ผมรู้จักกับรุ่นพี่คนนึงชื่อพี่ B (ชื่อสมมุติ) (จริงๆเคยเห็นพี่ B เขามาตั้งนานแล้วตั้งแต่ม.2 แค่ผ่านๆตา เพราะพี่ B เขาเป็นนักร้อง รร ) ที่นี่ ผมขึ้นม.4 ผมสอบได้ห้องสายรหัสเดียวกับพี่ B ผมได้คุยกับพี่ B จริงๆคือ ตอนที่เขาเป็นแฟนกับเพื่อนในห้องผม (ตอนม.3 เพื่อนคนนี้เคยมาปรึกษาผมเรื่องพี่ B ด้วยนะ ผมเลยเชียร์ให้เพื่อนเต็มที่) พอขึ้น ม.4 เขาสองคนก็คบกันจริงๆ ช่วงที่เขาคบกัน ผมก็เจอพี่ B เขาบ่อยนะ คุยกันปกติทั่วไป ผมไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษอะไร เพราะผมมีคติไม่คิดเกินเลยกับคนมีแฟน
แต่คงเพราะเราสนใจเรื่องเดียวกันเลยเจอกันบ่อยในแต่ละวัน(ผมชอบร้องเพลง พี่Bเขาเป็นนักร้องเขาร้องเพลงเก่งมากแต่ก็ถ่อมตัวมากด้วย เราบังเอิญเลือกชุมนุมเดียวกันก็คือชุมนุมคาราโอเกะ ห้องผมจะเรียนสวนกับห้องพี่ B ตลอด เพราะสาขาเดียวกัน )
ตอนที่พี่Bเขาอยู่กับเพื่อนผม พี่Bเขาดูเป็นคนตลก กวนตีน แล้วก็ยังเรียนเก่ง ขยันด้วย แต่จุดที่ทำให้ผมเริ่มเปลี่ยนแปลงความคิดเรื่องพี่ B มันเริ่มมาจากช่วงที่พี่B เขาเลิกกับเพื่อนผมด้วยสาเหตุหลายๆอย่าง ผมก็คุยกับพี่ Bเขาปกตินะตามประสาสายรหัส แต่นิสัยพี่Bเขาต่างออกไปจากตอนที่คบกับเพื่อนผม ผมพึ่งมารู้ว่านิสัยจริงของพี่Bเขามันต่างออกไป(ทุกครั้งที่ได้คุยกันคือผมอยู่กับเพื่อน) พี่B เขาเป็นคนไม่ค่อยพูด เย็นชา จริงจัง
ผมค่อยๆรู้จักพี่ B มากขึ้นตอนช่วงเย็นๆที่เขาต้องซ้อมร้องเพลง ช่วงนั้นเป็นช่วงกิจกรรมแข่งทักษะของจังหวัด ผมเป็นทั้งสภานักเรียน ทั้งนักแสดงละครเลยต้องทำสองอย่าง ในช่วงเย็น ก็จะเจอพี่B เขารอแม่เขาอยู่ตลอดช่วง 6 โมง ผมรอพี่มารับเหมือนกัน เลยเข้าไปนั่งรอกับพี่B เราคุยกันปกติ จนผมเจอนิสัยที่ผมไม่คาดคิดว่าพี่ B จะมีคือ เขาเป็นเด็กดื้อมาก5555 เถียงแม่บ่อยมากแต่ไม่ได้ก้าวร้าวนะ เถียงตามประสาลูกชายกับแม่ แม่เขาก็เอ็นดูผมมาก (ผมช่วยงานห้องหมวดวิชาที่แม่เขาสอนอยู่บ่อยครั้ง) แม่พี่เขาเลยฝากผมให้อยู่เป็นเพื่อนพี่เขาหน่อยช่วงเย็นๆ เพราะบางทีเขาติดประชุมอาจจะมารับช้า ผมก็ยินดี เพราะยังไงก็ต้องรอพี่ชายผมอยู่แล้ว
