ฝันหวาน (Sweet Dream) 63

กระทู้สนทนา

.

              วันนี้ต้องไปโรงพยาบาลอีกแล้ว พรนภากุลีกุจอรีบอาบน้ำแต่งตัวให้แล้วเสร็จก่อนสามี กะว่าแต่งตัวเสร็จค่อยปลุกให้ตื่นก็ได้ เพราะรายนั้นแต่งตัวเร็วอยู่แล้ว

               พออาบน้ำเสร็จเห็นเมธียังไม่ตื่นก็อดที่จะต้องปลุกไม่ได้เช่นเดิม นี่ก็แปดโมงเช้าจะเข้าเก้าโมงเข้าทุกที จึงคิดว่าปลุกหน่อยก็ดี ปล่อยให้นอนก็ชอบนอนยาวแบบนี้ ทั้งที่ทราบอยู่แล้วว่าวันนี้มีธุระที่จะต้องไป ทำเป็นคนนอนขี้เซาอยู่ได้ ค่อนขอดให้คนที่นอนหลับสนิทบนเตียงนอน

                “พี่เมธี… พี่เมธีตัวเองตื่นดิสายแล้ว จะพานภาไปตอนไหน แปดโมงถึงแค่สิบเอ็ดโมงนะหมอนัดอ่ะ นี่ก็เก้าโมงแล้ว ตื่น !” พูดด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่ชักสีหน้าด้วย ไม่อยากงอนกันไปหาหมอ

               คนนอนหลับสะดุ้งตื่น “กี่โมงแล้วคะ” พูดพร้อมลุกขึ้นนั่งอย่างว่าง่าย ทึ่งกับภาพที่เห็น เมื่อพรนภาภรรยาสาวแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก่อนตนเอง ปกติแต่งตัวเสร็จก่อนเขาที่ไหน

                “ยิ้มทำไมคะ เค้าแต่งตัวเสร็จรอพี่เมธีตั้งนานแล้ว แค่หนีบผมรอเฉย ๆ รีบไปอาบน้ำเลยเก้าโมงละ” เธอพูดขณะนั่งหนีบผมจัดทรงผมของตนเองสักหน่อย

                 “พี่ตื่นตั้งนานแล้วค่ะ แค่แกล้งหลับเฉย ๆ อยากดูคนแต่งตัว บาดหนิคนแต่งตัวนานเกินแมนบ่ พี่ก็เลยหลับต่อเลยคราวนี้” เขาแกล้งพูดหยอก เผยยิ้มให้สาวร่างบางตรงหน้า เอ็นดูกับรูปร่างของภรรยานักจะตัวเล็กไปไหน ก็นั่นแหละสเปกของเขาล่ะ ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ผิวขาว หมวย ๆ ชอบแบบนี้ชอบที่เป็นแบบนี้ อดีตภรรยาแม่ของลูกก็ประมาณนี้ ทว่าสูงกว่าพรนภานิดหน่อย

                   “เหรอ ! เห็นหลับสนิทเลย ถ้าไม่ปลุกก็ไม่ตื่นอ่ะ “ ค่อนขอดให้อย่างหมั่นไส้

                  “คร๊าบ ! อาบน้ำแล้ว สามสิบนาทีค่ะ” เขากล่าวพร้อมลุกเดินเข้าห้องน้ำไป

                 “สิบห้านาทีวิน ๆ “

                 “ฮื้ย !” เสียงต่อต้านดังมาจากในห้องน้ำ ส่วนเธอนั่งเล่นโทรศัพท์รอ ส่องโลกออนไลน์ของตนเองสักหน่อย ไม่นานเมธีก็แต่งตัวเสร็จ พวกเธอได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลกันได้สักที

                “จะนัดอีกมั้ยน้อรอบนี้ เทียวโรงบาลปานเทียวนาเฮ้ย” เขาบ่นขณะขับรถ

                “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ คิดว่านัดนะ ! “ เธอตอบไม่ได้มองคนฟัง สายตาจับจ้องที่เอกสารใบนัดอยู่

