สวัสดีทุกคนนนนนน
รอบนี้ไปตัดสูทแบบ Tailor Made ร้าน Jesse & Son มาค่ะ
มารีวิวให้ฟัง


ร้านนี้ มีโรงงาน มีช่างเป็นของตัวเอง ทำให้ตัดออกมาเร็วและดูดี
ราคาถูกกว่าที่คิด
เค้าจะเน้นให้เราดีไซน์ได้เต็มที่ อยากใส่อะไรใส่ ไม่คิดเงินเพิ่ม ราคาขึ้นอยู่กับผ้าที่เลือกแค่นั้นเลย
บริการดี บรรยากาศดี


เข้าไปถึงมีโซนกาแฟ วิสกี้ เป็นบาร์ย่อมๆ 
ไม่เหมือนมาร้านตัดสูทเลย 


พนักงานก็ให้คำแนะนำดี ใจเย็น สุภาพ ใส่ใจ ละเอียด 
รู้สึกได้ว่าเค้าคำนึงถึงลูกค้าเวลาตัดออกไปใช้งานจริง จริงๆ
เริ่มตั้งแต่สูทก่อน
ร้านนี้จะเป็นราคาเดียว ขึ้นอยู่ที่ผ้าที่เราเลือกเลยค่ะ จะใส่รายละเอียดยังไง ดีเทลต่างๆ ได้หมด ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม 

ผ้ามีทั้งแบรนด์และไม่แบรนด์
ผ้า wool 100% แบรนด์อิตาลี มีทั้ง Ermenegildo zegna, Drago, Loro Piana, Vitale Barberis 

ส่วนผ้าไม่แบรนด์เป็นผ้าจากอินเดีย มีตั้งแต่ wool 20% จนถึง 100% 

พอเราเลือกผ้าเสร็จ ทีนี้จะเป็นในส่วนของรายละเอียด
ซึ่งเราเลือกได้ละเอียดมาก
ทรงปก ซับใน สีด้าย รังดุม เป็นเบสิกอยู่แล้ว แต่ของเค้าจะมีดีเทลเพิ่มเข้าไปอีกในแต่ละจุดอีก 

ซับในที่นี่ใช้เป็น ยี่ห้อ Bemberg ของญี่ปุ่น เป็นซับในตัวเดียวที่มาจาก cotton ซึ่งถ่ายเทดีกว่า polyster
จะมีแค่ 4-5 ร้านในไทยที่มียี่ห้อนี้



ส่วนกระดุม เค้าไม่ใช้พลาสติก 
แต่ใช้เป็นเขาวัวกับเปลือกหอย ซึ่งทนทานและสวยกว่า

อันนี้คือหางม้า ที่เค้าเอามาใช้ในสูทแทนกาวค่ะ ไม่เคยเห็นเลย

ปกติแล้วเวลาตัดสูท เค้าจะใช้กาวระหว่างซับในกับผ้าสูทซึ่งพอเราซักแห้งบ่อยๆ จะเกิดการพองได้
อันนี้จะทำให้เข้ารูปสวยขึ้นและทนทาน ซักแห้งไปนานๆ ก็ไม่พองไม่กรอบเหมือนกาว
 
พอเลือกแบบเสร็จ จะเป็นในส่วนของการวัดตัว 

เค้าจะไม่ได้แค่วัดตรงๆ แต่เค้าจะดูสรีระและท่ายืนธรรมชาติของเราด้วย
อย่างเราไหล่ไม่เท่ากัน เค้าจะเสริมบ่าที่ต่ำกว่าเพื่อให้พอใส่แล้วออกมาสมดุลสวย 
และท่ายืน แขนแต่ละคนบางทีปล่อยลงมาในองศาที่ต่างกัน เค้าจะตัดตามท่ายืนธรรมชาติของเรา เพื่อไม่ให้พอใส่ไปแล้ว มีจุดด้านข้าง ด้านหลังย่น
อันนี้ส่วนตัวเคยเจอปัญหามา พอมาตัดที่นี่ เค้าอธิบายให้ฟังเลยเข้าใจเลย 
 
ส่วนกางเกงก็จะเป็นผ้าเดียวกับเสื้อแจ็คเกต
ที่พิเศษของกางเกงเค้าอยู่ที่ตรงขอบกางเกง
ถ้าคนที่ชอบใส่สแล็คจะรู้ ถ้าเอาขอบมาจับๆ พับๆ จะมีเสียงกร๊อบแกร๊บ เพราะส่วนมากเค้าจะใส่พลาสติกข้างในเพื่อให้แข็ง อยู่ทรง แต่อันนี้เค้ามีวิธีเฉพาะของร้าน ไม่ใส่พลาสติก แต่แข็ง อยู่ทรง ไม่มีกร็อบแกร็บเลย
 
ต่อมาเป็นส่วนของเสื้อเชิ้ท

ราคาจะรวมทุกอย่างหมดแล้ว ดีเทลจุดต่างๆ ซับใน ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม
กระดุมเสื้อเชิ้ทก็เป็นเปลือกหอยทั้งหมด เป็นกระดุมที่แพงที่สุดค่ะ อันนี้ก็ไม่คิดเพิ่ม 
ผ้ามีให้เลือกตามนี้ค่ะ
 
