ายของมันก็ต้องหมดอยู่ เราเริ่มเข้าหาหมอซื่อๆเพื่อขอยา แต่บ้าไปแล้ว หมอที่ไหนจะจ่ายยานอนหลับให้เด็กอายุ 17 ที่มาคนเดียวแถมบอกว่าเคยใช้ยาแต่ไม่มีประวัติการรักษา อาการนอนไม่หลับเราก็กลับมารังควานเหมือนเดิม เราพยายามหาข้อมูลในเน็ตหาสิ่งทดแทน ก็ซื้อยาแก้แพ้มากินมหาศาลแรกๆก็พอแทนได้แต่ไม่นานก็ดื้อยา ...... เราเริ่มหายานอนหลับอีกครั้งและความ
ติดยา
เรารู้แล้วว่าเราไม่มีทางหายาได้จากการพบแพทย์ตรงๆแน่ เราเริ่มใช้มารยา+อุบายแล้วก็หาทางจนได้แหละ จากหน่วยงานสาธาณสุขที่ปลอดภัยและไม่ใช่หมอเป็นคนจ่าย (ขออนุญาตไม่บอกวิธี) ได้มาเม็ดสีฟ้าเป็นยาคลายกังวลชื่อว่า Ativan สิบกว่าเม็ด เราหาข้อมูลตัวยาจากในเน็ตก่อนที่จะกิน และกินอย่างระมัดระวัง การกิน 1-2 เม็ดช่วยให้ไม่คิดมากแต่ไม่ได้หลับ ต้อง 3 เม็ดถึงจะหลับ
เราก็ชอบยาตัวนี้มากคือถ้าเรากิน 1 เม็ดจะช่วยให้เราสงบสมองไม่ยุ่งเหยิงมา ช่วงแรกเราใช้ช่วงกลางคืนหรือรุ่งขึ้นเป็นวันหยุด เพราะถ้ากินเอาหลับสนิทตื่นมาจะเอ๋อๆหน่อย เราใช้วิธีกินคู่กับยาแก้แพ้ก็ได้ผลเรื่องการนอนที่ดีขึ้นตื่นมาไม่เอ๋อ
หลังจากที่รับยามา 2-3 ครั้งจากหลายๆที่ เราก็ไม่ได้ประหยัดยาซะเท่าไหร่เพราะหาได้ไม่ยาก บางครั้งก็ได้ Valium มาด้วย ยาแก้แพ้โยนทิ้งไปเลย และก็เริ่ม ชิน กับยา เริ่มใช้ Ativan ในช่วงกลางวันด้วยเพื่อคลายเครียด
เวลาที่ยาออกฤทธิ์ขณะที่กำลังตื่นอยู่มันจะเหมือนอยู่ในโลกส่วนตัว ความคิดจะช้าลงจะไม่ได้สนใจสิ่งต่างๆรอบตัวเท่าไหร่ เรารู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทนกับอะไรเครียด ฟุ้งซ่านก็กินยา .......
เราจ่ายยาให้ตัวเองมาราวเทอมนึง กินเหมือนเป็นลูกอม จิตใจ ความคิด นิสัยเราเปลี่ยนไป เวลาในแต่ละวันเหมือนผ่านไปเร็วขึ้น
มีปัญหาเรื่องความจำ ออกจากห้องมาแล้วนึกขึ้นได้ “ปิดน้ำแล้วยังหว่า” ต้องกลับขึ้นไปดู ลงมาแล้วต้องกลับขึ้นไปใหม่เพราะกลัวลืมอย่างอื่นอีก ตื่นมาจำวันไม่ได้ ใส่เครื่องแบบผิดวัน จำการบ้านไม่ได้ จำนัดไม่ได้ สื่อสารกันคนอื่นไม่ค่อยรู้เรื่อง
คุมอารมณ์ไม่ค่อยได้ไม่สนใจโลก ไม่ระวังตัวหรือระแวงแบบแต่ก่อน เผลอบ่อยนั่งหวอออกบ้างทีก็รู้นะว่าออกแต่ก็ไม่สนใจว่าใครจะมอง ไม่ระวังคำพูดคิดอะไรรู้สึกยังไงก็พ่นออกมาทันที ขึ้นเร็วลงเร็ว ทะเลาะกับที่บ้านบ่อย โลกด้านสว่างที่สร้างให้คนอื่นมองเริ่มเล็กลง
ไม่ค่อยขัดใจตัวเองหรือคิดหน้าคิดหลัง หอปิด 4 ทุ่มแต่หิวจะกินก็ต้องหาทางออกไปให้ได้ ชอบอะไรก็ซื้อมันทุกสีไม่คิดอะไรทั้งสิ้น ใช้เงินหมดกระเป๋าจนไม่มีค่ารถ คือมันเหมือนแค่ คิด แล้วก็ ทำ ไปตามความอยาก ไม่กรอบ หรือ ขอบเขตอะไรดลใจที่จะขัดหรือห้ามสิ่งที่อยากจะทำ
