ปฏิการรีบโทรไปหาปรามว่าเขาจะกลับบ้านคืนนี้ นาฬิกาขณะนั้นบอกเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว
“ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น เขารีบเดินไปเปิดประตูห้องพัก ปรามนั่นเอง
“ฉันอยากไปเยี่ยมพ่อคืนนี้”
ปรามเดินเข้ามาในห้อง เขารู้สึกเป็นห่วงเพื่อนจนต้องเดินมาหาด้วยตัวเอง เพราะรู้นิสัยดีที่มักทำอะไรหุนหันพลันแล่น คิดอยากจะทำอะไรจะทำทันที
“การ ใจเย็น ๆ พ่อแกอาการดีขึ้น ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ดึกมากแล้ว รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยไปเยี่ยมนะ แกเหนื่อยมาตลอดทั้งวันแล้ว” เขาจับต้นแขนเพื่อนบีบเบา ๆ
“แกรู้มั้ย? ว่าพ่อข้าป่วยเป็นอะไร?” สองมือจับแขนเพื่อนรักเขย่า
“พ่อแกเป็นโรคหัวใจขาดเลือด”
คำตอบนั้นทำให้ปฏิการนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ พ่อของเขาเป็นนายแพทย์ใหญ่ผู้ชำนาญเกี่ยวกับโรคหัวใจอันดับต้น ๆ ของประเทศไทยด้วยซ้ำ พ่อเป็นโรคนี้ได้อย่างไร มันเกิดอะไรขึ้น เขามีส่วนทำให้พ่อเป็นโรคร้ายนี้รึเปล่า? ที่สำคัญเขาไม่เคยเห็นคนที่หายจากโรคนี้เลย อย่างดีคือรักษาให้อาการทรงอยู่ อย่างร้ายคือเสียชีวิต
“แกเข้าใจใช่มั้ย? ต่อไปแกควรพูดกับพ่อยังไง” ปรามมองหน้าหนุ่มหน้าหวาน ตอนนี้ตาเริ่มแดงก่ำ มีน้ำตาคลออยู่ในดวงตาคู่นั้น ปรามยกมือตบหลังเพื่อนเบา ๆ อย่างปลอบโยน
“แกยังมีโอกาสนะ ครั้งนี้พ่อแกยังไม่ได้เป็นอะไรมาก”
ปฏิการยกมือปาดน้ำตา หากพ่อต้องตายจากไปด้วยความรู้สึกที่ไม่ดีต่อเขา ยังติดค้างคาใจกันอยู่แบบนี้ เขาคงรู้สึกเสียใจมากที่ไม่มีโอกาสแก้ไขความรู้สึกแย่ ๆ ระหว่างเขากับพ่อก่อน เขายังไม่ได้ทำหน้าที่ของลูกที่ดี ที่ควรกระทำเลย
“นอนพักเอาแรงก่อนนะ พรุ่งนี้เช้าค่อยไปเยี่ยมพ่อ” ปรามย้ำกับเพื่อนอีกเป็นครั้งที่สอง
“แต่...ข้า...”
“ไม่มีแต่...นอนได้แล้ว ไม่งั้นข้าจะขับรถไปส่ง ถ้ายังอยากจะไปอยู่” เขาไม่อยากให้เพื่อนขับรถดึก ๆ ด้วยสภาพจิตใจแบบนี้ มองน้ำตาของคนตรงหน้ายังไหลออกมาไม่หยุด แล้วเข้าไปกอดไว้ พลางตบหลังเบา ๆ อย่างปลอบโยน
“นอนนะ” เขาเน้นคำกับเพื่อนหนุ่มอีกครั้ง
หนุ่มหน้าหวานพยักหน้ารับหงึก ๆ พลางยกมือเช็ดน้ำตา เขาไม่อยากทำให้เพื่อนไม่สบายใจและเป็นห่วง
