Ⓢ
Ⓢ
วัดเลียบ สงขลา บังสกุลปู่ย่า
Ⓢ
Ⓢ
ภาพไม่สวย แต่มีเรื่องอยากเล่า บุญเดือนสิบ
คือ การทำบุญให้บรรพบุรุษบางท่าน
ที่ดีครึ่งบาปครึ่ง ยังเป็นเปรตอยู่
ถ้าดีมากก็ไปเป็นเทียมดา(เทวดา) นางฟ้า
ถ้าเลวมากก็ไปไป๊ ไปลงนรก ซะเถอะที่รัก
ฉันจะลงโทษเธอ แบบเพลงนางแมว
Ⓢ

Ⓢ
นางแมว หินเหล็กไฟ
คนใต้ภูมิใจที่มีบรรพบุรุษเป็นเปรต
ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี เคยอภิปรายในรัฐสภา
แต่จริง ๆ มีในพระไตรปิฏกในพระสูตรหลายเรื่อง
ให้ถามอากู๋ Google ใช้คำว่า เปรต+พระสูตร
ถ้าใครค้นไม่ตรงกับภาพตัวอย่าง ไม่ต้องตกใจ
เท่าที่ทราบ Google มีระบบคณิตศาสตร์
อัลกอลิซึ่ม 3 ตัวหลัก ผสมกับอีก 200+
ที่เป็นความลับ กันคนทำให้ Website ตนเอง
ติด Ranking ลำดับต้น ๆ
การใช้คณิตศาสตร์ Google มี ไว้ตอบสนอง
รัดดวง (ริดสีดวงทวาร แบบคัน ๆ มัน ๆ สะใจดี)
คนค้นหา เช่น เข้า website เสริมสวย ต้นไม้
สัตว์เลี้ยง สาย Dark สายหนัง R
ถ้ายังมี Cookie กับ Website เดิมค้างอยู่
อากู๋จะดึงขึ้นมา นำมาประมวลผล คำนวณแล้ว
จัดให้ตรงหรือใกล้เคียงกับเรื่องถูก รัดดวง
Ⓢ
Ⓢ
Ⓢ
Ⓢ
วันชิงเปรต เชื่อว่า นรก สวรรค์ เปิดประตูว่าง
ให้บรรพบุรุษมาเยี่ยมเยือนลูกหลานบนโลกได้
(เปรตบางตน ครึ่งวันเช้าเป็นเทียมดา นางฟ้า
ครึ่งวันตกค่ำกลายเป็นเปรต ก็มีในพระสูตร)
15 วันเปิดโลก จึงมีวันรับ วันส่งเปรต
ครั้งแรก วันแรม 1 ค่ำ เดือน 10 เรียกว่า วันรับเปรต
ครั้งที่สอง วันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 เรียกว่า วันส่งเปรต
อุบายเดิมของคนโบราณ คือ วันรวมญาติ
เผื่อการเดินทาง พักผ่อน สนทนากันในหมู่ญาติ
สมัยก่อนหนทางลำบาก ไปมาหาสู่กินเวลานาน
การรวมญาติ คือ การนับญาติ ไล่สายญาติกัน
ว่าเกี่ยวดองกับใคร ใครเป็นพี่ใครเป็นน้อง
ลุงป้าน้าอา ปู่ย่าตายาย ทวด กับใครบ้าง
ถ้ามีเกลอก็นับด้วย ถ้าทางอีสาน คือ เสี่ยว
ถือว่าเป็นญาติสนิทอีกสายหนึ่งเช่นกัน
การนับญาติ มักนับกันก่อน/วันชิงเปรต
เป็นการทบทวนความทรงจำเครือญาติด้วย
แถวบุรีรัมย์ ศรีสระเกษ สุรินทร์ อีสานเขมรสูง
นิยมกินข้าวเจ้า ก็มีบุญเดือนสิบ เรียกว่า
แฏนโดนตา (เซ่นยายตา)
เคยมีป้ายหมู่บ้าน ที่นำโชว์ขำขันกึ่ง Rate R
บ้านโดนเอาว์ คือ บ้านยายเอาว์
ในเขมรต่ำบางส่วน ละแวกเขาพระวิหาร
ในกัมพูชา ก็มีประเพณีนี้เช่นกัน
Ⓢ
Ⓢ
Ⓢ
คนไทยในอดีตนับญาติสายแม่เป็นหลัก