Cotton มี single ply, double ply 
ความถ่ายเทพอๆ กัน
ply จะเป็นความละเอียดของผ้า
Single ply จะ หนา นุ่มกว่า 
Double ply เรียบ ทิ้งตัวมากกว่า
Linen 
Egyptian cotton 
Soktas เป็นยี่ห้อตุรกี
Cotton poly ใส่รีดง่าย ไม่ยับ 
 
อันนี้จบในส่วนของสูทกับเชิ้ทค่ะ
ใช้เวลาเลือกพอสมควร แต่สนุกมาก 
เหมือนได้ตัดสูทที่เป็นของเราจริงๆ ได้เลือกทุกอณูเลย
มาต่อกันที่รองเท้าค่ะ

รองเท้าก็เป็นแบบ tailor made เหมือนกัน
ทำมือหมด
เริ่มจากวัดเท้าก่อน วาดตามลายเท้าเราออกมาเลย ดูว่าทรงเป็นยังไง อย่างของเราตรงหน้าเท้ามีกระดูกที่นูนๆ ออกมา และใต้เท้าแบน ไม่มีช่อง



ซึ่งรายละเอียดตรงนี้มีผลหมดเวลาทำไมเราใส่รองเท้าแล้วมันเจ็บ มันบีบ หรือเดินแล้วมันไม่สบาย มันเมื่อย
อันนี้เค้าจะแก้ตรงนี้หมดเลย เพราะเป็นการทำรองเท้าที่เหมาะกับเท้าเราจริงๆ คือนอกจากสวยตามที่เราต้องการ คือได้รองเท้าที่เหมาะสมกับสรีระเท้าเราค่ะ
 
มาขั้นตอนการดีไซน์
เริ่มจากแบบรองเท้า หัวรองเท้า หนังด้านนอก หนังด้านใน พื้นรองเท้า ขอบรองเท้า สีด้าย สีเชือก ใส่ initial เลือกได้ทุกจุดจริงๆ 
 
หนังด้านนอกที่มีให้เลือกก็จะเป็น
หนัง oil (หนังวัว) มีของอิตาลี อเมริกา ไทย
หนังฟอกฝาด (หนังวัว) จะออกแนว สีย้อมธรรมชาติ
หนังกลับ (หนังแพะทั้งหมด) ขนละเอียดมาก บาง ใส่สบาย
หนังนิ่ม (หนังแกะ)   
หนังหนา (หนังวัว) มี ลาย หนัง ในตัว
หนังขัด (หนังวัว) จะมีความเงา ทนทาน 
ตรงนี้เล่นสีได้ด้วยนะคะ อยากอ่อนไล่ไปเข้ม อ่อนตรงนั้น เข้มตรงนี้ ทำได้หมด เพราะเค้าทำมือ ฮือออ ดีมากก

พื้นรองเท้ามีให้เลือก 3 แบบ

หนัง ถ่ายเทอากาศได้ดี ไม่ร้อน แต่อาจจะลื่นหน่อย
ยาง ทนทาน แต่เวลาเดิน มันเสียดสีกับพื้นทำให้มีความร้อน ถ่ายเทอากาศไม่ดี อันนี้คือรองเท้าหนังทั่วไป ที่ทำไมเดินแล้วมันร้อน มันอบ ก็เพราะเป็นพื้นยางเลย
ส่วนอันสุดท้ายคือ กึ่งยาง ก็จะอยู่ตรงกลาง อันนี้เป็นแบบที่เค้าแนะนำค่ะ
 
ราคาจะขึ้นอยู่กับพื้นยางที่เลือก มี 3 แบบ
พื้นยาง กึ่งยาง ใช้วิธีการเย็บแบบ Blake Stitch
แล พื้นหนัง ใช้วิธีการเย็บแบบ Goodyear Welt

อันนี้ก็เหมือนกันค่ะ ราคาเดียว รวมทุกอย่าง ใส่ดีเทลอะไรได้หมดเลย
 
แล้วก็มีเข็มขัดด้วยค่ะ
ส่วนมากเค้าจะตัดรองเท้าคู่กับเข็มขัด เพราะจะได้แมทช์กัน

รองเท้าจะใช้เวลาทำประมาณ 1 อาทิตย์
จบไปสำหรับวันแรกค่ะ
 
วันนี้เป็นวันที่มาลองใส่ เก็บรายละเอียด เก็บไซส์กันค่ะ



และนี่ก็คือชุดของเราค่า

ใส่ไปคุยงานกับลูกค้ามา เลยแวะถ่ายมุมมหาชนสักหน่อย 
งานเนี๊ยบมาก พอดีตัวเลย
เวลาเดิน หรือเอามือล้วงกระเป๋า ทุกอย่างพอดี ไม่รั้งไม่ตึงค่ะ




ร้านนี้เปิดมาตั้งแต่ปี 1963 เป็นร้านสูทร้านแรกที่อุดร
แล้วก็ย้ายเข้ามาในกรุงเทพ และมาเริ่มต้นทำแบบ tailor made เมื่อ 1979 ค่ะ 
ที่ชอบมากของร้านนี้คือมีครบทุกอย่าง เสื้อ สูท กางเกง รองเท้า เข็มขัด และเป็น Tailor Made แบบจริงๆ
ใช้ช่างไทยหมด มีโรงงานเป็นของตัวเอง 
ราคาเลยไม่สูง แต่คุณภาพเทียบแบรนด์ยุโรปเลย
 
ร้านอยู่ในซอยสุขุมวิท 10 เข้ามานิดเดียวถึงเลยค่า