                “นัดได้ ! แต่กรุณาอย่านัดถี่ ๆ กันแบบนี้ได้มั้ยคะ พี่งานค่อนข้างยุ่งค่ะ” เขาหันมาเอ่ยก่อนจะหันกลับไปมองถนน

                 “เอ๋า ! คิดว่าเค้าเลือกวันนัดเองเหรอคะ แล้วคิดว่าเค้าอยากมาแบบนี้บ่อย ๆ เหรอ ถ้านภามาเองได้นภาไม่รบกวนพี่เมธีหรอก” หันมาทำหน้าบึ้งให้สามีรุ่นพ่อก่อนจะสะบัดหน้าหันไปอีกทาง

                “แหนะ ! ดูคิดสิ ดูความเข้าใจ” เริ่มรู้สึกถึงพลังงานบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้น พลังงานการงอนของใครบางคนแถวนี้ ซึ่งเขาไม่ได้หมายความว่าเขาไม่อยากพามา หรือ ขี้เกียจจะพามาเลย แค่เพียงอยากบอกว่ามันมีผลกระทบกับงานของเขาเท่านั้น ทว่าระดับผู้จัดการอย่างเขาไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว

                 “พี่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นค่ะ น้องนภา…” เรียกชื่อของภรรยารุ่นลูกพร้อมเอื้อมมือมากุมมือของเธอเอาไว้ ส่วนเจ้าตัวยอมให้กุมมือ แต่ หันหน้าไปอีกทางไม่ยอมหันมาคุยด้วย

               พรนภาเงียบไม่ยอมตอบกลับ นั่งเงียบไปตลอดทาง “น้อง ! น้องนภาแหมะ พี่ไม่ได้ขี้เกียจจะพามาเลย เค้าแค่พูดถึงว่าเฉย ๆ แหมะตัวเอง เอ๊าคิดดูเมียไม่สบายใครจะไม่อยากพามาหาหมอใช่มั้ยล่ะ หันหน้ามาเร็วตัวเอง” พยายามพูดง้อระหว่างขับรถไปด้วย มืออีกข้างก็กุมมือของเธอเอาไว้ มีบางจังหวะที่ปล่อยเพื่อบังคับรถ

                 “ไม่ต้องพูดหรอก นภาเข้าใจน่า” พูดเสียงเรียบ แต่ก็ยังไม่ยอมหันหน้ามามอง

                “เข้าใจแล้วทำไมตัวเองยังงอนเค้าอยู่อ่ะ น้องหันหน้ามาหาพี่ดี ๆ ค่ะ “ เขาออกคำสั่ง ก่อนจะขับรถเลี้ยวเข้ามาจอดยังลานจอดรถของเอกชนที่เดิม ที่ใช้จอดในทุก ๆ รอบที่มาโรงพยาบาลแห่งนี้ คนดูแลเดินมาเก็บค่าฝากรถทันทีเมื่อรถจอดสนิท

               พรนภาทำท่าจะเปิดประตูลงทว่าโดนรั้งไว้ด้วยมือของเขา “นภาจะลงค่ะพี่เมธี จะสิบเอ็ดโมงแล้วนะคะ ออกจากห้องก็สายแล้วอ่ะ เรารีบไปกันเถอะ ” ไม่โวยวาย ไม่หน้าบึ้งตึงอะไรทั้งนั้น

               “น้องไม่เข้าใจพี่ !” จ้องหน้าสบตากับภรรยาสุดที่รักของเขาตาไม่กะพริบ เพราะไม่อยากให้สาวเจ้างอนแบบนี้ รู้สึกไม่ดีเลยที่ทำให้เธองอนหรือน้อยใจ

              “เข้าใจ “ พรนภาตอบ สบตากับสามีคนที่รักที่สุดตาไม่กะพริบเช่นกัน

                “เข้าใจ ! แต่เป็นการเข้าใจพี่แบบผิด ๆ นี่คะ เข้าใจเค้าแบบไหนก่อนอ่ะ” ทำสายตาเว้าวอน ขอโทษ และ รู้สึกผิดที่สุดที่พูดไปแบบนั้น ที่พูดให้เธอคนที่รักมากเข้าใจผิดรู้สึกไม่ดี “เข้าใจว่าพี่ไม่อยากพามาใช่มั้ย เข้าใจว่าน้องเป็นภาระของพี่ใช่มั้ยคะ เค้าไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลยนะตัวเอง และ จะไม่มีวันรู้สึกแบบนั้นด้วย” พูดด้วยคำพูดจริงจัง แววตาจริงจัง อยากให้เธอรับรู้และสัมผัสได้ที่สุด

               พรนภาคลี่ยิ้ม กลับเป็นคนรู้สึกผิดเสียเองที่ตนเองทำให้เมธีคิดมากขนาดนั้น “ทำไมคิดมากขนาดนี้คะ ฮึ” เผยยิ้มให้สามี “นภาไม่งอนพี่เมธีแล้ว” ฉีกยิ้มให้สามีคราวพ่ออย่างจริงใจเช่นกัน หายงอนแล้วจริง ๆ

              “ก็เค้ารักของเค้านี่นา ไม่อยากให้น้องโกรธ ไม่อยากให้เข้าใจผิดด้วย “ สุดท้ายเขาก็ยิ้มออกมาได้ ยกมือขึ้นมาลูบผมของพรนภาเบา ๆ “จำไว้นะคะ พี่รักน้องที่สุดเลย และ อะไรที่พี่ทำให้น้องได้พี่จะรีบทำ อะไรที่น้องมีความสุขพี่จะรีบทำให้ รักมาก ๆ เลยนะรู้มั้ยเด็กน้อยของเค้า” เขากล่าว

                “แต่ตอนนี้พาเค้าไปหาหมอก่อน จะสิบเอ็ดโมงแล้วหนิ” เธอพูดกลั้วยิ้ม เธอเองก็รักเขาที่สุดในโลกเหมือนกัน ตั้งแต่มีเขาเข้ามาในชีวิตก็ไม่คิดมองหาใครอีกเลย เขาคือคนที่ตามหามานาน คนนี้แหละใช่เลย

                 “หอมก่อน โทษฐานที่ทำให้คิดมาก ! คิดมากนะเนี่ย ฮ่วย ! คนหยังเคียดไวคัก” พูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะโน้มไปจูบหน้าผากของพรนภาเบา ๆ ฟิล์มรถของเขามืดไม่มีใครมองเข้ามาเห็นแน่นอน

                “อยากเคียดไว เป็นหยัง ! ปะลงรถเลย รีบไปหาหมอเลย ชิ” เธอทำเป็นค่อนขอดให้

              “อ้าวเปิดประตูลงจากรถสิคะรอไร” ไม่พูดเฉยเมธีเปิดประตูก้าวขาลงจากรถไปก่อนเธอแล้ว

                “ป๊าด ! คนหยังมาตะหน่ายแถะ หอมเขาแล้วไล่เขาเสยว่าหนิแมะ” พูดล้อสามี ก่อนจะเปิดประตูรถก้าวออกมา จากนั้นพวกเธอสองคนจึงเดินเข้าไปในโรงพยาบาล ไปตึกเดิมวันนี้แค่มาฟังผลเอ็กซเรย์ที่มาในวันก่อนเฉย ๆ

               พรนภาเดินถือใบไปยังฝ่ายลงทะเบียน พยาบาลแนะนำให้ขึ้นไปชั้นสามห้องเบอร์สี่สิบสอง ก็เป็นห้องเดิมที่มาพบหมอรอบแรก ๆ จากนั้นพวกเธอสองคนก็ขึ้นไปยังชั้นสามทันที

                วันนี้ก็ยังมีผู้คนมากมายมาหาหมอ เก้าอี้แทบไม่มีว่างให้นั่งเลย พรนภากับเมธีเดินไปยังหน้าห้องหมายเลขสี่สิบสอง นำเอกสารใบนัดไปยื่นให้พยาบาลหน้าห้อง จากนั้นพยาบาลก็แนะนำให้เข้าไปข้างใน พอเข้ามาก็นำเอกสารมายื่นเพื่อสอบถามประวัติคร่าว ๆ ก่อนจะนำไปยื่นที่ห้อง ‘สามศูนย์เจ็ด’ ห้องหูคอจมูก