เพราะ ชายข้าวเปลือก หญิงข้าวสาร
ชายไทยมักจะ(ดั้น)ด้น เที่ยวไปทั่ว ไข่ไปทั่ว
ไปรบมั่ง ไปปล้นมั่ง ถูกฆ่าตายมั่ง หายหัวไปมั่ง
ไปบวชมั่ง ติดหญิงมั่ง ติดเหล้ามั่ง ติดกัญชามั่ง
มีแต่ผู้หญิงที่มักจะอยู่กับที่ดูแลลูก
เลยนับญาติทางสายแม่ซะเลย
ให้แม่เป็นใหญ่ เช่น แม่น้ำ แม่ทัพ แม่ค้า
ประเพณีบางแห่ง ชาย คือ บ่าว ผู้บ่าว
ต้องมาทำงานรับใช้บ้านเจ้าสาว
ถ้าได้เรื่องจริงจะรับเป็นลูกเขย ลูกชาย
ถ้าไม่ได้เรื่องจะเฉดหัวไป ออกไปให้พ้น
ส่วนผู้หญิงก็มีสิทธิ์หาบ่าวคนใหม่ได้
มีใน
หญิงเป็นนาย ชายเป็นบ่าว
ของ สุจิตต์ วงษ์เทศ มีหลายเรื่องในนิยามนี้
แต่ทางใต้ บางพื้นที่มีวัฒนธรรมอีกแบบ
ชายบางคนมักเบร่อตั้งตาย
(เบร่อ=ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้ความ ตั้งตาย=ฝุดฝุด)
แม้ว่าหย่าร้างกับหญิงแล้ว ถ้าหญิงไปมีบ่าวใหม่
ถ้ายังอยู่ในถิ่นเดิมมักจะมีภัยจากบ่าวคนเดิม
ถือว่า ลบเหลี่ยม ลูบคม เสียเหลี่ยม เสียศักดิ์ศรี
หยาม(เหยียดหยาม)น้ำหน้ากัน ถือว่าดูถูก
(จริง ๆ ดีกว่าดูผิด) ว่า เป็นคนไม่สาไหร ม่ายไหร
(ไม่มีสาระ ไร้แก่นสาร ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้ความ)
อาจมีรายการ มียิง มีแทง ให้ตาย ให้เจ็บ
ทำให้ร้านข้าวแกงคนใต้ ตามต่างจังหวัด
หลายรายไป เปิดถึงเชียงใหม่ เชียงราย
หรือตามต่างจังหวัดไกลจากบ้านเกิดถิ่นเดิม
จากการพูดคุยสอบถามเจ้าของสตรีหลายคน
สอบถามพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการ
แบบคนใต้ชอบแหลง(แถลง/พูดคุย) ใต้กัน
แบบคนบ้านเดียวกันแหลงได้แรงอก หนัดเหนียง
(แรงอก=ถึงอกถึงใจ หนัดเหนียง=ถนัด/เข้าเลือด/เข้าใจ)
หลายคนหย่าร้างกับบ่าวเดิม เลยย้ายมาที่นี่
บางคนก็ได้จากร้านข้างเคียงซุบซิบนินทา
คาบข่าวมาบอกคนมาซื้อข้าวของ แบบคันปาก
(น่าจะมีคนทำวิจัยพฤติกรรมคนใต้เรื่องแบบนี้
แต่เก็บขัอมูลยากหน่อย เพราะอาจต้องใช้เวลา
กับการสัมภาษณ์เจาะลึกในประเด็น
แต่กลุ่มประชากรตัวอย่างน้อยและกระจัดกระจาย)
หลายคนที่รู้มักเป็นหญิงหย่าร้างบ่าวเก่าแล้ว
ย้ายมาทำมาหากินที่ใหม่ อยู่ที่เดิมไม่ได้
เพราะบ่าวเก่าไม่ยอม เคืองจัด แค้นจัด
ถือว่า ลบเหลี่ยม หักเขี้ยว(เสือ หมา)
ย้ายไปไกล ๆ จากถิ่นเดิมจึงไม่มีปัญหา
ข้อมูลส่วนหนึ่งมาจากล่ามคนไทย ที่แปล
ภาษาเขมร ไทย อังกฤษ ให้ UNHCR
สมัยเขมรแตก (ปแฏง มหาบุญเรือน คชมาย์)