หลังจากวันนั้นผมก็ค่อยๆรู้เรื่องที่บ้านพี่B มากขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ บางทีเจอแม่พี่เขาใน รร แม่พี่เขาก็ถามอยุ่เลยว่าพี่B นิสัยเสียใส่ผมรึเปล่า555 ลืมเล่าว่าแม่พี่เขาเป็นครู ใน รร นี่ละ
ผมกับพี่B เราเริ่มสนิทกัน ผมเริ่มบ่นเรื่องไม่เป็นเรื่องให้เขาฟังได้ บางทีเขาก็บ่นให้ผมฟังเหมือนกัน บางทีก็แกล้งกันลามกๆ5555 (เด็กผู้ชายจับโน่นจับนี่แหละ) ขำกันไป ผมรู้เป็นตัวเองมาก ผ่อนคลายแบบที่ไม่ค่อยเป็นมาก่อน ไม่เหงาเลย เวลาอยู่กับพี่เขา บางทีก็ มวนท้องแปลกๆ เป็นแบบนั้นมาตลอด ผมก็ไม่เข้าใจว่าความรู้สึกนั้นคืออะไร
เวลาผ่านไป จนผมขึ้น ม.5 ตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอม เดือนเมษามหาสนุก ปกติช่วงนี้ผมจะไปเที่ยวกับญาติๆแต่ปีนี้ญาติๆเขามีธุระ
วันแรก 14 เมษาผมไปเล่นน้ำกับเพื่อนสนิท สนุกมากกก ช่วงกลางคืนของวันเดียวกัน พี่Bเขาทักมาหาผม ชวนไปร้องเพลงที่ตลาดกลางคืน ผมตอบตกลงทันที แล้ว ทั้งที่ไม่เคยไป ผมขับรถไปกลางดึกไฟหน้ารถไม่มี หมวกก็ไม่ใส่(อย่าทำตามนะ555มันผิดกฎหมาย) ด้วยความเป็นต่างจังหวัด เสาไฟที่ทำไว้ประดับแต่ใช้งานไม่ได้ ทำผมระแวงมาก ผมโทรค้างสายพี่เขาจนถามทางไปเรื่อยๆ จนขับถึงตลาด มันเป็นตลาดริมทะเลเล็กๆ มีไฟสลัวๆ คนไม่มากเท่าไหร่ ลมทะเลพัดมาตลอด บรรยากาศโครตดี จุดร้องเพลงจะเป็นเวทียื่นออกมาคล้ายๆแท่นไม้ปราศัยลานกว้างของพวกฝรั่ง ผมกับเขาก็สลับกันร้องไป จนถึงช่วงขากลับ พี่ B เขาอาสานำทางผมไปส่งทางที่ดีกว่าที่ผมมา เราเจอด่าน55555(เอาแล้วไงกู) โชคดีที่เป็นด่านตรวจยา ผมเลยไม่โดนข้อหาไม่ใส่หมวก (ย้ำอย่าเอาเป็นแบบอย่างนะ) เราขับไปจนถึงบ้านผมจนได้พี่Bเขา บอกว่า เขาสนุกมากเลย ขอบใจมากน้องที่อยู่เป็นเพือนพี่นะ ผมแอบเขินนิดๆนะ ไม่รู้ทำไม ผมก็บอกเขาให้ขับรถระวังๆ กลับถึงบ้านแล้วบอกด้วย หลังจากเข้าบ้านไปได้ ครึ่ง ชม. คนอย่างผมไม่รอใครทักมาหรอก ทักไปก่อนสิครับ "ถึงบ้านยังพี่" พี่Bเขาส่งมา "ถึงแล้วๆ ถึงเมื่อกี้เลย" "ไว้วันหลังพี่ชวนไปอีกนะ"

5 5 5 5😞) "ฝันดีนะพี่" หมดวันที่ 14
วันที่ 15 ผมนอนเหมือนหมีโคอาล่าทั้งวัน5555 เพราะฉะนั้นข้าม!! ไปตอนกลางคืน...