               ยื่นเอกสารแล้วก็กลับมานั่งรอเรียก “ถ้าหมอให้ผ่าจะผ่าไหม” เมธีก้มลงมาถามเบา ๆ ขณะนั่งรอเรียกชื่อ

               “ดูก่อนค่ะ ! “ เธอตอบ ก่อนจะมาทำไมกล้าที่จะผ่า พอถึงวันนี้ทำไมไม่กล้าตัดสินใจผ่าเลย

               “ถ้ามันไม่มีผลอะไรก็ไม่ต้องผ่าก็ได้” เมธีพูด “ไหนขอดูหน่อย” เมธีสั่งให้เธอเงยหน้าขึ้นนิดหน่อยเพื่อจะดูลำคอของเธอ ๆ ทำตามอย่างว่าง่าย เงยหน้าให้เขาดู

                “บางวันมันก็ปวดนะคะ ไม่ปวดมากหรอก พอรู้สึกรำคาญ ๆ ” พูดคุยกันฆ่าเวลาระหว่างที่รอหมอ “เดี๋ยวดูก่อนนะว่าหมอจะว่าไง แต่ถ้าจำเป็นนภาก็จะผ่า “

              “ค่ะ !” เมธีตอบ นั่งจับมือของพรภนาเอาไว้อย่างนั้น ส่วนเจ้าตัวนั่งนิ่ง ๆ แอบปรายตามองภรรยาสุดที่รักของตนเองคิดอะไรอยู่นะ อยากรู้จริง ๆ รักและเอ็นดูที่สุดเลย

                “คุณพรนภาค่ะ คุณพรนภา สิมะสุวรรณเชิญด้านในเลยค่ะ” พยาบาลเรียกชื่อของเธอ

              “รอนี่นะ” ก่อนเดินเข้าไปมิวายหันมาสั่งสามี

              “ค่ะ “ เมธีตอบพร้อมพยักหน้าให้

              เธอเดินเข้ามาในห้องตรวจ เป็นคุณหมอท่านเดิม คุณหมอเปิดผลเอ็กซเรย์ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งมีแต่ภาษาอังกฤษ ก่อนจะหันมาคุยกับเธอ

              “ลองเงยหน้าให้หมอดูหน่อยค่ะ “ สิ้นคำพูดของหมอเธอก็เงยหน้าขึ้น

              “อือ ก็ยังไม่ยุบเลยน้อ ผลเอ็กซเรย์ออกมาแล้ว มันเป็นซีสนะคนไข้ แต่ว่าผลเอ็กซเรย์ผลตรวจเลือดที่ออกมามันเป็นเนื้อดีส่วนใหญ่นะ  มันเป็นซีสนั่นแหละ แต่ว่ามันมีเนื้อดีมากกว่าเนื้อร้ายค่ะ ส่วนที่ไม่ดีมันน้อยมากเลยคนไข้ คราวนี้หมอจะให้ดูอาการของมันไปเรื่อย ๆ นะคะ “

                “ค่ะ” เธอตอบพร้อมพยักหน้ารับอย่างเดียว

               “หมอต้องรบกวนนัดคนไข้เรื่อย ๆ นะ แต่จะไม่ถี่มากหรอก คราวนี้หมอจะลองนัดสักหกเดือนค่อยมาอีกรอบนะคะ จะปล่อยก็ไม่ได้เลย ต้องมาดูอาการมันไปเรื่อย ๆ ค่ะ เพราะมันคือซีส คนไข้ประสงค์จะผ่ามั้ยคะ อยากผ่าบอกหมอได้เลยนะ แต่ว่ามันก็จะมีแผลเป็นที่คอเราอ่ะน้อ บางคนก็เห็นไม่ชัดหรอก” คุณหมอมองหน้าเธอ