****************
หนุ่มผมยาวหยุดยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องคนป่วย ที่มีชื่อพ่อของเขาติดอยู่ นายแพทย์ปัณณวัตร์ ปฏิภาคทวีกานต์ เขายกมือจับลูกบิดประตูห้องพลางเงยหน้าขึ้นเหมือนน้ำตารื้นขึ้นมาอีกแล้ว แม่เคยเล่าให้ฟังว่า ตอนตั้งท้องอยู่ พ่อเป็นคนแพ้ท้องแทน แม่กลับไม่แพ้ท้องเลย เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาดูโลกพ่อเห่อเขามาก ช่วยดูแลทุกอย่าง เป็นคนซักผ้าอ้อมให้ และชอบมาเล่นกับเขาเสมอ เขาเคยฉี่ใส่หน้าพ่อมาแล้ว แต่พ่อก็ไม่เคยโกรธเลย แต่ตอนนี้เขากลับทำให้พ่อต้องโกรธมากมายหลายเรื่องจนนับไม่ถ้วน
ปฏิการออกแรงบิดลูกบิดประตูแล้วเปิดเข้าไปในห้องคนป่วย มองเห็นบิดานอนหลับอยู่บนเตียงคนไข้กลางห้อง เขายกมือไหว้ปัถยาที่นอนเฝ้าพ่อของเขาทั้งคืน
“ขอบคุณมากนะครับ ที่ช่วยดูแลพ่อ”
หญิงสาวหันมามองด้วยความแปลกใจ ที่ลูกชายคนเดียวของสามียกมือไหว้เธอเป็นครั้งแรก และกล่าวขอบคุณอีกต่างหาก
“พ่อหลับอยู่หรือครับ”
“หลับนานแล้ว ใกล้เวลาตื่นแล้วจ้ะ พ่อเธอไม่เป็นไรแล้วนะ” เธอมองหน้าชายหนุ่มที่ดูเศร้าหมอง สีหน้านั้นบ่งบอกว่าผ่านการร้องไห้มา และยังคงมองเห็นหยาดน้ำในดวงตาคู่นั้น
“ทานอะไรหรือยังครับ ผมซื้ออาหารมาให้ด้วย” พลางยื่นถุงอาหารส่งให้
“ขอบใจมากจ้ะ กำลังหิวพอดีเลย เดี๋ยวน้าไปทานข้าวก่อน ฝากเธอดูพ่อด้วยนะ” ปัถยาบีบมือชายหนุ่มเบา ๆ อย่างให้กำลังใจก่อนรับถุงอาหารมาไว้ในมือ
“ได้ครับ” ปฏิการพยักหน้ารับ
หนุ่มหน้าหวานเดินไปหยุดอยู่ที่เตียงคนป่วย มองเห็นคนบนเตียงกำลังหลับสนิท ถ้าวันหนึ่งพ่อไม่อยู่แล้วเขาจะทำอย่างไร
“ผมมาแล้วครับพ่อ...” เขาเอื้อมมือจับมือของบิดามากุมไว้ น้ำตารินล้นขอบตาหยดลงบนหลังมือพ่อของเขา
“ผมขอโทษที่ทำตัวแย่ ๆ กับพ่อนะครับ ต่อไป...ผม...จะไม่ทำอีก ผมไม่มีแม่แล้ว....พ่ออย่าทำ...ให้ผม...ไม่มีพ่อ...อีกคน...เลย...นะ....” เขายกมือบิดามาแนบไว้ที่แก้มของตนเอง น้ำเสียงนั้นสั่นเครือและขาดห้วงเป็นระยะสลับกับเสียงสะอื้นไห้
นายแพทย์ใหญ่นอนนิ่งอยู่บนเตียงรู้สึกตัวเมื่อลูกชายจับมือของเขาเอาไว้ คำพูดของลูกทำให้น้ำตาไหลรินผ่านเปลือกตาที่ยังปิดอยู่ ก่อนจะค่อย ๆ ลืมขึ้นมามองลูกชายคนเดียว กำลังร้องไห้หนักมากจนตัวสั่นตัวโยน เขาไม่เคยรู้เลยว่า ลูกชายจอมกวนจะรักและยังเป็นห่วงเขามากขนาดนี้
“พ่อไม่เป็นไรแล้ว...” เขายกมือลูบศีรษะลูกชายเบา ๆ
