JJNY : หมอทศพรพร้อม2สาวถูกคฝ.รุมทำร้ายเข้าร้อง│โวยลงทะเบียนไม่ได้รับชุดตรวจ│ป.ป.ช.ยังไม่เปิดข้อมูล│แท็กซี่จอดนิ่งเป็นปี

"หมอทศพร" พร้อม 2 สาวผู้เสียหายถูก คฝ.รุมทำร้าย เข้าร้องเรียน ผบ.ตร.
https://www.thairath.co.th/news/crime/2195065
 
 
"หมอทศพร" พร้อมสองสาวผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกรุมทำร้ายโดย "ตำรวจควบคุมฝูงชน" แถวแยกดินแดง นำภาพอาการบาดเจ็บ เข้ายื่นร้องเรียนต่อ ผบ.ตร.
 
เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2564 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นพ.ทศพร เสรีรักษ์ พร้อมสองผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกรุมทำร้ายโดยตำรวจควบคุมฝูงชนแถวดินแดง เมื่อเวลา 22.40 น. วันที่ 11 ก.ย. นำภาพอาการบาดเจ็บ เข้ายื่นร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. โดยมี พ.ต.อ.ธวัช สิทธิกิจโยธิน รอง ผบก.สส.บช.สทส. นายตำรวจเวรอำนวยการเป็นผู้รับมอบหนังสือ
 
นพ.ทศพร กล่าวว่า หลังจากที่ไปแจ้งความไว้ที่ สน.ดินแดง เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ทางตำรวจระบุว่าต้องมาร้องเรียนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากเป็นคดีเกี่ยวข้องกับการชุมนุม แต่ตำรวจดินแดงได้รับเรื่องลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว ทั้งนี้อยู่ระหว่างทนายความกำลังรวบรวมข้อมูลของกลุ่มผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บจากการชุมนุม ซึ่งจะรวบรวมรายชื่อทั้งหมด ก่อนจะเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
 
ด้านผู้เสียหาย กล่าวว่า หลังจากเลิกงานได้เดินทางกลับที่พักอาศัยย่านสามเหลี่ยมดินแดง ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการชุมนุม แต่ขณะนั้นได้ขับรถจักรยานยนต์ โดยมีเพื่อนซ้อนท้าย 1 คน ผ่านบริเวณซอยหมอเหล็ง ใต้ทางด่วน ที่มีตำรวจ คฝ. ยืนอยู่ 5-10 คน ได้เข้ามาล้อมรถจักรยานยนต์ แล้วใช้กระบองทุบตี รวมทั้งใช้เท้าเตะ ทั้งนี้ตนได้พยายามยกมือไหว้ พร้อมบอกว่า ตัวเองเป็นผู้หญิง ไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม กำลังจะกลับบ้าน แต่ คฝ.ไม่รับฟัง ยังทำร้ายต่อก่อนตัวเองจะสลบแน่นิ่ง และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ที่ศีรษะได้รับบาดเจ็บเย็บ 6 เข็ม บริเวณร่างกายมีรอยฟกช้ำ ทั้งนี้ที่ผ่านมาไม่มีหน่วยงานรัฐเข้าให้การช่วยเหลือแต่อย่างใด ยังมีอาการผวาและหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
   
ส่วนผู้เสียหายอีกราย กล่าวว่า ตนเป็นคนซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บ มีร่องรอยถูกทำร้าย บริเวณ แขน ขา และตา ขณะที่ไปถึงบริเวณนั้น มีอาการแสบตา คาดว่าถูกแก๊สน้ำตา จึงบอกเพื่อนให้กลับรถไปใช้เส้นทางอื่น แต่ขณะกำลังกลับรถ มีกลุ่ม คฝ.ได้วิ่งเข้ามารุมทำร้าย ใช้กระบองตี จนเพื่อนคนขับสลบแน่นิ่ง โดยไม่มีการช่วยเหลือแต่อย่างใดทั้งๆ ที่ตนเองไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมยืนยันว่าเพิ่งเลิกงานและกำลังจะกลับที่พัก หลังจากนั้นได้มีอาสากู้ภัยช่วยเหลือ นำตัวส่งโรงพยาบาล
 

 
โวยลงทะเบียนไม่ได้รับชุดตรวจโควิด ถามรัฐทำไมไม่แจกให้ทุกคน-ทุกบ้าน
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_6623119
 
โวยลงทะเบียนไม่ได้รับชุดตรวจโควิด ถามรัฐทำไมไม่แจกให้ทุกคน-ทุกบ้าน ไม่ควรเอาแบบประเมินมาเป็นตัวชี้วัดว่าจะได้หรือไม่ได้
  
กรณีการลงทะเบียนรับชุดตรวจ ATK (Antigen Test Kit) จำนวน 8.5 ล้านชุดตามที่รัฐบาลได้กำหนดให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง และทำแบบประเมินว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง พร้อมกันทั้งประเทศ เพื่อใช้ในการตรวจหาโควิด-19
 
ล่าสุด วันที่ 16 ก.ย. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มสถานประกอบการ ชาวขอนแก่นให้ความสนใจในการลงทะเบียนผ่านระบบเป๋าตังอย่างมาก แต่ปัญหาส่วนใหญ่ไม่ได้รับชุดตรวจ เนื่องจากไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่อยู่ในแบบประเมิน
 