อดีตอาจารย์พิเศษภาษาเขมร
มหาวิทยาลัยราชภัฏ สุรินทร์
แต่นักประวัติศาสตร์บางคนบอกว่า
ประเพณีนี้มีก่อนการนับถือพุทธของชาวบ้าน
เป็นการทำบุญเพื่อระลึกถึงคนตาย ญาติพี่น้อง
ที่ถูกกวาดต้อนไปเมืองอื่น โอกาสกลับมาคงยาก
ในอดีต คนมีน้อย แก่ง่ายตายเร็ว
40 กว่าปี ก็แก่หง่อมกันจำนวนมากแล้ว
หยูกยารักษา หมอยาก็หายาก
ยังไม่มี 30 บาทรักษาทุกโรคด้วย
อายุขัยเฉลี่ยราว 40-50 ปี จึงมีลูกกันเร็ว
รบกันแต่ละที ก็กวาดต้อนคนไปเมืองผู้ชนะ
ขนมต่าง ๆ มีในสัญรูป มีนัยความหมายแฝงอยู่
ขนมลา คือ เสื้อผ้าให้คนตาย
ขนมเจาะหู คือ แหวนทองติดหู
จำเป็นค่อยแกะออกขายหรือจำนำได้
ขนมข้าวพอง ขนมหัวเป็ด คือ เรือแพ ให้นำพา
คนแดนไกลกลับบ้าน ให้นำไปใช้ทำมาหากิน
ข้าวต้มมัด คือ เสบียงกรัง ถ้าย่างดีดี ในอดีต
แต่ทุกวันนี้นึ่งบ่อย ๆ เก็บไว้ในตู้เย็นช่องแช่แข็ง
ก็จะเก็บกินได้นานวัน
ภายหลังจากที่ชาวบ้านนับถือศาสนาพุทธแล้ว
พระภิกษุที่รู้ก็เอาที่มาพระไตรปิฏกสอดใส่เข้าไป
แล้วกล่อมเกลาจนเป็นเนื้อเดียวกับศาสนาพุทธ
ประเพณีบุญเดือนสิบ จัดว่าเป็นงานสำคัญของ
คนพุทธ นครศรีธรรมราช สงขลา พัทลุง ยะลา
นราธิวาส ปัตตานี
ส่วนสุราษฏร์ธานี ให้ความสำคัญวันชักพระ
เพราะมีประเพณีชักพระกับขอนไม้ วางเรียงไป
แล้วคอยยกไปวางไป ให้ชักพระไปได้
เดิมประเพณีนี้ยังมีที่ไชยา พุมเรียง
ตามนักประวัติศาสตร์ทัองถิ่น เขียนไว้
(ธรรมทาสน้องชาย ท่านพุทธทาสภิกขุ)
ตรัง กระบี่ ภูเก็ต จะคึกคักมากกับเรื่องกินเจ
ส่วนชุมพร ระนอง จขกท.ไม่มั่นใจข้อมูล
ปักษ์ใต้ คือ ปีกนก ด้ามขวาน มี 14 จังหวัด
ไม่นับรวมประจวบคีรีขันธุ์ (มีทองบางสะพาน)
แหล่งแร่ทองคำที่นี่เดิมคือ Grade Premium
ยังมีชาวบ้านร่อนทองตามแม่น้ำอยู่ประปราย
ผมเคยจะเข้าไปดู แต่กลัวรถยนต์ติดหล่ม
และไปกับครอบครัว เลยอดไปเยี่ยมชมครานั้น
เมืองหลวงต้องการทองคำมาก
เลยมอบหมายให้เพชรบุรีคุมเชิงไว้ก่อน
ไม่ต้องการให้ นครศรีธรรมราช ชุมพร ตรัง ภูเก็ต
เดิมเมืองทั้งสี่นี้ เป็นยุคกินเมืองประมูลภาษีให้รัฐ
กลัวเจ้าเมืองจะงาบไป ทองคำก็จะได้น้อยลง
ปีไหนมีเดือน
แปดสองหน
คือ วันทำบุญยาวนานขึ้น นานกว่าปีก่อน ๆ
เมื่อดูจากปฏิทินปีก่อน ๆ ไม่ตรงเดือนกัน เข่น
วันวิสาขะ วันเข้าพรรษา วันออกพรรษา
หรือเรียกว่า แปดหนหน้า แปดหนหลัง
ที่ใช้เดือนแปด เพราะทางอินเดีย
จะเป็นช่วงต้นฤดูฝนของอินเดีย