ผมคุยกับพี่เขาเรื่อยเปื่อย (ก็มันเบื่อนิ555) จนผมเองก็จำไม่ได้ว่าคุยเรื่องอะไร เลยได้รู้ว่า พรุ่งนี้ วันที่ 16 พี่เขาว่าง!! ผมด้วยความเป็นเด็กขี้เหงา หาเพื่อนเที่ยว เลยชวนพี่เขาไปเล่นๆ (ไม่ได้คิดว่าเขาจะตกลง)
"พรุ่งนี้ P ไปรับพี่เอามั้ย เด่ว P พาทัวร์เอง"
"อืม เอาดิ พูดจริงนะ"
(ในใจผมแบบอ้าวตกลงเฉย)
"โอเครพี่ เจอกันนะ 9 โมง"
คืนนั้นผมตื่นเต้นมากที่จะได้เที่ยวกับเขาสองต่อสอง เพราะปกติผมไม่เคยเที่ยวกับใครแค่สองคนเลย ผมเริ่มรู้ตัวว่าผมเริ่มมวนท้องอีกแล้ว(สรุปคืนนั้นนอนไม่หลับ)
วันที่ 17 (วันที่น้ำยังสาดอยู่ ที่ผมนัดเช้าเพราะไม่อยากเปียกขาไป )
ผมไปที่บ้านพี่ B แน่นอนครับ เจอปัญหาแม่ลูกตามเคย ผมไม่พูดอะไรครับ แม่เขาก็ฝากผมดูแลพี่ B ด้วย(เด่วนะ555) แม่เขาบอก ปกติไม่ยอมให้ใครพาไปไหน แต่ถ้าเป็นผมเขาไว้ใจ เพราะผมเป็นเด็กดี(ไม่ค่อยใส่หมวกกันน๊อค) เขาว่างี้
พี่เขาแต่งตัวพร้อมมาก ชุดลายใบไม้ สีสันฉูดฉาด พี่เขาหล่อมาก พี่เขาอาจจะดูไม่หล่อในสายตาใคร แต่สำหรับผมวันนี้พี่เขาหล่อโครตๆ ผมเริ่มเขินพี่เขาซะแล้ว555
เราออกมาจากบ้านพี่Bตอนแรกผมก็เป็นขับรถนะ แต่ไหงไปๆมาๆ พี่เขาขับให้ผมเฉย555(จริงๆคือพี่เขากลัวผมล้มแหละ ช่วงสงกรานต์อะเนอะ)
เราไปด้วยกันหลายที่มาก ทะเล ศาลเจ้า วัด ตลาดขนาดใหญ่ ตลาดโบราณ ไปทุกทีที่เป็นที่ขึ้นชื่อในเขตที่เราอยู่ ระหว่างทางไม่รู้ได้สถานการณ์พาไป ผมรู้สึกกลัวน้ำสาดมาแล้วรถจะล้มเลยกอดพี่Bแน่นมาก พี่เขาไม่พูดอะไร ผมกอดพี่เขาไประหว่างทาง(แต่ไม่ได้แน่นมากเท่าตอนโดนน้ำสาด) เราไปกินข้าวด้วยกัน เดินห้าง(ตอนที่ยังเปียก ...แน่นอนครับโครตหนาว) ผมถ่ายรูปลงว่ามากินข้าว (แอบติดเขานิดๆ) เราได้อยู่กันสองต่อสองทั้งวันเลย แน่นอนผมกับพี่Bมีความสุขมาก ตัวพี่Bเองไม่ค่อยได้เที่ยวอยู่แล้ว ผมดีใจนะ ที่ทำให้วันสงกรานต์ของเขามีความสุข เราทั้งคู่รู้สึกสนิทกันมากขึ้น(ในมุมพี่Bเขาคงรู้สึกว่าเหมือนผมเป็นเพื่อนอีกคน) แต่ในมุมผม ผมรู้สึกว่า ผมชอบเขา ผมเข้าใจแล้วว่าความรู้สึกที่ผมมี คือ ผมชอบเขา ระหว่างขากลับผมเล่าให้เขาฟังว่าวางแผนในอนาคตแล้ว ว่าเราจะได้ไปไหนด้วยกันอีก ได้ใช้ชีวิตใน รร ในแบบที่ต่างออกไป แต่......