ปลีกตัวออกจากสังคม ชอบอยู่ในโลกจินตนาการ เริ่มทำอะไรตามจินตนาการ วันนี้อยากใส่คอสเพลย์อยู่ห้องจินตานการว่าเป็นนั้นนี่ก็ใส่ อยากใส่ชุดหมวยไปข้างนอกก็ทำ เลิกเรียนกลับห้องหรือไปไหนทำอะไรคนเดียวไม่อยากยุ่งกับใคร ไม่ยัยยั้งความคิด 18+ ไม่ว่าจะที่ไหนเมื่อไหร่ อยู่ข้างนอกบ้างครั้งก็ปล่อยให้จินตนาการลื่นไหลไปจนเขื่อนแตกเลอะเทอะแล้วก็ตื่นเต้นดี
อาการเริ่มหนัก
การเรียนเริ่มมีปัญหา ช่วงใกล้สอบเราพยายามไม่ใช้ยาเพราะกลัวอาการเอ๋อเบลอ ผลคืออารมณ์เราแย่มาก ดำดิ่งมาก ความจำก็ยังไม่ดีอยู่เรียกว่าผลข้างเคียงจากยาไม่ได้หายไป
ชีวิตประจำวันบกพร่อง ไม่ทำความสะอาดห้อง ล้างจาน ซักเสื้อผ้า พอใส่หมดตู้แล้วก็ใส่ซ้ำรีดอย่างเดียวประโปรงบางทีเป็นอาทิตย์ ซักก็คืออาบน้ำทั้งชุดใส่เสื้อผ้าอาบเลยแล้วก็ตาก บางวันไม่อาบน้ำตื่นมาค่อยรีดเสื้อแปรงฟันแล้วไปเรียน
เริ่มมีความสุขกับสิ่งแปลกๆ เรามีความรู้สึกว่าอยากลงโทษตัวเอง เวลาจินตนาการว่าตัวเองทำเรื่องน่าอายหรือถูกเหยียดหยามแล้วรู้สึกดี+สะใจ ชอบการ detox หรือสวนทวารแล้วเวลากลั้นไว้จนแตกเพราะมันดูน่าอายเละเหมือนได้ลงโทษตัวเอง
เราพยายามเก็บอาการเพื่อไม่ให้คนอื่นรู้ เพื่อนก็เริ่มสังเกตเราก็ทำให้มันเข้าใจว่า อกหัก จะได้ไม่ต้องตอบอะไรเยอะ กลับห้องมาพออยู่ในโลกของตัวเอง อาจร้องไห้โฮ้โดยไม่มีสาเหตุจนตาปูด คิดอะไรไม่ออกเริ่มหัดกินเบียร์เพราะคิดว่าน่าจะดีกว่ากินยา กระป๋องนึงก่อนนอนก็พอให้อารมณ์มันลำมุนขึ้นได้บ้างแล้วก็อยู่ในจินตนาการต่อไป ใช้ความอดทนอย่างมากเพี่อให้ผ่านช่วงนี้ไปได้ จนสอบเสร็จถึงช่วงปิดเทอม
เราหาเรื่องไม่กลับบ้านโดยการลงเรียนพิเศษให้เยอะๆอ้างว่าเกรดตกเครียด ที่บ้านก็ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ แต่ก็ยอม ด้วยความที่เป็นปิดเทอมจะทำตัวให้ยุ่งยังไงมันก็ว่างอยู่ดี ดูหนังฟังเพลงเย็บผ้าอยู่ห้อง ปิดเทอมได้ไม่กี่วันปัญหาก็เกิดคือหอจับได้ว่าเอาเหล้าเข้ามากิน หอ ญ ค่อนข้างเข้มงวด แน่นอนเรื่องนี้ให้ใครรู้ไม่ได้โดยเฉพาะที่บ้าน จึงชิงขอย้ายออกมีแค่เพื่อนสนิทมาช่วยย้ายคนเดียวที่เหลือจ้าง
หลังจากย้ายมาอยู่ที่ใหม่ไม่ใกลจากเดิม เป็นหอรวมไม่มีข้อห้ามอะไรเข้าออกได้ตลอดค่าเช่าแพงกว่าเดิม เราเลยทำงานในห้างด้วยหาเงินกับแก้ว่าง ซึ่งเหนื่อยกว่าตอนเปิดเทอมเพราะห้างให้ใส่ชุด นร. เริ่มเรียนช่วงสายต้องแต่ตัวเหมือนไปโรงเรียนแต่ไปเรียนพิเศษเป็นตัวประหลาด เพราะปิดเทอมไม่มีใครใส่เครื่องแบบ บ่าย 3 ทำงาน เลิก 2 ทุ่ม และ
เราก็กลับมากินยาเหมือนลูกอมอีก ทั้งที่ไม่จำเป็นเลย ยาก็หลายอย่างขึ้น แล้วเราเริ่มกิ