คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
คนตายแล้วไปเกิดได้อย่างไร ?
http://pantip.com/topic/32113760/comment8

http://www.dharma-gateway.com/ubasok/boonmee/boonmee-02-02.htm
มรณุปปัตตินั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ มี ๔ ประการ คือ
๑. อายุขยมรณะ หมายถึง ตายโดยสิ้นอายุ
๒. กัมมักขยมรณะ หมายถึง ตายโดยสิ้นกรรม
๓. อุภยักขยมรณะ หมายถึง ตายโดยสิ้นอายุและสิ้นกรรม
๔. อุปัจเฉทกมรณะ หมายถึง ตายด้วยอุบัติเหตุต่างๆ มาตัดรอน คือยังไม่สิ้นทั้งอายุและยังไม่สิ้นทั้งกรรม
ข้อ ๑. อายุขยมรณะ ตายโดยสิ้นอายุ ข้อนี้ได้แก่สัตว์ทั้งหลายต้องตายโดนสิ้นอายุ เพราะสัตว์ทุกชนิดย่อมจะมีชีวิตอยู่ภายในขอบเขตของอายุขัย เช่น เต่ามีอายุ ๑๓๐ ปี ช้างมีอายุ ๓๐๐ ปี ยุงมีอายุ ๑๕ วัน เป็นต้น
มนุษย์ในปัจจุบันมีอายุขัยเพียง ๗๕ ปีก็ตาย แม้ว่าจะมีผู้มีอายุกว่า ๗๕ ปีก็มีอยู่บ้างจำนวนน้อย การที่โลกในปัจจุบันค้นคว้าในสรีระของมนุษย์ จนมีความรู้ละเอียดประณีตค้นคว้าในเรื่องอาหารและหยูกยาสารพัด เพื่อประสงค์จะให้มนุษย์ปราศจากโรคภัยมาเบียดเบียน แล้วจะได้มีอายุยืนนั้น ถึงค้นคว้ากันต่อไปสักเพียงใด วิทยาศาสตร์การแพทย์จะเจริญก้าวหน้าไปสักเพียงไหน ก็เป็นการช่วยได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะการมีอายุยืนหรืออายุสั้น มิได้มีเหตุเพียงในด้านวัตถุอย่างเดียวเท่านั้น แต่ความจริงมีเหตุอื่นสำคัญมากอีกหลายประการ ซึ่งข้าพเจ้าจะได้กล่าวในโอกาสต่อไป
๒. กัมมักขยมรณะ ตายโดยสิ้นกรรม ในข้อนี้หมายถึงว่า การที่สัตว์ทั้งหลายเกิดขึ้นมาและเป็นไปนั้นอาศัยกำลังของกรรมหล่อเลี้ยงหรือสนับสนุนไว้ หากหมดกำลังของกรรมเมื่อใด ผู้นั้นก็จะถึงแก่ความตาย สำหรับในเรื่องของกรรมที่หล่อเลี้ยงหรือสนับสนุนให้ชีวิตดำเนินไปได้อย่างไร ข้าพเจ้าจะให้เหตุผลข้อเท็จจริงภายหลัง ขณะนี้กำลังกล่าวถึงเรื่องความตาย การที่จะต้องกล่าวถึงกรรมก็เพราะเกี่ยวพันไปถึง
๓. อุภยักขยมรณะ ตายโดยสิ้นอายุและกรรม ข้อนี้ไม่มีปัญหาอะไรมาก ด้วยความตายที่เกิดขึ้นเพราะสิ้นอายุนั้นหมายถึงแก่เฒ่าอายุมาก ร่างกายก็หมดกำลังที่จะอยู่ต่อไปได้ ทั้งกรรมที่สนับสนุนให้คงชีวิตอยู่ก็หมดลงด้วย บุคคลผู้นั้นก็ถึงแก่ความตายด้วยเหตุทั้ง ๒
