ถ้าจะเอ่ยถึงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะมีอยู่ 2 ที่ คือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา และ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติจันทรเกษม ส่วนมากคนจะนิยมจะไปพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(ผมไปมาแล้ว แต่รูปถ่ายมีน้อย เลยไม่เอามาลง)
เพราะพิพิธภัณฑ์ฯนี้มีกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ (แต่ห้ามถ่ายรูป) แต่ถ้าอยากจะได้ภาพของกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ ทางพิพิธภัณฑ์ฯ มีหนังสือนำชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยาขายด้วย เจ้าหน้าที่บอกว่าหนังสือเล่มนี้ขายดี เลยพิมพ์ออกมาเป็นครั้งที่ 2 ราคาเล่มละ 120 บาท เจ้าหน้าที่ลดให้ผม เหลือ 80 บาทผมซื้อมาอ่าน เมื่อลองเปิดดู คุ้มค่าจริงไม่ผิดหวังกับเงินที่เสียไป
เข้าเรื่องกันดีกว่า พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี (เที่ยวทิพย์) (5 กันยายน 63) น้อยคนนักที่จะไป ทริปนี้ผมขึ้นรถไฟที่สถานีชุมทางบางซื่อ ไปลงที่สถานีรถไฟอยุธยา นั่งรถสองแถวไปลงที่ตลาดหัวรอ จากนั้นแวะไปกินก๋วยเตี๋ยวไก่ฉีกในตลาดหัวรอ (แต่จำชื่อร้านไม่ได้) ราคา30 บาท
เมื่อกินจนอิ่มแล้ว ผมก็เดินไปที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจันทรเกษม
ประวัติที่มาของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจันทรเกษม
พระราชวังจันทรเกษม ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำป่าสัก หรือ ที่เรียกว่า คูขื่อหน้า ในอดีตทางด้านทิศเหนือ มุมตะวันออกของเกาะเมืองอยุธยา ใกล้กับตลาดหัวรอ ตำบลหัวรอ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลักฐานตามพระราชพงศาวดารสันนิษฐานได้ว่า พระราชวังจันทรเกษม หรือวังหน้า สร้างขึ้นในรัชสมัย สมเด็จพระมหาธรรมราชา ประมาณ พุทธศักราช 2120 ด้วยมีพระราชประสงค์เพื่อให้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เมื่อทรงดำรงตำแหน่งพระมหาอุปราชครองเมืองพิษณุโลก
นอกจากนี้ยังเคยเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์และพระมหาอุปราชที่สำคัญถึง 8 พระองค์ คือ
- สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
- สมเด็จพระเอกาทศรถ
- เจ้าฟ้าสุทัศน์
- สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
- ขุนหลวงสรศักดิ์ (พระเจ้าเสือ)
- สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ
- สมเด็จพระเจ้าบรมโกศ
- กรมพระราชวังบวรมหาเสนาพิทักษ์
ภายหลังเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ใน พุทธศักราช 2310 พระราชวังจันทรเกษม ได้ถูกทิ้งร้างไป จนกระทั่งในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จึงได้มีการบูรณะและปรับปรุงพระราชวังจันทรเกษมขึ้นใหม่ เพื่อใช้สำหรับเป็นที่ประทับในเวลาที่พระองค์เสด็จประพาสพระนครศรีอยุธยา และพระราชทานนามว่า พระราชวังจันทรเกษม
ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานพระราชวังจันทรเกษม ให้เป็นที่ทำการของมณฑลกรุงเก่า โดยใช้ พระที่นั่งพิมานรัตยา ซึ่งเป็นหมู่ตึกกลางของพระราชวังเป็นที่ทำการ
เมื่อพระยาโบราณราชธานินทร์ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งสมุหเทศาภิบาลมณฑลกรุงเก่า ได้จัดสร้างอาคารที่ทำการภาคบริเวณกำแพงวัง ด้านทิศตะวันตกต่อกับทิศใต้ แล้วย้ายที่ว่าการมณฑลจากพระที่นั่งพิมานรัตยา มาตั้งที่อาคารที่ทำการภาคในขณะนั้น
วังจันทรเกษม มิวเซียมที่กรุงเก่า