วันนั้นเป็นวันที่ผมมีความสุขมากที่สุดก็จริง แต่เป็นวันที่ใจผมสลายไปในวันเดียวกัน พี่เขาบอกกับผมว่า เปิดเทอมนี้ เราจะไม่ได้เจอกันแล้วนะ พี่ต้องย้ายตามแม่ไปที่อื่น..
ผมช๊อคมาก..หลังจากที่ได้ฟัง ยอมรับเลยว่า ผมน้ำตาตกในเลยแหละ ในหัวมันว่างเปล่า ทุกอย่างที่คิดไว้ หายไปหมด มันจุกอก จุกใจ เหมือนจะร้องแต่ก็ไม่ร้อง
พอส่งพี่เขาถึงบ้าน ผมก็ลาตามปกติ แต่เชื่อมั้ย...ผมขับรถออกมาถึงหน้าซอย ผมร้องไห้ออกมาไม่หยุดเลย เป็นการร้องที่ไม่มีเสียง แต่น้ำตาไหลมาเรื่อยๆ ผมปวดใจมาก กลับถึงบ้านผมคิดถึงแต่เรื่องของเขา ในใจมีแต่คำว่า "เสียดาย" "ทำไมเราสนิทกันช้าไป" ผมชอบคนๆนึงในรอบหลายปี แล้วผมก็อกหักในวันที่รู้ตัวว่าชอบเขา วันเดียวกันกับวันที่ผมกับเขาอยู่ด้วยกันนานที่สุด เจ็บกว่านั้นคือ พี่เขาทักมาบอกผมว่า "พี่เสียดายจังที่เจอเราช้าไป ถ้าสนิทกันมาก่อนก็คงดี" เป็นโมเม้นต์ที่ผม...คิดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ได้ เหมือนโลกมันหยุด แต่ผมก็ยังจุกใจ สิ่งเดียวที่ภาวนา คือ อยากให้สิ่งที่ได้ยินวันนี้ เป็นแค่เรื่องโกหก
คืนนั้น ก็เป็นอีกคืนที่ผมไม่ได้นอนเลย
หลังจากนั้น เปิดเทอมมาผมก็ไม่ได้เจอพี่เขาจริงๆ เพื่อนเขา เพื่อนผม ยังไม่รู้เลยว่าเขาย้ายไปแล้ว ผมลาออกจากชุมนุม ผมลาออกจากแสดงละคร หันไปหางานสภามากขึ้น เรียนมากขึ้น ทำงานๆ ทำทุกอย่างไม่ให้มีเวลาคิดอะไร แต่ทุกคืน ผมฝันถึงเขาตลอด มันรู้สึกค้างคา คิดถึง ผมทักไปหาเขา เขาไม่ค่อยตอบเหมือนแต่ก่อน ผมเห็นรูปโปรไฟล์เฟสที่เขาใช้(ปัจจุบันก็ยังใช้)ผมเป็นคนถ่ายให้เขาเองกับมือ มันก็ยิ่งทำให้ผมคิดถึง เรื่อยมา หลังๆอาจจะมีลืมไปได้บ้าง สุดท้ายก็ยังคิดถึงเขาอยู่ดี ถึงผมทำใจได้แล้ว แม้กระทั่งคืนวันนี้(ผมฝันถึงเขา ถึงช่วงที่เรามีความสุข ผมไม่คอยบอกเขาว่าผมขอบเขา ผมได้แต่บอกเขาในฝันตลอด ผมร้องไห้ทุกครั้งที่ตื่นเวลาฝันถึงเขา(มันคล้ายๆกับซึมจากฝัน ไม่ได้ร้องหนัก แต่คือตื่นมาแล้วมีน้ำตา) ทุกวันนี้เราก็ได้คุยกันนะทางแชท แต่มันไม่หมือนกับเจอกันหรอก เขาก็ต้องเรียน เราก็ต้องเรียน สังคมใหม่ เราก็ห่างกันไป แต่ก็........