๔. อุปัจเฉทกมรณะ หมายถึง ตายด้วยอุบัติเหตุต่างๆ มาตัดรอนทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงอายุขัยและยังไม่สิ้นกรรม เช่น ตกต้นไม้ตาย หรือถูกรถทับตาย ความตายในข้อนี้เป็นความตายโดยเหตุต่างๆ อันเป็นปัจจุบัน มิได้สิ้นอายุหรือมิได้สิ้นกรรม แต่มีกรรมในอดีตมาตัดรอน อาศัยกรรมแต่อดีตเป็นแรงส่ง เช่นกรรมแต่อดีตเป็นตัวส่งให้เข้าไปอยู่ในเรือนจำแล้วไปติดโรคระบาดภายในเรื่อนจำตาย เป็นต้น
เพื่อความเข้าใจง่ายขึ้นสำหรับความตายทั้ง ๔ ประการนี้ ท่านได้เปรียบเทียบไว้กับดวงประทีปที่ใช้น้ำมัน คือ ชีวิตทั้งหลายเปรียบเหมือนดวงประทีป หรือโคมไฟที่อาศัยน้ำมัน ธรรมดาโคมไฟที่อาศัยน้ำมันนั้นไฟจะดับก็ด้วยเหตุ ๔ ประการ
เหตุที่ทำให้ไฟดับ ๔ ประการ คือ
๑. เพราะเหตุที่หมดน้ำมัน
๒. เพราะเหตุที่หมดไส้
๓. เพราะเหตุที่หมดทั้งน้ำมันและหมดไส้
๔. เพราะเหตุที่มีอุบัติเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ลมพัดดับ หรือมีอะไรมาทับให้ดับ
คนที่ฆ่าตัวตาย ถือว่าหมดสิ้นอายุขัยไหมคับ
ผมว่า น่าจะตรงกับข้อนี้ครับ
๔. อุปัจเฉทกมรณะ หมายถึง ตายด้วยอุบัติเหตุต่างๆ มาตัดรอนทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงอายุขัยและยังไม่สิ้นกรรม
http://pantip.com/topic/32113760/comment8

http://www.dharma-gateway.com/ubasok/boonmee/boonmee-02-02.htm
มรณุปปัตตินั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ มี ๔ ประการ คือ
๑. อายุขยมรณะ หมายถึง ตายโดยสิ้นอายุ
๒. กัมมักขยมรณะ หมายถึง ตายโดยสิ้นกรรม
๓. อุภยักขยมรณะ หมายถึง ตายโดยสิ้นอายุและสิ้นกรรม
๔. อุปัจเฉทกมรณะ หมายถึง ตายด้วยอุบัติเหตุต่างๆ มาตัดรอน คือยังไม่สิ้นทั้งอายุและยังไม่สิ้นทั้งกรรม
ข้อ ๑. อายุขยมรณะ ตายโดยสิ้นอายุ ข้อนี้ได้แก่สัตว์ทั้งหลายต้องตายโดนสิ้นอายุ เพราะสัตว์ทุกชนิดย่อมจะมีชีวิตอยู่ภายในขอบเขตของอายุขัย เช่น เต่ามีอายุ ๑๓๐ ปี ช้างมีอายุ ๓๐๐ ปี ยุงมีอายุ ๑๕ วัน เป็นต้น
มนุษย์ในปัจจุบันมีอายุขัยเพียง ๗๕ ปีก็ตาย แม้ว่าจะมีผู้มีอายุกว่า ๗๕ ปีก็มีอยู่บ้างจำนวนน้อย การที่โลกในปัจจุบันค้นคว้าในสรีระของมนุษย์ จนมีความรู้ละเอียดประณีตค้นคว้าในเรื่องอาหารและหยูกยาสารพัด เพื่อประสงค์จะให้มนุษย์ปราศจากโรคภัยมาเบียดเบียน แล้วจะได้มีอายุยืนนั้น ถึงค้นคว้ากันต่อไปสักเพียงใด วิทยาศาสตร์การแพทย์จะเจริญก้าวหน้าไปสักเพียงไหน ก็เป็นการช่วยได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะการมีอายุยืนหรืออายุสั้น มิได้มีเหตุเพียงในด้านวัตถุอย่างเดียวเท่านั้น แต่ความจริงมีเหตุอื่นสำคัญมากอีกหลายประการ ซึ่งข้าพเจ้าจะได้กล่าวในโอกาสต่อไป