ในระหว่างที่พระยาโบราณราชธานินทร์ ดำรงตำแหน่งสมุหเทศาภิบาล มณฑลอยุธยา ท่านได้ทำการศึกษา และรวบรวมเรื่องราว รวมทั้งวัตถุสิ่งของสำคัญในบริเวณกรุงเก่า และบริเวณใกล้เคียงไว้เป็นจำนวนมาก มาเก็บรักษาไว้ที่พระราชวังจันทรเกษม จนกระทั่งในปีพุทธศักราช 2445 สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงแนะนำให้พระยาโบราณราชธานินทร์ จัดตั้งพิพิธภัณฑ์ เรียกว่า "โบราณพิพิธภัณฑ์" โดยในระยะแรกนั้นใช้ตึกโรงม้าพระที่นั่งเป็นที่เก็บรวบรวม
ต่อมาเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2447 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายวัตถุต่าง ๆ จากโรงม้าพระที่นั่งเข้ามาเก็บรักษาและตั้งแสดงที่บริเวณอาคารพลับพลาจัตุรมุข พร้อมทั้งจัดสร้างระเบียงตามแนวอาคารด้านทิศเหนือ และทิศตะวันออก เพื่อจัดตั้งวัตถุ ศิลาจารึก และประติมากรรรมต่าง ๆ ตั้งชื่อว่า "อยุธยาพิพิธภัณฑ์"
พุทธศักราช 2415 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสยุโรป เมื่อเสด็จถึงเมืองฮอมเบิค ประเทศเยอรมนี ทรงมีโทรเลขถึงสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ความว่า "มิวเซียมที่นี่เหมือนมิวเซียมที่กรุงเก่า" ด้วยเหตุนี้เอง "อยุธยาพิพิธภัณฑ์" ในขณะนั้น จึงเป็นที่รู้จักของบรรดาผู้สนใจ และรักในงานด้านประวัติศาสตร์โบราณคดีของชาติ
ต่อมา ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2579 กรมศิลปากร ได้ประกาศให้อยุธยาพิพิธภัณฑ์เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ในนาม "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม"
เวลาทำการ :
เปิด : วันพุธ ถึง วันอาทิตย์ เวลา 09.00 - 16.00 น.
ปิด : วันจันทร์ วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์
ค่าเข้าชม :
ชาวไทย 20 บาท
ชาวต่างชาติ 100 บาท
ยกเว้น นักเรียน นักศึกษาในเครื่องแบบ ผู้สูงอายุ (ชาวไทย) ภิกษุ สามเณร และนักบวชในศาสนาต่าง ๆ
ข้อมูลพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม (chantharakasem) ขอขอบคุณมากครับ

หลังจากซื้อบัตรเข้าชมเรียบร้อยแล้ว ก็ไปกันเลย

พลับพลาจตุรมุข

จากนั้นฝนก็ตกลงมา ฟ้าร้องน่ากลัวมาก ลมแรง ผมก็ติดอยู่อาคารนี้ประมาณ 30 นาที
พอฝนซาลงผมก็ใส่รองเท้ารีบเดินไปที่อาคารต่อไป
พระที่นั่งพิมานรัตยา


ออกจากพระที่นั่งพิมานรัตยา ก็ไปที่อาคารมหาดไทย หรือ ตึกที่ทำการภาค

จากนั้นผมก็แวะไปที่ร้านของที่ระลึก เพื่อซื้อหนังสือนำชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม ราคา 100 บาท
ออกจากพิพิธภัณฑ์รอรถสองแถวเพื่อไปยังสถานีรถไฟอยุธยา
เมื่อรถสองแถวมาถึงผมก็ขึ้น ค่ารถถูกมาก แค่ 7 บาท ไปกลับ 14 บาท แต่รอนานหน่อย ส่วนรถตุ๊กๆแดงผมไม่ขึ้นเพราะราคาแพง พอๆกับที่เชียงใหม่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เดี๋ยววันหลังจะเล่าเรื่องตอนไปเชียงให้เพื่อนฟังกัน
เมื่อรถสองแถวมาถึงที่สถานีรถไฟอยุธยา ผมก็ลงจากรถ จ่ายเงินค่ารถเรียบร้อยแล้ว จากนั้นผมก็เข้าไปซื้อตั๋วรถไฟเพื่อเข้ากรุงเทพฯ
เป็นอันว่าได้จบทริปนี้ไปอีกทริปหนึ่ง โอกาสหน้าจะไปเที่ยวที่ไหน ต้องคอยติดตามตอนต่อไปนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้พอดีว่าผมต้องไปฉีดวัคซีน covid 19 เข็มที่ 2 ในวันพรุ่งนี้ (15 กันยายน 2564) เข็ม 1 ฉีดไปแล้ว เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ที่ผ่านมา เพราะว่าถ้าผมพิมพ์ บางทีแขนอาจจะปวด เลยต้องพิมพ์ในวันนี้แทน
ตอนอื่นๆ ที่ผ่านมา
เที่ยววัดแก่งคอย สระบุรี (เที่ยวทิพย์) ตอนที่ ๑
https://pantip.com/topic/40954659
เที่ยววัดนิเวศธรรมประวัติ อ. บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา (เที่ยวทิพย์) ตอนที่ ๒
https://pantip.com/topic/40958940