เพราะวันทางจันทรคติ ปีหนึ่งมี 360 วัน
โดยดูการโคจรของดวงจันทร์เป็นหลัก
วงโคจรดวงจันทร์จะเร็วกว่าดวงตะวัน 11 วัน
ถ้าราว 2- 3 ปีเศษไม่ชด หรือเพิ่มในปีปฏิทิน
วันทำไร่ไถนา วันดูฟ้าฝนจะคลาดเคลื่อนไปหมด
เลยต้องชดเชยครั้งละ 1 เดือนในรอบปี
ให้ตรงกับวันทางสุริยคติปีละ 365 วัน
หรือ ทุก ๆ 4 ปีหารลงตัว จะเป็น 366 วัน
ทั้งสองท่านนี้คือ ผู้สมานฉันท์ คู่กัดแข่งศตวรรษ
พระยาอุปกิตศิลปสาร(นิ่ม กาญจนะชีวะ)
เสาหลักหลักภาษาไทยของสยามรัฐ
ท่านไปแซว
ศาตราจารย์ รตท.มหาแสง มนวิฑูร
ปราชญ์ภาษาสันสกฤต บาลี โบราณคดี ว่า
"
หนังสือมหา อ่านยาก และยาวมาก"
มหาแสงเลยศอกกลับว่า
"
ผมไม่ได้เขียนให้คนโง่อ่าน "
เล่นเอาท่านงอนกับเคืองไปร่วมเดือน
กว่ามีคนมาเจรจาไกล่เกลี่ยให้คืนดีกัน
เพราะทั้งคู่เป็น
ปราชญ์ในหมู่ปราชญ์
ของแท้แน่นอนดีกว่า
ปราชญ์ในหมู่เปรต
Sir Issac Newton ตอนเขียน Calculus
ทฤษฏีแรงโน้มถ่วงโลก ดวงตะวัน ดวงจันทร์
ท่านก็เขียนเป็นภาษาละติน ภาษาบาทหลวง
ภาษานักวิชาการ คนมีการศึกษาในยุโรป
แบบภาษาบาลีของพระสงฆ์ไทย
ภาษาอาหรับในพระคัมภีร์อัลกูรอ่าน
คนโง่ คนไม่มีความรู้ อ่านอย่างไรก็ไม่เข้าใจ
จะได้ไม่ต้องเสียเวลาอธิบาย/ขยายความเพิ่มเติม
จะได้ไม่ต้องไปทะเลาะถกเถียงกับคนโง่
เพราะท่านรู้ดีว่า ถ้าเขียนเป็นภาษาอังกฤษแล้ว
คนบางคนทั้งปีอ่านหนังสือไม่เกิน 7 บรรทัด
จะมามโน จะมาตีความ/ขยายความ แบบผิด ๆ
แล้วคนที่ไม่รู้ห่านอะไรเลย
คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ไม่เป็น ไม่รู้เรื่อง
แต่ขอโชว์ Power ขอ Comment เกิน 7 บรรทัด
ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ห่านอะไรเลยตั้งแต่ต้นเรื่อง
ยิ่งพวกติ่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิค
(ติ่ง=เนื้อเยื่อ อวัยวะ ที่ไร้ประโยชน์/เป็นพิษ
เข่น ติ่งแขน ติ่งขา ติ่งหู ไส้ติ่ง ติ่งลำไส้ใหญ่)
จะระดมสาวกมากล่าวหาว่า ท่าน Anti Christ
แนวคิดท่านทำลายความเชื่อดั้งเดิม
พระเจ้าสูงสุด สร้างทุกอย่าง มีเมตตา
โลกหมุนรอบดวงตะวัน โลกแบน
ของหนักกว่าหล่นถึงพื้นก่อน
เรื่องแบบนี้ทุกวันนี้ คือ ยิ่งกว่า New Normal
แต่ในยุคนนั้น คือ การท้าทายคัดค้านศาสนจักร
อาจจะเป็นเพศภัยต่อตัวท่าน/ทรัพย์สินได้
Ⓢ
Ⓢ
บุณย์เดือนสิบ(วันชิงเปรต)คนปักษ์ใต้
Ⓢ
วัดเลียบ สงขลา บังสกุลปู่ย่า
Ⓢ
Ⓢ
