เลิกกับแฟนเพราะเป็นที่พักพิงทางใจให้เขาไม่ได้

ผมรู้จักกับแฟน ผ่านแอปนึงครับ เธอเป็นคนสวย คนเก่ง ทัศนคติดี เป็นผู้ใหญ่ และจิตใจดี เป็นแบบที่ผมชอบ เธออายุมากกว่าผม 3 ปี เราค่อนข้างคุยถูกคอ เพราะเราเป็นคนชอบเที่ยวเหมือนกัน คุยไปคุยมาเราก็คบกัน คบกันอยู่ประมาณ 2 ปีครับ ช่วงแรกผมก็ไปๆมาๆหาเขาที่คอนโด หลังจากนั้นก็เนียนๆขนเสื้อผ้าย้ายมาอยู่ด้วยกันที่คอนโดเธอ
        ตอนผมย้ายไปอยู่กับเธอ ผมก็พยามทำหน้าที่แฟนที่ดี คอยดูแลเธอ วันไหนผมไม่มีงานก็จะคอยไปรับไปส่งที่ทำงาน (เวลาทำงานของผมจะไม่แน่นอน) ตอนเช้าผมจะตื่นก่อนเขาก็จะคอยหาอะไรให้กิน ซื้อน้ำวิตามินให้กิน เพราะเธอทำงานค่อนข้างหนัก พอเธอเลิกงานผมก็ไปรอรับไปหาอะไรกิน วันไหนต่างคนต่างทำงาน ก็จะไลน์หากันบ้าง บางวันผมก็จะคอยสั่งชานมไข่มุกที่เธอชอบ ให้แกรปไปส่งที่ทำงานเธอตอนพักเที่ยง บอกคิดถึงบอกรักกันบ้าง (แต่คู่เราจะเป็นแนวเหมือนคู่กัด เหมือนเพื่อนสนิท ตลกไปเฮฮา  จะไม่ค่อยหวานๆเหมือนคู่อื่นๆ) ช่วงที่คบกัน 1 ปีแรกมันเป็นอะไรที่ดีมากครับ เราไปเที่ยวด้วยกันหลายที่มาก ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ สนุก มีความสุขกันมาก เราไม่เคยทะเลาะกันเลย เขายังเคยบอกผมเลยว่าคู่เรานี่ดีเนอะไม่เคยทะเลาะกันเลย ตลอดเวลาที่คบกัน ผมไม่เคยนอกใจ ไม่เคยทำตัวไม่ดี ไม่ออกนอกลู่นอกทาง ไม่เคยเอาเปรียบ เลิกงานปุ๊บก็กลับห้องทันที ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่ติดเพื่อนเลย จนบางครั้งเธอต้องบอกว่าออกไปหาเพื่อนบ้างก็ได้ 55  ผมพยายามทำให้เธอสบายใจที่ได้เลือกผมเป็นแฟน เธอบอกผมว่าอยู่กับผมเธอเป็นตัวของตัวเองมาก ไม่ต้องเกร็งกดดัน อึดอัด หรือต้องเปลี่ยนตัวเองอะไร เธอค่อนข้างสบายใจที่ได้อยู่กับผม และผมก็รักเธอจริงๆอยากดูแลเธอไปแบบนี้ตลอดชีวิต อยากแต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกันกับเธอ อยากทำให้เธอมีความสุขตลอดไป

        ทุกอย่างเหมือนจะดีใช่ไหมครับ  พอเข้าปีที่ 2 แรกๆเราก็ยังเหมือนเดิมกันนะครับ  ยังมีความสุข แต่ปีนี้งาน เรา 2 คนเยอะขึ้น เธอทำงานค่อนข้างหนัก เธอรับงานหลายงาน มีความเครียดมากขึ้น เธอมาปรึกษาผม มาระบาย หลายครั้ง ผมก็รับฟัง พูดปลอบเธอว่าไม่เป็นไรนะ สู้ๆนะ เดี๋ยวมันก็ผ่านพ้นไปนะ ซึ่งเธอไม่โอเค เธอบอกว่าคำว่าสู้ๆนะช่วยอะไรไม่ได้หรอก มันเหมือนว่าเธอต้องสู้ไปด้วยตัวเองคนเดียว ผ่านปัญหาไปด้วยตัวคนเดียว ผมตกใจมากผมก็ขอโทษเธอไป ที่เป็นที่ปรึกษาได้ไม่ค่อยดี (ปัญหาหลักๆของตัวผมคือ ผมเป็นคนพูดไม่เก่ง พูดน้อยมาก ผมปลอบใจคนไม่เก่งเลย ผมหาคำพูดที่จะพูดให้เธอสบายใจได้ไม่ดีเลย ) ผมบอกเธอผมจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น ซัพพอร์ตเธอได้ดีขึ้น  หลังจากนั้นผมก็เสริชหาในพันทิปว่าพูดให้กำลังใจแฟนอย่างไรโดยไม่ใช่คำว่าสู้ๆ ซึ่งผมก็ไปเจอกระทู้นึงมีเพื่อนๆมาช่วยกันตอบเยอะ ผมก็เก็บคำพูดพวกนั้นมาใช้บ้าง พอเธอไม่สบายใจ ก็จะมีเรื่องมาปรึกษาผม ผมพยามจะไม่ใช้คำว่าสู้ๆ เพราะเธอไม่ชอบ มันก็โอเคขึ้นนะครับ ได้ผลบ้าง แต่บางทีก็ไม่ได้ผล ผมก็พยายามปรับตัวไปเรื่อยๆคอยช่วยเธอแก้ไขปัญหามากขึ้น บางเรื่องก็ช่วยได้ดี บางเรื่องก็ได้ไม่ดีเท่าที่ควร
      หลังจากนั้นเราก็ใช้ชีวิตกันปกติ ก็ยังมีเรื่องนี้มาให้ทะเลาะกันบ้าง เวลาเธอเครียดๆ และปัญหานี้มันคงสะสมในจิตใจของเธอไปแล้ว บางทีเธอมีเรื่องก็จะไม่มาปรึกษาผมแล้ว เธอบอกว่าสุดท้ายเธอก็ผ่านมันไปได้ด้วยตัวของเธอคนเดียวอยู่ดี ไม่มีใครช่วยเธอได้แม้แต่เพื่อน ผมก็เริ่มเครียด และขอโทษเธอ แล้วก็พยายามปรับไปเรื่อยๆ พยายามช่วยเหลือเธอให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ บางเรื่องช่วยไม่ได้ก็จะไปนั่งอยู่ข้างๆ อยากให้เขารู้ว่าผมอาจจะแก้ปัญหาทุกอย่างได้ไม่ดี แต่ก็อยากให้เขามั่นใจว่าผมจะไม่ปล่อยให้เจอปัญหาเพียงลำพัง ผมจะอยู้ข้างๆโดยไม่ทิ้งไปไหน หลังๆเธอก็ขอบคุณผมนะครับเขาเห็นว่าผมพยายามจริงๆ ช่วยเหลือเขามากขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย ผมดีใจมากๆ
 
          หลังจากนั้นก็เจอปัญหาโควิด ทำให้เธอต้องทำงาน work from home อยู่ห้อง ส่วนงานผมต้องก็หยุดพักไปเลย  แล้วมีล๊อคดาวมีเคอร์ฟิวอีก ทำให้ผมกับเธอต้องใช้ชีวิตกันแต่ในคอนโด 24 ชม แรกๆเรา 2 คนก็ happy นะครับ ได้หยุดใช้เวลาอยู่ด้วยกัน แต่พอนานเข้ามันก็เริ่มเครียด ไปไหนก็ไม่ได้ แฟนผมเขาก็เบื่อ  เริ่มทะเลาะกันบ้าง เธอเริ่มหงุดหงิดวีนผมบ่อย ด้วยปัญหาของใช้กระจุกจิกภายในห้อง ไม่เก็บนู้นนี่บ้าง ของหมดไม่ซื้อมาเติมบ้าง ของพังไม่ซ่อมบ้าง เราเริ่มคุยกันน้อยลงครับ อยู่ห้องด้วยกันก็จริง แต่อยู่กันคนละมุม ต่างคนต่างมีโลกส่วนตัว คุยกันแค่วันนี้กินไรดีมันสะสมมาเรื่อยไม่ จนวันนึงทะเลาะกันเธอบอกให้ผมกลับไปอยู่บ้านบ้างไหม กลับไปอยู่พักเผื่ออะไรจะดีขึ้น ผมก็ไปแต่ไปได้วัน 2 วันก็ต้องกลับมาหาเขา เพราะผมคิดถึง ผมก็ไปๆมาๆวันนึงเธอเครียดเรื่องงานเธอมาร้องไห้กับผม วันนั้นเธอค่อนข้าง  