“ขอบคุณนะครับ ที่พ่อให้ผมย้ายคณะ” หนุ่มผมยาวหยุดกลื้นก้อนสะอื้นลงไปชั่วขณะ ก่อนจะพูดประโยคต่อไป
“พ่อ...ยังอยาก...ให้ผม...เป็นหมอ...อยู่หรือเปล่าครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“แกเรียนอย่างที่แกอยากเรียกเถอะ แต่ต้องตั้งใจเรียนนะ” หมอใหญ่เคยตั้งความฝันไว้ว่า อยากให้ลูกชายเป็นหมอที่เก่งและมีชื่อเสียงเหมือนบรรพบุรุษ ที่ทุกคนล้วนเป็นหมอมาทั้งตระกูล แต่ตอนนี้เขารู้สึกไม่อยากให้ลูกต้องมาเหนื่อยกับคนไข้เหมือนเขาอีกแล้ว
“ผมจะตั้งใจเรียนให้ดีที่สุดครับ” ปฏิการยกหลังมือปาดน้ำตา อดสงสัยไม่ได้เลยว่า อะไรทำให้พ่อเปลี่ยนใจได้
“ให้ผม...ไปงานเลี้ยงวันเกิด ผอ.กับพ่อด้วยนะครับ”
คำตอบนั้นทำให้นายแพทย์ใหญ่นิ่งไปชั่วขณะ แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลย ว่าลูกชายจะยอมรับปาก มันทำให้เขาคลายกังวลใจ เพราะผู้อำนวยการย้ำนักหนาว่าให้พาลูกไปด้วย และอยากรู้จักกับลูกชายของเขามาก
“ถ้า...พ่อไม่ชอบ ให้ผมประกวดร้องเพลง ผม...จะไป...” เขายังพูดไม่ทันจบ เสียงของบิดาก็พูดทับขึ้นมาก่อน
“เมื่อวานนี้ พ่อได้ดูแกร้องเพลงด้วยนะ แก..ร้อง..ได้ดีมาก” เสียงนั้นเริ่มสั่นเครือเช่นกัน
คนเป็นลูกโผเข้ากอดผู้เป็นพ่อเอาไว้ ยิ่งร้องไห้โฮหนักขึ้นกว่าเดิม
“ครั้งหน้า...พ่อ...จะ...ไปเชียร์แก...ที่หน้าเวที...นะ” ปัณณวัตร์ยกมือกอดลูกชายคนเดียวเอาไว้ ก่อนที่เขาจะไม่อยู่ เขาอยากเห็นรอยยิ้มของลูกอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
“แก...ยังโกรธ...ที่พ่อแต่งงานใหม่หรือเปล่า พ่อ...ขอโทษ...นะ ที่ไม่เคยถามแก...เลย...” เขารู้ว่าลูกโกรธมากจนประชดด้วยการทำตัวเหลวไหล เกกมะเหรกเกเร ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เขาลืมคิดถึงจิตใจของลูก ที่ไม่เคยบอกไม่เคยถามลูกเลยซักครั้งเดียว
“ผม...ไม่โกรธแล้วครับ... ตอนนั้น...ผมแค่อยาก...ให้แม่กลับมาอยู่กับผมอีก...แต่พอ...พ่อแต่งงานใหม่...แม่จะกลับมาอยู่...กับผมไม่ได้อีกแล้ว...” เขาพูดคลอเสียงอื้นตลอดเวลา
“พ่อ...ขอโทษ...นะ” นายแพทย์ใหญ่หยุดพูดไปชั่วขณะ “ที่...ไม่สามารถ...ทำให้แม่...กลับมาอยู่กับเราได้...อีกแล้ว....”
ปฏิการฟังน้ำเสียงนั้น รู้สึกได้ว่า พ่อเสียใจมากแค่ไหน และต้องเสียใจมากกว่าเขา เพราะพ่อรักแม่มาก
“ไม่เป็นไรครับ...ต่อไป...ผมจะไม่ถามพ่ออีกแล้ว...ว่าเลิกกับแม่เพราะอะไร...ผมไม่อยากรู้...แล้วครับ...”