ภาพไม่สวย แต่มีเรื่องอยากเล่า บุญเดือนสิบ
คือ การทำบุญให้บรรพบุรุษบางท่าน
ที่ดีครึ่งบาปครึ่ง ยังเป็นเปรตอยู่
ถ้าดีมากก็ไปเป็นเทียมดา(เทวดา) นางฟ้า
ถ้าเลวมากก็ไปไป๊ ไปลงนรก ซะเถอะที่รัก
ฉันจะลงโทษเธอ แบบเพลงนางแมว
นางแมว หินเหล็กไฟ
คนใต้ภูมิใจที่มีบรรพบุรุษเป็นเปรต
ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี เคยอภิปรายในรัฐสภา
แต่จริง ๆ มีในพระไตรปิฏกในพระสูตรหลายเรื่อง
ให้ถามอากู๋ Google ใช้คำว่า เปรต+พระสูตร
ถ้าใครค้นไม่ตรงกับภาพตัวอย่าง ไม่ต้องตกใจ
เท่าที่ทราบ Google มีระบบคณิตศาสตร์
อัลกอลิซึ่ม 3 ตัวหลัก ผสมกับอีก 200+
ที่เป็นความลับ กันคนทำให้ Website ตนเอง
ติด Ranking ลำดับต้น ๆ
การใช้คณิตศาสตร์ Google มี ไว้ตอบสนอง
รัดดวง (ริดสีดวงทวาร แบบคัน ๆ มัน ๆ สะใจดี)
คนค้นหา เช่น เข้า website เสริมสวย ต้นไม้
สัตว์เลี้ยง สาย Dark สายหนัง R
ถ้ายังมี Cookie กับ Website เดิมค้างอยู่
อากู๋จะดึงขึ้นมา นำมาประมวลผล คำนวณแล้ว
จัดให้ตรงหรือใกล้เคียงกับเรื่องถูก รัดดวง
Ⓢ
Ⓢ
Ⓢ
วันชิงเปรต เชื่อว่า นรก สวรรค์ เปิดประตูว่าง
ให้บรรพบุรุษมาเยี่ยมเยือนลูกหลานบนโลกได้
(เปรตบางตน ครึ่งวันเช้าเป็นเทียมดา นางฟ้า
ครึ่งวันตกค่ำกลายเป็นเปรต ก็มีในพระสูตร)
15 วันเปิดโลก จึงมีวันรับ วันส่งเปรต
ครั้งแรก วันแรม 1 ค่ำ เดือน 10 เรียกว่า วันรับเปรต
ครั้งที่สอง วันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 เรียกว่า วันส่งเปรต
อุบายเดิมของคนโบราณ คือ วันรวมญาติ
เผื่อการเดินทาง พักผ่อน สนทนากันในหมู่ญาติ
สมัยก่อนหนทางลำบาก ไปมาหาสู่กินเวลานาน
การรวมญาติ คือ การนับญาติ ไล่สายญาติกัน
ว่าเกี่ยวดองกับใคร ใครเป็นพี่ใครเป็นน้อง
ลุงป้าน้าอา ปู่ย่าตายาย ทวด กับใครบ้าง
ถ้ามีเกลอก็นับด้วย ถ้าทางอีสาน คือ เสี่ยว
ถือว่าเป็นญาติสนิทอีกสายหนึ่งเช่นกัน
การนับญาติ มักนับกันก่อน/วันชิงเปรต
เป็นการทบทวนความทรงจำเครือญาติด้วย
แถวบุรีรัมย์ ศรีสระเกษ สุรินทร์ อีสานเขมรสูง
นิยมกินข้าวเจ้า ก็มีบุญเดือนสิบ เรียกว่า
แฏนโดนตา (เซ่นยายตา)
เคยมีป้ายหมู่บ้าน ที่นำโชว์ขำขันกึ่ง Rate R
บ้านโดนเอาว์ คือ บ้านยายเอาว์
ในเขมรต่ำบางส่วน ละแวกเขาพระวิหาร
ในกัมพูชา ก็มีประเพณีนี้เช่นกัน
Ⓢ
Ⓢ
คนไทยในอดีตนับญาติสายแม่เป็นหลัก
เพราะ ชายข้าวเปลือก หญิงข้าวสาร