เที่ยวตลาดน้ำอโยธยา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา (เที่ยวทิพย์) ตอนที่ ๓
https://pantip.com/topic/40964087
เที่ยวพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี (เที่ยวทิพย์) ตอนที่ ๔
https://pantip.com/topic/40969489
เที่ยวพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจันทรเกษม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (เที่ยวทิพย์) ตอนที่ ๕
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เพราะพิพิธภัณฑ์ฯนี้มีกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ (แต่ห้ามถ่ายรูป) แต่ถ้าอยากจะได้ภาพของกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ ทางพิพิธภัณฑ์ฯ มีหนังสือนำชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยาขายด้วย เจ้าหน้าที่บอกว่าหนังสือเล่มนี้ขายดี เลยพิมพ์ออกมาเป็นครั้งที่ 2 ราคาเล่มละ 120 บาท เจ้าหน้าที่ลดให้ผม เหลือ 80 บาทผมซื้อมาอ่าน เมื่อลองเปิดดู คุ้มค่าจริงไม่ผิดหวังกับเงินที่เสียไป
เข้าเรื่องกันดีกว่า พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี (เที่ยวทิพย์) (5 กันยายน 63) น้อยคนนักที่จะไป ทริปนี้ผมขึ้นรถไฟที่สถานีชุมทางบางซื่อ ไปลงที่สถานีรถไฟอยุธยา นั่งรถสองแถวไปลงที่ตลาดหัวรอ จากนั้นแวะไปกินก๋วยเตี๋ยวไก่ฉีกในตลาดหัวรอ (แต่จำชื่อร้านไม่ได้) ราคา30 บาท
เมื่อกินจนอิ่มแล้ว ผมก็เดินไปที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจันทรเกษม
ประวัติที่มาของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจันทรเกษม
พระราชวังจันทรเกษม ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำป่าสัก หรือ ที่เรียกว่า คูขื่อหน้า ในอดีตทางด้านทิศเหนือ มุมตะวันออกของเกาะเมืองอยุธยา ใกล้กับตลาดหัวรอ ตำบลหัวรอ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลักฐานตามพระราชพงศาวดารสันนิษฐานได้ว่า พระราชวังจันทรเกษม หรือวังหน้า สร้างขึ้นในรัชสมัย สมเด็จพระมหาธรรมราชา ประมาณ พุทธศักราช 2120 ด้วยมีพระราชประสงค์เพื่อให้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เมื่อทรงดำรงตำแหน่งพระมหาอุปราชครองเมืองพิษณุโลก
นอกจากนี้ยังเคยเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์และพระมหาอุปราชที่สำคัญถึง 8 พระองค์ คือ
- สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
- สมเด็จพระเอกาทศรถ
- เจ้าฟ้าสุทัศน์
- สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
- ขุนหลวงสรศักดิ์ (พระเจ้าเสือ)
- สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ
- สมเด็จพระเจ้าบรมโกศ
- กรมพระราชวังบวรมหาเสนาพิทักษ์
ภายหลังเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ใน พุทธศักราช 2310 พระราชวังจันทรเกษม ได้ถูกทิ้งร้างไป จนกระทั่งในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จึงได้มีการบูรณะและปรับปรุงพระราชวังจันทรเกษมขึ้นใหม่ เพื่อใช้สำหรับเป็นที่ประทับในเวลาที่พระองค์เสด็จประพาสพระนครศรีอยุธยา และพระราชทานนามว่า พระราชวังจันทรเกษม
ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานพระราชวังจันทรเกษม ให้เป็นที่ทำการของมณฑลกรุงเก่า โดยใช้ พระที่นั่งพิมานรัตยา ซึ่งเป็นหมู่ตึกกลางของพระราชวังเป็นที่ทำการ
เมื่อพระยาโบราณราชธานินทร์ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งสมุหเทศาภิบาลมณฑลกรุงเก่า ได้จัดสร้างอาคารที่ทำการภาคบริเวณกำแพงวัง ด้านทิศตะวันตกต่อกับทิศใต้ แล้วย้ายที่ว่าการมณฑลจากพระที่นั่งพิมานรัตยา มาตั้งที่อาคารที่ทำการภาคในขณะนั้น
วังจันทรเกษม มิวเซียมที่กรุงเก่า