“แกต้องขอบคุณ แม่ใหม่ของแกด้วยนะ เพราะเขาเป็นคนพูดให้พ่อเปลี่ยนใจทุกเรื่องที่เกี่ยวกับแก”
หนุ่มผมยาวเงยหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตา
“ผมจะร้องเพลงให้คุณน้าฟัง...เป็นการขอบคุณนะครับ” เขาจำได้ว่า เธออยากฟังเขาร้องเพลง
“ดี...ดี...ดีมาก...” เขายกมือจับแก้มลูกชายแล้วยิ้ม ภรรยาเขาบอกว่า เมื่อเขาเริ่มรู้สึกดีกับลูก มันจะส่งผลถึงสิ่งรอบตัวและส่งผลถึงลูกของเขาอย่างเหลือเชื่อ... ตามกฏแห่งกระจกหนังสือที่เธอเคยอ่านบอกไว้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราคือผลสะท้อนของการกระทำของตัวเราเอง
รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่ 26 น้ำตา
“ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น เขารีบเดินไปเปิดประตูห้องพัก ปรามนั่นเอง
“ฉันอยากไปเยี่ยมพ่อคืนนี้”
ปรามเดินเข้ามาในห้อง เขารู้สึกเป็นห่วงเพื่อนจนต้องเดินมาหาด้วยตัวเอง เพราะรู้นิสัยดีที่มักทำอะไรหุนหันพลันแล่น คิดอยากจะทำอะไรจะทำทันที
“การ ใจเย็น ๆ พ่อแกอาการดีขึ้น ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ดึกมากแล้ว รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยไปเยี่ยมนะ แกเหนื่อยมาตลอดทั้งวันแล้ว” เขาจับต้นแขนเพื่อนบีบเบา ๆ
“แกรู้มั้ย? ว่าพ่อข้าป่วยเป็นอะไร?” สองมือจับแขนเพื่อนรักเขย่า
“พ่อแกเป็นโรคหัวใจขาดเลือด”
คำตอบนั้นทำให้ปฏิการนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ พ่อของเขาเป็นนายแพทย์ใหญ่ผู้ชำนาญเกี่ยวกับโรคหัวใจอันดับต้น ๆ ของประเทศไทยด้วยซ้ำ พ่อเป็นโรคนี้ได้อย่างไร มันเกิดอะไรขึ้น เขามีส่วนทำให้พ่อเป็นโรคร้ายนี้รึเปล่า? ที่สำคัญเขาไม่เคยเห็นคนที่หายจากโรคนี้เลย อย่างดีคือรักษาให้อาการทรงอยู่ อย่างร้ายคือเสียชีวิต
“แกเข้าใจใช่มั้ย? ต่อไปแกควรพูดกับพ่อยังไง” ปรามมองหน้าหนุ่มหน้าหวาน ตอนนี้ตาเริ่มแดงก่ำ มีน้ำตาคลออยู่ในดวงตาคู่นั้น ปรามยกมือตบหลังเพื่อนเบา ๆ อย่างปลอบโยน
“แกยังมีโอกาสนะ ครั้งนี้พ่อแกยังไม่ได้เป็นอะไรมาก”
ปฏิการยกมือปาดน้ำตา หากพ่อต้องตายจากไปด้วยความรู้สึกที่ไม่ดีต่อเขา ยังติดค้างคาใจกันอยู่แบบนี้ เขาคงรู้สึกเสียใจมากที่ไม่มีโอกาสแก้ไขความรู้สึกแย่ ๆ ระหว่างเขากับพ่อก่อน เขายังไม่ได้ทำหน้าที่ของลูกที่ดี ที่ควรกระทำเลย
“นอนพักเอาแรงก่อนนะ พรุ่งนี้เช้าค่อยไปเยี่ยมพ่อ” ปรามย้ำกับเพื่อนอีกเป็นครั้งที่สอง
“แต่...ข้า...”
“ไม่มีแต่...นอนได้แล้ว ไม่งั้นข้าจะขับรถไปส่ง ถ้ายังอยากจะไปอยู่” เขาไม่อยากให้เพื่อนขับรถดึก ๆ ด้วยสภาพจิตใจแบบนี้ มองน้ำตาของคนตรงหน้ายังไหลออกมาไม่หยุด แล้วเข้าไปกอดไว้ พลางตบหลังเบา ๆ อย่างปลอบโยน
“นอนนะ” เขาเน้นคำกับเพื่อนหนุ่มอีกครั้ง