3 ปีแล้วนะพี่ อยากเจอจัง แค่วันเดียวก็พอ
"คิดถึงพี่นะ"
#ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ ไม่ใช่นิยายนะครับ เรื่องจริงจากประสบการณ์เลยครับ
อยากจะแชร์เรื่องราวที่ทำให้ผมคิดถึงคนๆนึง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เจอกันมา 3 ปี
แต่คงเพราะเราสนใจเรื่องเดียวกันเลยเจอกันบ่อยในแต่ละวัน(ผมชอบร้องเพลง พี่Bเขาเป็นนักร้องเขาร้องเพลงเก่งมากแต่ก็ถ่อมตัวมากด้วย เราบังเอิญเลือกชุมนุมเดียวกันก็คือชุมนุมคาราโอเกะ ห้องผมจะเรียนสวนกับห้องพี่ B ตลอด เพราะสาขาเดียวกัน )
ตอนที่พี่Bเขาอยู่กับเพื่อนผม พี่Bเขาดูเป็นคนตลก กวนตีน แล้วก็ยังเรียนเก่ง ขยันด้วย แต่จุดที่ทำให้ผมเริ่มเปลี่ยนแปลงความคิดเรื่องพี่ B มันเริ่มมาจากช่วงที่พี่B เขาเลิกกับเพื่อนผมด้วยสาเหตุหลายๆอย่าง ผมก็คุยกับพี่ Bเขาปกตินะตามประสาสายรหัส แต่นิสัยพี่Bเขาต่างออกไปจากตอนที่คบกับเพื่อนผม ผมพึ่งมารู้ว่านิสัยจริงของพี่Bเขามันต่างออกไป(ทุกครั้งที่ได้คุยกันคือผมอยู่กับเพื่อน) พี่B เขาเป็นคนไม่ค่อยพูด เย็นชา จริงจัง
ผมค่อยๆรู้จักพี่ B มากขึ้นตอนช่วงเย็นๆที่เขาต้องซ้อมร้องเพลง ช่วงนั้นเป็นช่วงกิจกรรมแข่งทักษะของจังหวัด ผมเป็นทั้งสภานักเรียน ทั้งนักแสดงละครเลยต้องทำสองอย่าง ในช่วงเย็น ก็จะเจอพี่B เขารอแม่เขาอยู่ตลอดช่วง 6 โมง ผมรอพี่มารับเหมือนกัน เลยเข้าไปนั่งรอกับพี่B เราคุยกันปกติ จนผมเจอนิสัยที่ผมไม่คาดคิดว่าพี่ B จะมีคือ เขาเป็นเด็กดื้อมาก5555 เถียงแม่บ่อยมากแต่ไม่ได้ก้าวร้าวนะ เถียงตามประสาลูกชายกับแม่ แม่เขาก็เอ็นดูผมมาก (ผมช่วยงานห้องหมวดวิชาที่แม่เขาสอนอยู่บ่อยครั้ง) แม่พี่เขาเลยฝากผมให้อยู่เป็นเพื่อนพี่เขาหน่อยช่วงเย็นๆ เพราะบางทีเขาติดประชุมอาจจะมารับช้า ผมก็ยินดี เพราะยังไงก็ต้องรอพี่ชายผมอยู่แล้ว
หลังจากวันนั้นผมก็ค่อยๆรู้เรื่องที่บ้านพี่B มากขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ บางทีเจอแม่พี่เขาใน รร แม่พี่เขาก็ถามอยุ่เลยว่าพี่B นิสัยเสียใส่ผมรึเปล่า555 ลืมเล่าว่าแม่พี่เขาเป็นครู ใน รร นี่ละ