น.ส.เอ (นามสมสมติ) ชาว จ.ขอนแก่น กล่าวว่า การลงทะเบียนรับชุดตรวจ ATK ตามที่รัฐบาลได้แจกจ่ายวันแรกวันนี้ระบบที่ลงทะเบียนไม่มีปัญหาหรือติดขัดอะไร พอเข้าไปแล้วก็จะให้ทำแบบประเมินแต่พอทำแบบประเมินเสร็จก็ขึ้นข้อความว่า “ไม่สามารถรับชุดตรวจโควิด-19 ได้ เนื่องจากคุณไม่อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงที่จะได้รับชุดตรวจโควิด สามารถกลับมาทำแบบประเมินใหม่ได้ในวันถัดไป” ส่วนตัวคิดว่าในเมื่อรัฐบาลจะแจกให้กับประชาชนแล้วก็ควรที่จะแจกจ่ายให้ครบทุกคนตามกลุ่มเป้าหมายที่กำหนด
 
การทำแบบประเมินก็เอาไปไว้เป็นข้อมูลได้ แต่ไม่ควรเอาแบบประเมินมาเป็นตัวชี้วัดว่าจะได้หรือไม่ได้เพราะมีแค่ 3 ข้อ ซึ่งวันนี้เราอาจจะไม่ได้ไปอยู่ในกลุ่มเสี่ยงใกล้ชิดคนที่เป็นโควิด แต่เราไม่รู้เลยว่า เราจะเสี่ยงวันไหน ฉะนั้นควรจะแจกให้กับทุกคนมีติดไว้จะดีกว่า หรือควรจะแจกตามทะเบียนบ้านน่าจะง่ายและสะดวกกว่ามานั่งทำแบบประเมิน
 
เพราะอย่างน้อยการที่รัฐบาลแจกชุดตรวจก็เป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ในระดับหนึ่งเพราะเนื่องจากตอนนี้ชุดตรวจราคาก็ยังสูงสำหรับครอบครัวบางคนที่ไม่มีจริงๆก็จะเกิดประโยชน์ได้มาก
 
น.ส.สุนิตรา กล่าวต่อว่า ชุดตรวจที่รัฐบาลได้จัดหาและจัดสรรให้กับประชาชน 1 ชุด ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอเพราะควรที่จะได้รัยเยอะกว่านี้ แต่อย่างน้อยตอนนี้ได้คนละ 1 ชุดก็ยังดีแต่ก็ไม่ควรที่จะมานั่งลงทะเบียน เพราะถ้าลงทะเบียนแล้วก็ควรที่จะได้รับทุกคนไม่ใช่มาประเมินเพียงแค่ 3 ข้อ เหตุผลที่ระบุไม่เพียงพอที่จะมาปฏิเสธการให้ชุดตรวจในสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้
  

 
ป.ป.ช.ยังไม่เปิดข้อมูลนาฬิกา 'บิ๊กป้อม' หวั่นกระทบหลายฝ่าย ชี้ข้อมูลบางอย่าง คงเปิดไม่ได้
https://www.matichon.co.th/politics/news_2942246
 
“ป.ป.ช.” หวั่น เปิดข้อมูลนาฬิกา“บิ๊กป้อม” กระทบหลายฝ่าย-เกิดการฟ้องร้องตามมา รอคำพิพากษาก่อน
 
เมื่อวันที่ 16 กันยายน นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษก ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้ ป.ป.ช.เปิดเผยข้อมูลคดีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีว่า ขณะนี้ ป.ป.ช.กำลังรอคำพิพากษาดังกล่าวจากศาลปกครองกลางอยู่ เพื่อขอดูคำพิพากษาอย่างเป็นทางการว่า จะให้เปิดเผยข้อมูลทางคดีในส่วนใด จากนั้นคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่จะพิจารณาว่า จะสามารถเปิดเผยข้อมูลได้หรือไม่ หรือเปิดเผยได้เพียงแค่ไหน ถ้าเป็นข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวกับสำนวนในคดีโดยตรง คงเปิดไม่ได้ เพราะถ้าเปิดเผยไปแล้ว จะรู้ว่ามีพยานคนใดบ้าง ให้การอย่างไร อาจเกิดการไปฟ้องร้องตามมา ถ้าเป็นข้อมูลที่เกิดผลกระทบให้กระบวนการยุติธรรมเสื่อมประสิทธิภาพคงให้ดูไม่ได้ หรือถ้าเป็นข้อมูลที่เปิดไปแล้วไปกระทบต่อสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล กฎหมาย ป.ป.ช.ก็ไม่ให้เปิดเผย รวมถึงถ้าเป็นข้อมูลที่ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ ไม่ได้หมายความว่า ป.ป.ช.จะปกปิดไม่เปิดเผย แต่ต้องรอเหตุผลและรายละเอียดคำพิพากษาก่อน แล้ว ป.ป.ช.จะพิจารณาอีกครั้ง ส่วน ป.ป.ช.จะยื่นอุทธรณ์คัดค้านการเปิดเผยสำนวนคดีต่อศาลปกครองสูงสุดหรือไม่ ยังตอบไม่ได้ ขอให้ที่ประชุม ป.ป.ช.วินิจฉัยก่อน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่