down. เรื่องงาน มากเธอบอกเธอไม่อยากอยู่ต่อแล้วเธออยากนอนแล้วไม่ตื่นเลยผมตกใจมาก ผมก็ปลอบใจเธอ จับมือลูบหัวบอกว่า ไม่เป็นไรนะ ยังไงเธอก็มีเค้าอยู่ทั้งคน หลังจากนั้นตื่นมาผมก็ถามเธอว่าเป็นไงบ้างโอเคไหม เธอตอบกลับมาว่าโอเคแล้ว ผมก็ไม่ได้ถามอะไรต่อกลัวจะถามแล้วไปจี้ต่อมความรู้สึกเดิมอีก (ซึงตรงนี้ผมยอมรับว่าผมพลาดมากๆ ผมผิดมากๆที่ไม่ได้สานต่อความรู้สึก ถึงเธอจะตอบว่าไม่เป็นอะไรแล้วผมก็ควรใส่ใจมากกว่านี้ ผมผิดจริงๆไม่มีข้อแก้ตัวใดๆเลย ผมมาคิดได้ภายหลัง) หลังจากนั้นก็เหมือนทุกอย่างจะดีขึ้นบ้าง แต่สถานการณ์โควิดยังแย่ลงเรื่อยๆ เราเลยคุยกันว่าแยกย้ายกันกลับบ้านดีกว่า เธอก็กลับบ้านตจว ไป work from home ที่ ตจว ก็น่าจะดีกับเธอ หนีบรรยากาศ อึดอัดในกรุงเทพ ในห้องแคบๆที่คอนโด อยู่ ตจว ยังมีพื้นๆโล่งๆให้ผ่อนคลายบ้าง
       กลับมาอยู่ ได้ 2-3 วัน ก็ดีขึ้นนะครับ โทรคุยกัน ก็ดูเธอ แฮปปี้ดี กว่าตอนอยู่กทม หลังจากนั้น  ช่วงวันที่ 4-6 เราเริ่มคุยกันน้อยลงอีกครับ คือผมจะรู้ว่าเขาทำงานช่วงเวลาไหน ว่างตอนไหน ผมก็จะโทรไปตอนนั้น โทรไปก็ต่างคนต่างคุยน้อยลง เหมือนไม่มีอะไรจะคุยกัน ไม่ค่อยได้ไลน์หากันเลย ส่งรูปให้กันบ้าง vdo call บ้าง ผมก็ยังรู้สึกรักเค้าเหมือนเดิมแต่ผมก็ยอมรับครับว่าใส่ใจเธอน้อยลง หลังจากนั้นวันนึงเธอก็ไลน์มาว่า เราแทบไม่มีไรคุยกันเลยเนอะ คุยกันแค่ว่า ทำไรอยู่ กินข้าวยัง แค่นั้น ซึ่งก็จริงครับ เราคุยกันน้อยมากจริงๆ อีกวันนึงเธอจึงโทรมาขอเลิกผม ด้วยเหตุผลที่ผมเหมือนจะไม่ใส่ใจเขา ไม่ถามไถ่เลย เขาบอกว่ามีผมก็เหมือนไม่มี เขาอยู่คนเดียวก็ได้ไม่ต่างกัน ตอนแรกผมก็จะไม่ยอมเลิกแหละครับ ก็ขอโทษยอมรับในความผิดพลาด แล้วเขาก็พูดเรื่องเก่าๆ เรื่องที่วันนั้นเขาdown มากอยากจะหายไปเลย เขาบอกผมไม่ได้ เทคแอคชั่นมากพอที่จะช่วยเหลือเขา ผมก็จุกไปเลย และผมก็คิดได้ตอนนั้นว่าผมผิดจริงๆผมผิดจริงๆที่ไม่ใส่ใจความรู้สึกมากพอ เขาก็พูดต่อว่า เราไม่เคยพูดคุยกันเรื่องลึกๆเลย ไม่เคยคุยกันเรื่องในอดีต ว่าเขาผ่านอะไรมาบ้าง คุยกันแต่ ปัจจุบัน กับอนาคตว่าจะเป็นยังไง เขาก็เล่าให้ฟังว่า เขาผ่านอะไรมากบ้าง ใช้ชีวิตมาอย่างยากลำบาก ผมรู้แค่พ่อแม่เขาเสียตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เคยรู้ว่าเขาผ่านอะไรมาหนักขนาดนี้ เขาอยากได้การดูแลเอาใจใส่มากกว่าคนปกติทั่วไป  อยากได้รับคำปรึกษาทางจิตใจที่ดี อยากได้ที่พักพิงทางใจ ตอนนี้ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ได้แต่คิดตอกย้ำความโง่ของตัวเอง ว่าดูแลเขาดีแล้ว เอาใจใส่เขาดีแล้ว จริงๆไม่ใช่เลย  ที่ผมทำแทบไม่ได้สี้ยว ที่จะเยียวยาเขาได้เลย ในหัวผมมีแต่ความรู้สึกผิด ผิดมากๆ เขาอุตส่าห์ให้โอกาสผมได้ดูแลเขาแต่ผมกลับทำตรงนั้นได้ไม่ดีผมมันโง่จริงๆ ตอนนั้นผมพูดอะไรไม่ออกเลย มันรู้สึกจุกไปหมด ได้แต่ขอโทษ เธอบอกผมว่า ผมเป็นแฟนที่รักเธอมากที่สุดตั้งแต่เธอมีแฟนมา ไม่เคยมีใครดูแลเธอได้ดีเท่าผมเลย และไม่รู้ว่าจะเจอคนที่ดีและจริงใจแบบผมอีกไหม แต่เธอก็ยืนยันว่าจะขอลดความสัมพันธ์ เธอขออยู่คนเดียวดีกว่า  เธอบอกว่าเราไม่ได้โกรธ เกลียดกัน ยังอยากเป็นเพื่อนกันอยู่ ยังคุยกันยังเจอกันได้ เธอขอให้ผมเข้าใจเธอ ตอนนั้นแต่ละคำพูดที่เธอพูดมันจุกอกผมไปหมดผมต้องเคารพการตัดสินใจของเธอแม้ผมจะไม่อยากเลิกแค่ไหนก็ตาม
  
        หลังจากเลิกกัน ผมก็อยากขอคืนดีกับเธอ ผมไม่มีเธอแล้วมันทรมานมาก แต่ก็ยังไม่กล้าทักไป เธอก็มีทักมาหาบ้างถามสภาพจิตใจว่าเป็นไงบ้าง ผมค่อนข้างจะแย่เลย พอเธอทักมาผมก็กล้าจะทักไปหาบ้างโทรหาบ้าง ผมส่องเฟสบุ๊คเธอทุกวันเลย และเริ่มตะหงิดๆใจเห็นผู้ชายมากดหัวใจให้ เป็นเพื่อนที่เพิ่งรับแอดกันมา ปกติเธอไม่ค่อยรับแอดคนไม่รู้จัก แต่ก็ยังไม่แน่ใจอะไร ยังคิดเรื่องขอคืนดีอยู่ หลังจากนั้น ผมรู้สึกกระวนกระวายใจมาก อยากคุยด้วย อยากเจอความรู้สึกผิดมันยังกัดกินผมเรื่อยๆ อยากแก้ไข อยากขอโอกาสให้ผมอีกสักครั้ง ผมเข้าใจปัญหาแล้ว ได้รับบทเรียนที่ราคาแพงมากที่สุดในชีวิตแล้ว ผมขาดเธอไปแล้วมันทุกข์ทรมานมาก ผมจึงขับรถไปหาเธอที่ต่างจังหวัดเพื่อจะขอคืนดี ขอให้เธอลองให้โอกาสผมอีกสักครั้งได้ไหม ผมสัญญาว่าผมจะทำให้ดีที่สุด ผมอยากดูแลเธอจริงๆ ผมรักเธอจริงๆ แต่เธอยังยืนยันคำเดิมครับ และคราวนี้พอได้คุยกันต่อหน้าจริงๆ สายตาเธอเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ผมรู้สึกได้เลยยังไงคงกลับไปเป็นแบบเก่าไม่ได้อีกแล้ว  เธอคิดไตร่ตรองอย่างดีแล้ว ผมจึงถามเธอไปตรงๆว่า เธอมีคนคุยใหม่แล้วหรอ ซึ่งเธอก็ยอมรับ เธอบอกเพิ่งคุยๆกันได้ไม่นาน(ก็คนที่มากดหัวใจให้หนะแหละ) ผมงี้แทบล้มทั้งยืนเลย หน้าชาไปหมด สุดท้ายก็ต้องยอมรับความจริงขับรถกลับ กทมทั้งน้ำตา หลังจากนั้นไม่กี่วันมันควรจะเป็นวันครบรอบ 2 ปี ผมตัดสินใจไลน์ไปง้ออีกครั้ง แต่ก็เหมือนเดิมครับ ไม่ได้ผลเลยครับ เขาอยากให้ผมยอมรับความจริง และโฟกัสเรื่องตัวเองกับงานมากกว่า ไม่อยากให้มาโฟกัสที่เขา หลังจากวันนั้นเธอแทบไม่คุยกับผมเลย ไลน์ไปไม่ค่อยอ่านแล้ว อ่านทีกว่าจะตอบก็เกือบวัน ผมเข้าใจแหละครับว่าเขาคงไม่อยากคุยแล้วแต่ผมก็กลั้นใจตัวเองไม่ได้ ก็ยังทักหาไปบ้างแต่ก็รู้แก่ใจว่าเธอก็คงฝืนๆตอบ ฝืนๆคุย

