สถานการณ์โควิดทำให้มุมมองชีวิตเราเปลี่ยนไป (อยากปรึกษาเพื่อนๆ)

ตอนนี้ เราลังเลเรื่องเกี่ยวกับชีวิตในอนาคตของเรา ไม่เคยคิดแบบนี้มาก่อน คิดไม่ออก คิดมาหลายเดือนแล้ว เลยอยากจะถามความคิดเห็นทุกคน ที่อ่านเรื่องราวของเราแล้วคิดอย่างไร ..

ดิฉันเป็นพนักงานบริษัทมาตั้งแต่เรียนจบจนถึงปัจจุบัน ตอนนี้ก็อายุ 42 ปี ก่อนหน้าโควิด (2 ปี ที่แล้ว) มี Life style แบบ  work hard play hard เนื่องจากไม่มีลูกให้ห่วง และ ไม่มีพ่อแม่พี่น้องให้ดูแล เป้าหมายคือมุ่งที่งานอย่างเดียว และสร้างความสำเร็จให้กับองค์กร (ได้รับค่าตอบแทนแสนบาทกลางๆ)  ด้วยหน้าที่ความรับผิดชอบที่ส่งผลต่อกำไรของบริษัท ตอนนั้นเราทำงานแบบไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นเลยค่ะ จันทร์ถึงศุกร์ยุ่งมากตลอดเวลา เป็นคนที่มุ่งแต่ผลลัพธ์ ไม่ค่อยมีความสัมพันธ์กับคนอื่นสักเท่าไหร่   คืนวันเสาร์ไป party ที่ผับกับเพื่อนๆ แทบทุกเสาร์ ส่วนวันอาทิตย์ ไม่ไปช้อปปิ้งที่ห้างก็นอนทั้งวัน ไม่เคยลาพักร้อนไปเที่ยว ไม่อยากหยุดงานหลายวัน กลัวยอดขายตก ด้วยอยู่ในธุรกิจที่ Red Ocean ทำให้ต้องตื่นตัวตลอด และยิ่งทำงานหนักเท่าไหร่  ก็ยิ่งใช้เงินมากเท่านั้น  เราซื้อแพ็คเกจสปา , สมาชิก fitness  , คอร์สทำหน้า ทำเล็บ เข้าร้านอาหารแบรนด์ตลอด  สุดสัปดาห์ก็จ้างแม่บ้าน คนสวนผ่าน APP ซื้อความสะดวกสบายทุกอย่าง ชีวิตก็คงจะดำเนินเช่นนั้นต่อไป หากไม่เกิดการระบาดโควิด-19  

              เมื่อธุรกิจถูก shutdown แต่ Owner ไม่ยอม shutdown ธุรกิจ เค้าใช้กำไรสะสมหลายสิบล้าน มาถมให้บริษัทอยู่รอดต่อไป  ดิฉันได้คัดค้าน แนะนำให้ Freeze บริษัทและเก็บกำไรไปลงทุนเมื่อสถานการณ์กลับมาปกติ  แต่ความมั่นใจของ Owner นั้นมีมากว่า ด้วยไม่คิดว่ารัฐบาลจะไร้ความสามารถด้านวัคซีน ทำให้สถานการณ์ลากยาวเป็นปีสองปีเช่นนี้  แต่เมื่อ Owner สู้ เราก็สู้ตาม เริ่มจากลดวันทำงาน ลดเงินเดือนพนักงาน ลดค่าใช้จ่ายที่ทำได้ เพิ่มการลงทุนสินค้าที่มียอดสั่งจากต่างประเทศ
  
และนี่คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ถึงแม้ดิฉันจะถูกลดเงินเดือนกว่าครึ่ง แต่ก็ไม่ได้รับผลกระทบจากรายรับที่น้อยลง คือก็ยังเพียงพอที่จะใช้จ่ายได้อย่างที่เคยเป็น  แต่การปิดเมืองนี่แหละที่กระทบชีวิตและ Mindset กันเลยทีเดียว

เมื่อ Work from home มีวันหยุดมากขึ้น ทำงานน้อยลง และความสะดวกสบายที่หาซื้อไม่ได้เหมือนเมื่อก่อน  Life style ดิฉันเปลี่ยนไปดังนี้ 

1.       ทำกับข้าวทานเอง  skill ทำอาหารนี่ up level สุดๆ เมื่อก่อนทอดไข่เจียวยังเละ ไม่เป็นแผ่นเลย ตอนนี้ทำผัดกระเพาได้แล้ว เริ่มหัดเมนูง่ายๆ รู้สึกมีความสุขและมีสมาธิเมื่อทำอาหาร พอได้ทานอาหารที่เราทำเองมันรับรู้ได้ถึงคุณค่า มัน Amazing นะสำหรับเรา     