ผมกับพี่B เราเริ่มสนิทกัน ผมเริ่มบ่นเรื่องไม่เป็นเรื่องให้เขาฟังได้ บางทีเขาก็บ่นให้ผมฟังเหมือนกัน บางทีก็แกล้งกันลามกๆ5555 (เด็กผู้ชายจับโน่นจับนี่แหละ) ขำกันไป ผมรู้เป็นตัวเองมาก ผ่อนคลายแบบที่ไม่ค่อยเป็นมาก่อน ไม่เหงาเลย เวลาอยู่กับพี่เขา บางทีก็ มวนท้องแปลกๆ เป็นแบบนั้นมาตลอด ผมก็ไม่เข้าใจว่าความรู้สึกนั้นคืออะไร
เวลาผ่านไป จนผมขึ้น ม.5 ตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอม เดือนเมษามหาสนุก ปกติช่วงนี้ผมจะไปเที่ยวกับญาติๆแต่ปีนี้ญาติๆเขามีธุระ
วันแรก 14 เมษาผมไปเล่นน้ำกับเพื่อนสนิท สนุกมากกก ช่วงกลางคืนของวันเดียวกัน พี่Bเขาทักมาหาผม ชวนไปร้องเพลงที่ตลาดกลางคืน ผมตอบตกลงทันที แล้ว ทั้งที่ไม่เคยไป ผมขับรถไปกลางดึกไฟหน้ารถไม่มี หมวกก็ไม่ใส่(อย่าทำตามนะ555มันผิดกฎหมาย) ด้วยความเป็นต่างจังหวัด เสาไฟที่ทำไว้ประดับแต่ใช้งานไม่ได้ ทำผมระแวงมาก ผมโทรค้างสายพี่เขาจนถามทางไปเรื่อยๆ จนขับถึงตลาด มันเป็นตลาดริมทะเลเล็กๆ มีไฟสลัวๆ คนไม่มากเท่าไหร่ ลมทะเลพัดมาตลอด บรรยากาศโครตดี จุดร้องเพลงจะเป็นเวทียื่นออกมาคล้ายๆแท่นไม้ปราศัยลานกว้างของพวกฝรั่ง ผมกับเขาก็สลับกันร้องไป จนถึงช่วงขากลับ พี่ B เขาอาสานำทางผมไปส่งทางที่ดีกว่าที่ผมมา เราเจอด่าน55555(เอาแล้วไงกู) โชคดีที่เป็นด่านตรวจยา ผมเลยไม่โดนข้อหาไม่ใส่หมวก (ย้ำอย่าเอาเป็นแบบอย่างนะ) เราขับไปจนถึงบ้านผมจนได้พี่Bเขา บอกว่า เขาสนุกมากเลย ขอบใจมากน้องที่อยู่เป็นเพือนพี่นะ ผมแอบเขินนิดๆนะ ไม่รู้ทำไม ผมก็บอกเขาให้ขับรถระวังๆ กลับถึงบ้านแล้วบอกด้วย หลังจากเข้าบ้านไปได้ ครึ่ง ชม. คนอย่างผมไม่รอใครทักมาหรอก ทักไปก่อนสิครับ "ถึงบ้านยังพี่" พี่Bเขาส่งมา "ถึงแล้วๆ ถึงเมื่อกี้เลย" "ไว้วันหลังพี่ชวนไปอีกนะ"
วันที่ 15 ผมนอนเหมือนหมีโคอาล่าทั้งวัน5555 เพราะฉะนั้นข้าม!! ไปตอนกลางคืน...