หนุ่มหน้าหวานพยักหน้ารับหงึก ๆ พลางยกมือเช็ดน้ำตา เขาไม่อยากทำให้เพื่อนไม่สบายใจและเป็นห่วง
****************
หนุ่มผมยาวหยุดยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องคนป่วย ที่มีชื่อพ่อของเขาติดอยู่ นายแพทย์ปัณณวัตร์ ปฏิภาคทวีกานต์ เขายกมือจับลูกบิดประตูห้องพลางเงยหน้าขึ้นเหมือนน้ำตารื้นขึ้นมาอีกแล้ว แม่เคยเล่าให้ฟังว่า ตอนตั้งท้องอยู่ พ่อเป็นคนแพ้ท้องแทน แม่กลับไม่แพ้ท้องเลย เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาดูโลกพ่อเห่อเขามาก ช่วยดูแลทุกอย่าง เป็นคนซักผ้าอ้อมให้ และชอบมาเล่นกับเขาเสมอ เขาเคยฉี่ใส่หน้าพ่อมาแล้ว แต่พ่อก็ไม่เคยโกรธเลย แต่ตอนนี้เขากลับทำให้พ่อต้องโกรธมากมายหลายเรื่องจนนับไม่ถ้วน
ปฏิการออกแรงบิดลูกบิดประตูแล้วเปิดเข้าไปในห้องคนป่วย มองเห็นบิดานอนหลับอยู่บนเตียงคนไข้กลางห้อง เขายกมือไหว้ปัถยาที่นอนเฝ้าพ่อของเขาทั้งคืน
“ขอบคุณมากนะครับ ที่ช่วยดูแลพ่อ”
หญิงสาวหันมามองด้วยความแปลกใจ ที่ลูกชายคนเดียวของสามียกมือไหว้เธอเป็นครั้งแรก และกล่าวขอบคุณอีกต่างหาก
“พ่อหลับอยู่หรือครับ”
“หลับนานแล้ว ใกล้เวลาตื่นแล้วจ้ะ พ่อเธอไม่เป็นไรแล้วนะ” เธอมองหน้าชายหนุ่มที่ดูเศร้าหมอง สีหน้านั้นบ่งบอกว่าผ่านการร้องไห้มา และยังคงมองเห็นหยาดน้ำในดวงตาคู่นั้น
“ทานอะไรหรือยังครับ ผมซื้ออาหารมาให้ด้วย” พลางยื่นถุงอาหารส่งให้
“ขอบใจมากจ้ะ กำลังหิวพอดีเลย เดี๋ยวน้าไปทานข้าวก่อน ฝากเธอดูพ่อด้วยนะ” ปัถยาบีบมือชายหนุ่มเบา ๆ อย่างให้กำลังใจก่อนรับถุงอาหารมาไว้ในมือ
“ได้ครับ” ปฏิการพยักหน้ารับ
หนุ่มหน้าหวานเดินไปหยุดอยู่ที่เตียงคนป่วย มองเห็นคนบนเตียงกำลังหลับสนิท ถ้าวันหนึ่งพ่อไม่อยู่แล้วเขาจะทำอย่างไร
“ผมมาแล้วครับพ่อ...” เขาเอื้อมมือจับมือของบิดามากุมไว้ น้ำตารินล้นขอบตาหยดลงบนหลังมือพ่อของเขา
“ผมขอโทษที่ทำตัวแย่ ๆ กับพ่อนะครับ ต่อไป...ผม...จะไม่ทำอีก ผมไม่มีแม่แล้ว....พ่ออย่าทำ...ให้ผม...ไม่มีพ่อ...อีกคน...เลย...นะ....” เขายกมือบิดามาแนบไว้ที่แก้มของตนเอง น้ำเสียงนั้นสั่นเครือและขาดห้วงเป็นระยะสลับกับเสียงสะอื้นไห้
นายแพทย์ใหญ่นอนนิ่งอยู่บนเตียงรู้สึกตัวเมื่อลูกชายจับมือของเขาเอาไว้ คำพูดของลูกทำให้น้ำตาไหลรินผ่านเปลือกตาที่ยังปิดอยู่ ก่อนจะค่อย ๆ ลืมขึ้นมามองลูกชายคนเดียว กำลังร้องไห้หนักมากจนตัวสั่นตัวโยน เขาไม่เคยรู้เลยว่า ลูกชายจอมกวนจะรักและยังเป็นห่วงเขามากขนาดนี้
“พ่อไม่เป็นไรแล้ว...” เขายกมือลูบศีรษะลูกชายเบา ๆ
“ขอบคุณนะครับ ที่พ่อให้ผมย้ายคณะ” หนุ่มผมยาวหยุดกลื้นก้อนสะอื้นลงไปชั่วขณะ ก่อนจะพูดประโยคต่อไป