ชายไทยมักจะ(ดั้น)ด้น เที่ยวไปทั่ว ไข่ไปทั่ว
ไปรบมั่ง ไปปล้นมั่ง ถูกฆ่าตายมั่ง หายหัวไปมั่ง
ไปบวชมั่ง ติดหญิงมั่ง ติดเหล้ามั่ง ติดกัญชามั่ง
มีแต่ผู้หญิงที่มักจะอยู่กับที่ดูแลลูก
เลยนับญาติทางสายแม่ซะเลย
ให้แม่เป็นใหญ่ เช่น แม่น้ำ แม่ทัพ แม่ค้า
ประเพณีบางแห่ง ชาย คือ บ่าว ผู้บ่าว
ต้องมาทำงานรับใช้บ้านเจ้าสาว
ถ้าได้เรื่องจริงจะรับเป็นลูกเขย ลูกชาย
ถ้าไม่ได้เรื่องจะเฉดหัวไป ออกไปให้พ้น
ส่วนผู้หญิงก็มีสิทธิ์หาบ่าวคนใหม่ได้
มีใน หญิงเป็นนาย ชายเป็นบ่าว
ของ สุจิตต์ วงษ์เทศ มีหลายเรื่องในนิยามนี้
แต่ทางใต้ บางพื้นที่มีวัฒนธรรมอีกแบบ
ชายบางคนมักเบร่อตั้งตาย
(เบร่อ=ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้ความ ตั้งตาย=ฝุดฝุด)
แม้ว่าหย่าร้างกับหญิงแล้ว ถ้าหญิงไปมีบ่าวใหม่
ถ้ายังอยู่ในถิ่นเดิมมักจะมีภัยจากบ่าวคนเดิม
ถือว่า ลบเหลี่ยม ลูบคม เสียเหลี่ยม เสียศักดิ์ศรี
หยาม(เหยียดหยาม)น้ำหน้ากัน ถือว่าดูถูก
(จริง ๆ ดีกว่าดูผิด) ว่า เป็นคนไม่สาไหร ม่ายไหร
(ไม่มีสาระ ไร้แก่นสาร ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้ความ)
อาจมีรายการ มียิง มีแทง ให้ตาย ให้เจ็บ
ทำให้ร้านข้าวแกงคนใต้ ตามต่างจังหวัด
หลายรายไป เปิดถึงเชียงใหม่ เชียงราย
หรือตามต่างจังหวัดไกลจากบ้านเกิดถิ่นเดิม
จากการพูดคุยสอบถามเจ้าของสตรีหลายคน
สอบถามพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการ
แบบคนใต้ชอบแหลง(แถลง/พูดคุย) ใต้กัน
แบบคนบ้านเดียวกันแหลงได้แรงอก หนัดเหนียง
(แรงอก=ถึงอกถึงใจ หนัดเหนียง=ถนัด/เข้าเลือด/เข้าใจ)
หลายคนหย่าร้างกับบ่าวเดิม เลยย้ายมาที่นี่
บางคนก็ได้จากร้านข้างเคียงซุบซิบนินทา
คาบข่าวมาบอกคนมาซื้อข้าวของ แบบคันปาก
(น่าจะมีคนทำวิจัยพฤติกรรมคนใต้เรื่องแบบนี้
แต่เก็บขัอมูลยากหน่อย เพราะอาจต้องใช้เวลา
กับการสัมภาษณ์เจาะลึกในประเด็น
แต่กลุ่มประชากรตัวอย่างน้อยและกระจัดกระจาย)
หลายคนที่รู้มักเป็นหญิงหย่าร้างบ่าวเก่าแล้ว
ย้ายมาทำมาหากินที่ใหม่ อยู่ที่เดิมไม่ได้
เพราะบ่าวเก่าไม่ยอม เคืองจัด แค้นจัด
ถือว่า ลบเหลี่ยม หักเขี้ยว(เสือ หมา)
ย้ายไปไกล ๆ จากถิ่นเดิมจึงไม่มีปัญหา
ข้อมูลส่วนหนึ่งมาจากล่ามคนไทย ที่แปล
ภาษาเขมร ไทย อังกฤษ ให้ UNHCR
สมัยเขมรแตก (ปแฏง มหาบุญเรือน คชมาย์)
อดีตอาจารย์พิเศษภาษาเขมร
มหาวิทยาลัยราชภัฏ สุรินทร์