                “ผ่าได้ทางเดียวใช่มั้ยคะ” เธอถาม

               “ใช่ค่ะ มันยังไม่ถึงขั้นต้องให้ยาค่ะคนไข้ เพราะถ้าทานยาผลเสียมันมากกว่าผลดี ทางเดียวคือผ่าและปลอดภัยด้วย แต่ไม่ผ่าก็ได้เพราะมันไม่อันตรายค่ะ มันเป็นก้อนซีสก็จริง มันก็จะปูดแบบนี้ถ้าไม่ผ่า หมอนัดถัดไปอีกหกเดือนเพื่อดูอาการแล้วกัน ถ้ามันโตมากกว่านี้ ก็จะคงต้องผ่าค่ะ แต่ว่าระหว่างรอเนี่ยคนไข้อยากผ่าออก เข้ามาแจ้งหมอได้เลยนะคะ”

               “ค่ะ” เธอตอบ จากนั้นคุณหมอก็ทำเอกสารนัดเธออีกรอบในเดือนมีนาคมปีหน้านู่นแหนะ รับใบนักเสร็จก็กลับได้

               “ไปไหนต่อมั้ยเอ่ย” เมธีถามขณะเดินกลับมาที่รถ กุมมือของเธอไม่ยอมปล่อย “หมอว่าไงนะ”

              “มันคือซีส ก้อนที่คอเนี่ย ผ่าได้ทางเดียว อยากผ่าบอกหมอได้เลย นภาตัดสินใจอยู่หนิ” ทำไมนะทำไมเธอถึงไม่กล้านัก ทีก่อนถึงวันอยากจะผ่าออก พอหมอให้ผ่าได้กลับไม่กล้า

               “เอาไงล่ะ ! กลัวมันเป็นกลายเป็นอย่างอื่นไปอีกน่ะดิ ถ้าไม่รีบเอาออก” เขาแสดงความคิดเห็น

              “มีเวลาตัดสินใจตั้งนาน ตั้งหกเดือนแหนะ พอถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน” เธอพูด ขณะที่เดินมาที่รถ เปิดประตูเข้าไปนั่งเพราะร้อนเหลือเกิน ลานจอดรถเอกชนก็ไกลเหลือเกิน

                “นัดอีกเหรอคะ” เขาถามพร้อมสตาร์ทรถกลับบ้าน “ไปไหนมั้ยคะ เค้าจะพาไป” ยิ้มหลับตาปริบ ๆ ให้ภรรยาสาวสวย ไถ่โทษเมื่อเช้านี้

                “ม่าย ๆ ! กลับคอนโดเหอะ “ เธอตอบแบบไม่ต้องคิด ไม่อยากไปไหนจริง ๆ “นัดมาอีก หมอบอกมันต้องคอยดูเรื่อย ๆ ถึงไม่เป็นอันตรายแต่ก็ปล่อยไว้ไม่ได้ อย่างที่บอกมันคือซีสนั่นแหละ มันยังมีส่วนที่ไม่ดีอยู่ แต่ถ้าระหว่างรอหกเดือนอ่ะ อยากผ่ามาบอกหมอได้เลย นภาคิดว่ารอถึงวันนั้นก่อนดีกว่าถ้าจะผ่าอ่ะ”

               “อยากเอาออกมั้ย !” เขาถาม เธอพยักหน้าอยากเอาออก แต่ ใจเจ้ากรรมก็ไม่กล้าจะตกลงผ่า กลัวไปหมด กลัวคอเป็นแผลเป็นด้วย แล้วพวกเธอก็กลับคอนโดกัน ไม่ยอมไปไหนต่อ อยากกลับมานอนพักผ่อนเฉย ๆ ที่ห้องที่สุด “พี่เมธีรับวัคซีนแล้วเดือนหน้าพาเค้าเที่ยวนะ”

                เจ้าตัวกะแอมทำเป็นสำลักไอออกมาสองสามครั้ง ทำเป็นเมินไม่ใส่ใจ เปิดเพลงฟังขณะขับรถ น่าหมั่นไส้ยิ่งนัก รู้แบบนี้เมื่อเช้าแกล้งงอนหนัก ๆ เสียให้เข็ดเลย

                 ……………………………………
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่