“พ่อ...ยังอยาก...ให้ผม...เป็นหมอ...อยู่หรือเปล่าครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“แกเรียนอย่างที่แกอยากเรียกเถอะ แต่ต้องตั้งใจเรียนนะ” หมอใหญ่เคยตั้งความฝันไว้ว่า อยากให้ลูกชายเป็นหมอที่เก่งและมีชื่อเสียงเหมือนบรรพบุรุษ ที่ทุกคนล้วนเป็นหมอมาทั้งตระกูล แต่ตอนนี้เขารู้สึกไม่อยากให้ลูกต้องมาเหนื่อยกับคนไข้เหมือนเขาอีกแล้ว
“ผมจะตั้งใจเรียนให้ดีที่สุดครับ” ปฏิการยกหลังมือปาดน้ำตา อดสงสัยไม่ได้เลยว่า อะไรทำให้พ่อเปลี่ยนใจได้
“ให้ผม...ไปงานเลี้ยงวันเกิด ผอ.กับพ่อด้วยนะครับ”
คำตอบนั้นทำให้นายแพทย์ใหญ่นิ่งไปชั่วขณะ แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลย ว่าลูกชายจะยอมรับปาก มันทำให้เขาคลายกังวลใจ เพราะผู้อำนวยการย้ำนักหนาว่าให้พาลูกไปด้วย และอยากรู้จักกับลูกชายของเขามาก
“ถ้า...พ่อไม่ชอบ ให้ผมประกวดร้องเพลง ผม...จะไป...” เขายังพูดไม่ทันจบ เสียงของบิดาก็พูดทับขึ้นมาก่อน
“เมื่อวานนี้ พ่อได้ดูแกร้องเพลงด้วยนะ แก..ร้อง..ได้ดีมาก” เสียงนั้นเริ่มสั่นเครือเช่นกัน
คนเป็นลูกโผเข้ากอดผู้เป็นพ่อเอาไว้ ยิ่งร้องไห้โฮหนักขึ้นกว่าเดิม
“ครั้งหน้า...พ่อ...จะ...ไปเชียร์แก...ที่หน้าเวที...นะ” ปัณณวัตร์ยกมือกอดลูกชายคนเดียวเอาไว้ ก่อนที่เขาจะไม่อยู่ เขาอยากเห็นรอยยิ้มของลูกอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
“แก...ยังโกรธ...ที่พ่อแต่งงานใหม่หรือเปล่า พ่อ...ขอโทษ...นะ ที่ไม่เคยถามแก...เลย...” เขารู้ว่าลูกโกรธมากจนประชดด้วยการทำตัวเหลวไหล เกกมะเหรกเกเร ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เขาลืมคิดถึงจิตใจของลูก ที่ไม่เคยบอกไม่เคยถามลูกเลยซักครั้งเดียว
“ผม...ไม่โกรธแล้วครับ... ตอนนั้น...ผมแค่อยาก...ให้แม่กลับมาอยู่กับผมอีก...แต่พอ...พ่อแต่งงานใหม่...แม่จะกลับมาอยู่...กับผมไม่ได้อีกแล้ว...” เขาพูดคลอเสียงอื้นตลอดเวลา
“พ่อ...ขอโทษ...นะ” นายแพทย์ใหญ่หยุดพูดไปชั่วขณะ “ที่...ไม่สามารถ...ทำให้แม่...กลับมาอยู่กับเราได้...อีกแล้ว....”
ปฏิการฟังน้ำเสียงนั้น รู้สึกได้ว่า พ่อเสียใจมากแค่ไหน และต้องเสียใจมากกว่าเขา เพราะพ่อรักแม่มาก
“ไม่เป็นไรครับ...ต่อไป...ผมจะไม่ถามพ่ออีกแล้ว...ว่าเลิกกับแม่เพราะอะไร...ผมไม่อยากรู้...แล้วครับ...”
“แกต้องขอบคุณ แม่ใหม่ของแกด้วยนะ เพราะเขาเป็นคนพูดให้พ่อเปลี่ยนใจทุกเรื่องที่เกี่ยวกับแก”
หนุ่มผมยาวเงยหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตา
“ผมจะร้องเพลงให้คุณน้าฟัง...เป็นการขอบคุณนะครับ” เขาจำได้ว่า เธออยากฟังเขาร้องเพลง
“ดี...ดี...ดีมาก...” เขายกมือจับแก้มลูกชายแล้วยิ้ม ภรรยาเขาบอกว่า เมื่อเขาเริ่มรู้สึกดีกับลูก มันจะส่งผลถึงสิ่งรอบตัวและส่งผลถึงลูกของเขาอย่างเหลือเชื่อ... ตามกฏแห่งกระจกหนังสือที่เธอเคยอ่านบอกไว้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราคือผลสะท้อนของการกระทำของตัวเราเอง