ทำยังไงให้แฮปปี้กับชีวิตการ Work from Home มากขึ้น

ช่วงที่โควิด-19 ยังคงระบาดอยู่แบบนี้ หลาย ๆ บริษัทยังคงมีมาตรการ Work from Home อยู่ ในช่วงแรก ๆ ที่ได้ทำงานที่บ้านมันก็อาจจะน่าตื่นเต้นและชิลแบบสุด ๆ แต่พอต้องทำงานอยู่ที่บ้านนาน ๆ ไม่ได้ออกไปไหน ไม่ได้เจอใคร ก็อาจจะมีความรู้สึกเบื่อหรือมีปัญหาตามมา ไม่ว่าจะเป็น ความกระตือรือร้นในการทำงานหายเกลี้ยง หรือชีวิตทำงานกับชีวิตส่วนตัวซ้อนทับกันซะจนยุ่งเหยิงไปหมด  วันนี้ JobThai Tips มี 8 ไอเดียดี ๆ ที่จะทำให้คุณแฮปปี้กับชีวิตการ Work from Home มากขึ้นมาฝาก 
 
1. เริ่มต้นวันใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ สดชื่นพร้อมทำงาน 
ในเมื่อไม่ต้องใช้เวลาเบียดเสียดคนบนรถไฟฟ้าตอนเช้า หรือรถติดบนถนนแล้ว นี่ก็ถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะสร้างรูทีนใหม่ในช่วงเช้า เช่น การออกกำลังกายตอนเช้า ซึ่งใครที่ไม่เคยออกกำลังกายตอนเช้าเลยอาจจะเริ่มจากการเดินเร็ว หรือลุกมากระโดดเชือก กิจกรรมพวกนี้ก็จะช่วยให้เรากระปรี้กระเปร่าตลอดวันได้  หรือจะลุกขึ้นมาแต่งตัวดี ๆ อาจจะไม่ต้องถึงขั้นเหมือนเวลาเข้าออฟฟิศก็ได้ แค่แต่งให้พอรู้สึกว่าได้เลือกชุดที่เราชอบและอยากจะใส่ไปตลอดวันก็พอ หรือผู้หญิงเองการแต่งหน้าในตอนเช้าถึงแม้ว่าจะไม่ได้ออกไปไหน ก็เป็นการปลุกตัวเองให้พร้อมก่อนเวลาเริ่มงานได้ 
 
2. เปลี่ยนมุมนั่งทำงานบ้าง 
บางทีการนั่งทำงานอยู่กับเก้าอี้ตัวเดิม ในมุมเดิม ๆ อาจทำให้รู้สึกห่อเหี่ยวใจ เพราะฉะนั้นลองเปลี่ยนมุมนั่งทำงานได้เพื่อให้จิตใจไม่รู้สึกว่าเราอยู่ที่เดิมจนเบื่อ อาจจะนั่งทำงานตรงสวนหลังบ้านตอนช่วงเช้า รับลมและแดดอ่อน ๆ ยามเช้า ปล่อยให้เสียงนกร้องเบา ๆ ผ่านหูระหว่างนั่งทำงาน พอแดดเริ่มร้อนก็ยก Laptop เข้ามานั่งทำงานในตัวบ้านก็ได้ 
  
3. หาชั้นเก็บของสำหรับเก็บอุปกรณ์ที่ใช้ทำงาน 
ถ้าที่บ้านไม่มีโต๊ะสำหรับทำงานโดยเฉพาะ การมีชั้นเก็บของเล็ก ๆ เก็บของที่ใช้ทำงานอย่าง Laptop, สมุดโน้ต, เครื่องเขียน ฯลฯ เป็นไอเดียที่ดีมาก นอกจากจะทำให้บริเวณที่ทำงานไม่รกแล้ว พอใกล้เวลาเริ่มงาน แล้วมาหยิบของจากตรงนี้ก็เหมือนว่าคุณกำลังจะเข้าโหมดพร้อมทำงาน และเมื่อถึงเวลาเลิกงานก็หยิบทุกอย่างใส่กลับคืนลงไปในลิ้นชัก เป็นการสร้างมายด์เซ็ตว่าการทำงานในวันนี้กำลังจะเริ่มต้นหรือสิ้นสุดลงแล้ว และเราสามารถเลิกงานแล้วไปทำสิ่งอื่น ๆ ได้  
  
4. เก้าอี้ทำงานดี ๆ สักตัว ทำให้อะไร ๆ ดีขึ้น 
ถ้ายังคงต้องทำงานที่บ้านไปอีกยาว การลงทุนหาซื้อเก้าอี้ทำงานดี ๆ สักตัวหนึ่งมาไว้ที่บ้าน จะเป็นอะไรที่ดีมาก ๆ มันจะทำให้พร้อมทำงานมากกว่าการนั่งเก้าอี้จากโต๊ะกินข้าวหรือการนั่งจมอยู่กับโซฟาในห้องนั่งเล่น  การมีเก้าอี้ทำงานดี ๆ ก็ยังดีต่อสุขภาพด้วย  
 