2.       เรามีเวลาดูมาริเอะ แล้วเกิดแรงบันดาลใจ ทำความสะอาดบ้าน จัดของ แต่งบ้าน เปลี่ยน furniture ใหม่เบาๆ ทำแล้วก็เฮ้ย... เมื่อก่อนเรามัวแต่ทำอะไรอยู่ แบกสิ่งที่ไม่จำเป็น ที่จริงการดูแลที่อยู่อาศัยคือสิ่งพื้นฐานเลยนะที่เราควรทำ 

3.       เมื่อก่อนไม่เคยสนใจต้นไม้ แต่เมื่อทำสวนเอง เริ่มมองเห็นถึงความสวยของรูปทรงต้นไม้ สีสันใบไม้ที่แตกต่างกัน มีคุยกับต้นไม้ด้วยนะ 555 และการตัดหญ้าก็เป็นการออกกำลังกายที่ดีเลย ย้อนคิดกลับไป เราเสียเงินเพื่อออกกำลังกาย และเราก็เสียเงินเพื่อให้คนมาตัดหญ้า ทำไมเราไม่ตัดหญ้าเอง ได้ทั้งออกกำลังกายและสวนสวยๆ      

 
4.       กว่า 20 ปี ที่เลิกงานหลังตะวันตกดิน ไม่เคยรู้จักเพื่อนบ้านเลย  แต่ตอนนี้เหรอ ห้าโมงเย็นก็ออกมาเม้ามอยกับเพื่อนบ้าน รู้ถึงสารทุกข์สุกดิบ ได้ช่วยเหลือและแบ่งปันอาหารกัน คือมันดีมากๆ เลยค่ะ (เพื่อนบ้านเองก็ได้หยุดอยู่บ้านเช่นกัน)  
 
5.       เสาร์ อาทิตย์ ไป shopping ไม่ได้ , ไปเที่ยวกับเพื่อนก็ไม่ได้ ก็ทำโน่นทำนี่อยู่บ้าน เช่น DIY กระถางต้นไม้, ต่อโมเดลบ้านจิ๋ว , เรียนรู้ทำเมนูใหม่ๆ , ทำขนม, นั่งสมาธิ เรารู้สึกผ่อนคลายกว่าเมื่อก่อนมาก 

สรุปคือดิฉันได้สัมผัสชีวิตด้าน Life มากขึ้น ได้อยู่กับตัวเอง อยู่บ้าน อยู่กับแฟนมากขึ้น รู้สึกว่าตัวเองมีชีวิตชีวากว่าเมื่อก่อน เบากว่าเมื่อก่อนมาก
คิดว่าปลายปี 2021 นี้ สถานการณ์จะคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น  ฉีดวัคซีนได้มากขึ้น เปิดเมืองได้ ปีหน้าอาจจะเปิดประเทศได้ และพวกเราจะได้กลับมาทำงาน ใช้ชีวิตกันตามปกติ นับเป็นเรื่องที่น่ายินดี ตอนนี้ที่บริษัทเราเองก็เริ่มมียอดขายที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง  แต่ แต่ แต่ …  ตัวเราเองที่มีความคิดเปลี่ยนไป  ถึงกับตั้งกระทู้ถามเพื่อนๆ ใน Pantip ว่าจะเลือกทางไหนดี

1.       ลาออกและมาทำธุรกิจเล็กๆ เป็นของตัวเอง ไม่ต้องมีเงินเป็นแสนก็ได้  แต่ทางนี้ก็ไม่ง่าย เพราะเหลือภาระหนี้บ้านกว่า 5 ล้านบาท  และไม่แน่ใจว่าแฟนจะ OK ไหม คิดว่าไม่น่าจะเห็นด้วย แต่ก็คงไม่ถึงกับเลิกกัน ส่วนที่บริษัทคงไม่ได้รับผลกระทบ เพราะถ้าเราออก ก็มีคนพร้อมทำแทน เก่งกว่าเราเยอะแยะ

2.       ทำงานแบบเดิมต่อไป ถ้าทำงานที่ต้องทำกำไรให้บริษัท และต้องบริหารคนด้วยล่ะก้อ อย่าหวังว่า work life balance จะมีอยู่จริง  หรือถ้าใครทำได้ก็ช่วยแนะนำหน่อยนะคะ     
   
เล่าซะยาวเลย 555  ใครมีไอเดียแนะนำได้เลยน้า  จากประสบการณ์ที่เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ  ที่เคยผ่านมาแล้วก็ได้ค่ะ  ขอบคุณมากค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่