แต่นักประวัติศาสตร์บางคนบอกว่า
ประเพณีนี้มีก่อนการนับถือพุทธของชาวบ้าน
เป็นการทำบุญเพื่อระลึกถึงคนตาย ญาติพี่น้อง
ที่ถูกกวาดต้อนไปเมืองอื่น โอกาสกลับมาคงยาก
ในอดีต คนมีน้อย แก่ง่ายตายเร็ว
40 กว่าปี ก็แก่หง่อมกันจำนวนมากแล้ว
หยูกยารักษา หมอยาก็หายาก
ยังไม่มี 30 บาทรักษาทุกโรคด้วย
อายุขัยเฉลี่ยราว 40-50 ปี จึงมีลูกกันเร็ว
รบกันแต่ละที ก็กวาดต้อนคนไปเมืองผู้ชนะ
ขนมต่าง ๆ มีในสัญรูป มีนัยความหมายแฝงอยู่
ขนมลา คือ เสื้อผ้าให้คนตาย
ขนมเจาะหู คือ แหวนทองติดหู
จำเป็นค่อยแกะออกขายหรือจำนำได้
ขนมข้าวพอง ขนมหัวเป็ด คือ เรือแพ ให้นำพา
คนแดนไกลกลับบ้าน ให้นำไปใช้ทำมาหากิน
ข้าวต้มมัด คือ เสบียงกรัง ถ้าย่างดีดี ในอดีต
แต่ทุกวันนี้นึ่งบ่อย ๆ เก็บไว้ในตู้เย็นช่องแช่แข็ง
ก็จะเก็บกินได้นานวัน
ภายหลังจากที่ชาวบ้านนับถือศาสนาพุทธแล้ว
พระภิกษุที่รู้ก็เอาที่มาพระไตรปิฏกสอดใส่เข้าไป
แล้วกล่อมเกลาจนเป็นเนื้อเดียวกับศาสนาพุทธ
ประเพณีบุญเดือนสิบ จัดว่าเป็นงานสำคัญของ
คนพุทธ นครศรีธรรมราช สงขลา พัทลุง ยะลา
นราธิวาส ปัตตานี
ส่วนสุราษฏร์ธานี ให้ความสำคัญวันชักพระ
เพราะมีประเพณีชักพระกับขอนไม้ วางเรียงไป
แล้วคอยยกไปวางไป ให้ชักพระไปได้
เดิมประเพณีนี้ยังมีที่ไชยา พุมเรียง
ตามนักประวัติศาสตร์ทัองถิ่น เขียนไว้
(ธรรมทาสน้องชาย ท่านพุทธทาสภิกขุ)
ตรัง กระบี่ ภูเก็ต จะคึกคักมากกับเรื่องกินเจ
ส่วนชุมพร ระนอง จขกท.ไม่มั่นใจข้อมูล
ปักษ์ใต้ คือ ปีกนก ด้ามขวาน มี 14 จังหวัด
ไม่นับรวมประจวบคีรีขันธุ์ (มีทองบางสะพาน)
แหล่งแร่ทองคำที่นี่เดิมคือ Grade Premium
ยังมีชาวบ้านร่อนทองตามแม่น้ำอยู่ประปราย
ผมเคยจะเข้าไปดู แต่กลัวรถยนต์ติดหล่ม
และไปกับครอบครัว เลยอดไปเยี่ยมชมครานั้น
เมืองหลวงต้องการทองคำมาก
เลยมอบหมายให้เพชรบุรีคุมเชิงไว้ก่อน
ไม่ต้องการให้ นครศรีธรรมราช ชุมพร ตรัง ภูเก็ต
เดิมเมืองทั้งสี่นี้ เป็นยุคกินเมืองประมูลภาษีให้รัฐ
กลัวเจ้าเมืองจะงาบไป ทองคำก็จะได้น้อยลง
ปีไหนมีเดือน แปดสองหน
คือ วันทำบุญยาวนานขึ้น นานกว่าปีก่อน ๆ
เมื่อดูจากปฏิทินปีก่อน ๆ ไม่ตรงเดือนกัน เข่น
วันวิสาขะ วันเข้าพรรษา วันออกพรรษา
หรือเรียกว่า แปดหนหน้า แปดหนหลัง
ที่ใช้เดือนแปด เพราะทางอินเดีย
จะเป็นช่วงต้นฤดูฝนของอินเดีย
เพราะวันทางจันทรคติ ปีหนึ่งมี 360 วัน