ในระหว่างที่พระยาโบราณราชธานินทร์ ดำรงตำแหน่งสมุหเทศาภิบาล มณฑลอยุธยา ท่านได้ทำการศึกษา และรวบรวมเรื่องราว รวมทั้งวัตถุสิ่งของสำคัญในบริเวณกรุงเก่า และบริเวณใกล้เคียงไว้เป็นจำนวนมาก มาเก็บรักษาไว้ที่พระราชวังจันทรเกษม จนกระทั่งในปีพุทธศักราช 2445 สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงแนะนำให้พระยาโบราณราชธานินทร์ จัดตั้งพิพิธภัณฑ์ เรียกว่า "โบราณพิพิธภัณฑ์" โดยในระยะแรกนั้นใช้ตึกโรงม้าพระที่นั่งเป็นที่เก็บรวบรวม
ต่อมาเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2447 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายวัตถุต่าง ๆ จากโรงม้าพระที่นั่งเข้ามาเก็บรักษาและตั้งแสดงที่บริเวณอาคารพลับพลาจัตุรมุข พร้อมทั้งจัดสร้างระเบียงตามแนวอาคารด้านทิศเหนือ และทิศตะวันออก เพื่อจัดตั้งวัตถุ ศิลาจารึก และประติมากรรรมต่าง ๆ ตั้งชื่อว่า "อยุธยาพิพิธภัณฑ์"
พุทธศักราช 2415 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสยุโรป เมื่อเสด็จถึงเมืองฮอมเบิค ประเทศเยอรมนี ทรงมีโทรเลขถึงสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ความว่า "มิวเซียมที่นี่เหมือนมิวเซียมที่กรุงเก่า" ด้วยเหตุนี้เอง "อยุธยาพิพิธภัณฑ์" ในขณะนั้น จึงเป็นที่รู้จักของบรรดาผู้สนใจ และรักในงานด้านประวัติศาสตร์โบราณคดีของชาติ
ต่อมา ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2579 กรมศิลปากร ได้ประกาศให้อยุธยาพิพิธภัณฑ์เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ในนาม "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม"
เวลาทำการ :
เปิด : วันพุธ ถึง วันอาทิตย์ เวลา 09.00 - 16.00 น.
ปิด : วันจันทร์ วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์
ค่าเข้าชม :
ชาวไทย 20 บาท
ชาวต่างชาติ 100 บาท
ยกเว้น นักเรียน นักศึกษาในเครื่องแบบ ผู้สูงอายุ (ชาวไทย) ภิกษุ สามเณร และนักบวชในศาสนาต่าง ๆ
ข้อมูลพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม (chantharakasem) ขอขอบคุณมากครับ
หลังจากซื้อบัตรเข้าชมเรียบร้อยแล้ว ก็ไปกันเลย
พลับพลาจตุรมุข
จากนั้นฝนก็ตกลงมา ฟ้าร้องน่ากลัวมาก ลมแรง ผมก็ติดอยู่อาคารนี้ประมาณ 30 นาที
พอฝนซาลงผมก็ใส่รองเท้ารีบเดินไปที่อาคารต่อไป
พระที่นั่งพิมานรัตยา
ออกจากพระที่นั่งพิมานรัตยา ก็ไปที่อาคารมหาดไทย หรือ ตึกที่ทำการภาค
จากนั้นผมก็แวะไปที่ร้านของที่ระลึก เพื่อซื้อหนังสือนำชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม ราคา 100 บาท
ออกจากพิพิธภัณฑ์รอรถสองแถวเพื่อไปยังสถานีรถไฟอยุธยา
เมื่อรถสองแถวมาถึงผมก็ขึ้น ค่ารถถูกมาก แค่ 7 บาท ไปกลับ 14 บาท แต่รอนานหน่อย ส่วนรถตุ๊กๆแดงผมไม่ขึ้นเพราะราคาแพง พอๆกับที่เชียงใหม่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมื่อรถสองแถวมาถึงที่สถานีรถไฟอยุธยา ผมก็ลงจากรถ จ่ายเงินค่ารถเรียบร้อยแล้ว จากนั้นผมก็เข้าไปซื้อตั๋วรถไฟเพื่อเข้ากรุงเทพฯ
เป็นอันว่าได้จบทริปนี้ไปอีกทริปหนึ่ง โอกาสหน้าจะไปเที่ยวที่ไหน ต้องคอยติดตามตอนต่อไปนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนอื่นๆ ที่ผ่านมา
เที่ยววัดแก่งคอย สระบุรี (เที่ยวทิพย์) ตอนที่ ๑
https://pantip.com/topic/40954659
เที่ยววัดนิเวศธรรมประวัติ อ. บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา (เที่ยวทิพย์) ตอนที่ ๒
https://pantip.com/topic/40958940
เที่ยวตลาดน้ำอโยธยา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา (เที่ยวทิพย์) ตอนที่ ๓
https://pantip.com/topic/40964087
เที่ยวพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี (เที่ยวทิพย์) ตอนที่ ๔
https://pantip.com/topic/40969489