      ตอนนี้ก็เลิกกันได้ 1 เดือนแล้วครับ เธอไปค่อนข้างไกลแล้วแต่ผมยังอยู่ที่เดิมอยู่เลย ผมยังคิดถึงเธอทุกวัน ยังรู้สึกผิดทุกวัน นอนร้องไห้แทบทุกวัน ทำอะไรก็ไม่ได้ ในหัวฟุ้งซ่านไปหมด จะดูหนัง จะออกกำลังกายมันเพื่อไม่ให้คิดมากก็ทำไม่ได้เลยครับ ทุกอย่างมัน น่าเบื่อไปหมด ใจมันเฝ้าแต่โทรศัพท์เผื่อเธอจะทักมา จะโทรมาบ้าง ผมอยากทักอยากโทรก็ไม่กล้า ผมไม่รู้ผมจะดีขึ้นตอนไหน จะผ่านจากตรงนี้ไปได้ยังไง มันทรมานใจเหลือเกินครับ
       หลังจากนี้ผมคงต้องใช้ชีวิตคนเดียว เพราะผลของการกระทำที่ไม่ได้เรื่องของผมเอง ตลอด 2 ปี แทบจะอยู่ด้วยกันตลอด ต่อไปต้องอยู่คนเดียวแล้ว อนาคตที่เคยวาดไว้ก็เป๋ไปเลย เพราะอนาคตที่ผมคิดไว้มันมีแต่เค้า ฝันจะซื้อบ้านตจว แล้วย้ายไปปักหลักกันที่นู้นคงไม่มีอีกแล้ว พอไม่มีเค้าก็คงทำตัวไม่ถูก คงสับสนกับชีวิตไปสักพักเลย  แต่ผมก็ยังหวังว่าวันนึงเมื่อเวลาผ่านไป ลมพัดเธอกลับมา วันนั้นผมต้องโตขึ้นกว่านี้ ถ้าเธอให้โอกาสผมอีกครั้ง ผมจะทำอย่างเต็มที่จะดูแลเธอทั้งกายทั้งใจเป็นอย่างดีเลย ผมได้รับบทเรียนแล้วผมจะดูแลเธอให้ดีที่สุด เพราะผมรักเธอจริงๆไม่เคยรักใครเท่านี้มาก่อนเลย  ตลอดเวลาเธอเป็นแฟนที่ดีสำหรับผมเลยครับ แต่เรื่องทั้งหมดที่มันจบลงแบบนี้ เป็นเพราะผมเองคนเดียว ผมไม่ดีเอง
       ผมเป็นแฟนที่ค่อนข้างแย่เลยใช่ไหมครับ แย่แบบไม่น่าอภัยได้เลย ผมจึงอยากให้คนที่มีแฟนตอนนี้ใส่ใจแฟนให้มากๆ เป็นที่พักพิงให้เขา ดูแลเขาอย่างเต็มที่ เป็นที่ปรึกษาที่ดี คอยร่วมทุกข์กับเขาด้วยอย่าร่วมสุขอย่างเดียว อยู่เคียงข้างเขาในวันที่เขามีปัญหาคอยซัพพอ์ตเขาช่วยเหลือเขาอย่างเต็มที่อย่ารับฟังอย่างเดียว อย่าเพิ่งมารู้สึกตัวช้าในวันที่เสียเขาไปแล้วแบบผม การมีแต่ความดีอย่างเดียว ขาดความใส่ใจแบบจริงจัง มันไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตคู่หรอกครับ
  ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบมันค่อนข้างจะยาวมากๆ ถ้าเขียนงงๆ หรืออ่านแล้วไม่เข้าใจยังไง ใช้คำพูดเปลืองเกินไปมีแต่น้ำ ยังไงผมก็ขอโทษด้วยนะครับ

ใครจะว่า จะด่า จะสอนผม จะแชร์เรื่องราวกันผมยินดีน้อมรับทุกคำวิจารณ์เลยครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่