5. บริหารเวลาทำงาน เสมือนตอนทำงานที่ออฟฟิศ 
พอทำงานที่บ้านหลาย ๆ คนก็อาจจะแยกเวลางานกับเวลาส่วนตัวยาก บริษัทใครที่ยังกำหนดเวลาเข้าออกงานตามเดิมก็อาจจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องนี้มากนัก แต่ถ้าบริษัทที่ยืดหยุ่นเวลาการทำงานให้ ไม่มีเวลาทำงานที่เป๊ะ ๆ แบบที่ไปออฟฟิศ อาจจะต้องลองจัดสรรเวลาให้ดี  เช่น พักกลางวัน และเลิกงานตามเวลาเดิม เสมือนว่าตัวคุณทำงานที่ออฟฟิศจริง ๆ เพราะการทำงานภายใต้จำนวนชั่วโมงที่จำกัดอย่างการทำงานที่ออฟฟิศนั้นทำให้เรามีวินัย แบ่งงานได้เป็นส่วน ๆ ว่าเราควรทำงานชิ้นใดให้เสร็จบ้างในวันนั้น ๆ เพื่อเลี่ยงการหอบงานกลับมาทำต่อที่บ้าน แต่เมื่อเข้าสู่การ Work from Home ที่คุณได้รับอิสระในการบริหารเวลาทำงานมากขึ้น บางคนอาจทำงานเพลินจนเลยเวลากินข้าวกลางวัน หรือเลิกงาน 3-4 ทุ่ม ในขณะที่บางคนอาจหยุดทำงานทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน เพราะเห็นว่าทำพรุ่งนี้ก็ยังไม่สาย ทำให้เส้นบาง ๆ ที่เคยแบ่งชีวิตการทำงานกับชีวิตส่วนตัวได้หายวับไป หรืองานไม่เสร็จตามที่ควรจะเป็น 
 
6. Relax สักนิด ขยับตัวบ้างในระหว่างวัน 
เวลาคุณอยู่ที่ออฟฟิศ คุณสามารถลุกไปดื่มน้ำ ชงกาแฟ เดินไปคุยกับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งสิ่งเหล่านั้นถือเป็นการเปลี่ยนอิริยาบถให้คุณได้ขยับตัวในระหว่างวัน แต่พอคุณเปลี่ยนมาทำงานที่บ้านที่ดูเหมือนจะมีทุกอย่างพร้อมจนไม่ต้องเดินไปหยิบอะไรเพิ่มมากมาย ไม่มีคนให้ลุกไปหา อาจทำให้คุณปวดเมื่อยจากการอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน หรือปวดตาเพราะจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์แบบไม่ได้หยุดพัก คุณจึงควรจะหาเวลาให้ตัวเองได้ลุกออกจากโต๊ะบ้างแล้วหาอะไรทำอย่างเช่น รดน้ำต้นไม้นิด ๆ หน่อย ๆ ให้อาหารปลา ลุกไปเติมน้ำ ชงกาแฟในครัว หรือลุกออกไปดูต้นไม้ที่ระเบียงสักแป๊บ ให้สายตาได้ผ่อนคลาย 
 
7. มีตารางสำหรับกิจกรรมที่ชอบหลังเลิกงาน 
ช่วงเวลาหลังเลิกงาน ควรเป็นเวลาที่ได้ทำอะไรที่คุณอยากทำ อาจจะเป็นการเล่นดนตรี โทรคุยกับเพื่อนสนิท ดูซีรีส์ที่ดองไว้นานแล้ว หรือ้อ่านหนังสือ เพราะถึงจะเป็นการทำงานที่บ้านแต่คุณก็เหนื่อยมาตลอดทั้งวันแล้ว เวลาหลังเลิกงานที่คุณไม่จำเป็นต้องเสียไปฟรี ๆ กับการเดินแบบเมื่อก่อน ทำให้คุณมีเวลามากขึ้น ดังนั้นกอบโกยความสุขจากช่วงเวลาส่วนตัวนี้ให้เต็มที่ เป็นการชาร์จพลังเพื่อให้พร้อมสำหรับวันถัดไป  
 
8. ถึงจะอยู่บ้าน แต่ลางานบ้างก็ได้นะ 
การทำงานที่บ้านไม่ได้หมายความว่าคุณจะใช้พลังในการทำงานน้อยกว่าการทำงานที่ออฟฟิศ บางครั้งอาจต้องทำงานจนหัวปั่น ไม่มีเวลาพักหายใจหายคอ คุยกับคนนู้นคนนี้ผ่านแชทและวิดีโอคอลจนเหนื่อยไปหมด ดังนั้นการจะลาพักร้อนเพื่อพักเหนื่อยและฮีลจิตใจตัวเองก็ไม่เสียหาย งานที่ดีมาจากพลังใจที่พร้อม ลางานสักวัน ไม่ตอบอีเมลงาน และมีความสุขกับวันช้า ๆ วันหนึ่งของคุณ ก็ทำให้พลังใจและพลังกายของคุณกลับมาได้  
  
ตอนนี้เราทุกคนก็ยังเดาไม่ได้ว่าโควิด-19 จะดีขึ้นเมื่อไหร่ ไม่มีใครบอกได้ว่าการ Work from Home จะยังคงมีไปจนถึงตอนไหน  ดังนั้นการปรับตัวรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็จะช่วยสร้างความสมดุลให้กับชีวิตการทำงานของคุณได้ ถ้าคุณชอบไอเดียไหนเป็นพิเศษก็สามารถนำไปปรับใช้กันได้เต็มที่เลย แล้วคุณอาจพบว่าชีวิตทำงานที่บ้านของคุณแฮปปี้ขึ้นก็ได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่