๒. กัมมักขยมรณะ ตายโดยสิ้นกรรม ในข้อนี้หมายถึงว่า การที่สัตว์ทั้งหลายเกิดขึ้นมาและเป็นไปนั้นอาศัยกำลังของกรรมหล่อเลี้ยงหรือสนับสนุนไว้ หากหมดกำลังของกรรมเมื่อใด ผู้นั้นก็จะถึงแก่ความตาย สำหรับในเรื่องของกรรมที่หล่อเลี้ยงหรือสนับสนุนให้ชีวิตดำเนินไปได้อย่างไร ข้าพเจ้าจะให้เหตุผลข้อเท็จจริงภายหลัง ขณะนี้กำลังกล่าวถึงเรื่องความตาย การที่จะต้องกล่าวถึงกรรมก็เพราะเกี่ยวพันไปถึง
๓. อุภยักขยมรณะ ตายโดยสิ้นอายุและกรรม ข้อนี้ไม่มีปัญหาอะไรมาก ด้วยความตายที่เกิดขึ้นเพราะสิ้นอายุนั้นหมายถึงแก่เฒ่าอายุมาก ร่างกายก็หมดกำลังที่จะอยู่ต่อไปได้ ทั้งกรรมที่สนับสนุนให้คงชีวิตอยู่ก็หมดลงด้วย บุคคลผู้นั้นก็ถึงแก่ความตายด้วยเหตุทั้ง ๒
๔. อุปัจเฉทกมรณะ หมายถึง ตายด้วยอุบัติเหตุต่างๆ มาตัดรอนทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงอายุขัยและยังไม่สิ้นกรรม เช่น ตกต้นไม้ตาย หรือถูกรถทับตาย ความตายในข้อนี้เป็นความตายโดยเหตุต่างๆ อันเป็นปัจจุบัน มิได้สิ้นอายุหรือมิได้สิ้นกรรม แต่มีกรรมในอดีตมาตัดรอน อาศัยกรรมแต่อดีตเป็นแรงส่ง เช่นกรรมแต่อดีตเป็นตัวส่งให้เข้าไปอยู่ในเรือนจำแล้วไปติดโรคระบาดภายในเรื่อนจำตาย เป็นต้น
เพื่อความเข้าใจง่ายขึ้นสำหรับความตายทั้ง ๔ ประการนี้ ท่านได้เปรียบเทียบไว้กับดวงประทีปที่ใช้น้ำมัน คือ ชีวิตทั้งหลายเปรียบเหมือนดวงประทีป หรือโคมไฟที่อาศัยน้ำมัน ธรรมดาโคมไฟที่อาศัยน้ำมันนั้นไฟจะดับก็ด้วยเหตุ ๔ ประการ
เหตุที่ทำให้ไฟดับ ๔ ประการ คือ
๑. เพราะเหตุที่หมดน้ำมัน
๒. เพราะเหตุที่หมดไส้
๓. เพราะเหตุที่หมดทั้งน้ำมันและหมดไส้
๔. เพราะเหตุที่มีอุบัติเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ลมพัดดับ หรือมีอะไรมาทับให้ดับ
คนที่ฆ่าตัวตาย ถือว่าหมดสิ้นอายุขัยไหมคับ
ผมว่า น่าจะตรงกับข้อนี้ครับ
๔. อุปัจเฉทกมรณะ หมายถึง ตายด้วยอุบัติเหตุต่างๆ มาตัดรอนทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงอายุขัยและยังไม่สิ้นกรรม
แสดงความคิดเห็น
คนที่ฆ่าตัวตาย ถือว่าหมดสิ้นอายุขัยไหมคับ