ผมคุยกับพี่เขาเรื่อยเปื่อย (ก็มันเบื่อนิ555) จนผมเองก็จำไม่ได้ว่าคุยเรื่องอะไร เลยได้รู้ว่า พรุ่งนี้ วันที่ 16 พี่เขาว่าง!! ผมด้วยความเป็นเด็กขี้เหงา หาเพื่อนเที่ยว เลยชวนพี่เขาไปเล่นๆ (ไม่ได้คิดว่าเขาจะตกลง)
"พรุ่งนี้ P ไปรับพี่เอามั้ย เด่ว P พาทัวร์เอง"
"อืม เอาดิ พูดจริงนะ"
(ในใจผมแบบอ้าวตกลงเฉย)
"โอเครพี่ เจอกันนะ 9 โมง"
คืนนั้นผมตื่นเต้นมากที่จะได้เที่ยวกับเขาสองต่อสอง เพราะปกติผมไม่เคยเที่ยวกับใครแค่สองคนเลย ผมเริ่มรู้ตัวว่าผมเริ่มมวนท้องอีกแล้ว(สรุปคืนนั้นนอนไม่หลับ)
วันที่ 17 (วันที่น้ำยังสาดอยู่ ที่ผมนัดเช้าเพราะไม่อยากเปียกขาไป )
ผมไปที่บ้านพี่ B แน่นอนครับ เจอปัญหาแม่ลูกตามเคย ผมไม่พูดอะไรครับ แม่เขาก็ฝากผมดูแลพี่ B ด้วย(เด่วนะ555) แม่เขาบอก ปกติไม่ยอมให้ใครพาไปไหน แต่ถ้าเป็นผมเขาไว้ใจ เพราะผมเป็นเด็กดี(ไม่ค่อยใส่หมวกกันน๊อค) เขาว่างี้
พี่เขาแต่งตัวพร้อมมาก ชุดลายใบไม้ สีสันฉูดฉาด พี่เขาหล่อมาก พี่เขาอาจจะดูไม่หล่อในสายตาใคร แต่สำหรับผมวันนี้พี่เขาหล่อโครตๆ ผมเริ่มเขินพี่เขาซะแล้ว555
เราออกมาจากบ้านพี่Bตอนแรกผมก็เป็นขับรถนะ แต่ไหงไปๆมาๆ พี่เขาขับให้ผมเฉย555(จริงๆคือพี่เขากลัวผมล้มแหละ ช่วงสงกรานต์อะเนอะ)
เราไปด้วยกันหลายที่มาก ทะเล ศาลเจ้า วัด ตลาดขนาดใหญ่ ตลาดโบราณ ไปทุกทีที่เป็นที่ขึ้นชื่อในเขตที่เราอยู่ ระหว่างทางไม่รู้ได้สถานการณ์พาไป ผมรู้สึกกลัวน้ำสาดมาแล้วรถจะล้มเลยกอดพี่Bแน่นมาก พี่เขาไม่พูดอะไร ผมกอดพี่เขาไประหว่างทาง(แต่ไม่ได้แน่นมากเท่าตอนโดนน้ำสาด) เราไปกินข้าวด้วยกัน เดินห้าง(ตอนที่ยังเปียก ...แน่นอนครับโครตหนาว) ผมถ่ายรูปลงว่ามากินข้าว (แอบติดเขานิดๆ) เราได้อยู่กันสองต่อสองทั้งวันเลย แน่นอนผมกับพี่Bมีความสุขมาก ตัวพี่Bเองไม่ค่อยได้เที่ยวอยู่แล้ว ผมดีใจนะ ที่ทำให้วันสงกรานต์ของเขามีความสุข เราทั้งคู่รู้สึกสนิทกันมากขึ้น(ในมุมพี่Bเขาคงรู้สึกว่าเหมือนผมเป็นเพื่อนอีกคน) แต่ในมุมผม ผมรู้สึกว่า ผมชอบเขา ผมเข้าใจแล้วว่าความรู้สึกที่ผมมี คือ ผมชอบเขา ระหว่างขากลับผมเล่าให้เขาฟังว่าวางแผนในอนาคตแล้ว ว่าเราจะได้ไปไหนด้วยกันอีก ได้ใช้ชีวิตใน รร ในแบบที่ต่างออกไป แต่......
วันนั้นเป็นวันที่ผมมีความสุขมากที่สุดก็จริง แต่เป็นวันที่ใจผมสลายไปในวันเดียวกัน พี่เขาบอกกับผมว่า เปิดเทอมนี้ เราจะไม่ได้เจอกันแล้วนะ พี่ต้องย้ายตามแม่ไปที่อื่น..
