สรุปแล้วเราคือคนผิดใช่ไหม

เราเป็นอาสา อปพร เขต 1 ในกรุงเทพฯ เราทำมาประมาณ 10 ปีได้แล้วค่ะ เป็นอาสาที่ไม่มีจุดประจำ แต่ออกมาอยู่เวรทุกคืน เมื่อมีเคสอุบัติเหตุที่ไหน ถ้าไม่ไกลเกินไป เราจะเข้าช่วยเหลือตลอด ไม่เคยรับเงินค่าเคส ไม่เคยรับเงินจากคนป่วยเลย เป็นอาสาที่ไม่มีเพื่อนสนิทสักเท่าไหร่ งานหลักของเราคือปล่อยเงินกู้นอกระบบ ให้กับบริษัทบริษัทหนึ่ง โดยมีการเก็บค่าเปิดบัญชี 300 บาท แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับงานอาสาถูกต้องไหมคะ มาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา มีลูกค้ารายหนึ่ง อายุประมาณ 58 ปี มาทำเรื่องขอกู้เงินกับเรา เป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท เราก็รับเอกสารและค่าเปิดบัญชีตามปกติ และแจ้งกับลูกค้าว่าอีก 2 วันจะมีเซลล์ภาคสนามมาดูหน้าร้าน ให้เปิดร้านขายของแต่เช้า ปรากฏว่าวันนั้น เซลล์ภาคสนามมาตั้งแต่ 9:00 น ป้าแกก็ไม่มาเปิดร้าน เราโทรหาแกเป็น 10 สาย แกก็ไม่รับ จนกระทั่ง 3:00 น เซลล์ภาคสนาม เดินทางกลับ ผ่านไปอีก 2 วัน แกถึงขายของ เราถามแกว่าโทรไปทำไมไม่รับ แกตอบเรามาว่าโทรศัพท์ไม่ค่อยดี เราถามว่าทำไมไม่มาขายของทั้งๆที่บอกล่วงหน้าไปแล้ว แกตอบเรามาว่า แกไม่ว่างไปธุระ เราก็แจ้งแกไปว่า งั้นรอเซลล์เข้ามาใหม่อีกรอบนึงนะ พอตกเย็นปรากฏว่า แกไปแจ้งความ หาว่าเราโกงเงิน 300 บาท ให้ค่าเปิดบัญชีแล้วแต่ไม่ได้รับเงินกู้ แกเอาใบแจ้งความ ไปที่ สำนักงานเขต ฝ่ายปกครองไม่บอกเขาว่า เราโกงเงินเขา ทางสำนักงานเขตก็แจ้งไปที่ประธาน ห้องอปพร เราโดนปลดรหัสภายในคืนนั้น โดยที่ไม่มีการถาม หรือขอข้อมูลใดๆจากเราเลย หลังจากนั้นเราก็ไปที่สถานีตำรวจ และเรียกป้าคนนั้นไปเคลียร์ ปรากฏว่าตำรวจ บอกว่าเราไม่ผิด เพราะเราแจ้งแกแล้วแต่แกไม่มาตามนัด แต่เหตุการณ์นั้นเราไม่ได้ซีเรียสอะไร แต่ที่เราสงสัยคือ เราทำอาสามา 10 กว่าปี ไม่เคยมีประวัติเสียหายอะไรเลย และมีอาสานับ 10 ท่านที่กู้เงินกับเรา และไม่เคยมีปัญหา อยากทราบว่า ทำไม ประธานถึงปลดรหัสของเราโดยที่ไม่สอบถามใดๆเลย แบบนี้เราผิดจริงๆหรือไม่ ในขณะที่ตัวประธานเองก็ปล่อยเงินกู้เหมือนกัน คนสนิทกับขายหวยออนไลน์ขายเบอร์ทอง ไม่มีปัญหาใดๆ เพื่อนๆคิดว่า มันยุติธรรมกับเราไหม ขอความคิดเห็นหน่อยค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่