โดยดูการโคจรของดวงจันทร์เป็นหลัก
วงโคจรดวงจันทร์จะเร็วกว่าดวงตะวัน 11 วัน
ถ้าราว 2- 3 ปีเศษไม่ชด หรือเพิ่มในปีปฏิทิน
วันทำไร่ไถนา วันดูฟ้าฝนจะคลาดเคลื่อนไปหมด
เลยต้องชดเชยครั้งละ 1 เดือนในรอบปี
ให้ตรงกับวันทางสุริยคติปีละ 365 วัน
หรือ ทุก ๆ 4 ปีหารลงตัว จะเป็น 366 วัน
Ⓢ
Ⓢ
Ⓢ
Ⓢ
Ⓢ
Ⓢ
Ⓢ
Ⓢ
ที่มาภาพและรายละเอียดขนม https://bit.ly/3Ail2Qf
Ⓢ
Ⓢ
เสฐียร โกเศส และ ตรี นาคะประทีป
นิยมใช้ในหนังสือ กามนิต วาสิฏฐี
Ⓢ
ทั้งสองท่านนี้คือ ผู้สมานฉันท์ คู่กัดแข่งศตวรรษ
พระยาอุปกิตศิลปสาร(นิ่ม กาญจนะชีวะ)
เสาหลักหลักภาษาไทยของสยามรัฐ
ท่านไปแซว ศาตราจารย์ รตท.มหาแสง มนวิฑูร
ปราชญ์ภาษาสันสกฤต บาลี โบราณคดี ว่า
" หนังสือมหา อ่านยาก และยาวมาก"
มหาแสงเลยศอกกลับว่า
" ผมไม่ได้เขียนให้คนโง่อ่าน "
เล่นเอาท่านงอนกับเคืองไปร่วมเดือน
กว่ามีคนมาเจรจาไกล่เกลี่ยให้คืนดีกัน
เพราะทั้งคู่เป็น ปราชญ์ในหมู่ปราชญ์
ของแท้แน่นอนดีกว่า ปราชญ์ในหมู่เปรต
Sir Issac Newton ตอนเขียน Calculus
ทฤษฏีแรงโน้มถ่วงโลก ดวงตะวัน ดวงจันทร์
ท่านก็เขียนเป็นภาษาละติน ภาษาบาทหลวง
ภาษานักวิชาการ คนมีการศึกษาในยุโรป
แบบภาษาบาลีของพระสงฆ์ไทย
ภาษาอาหรับในพระคัมภีร์อัลกูรอ่าน
คนโง่ คนไม่มีความรู้ อ่านอย่างไรก็ไม่เข้าใจ
จะได้ไม่ต้องเสียเวลาอธิบาย/ขยายความเพิ่มเติม
จะได้ไม่ต้องไปทะเลาะถกเถียงกับคนโง่
เพราะท่านรู้ดีว่า ถ้าเขียนเป็นภาษาอังกฤษแล้ว
คนบางคนทั้งปีอ่านหนังสือไม่เกิน 7 บรรทัด
จะมามโน จะมาตีความ/ขยายความ แบบผิด ๆ
แล้วคนที่ไม่รู้ห่านอะไรเลย
คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ไม่เป็น ไม่รู้เรื่อง
แต่ขอโชว์ Power ขอ Comment เกิน 7 บรรทัด
ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ห่านอะไรเลยตั้งแต่ต้นเรื่อง
ยิ่งพวกติ่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิค
(ติ่ง=เนื้อเยื่อ อวัยวะ ที่ไร้ประโยชน์/เป็นพิษ
เข่น ติ่งแขน ติ่งขา ติ่งหู ไส้ติ่ง ติ่งลำไส้ใหญ่)
จะระดมสาวกมากล่าวหาว่า ท่าน Anti Christ
แนวคิดท่านทำลายความเชื่อดั้งเดิม
พระเจ้าสูงสุด สร้างทุกอย่าง มีเมตตา
โลกหมุนรอบดวงตะวัน โลกแบน
ของหนักกว่าหล่นถึงพื้นก่อน
เรื่องแบบนี้ทุกวันนี้ คือ ยิ่งกว่า New Normal
แต่ในยุคนนั้น คือ การท้าทายคัดค้านศาสนจักร
อาจจะเป็นเพศภัยต่อตัวท่าน/ทรัพย์สินได้
Ⓢ