ผมช๊อคมาก..หลังจากที่ได้ฟัง ยอมรับเลยว่า ผมน้ำตาตกในเลยแหละ ในหัวมันว่างเปล่า ทุกอย่างที่คิดไว้ หายไปหมด มันจุกอก จุกใจ เหมือนจะร้องแต่ก็ไม่ร้อง
พอส่งพี่เขาถึงบ้าน ผมก็ลาตามปกติ แต่เชื่อมั้ย...ผมขับรถออกมาถึงหน้าซอย ผมร้องไห้ออกมาไม่หยุดเลย เป็นการร้องที่ไม่มีเสียง แต่น้ำตาไหลมาเรื่อยๆ ผมปวดใจมาก กลับถึงบ้านผมคิดถึงแต่เรื่องของเขา ในใจมีแต่คำว่า "เสียดาย" "ทำไมเราสนิทกันช้าไป" ผมชอบคนๆนึงในรอบหลายปี แล้วผมก็อกหักในวันที่รู้ตัวว่าชอบเขา วันเดียวกันกับวันที่ผมกับเขาอยู่ด้วยกันนานที่สุด เจ็บกว่านั้นคือ พี่เขาทักมาบอกผมว่า "พี่เสียดายจังที่เจอเราช้าไป ถ้าสนิทกันมาก่อนก็คงดี" เป็นโมเม้นต์ที่ผม...คิดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ได้ เหมือนโลกมันหยุด แต่ผมก็ยังจุกใจ สิ่งเดียวที่ภาวนา คือ อยากให้สิ่งที่ได้ยินวันนี้ เป็นแค่เรื่องโกหก
คืนนั้น ก็เป็นอีกคืนที่ผมไม่ได้นอนเลย
หลังจากนั้น เปิดเทอมมาผมก็ไม่ได้เจอพี่เขาจริงๆ เพื่อนเขา เพื่อนผม ยังไม่รู้เลยว่าเขาย้ายไปแล้ว ผมลาออกจากชุมนุม ผมลาออกจากแสดงละคร หันไปหางานสภามากขึ้น เรียนมากขึ้น ทำงานๆ ทำทุกอย่างไม่ให้มีเวลาคิดอะไร แต่ทุกคืน ผมฝันถึงเขาตลอด มันรู้สึกค้างคา คิดถึง ผมทักไปหาเขา เขาไม่ค่อยตอบเหมือนแต่ก่อน ผมเห็นรูปโปรไฟล์เฟสที่เขาใช้(ปัจจุบันก็ยังใช้)ผมเป็นคนถ่ายให้เขาเองกับมือ มันก็ยิ่งทำให้ผมคิดถึง เรื่อยมา หลังๆอาจจะมีลืมไปได้บ้าง สุดท้ายก็ยังคิดถึงเขาอยู่ดี ถึงผมทำใจได้แล้ว แม้กระทั่งคืนวันนี้(ผมฝันถึงเขา ถึงช่วงที่เรามีความสุข ผมไม่คอยบอกเขาว่าผมขอบเขา ผมได้แต่บอกเขาในฝันตลอด ผมร้องไห้ทุกครั้งที่ตื่นเวลาฝันถึงเขา(มันคล้ายๆกับซึมจากฝัน ไม่ได้ร้องหนัก แต่คือตื่นมาแล้วมีน้ำตา) ทุกวันนี้เราก็ได้คุยกันนะทางแชท แต่มันไม่หมือนกับเจอกันหรอก เขาก็ต้องเรียน เราก็ต้องเรียน สังคมใหม่ เราก็ห่างกันไป แต่ก็........
3 ปีแล้วนะพี่ อยากเจอจัง แค่วันเดียวก็พอ
"คิดถึงพี่นะ"
#ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ ไม่ใช่นิยายนะครับ เรื่องจริงจากประสบการณ์เลยครับ