"แล้วพี่อยากทำอะไรล่ะ" น้องกีต้าร์ แฟนเด็กของผมถาม พลางพยายามเลียไอติมบนปลายจมูกอย่างน่ารัก
"พี่กะว่าจะออกมาซื้อบ้านเล็กๆซักหลัง แล้วก็ทำบริษัทเล็กๆ แค่พออยู่พอกิน"
ผมกลัวว่าไอติมที่ปลายจมูกกีต้าร์จะละลายไปซะก่อน ด้วยความเสียดายของ ก็เลยแลบลิ้นไปเลียมากินซะเอง
"อ๊า นั่นของต้านะ" กีต้าร์ประท้วง ผลักผมออก แล้วเอาไอติมแตะปลายจมูก พยายามแลบลิ้นให้ถึงอีก
"พี่จะออกมาอยู่เอง พ่อกับแม่พี่จะไม่ว่าเอาหรือ"
"พี่เป็นผู้ชาย โตแล้ว จะให้อยู่เกาะพ่อแม่ไปตลอดได้ไง พี่ก็อยากจะอยู่ได้ด้วยตัวเองบ้าง"
"พี่จะอยู่คนเดียวได้เหรอ"
"ไม่ได้" ผมตอบทันควัน "พี่อยู่คนเดียว โดยไม่มีต้าไม่ได้หรอก" แล้วแอบฉกเอาไอติมที่ปลายจมูกกีต้าร์ไปอีกครั้ง
เล่นเอากีต้าร์ต้องรีบเอาไอติมโคนยัดเข้าปากเคี้ยวกร้วมๆแก้เขิน
ตอนนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อผมรับโทรศัพท์ ข่าวร้ายก็ถูกแจ้งมา
...
หลังจากณาปนกิจคุณพ่อซึ่งจากไปด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตกแล้ว คุณแม่ก็เข้ามาพูดกับผม
"พ่อไม่อยู่แล้ว บ้านเราก็ออกใหญ่โต ห้องหับก็มากมาย ลูกไม่ต้องย้ายออกไปหรอก อยู่เป็นเพื่อนแม่หน่อย แม่ไม่อยากอยู่คนเดียว"
ผมถอนใจเฮือก ได้แต่ตอบไปว่า
"ครับ คุณแม่"
"แล้วบริษัทผลิตของเล่นตุ๊กตาอะไรที่ลูกกำลังจะเปิดน่ะ ไม่ต้องไปทำหรอก มารับช่วงกิจการอสังหาริมทรัพย์ของบ้านเราดีกว่า"
"ไม่ครับ" ผมปฏิเสธ เรื่องนี้ผมยอมไม่ได้
"คุณแม่ดูแลบริษัทได้ดีอยู่แล้วนี่ครับ ผมไม่มีหัวเรื่องอสังหาฯ คงช่วยอะไรมากไม่ได้ ผมก็อยากจะเริ่มธุรกิจด้วยลำแข้งตัวเอง ถ้าเอาแต่พึ่งพ่อแม่ ผมจะรู้จักโตได้ยังไงล่ะครับ" ผมพูดแบบนี้กับคุณแม่เป็นครั้งที่สิบแล้วได้มั้ง
"เอาๆ จะทำอะไรก็ตามใจ ดื้อจริงๆ ลูกคนนี้"
"คุณแม่ก็มีลูกคนเดียวนี่ครับ" ผมเข้าไปกอดคุณแม่ ขอบคุณที่เข้าใจ ไม่บังคับผม
...
"ตกลงพี่ก็อยู่ที่เดิม ยังไม่ได้ย้ายออกใช่มั้ย" กีตาร์ถาม พลางก้มลงไปคาบคุ้กกี้ในชามเข้าปาก เพราะมือเธอต้องใช้ในการเล่นเกมอย่างเมามัน
ผมมาหากีต้าร์ที่บ้านเธอ แม่ของเธอก็จัดขนมมาให้ แต่กลายเป็นของว่างของคุณลูกสาวเสียเกือบหมด
"ก็แค่เรื่องบ้านน่า ส่วนเรื่องงาน พี่ตั้งใจจะค่อยๆเดินไปทีละก้าว ให้รากฐานมั่นคง ถึงตอนนั้นต้าก็คงเรียนจบพอดี แล้วพวกเราก็..."
ผมก้มลงไปคาบคุ้กกี้ขึ้นมาป้อนถึงปากเธอ กีต้าร์ทำเขินไม่ฟัง งับดึงคุ้กกี้จากปากผมไปเคี้ยวกร้วมๆ ก้มหน้าก้มตากดเกม แต่หูแดงแป๊ดน่ารัก
ตอนนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อผมรับโทรศัพท์ ข่าวดีก็ถูกแจ้งมา
...
ผมมาที่บริษัท เพื่อประชุมเรื่องงานแรกของบริษัท
บริษัทของผมได้ลูกค้าผ่านตัวแทนมา 2 ออเดอร์
ออเดอร์แรกเป็นตุ๊กตายางลบ ตัวละครจากเรื่องไซอิ๋ว มาครบทั้งพระถังซัมจั๋ง หงอคง ตือโป๊ยก่าย ซัวเจ๋งและม้าขาว
ออเดอร์ที่ 2 เป็นแม่เหล็กติดตู้เย็นรูปสัตว์น้ำต่างๆ
ผมดูแบบที่ลูกค้าส่งมาเป็นตัวอย่างด้วยความพอใจ
"ผมชอบของเล่นเล็กๆน่ารักๆแบบนี้นะ จะเอาซักกี่พันชิ้นครับ"
"ฮ่าๆ อย่าพูดเล่นสิครับ" ตัวแทนเอาสัญญาสั่งซื้อออกมากาง "ตัวเลขคือ 1.2 ล้านชิ้น สำหรับออเดอร์ที่ 1 และ 2 แสนชิ้น สำหรับออเดอร์ที่ 2"
"เฮ้ย ทำไมมันเยอะอย่างนั้นล่ะ"
"ไม่ได้ดูชื่อบริษัทของผมงั้นหรือ คิดว่าผมจะดีลงานเล็กๆมารึไง ตุ๊กตายางลบนั่นเป็นของแถมที่จะใส่ในขนมชื่อดังของประเทศจีนที่จะส่งขายไปทั่วโลก ส่วนแม่เหล็กติดตู้เย็นนั่น ก็เป็นของชำร่วย สำหรับสวนน้ำในมาเลเซียที่จะแจกให้ผู้มาใช้บริการ และนี่เป็นออเดอร์แค่ล็อตแรกนะครับ"
"คุณได้ดูทุนจดทะเบียนของบริษัทเราหรือเปล่า เราเป็นแค่บริษัทเล็กๆ โรงงานเราก็เล็ก คนงานก็น้อย เครื่องจักรก็มีไม่พอ รับงานสเกลใหญ่ขนาดนี้ไหวที่ไหน"
"ในสัญญาตัวแทน คุณก็ไม่ได้กำหนดสเกลงานไว้นี่ ผมก็ประมูลงานมาตามที่ผมเห็นสมควร ผมเห็นโปรไฟล์คุณ เป็นทายาทเครือบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่อย่างนั้น ผมก็ไม่คิดว่าคุณจะมาทำบริษัทเล่นๆน่ะสิ"
"ผมไม่ได้มาทำบริษัทเล่นๆนะ"
"ไม่ได้ทำเล่นๆ งั้นออเดอร์แค่นี้ คุณต้องทำได้สิ ไม่รู้ล่ะ ยังไงค่านายหน้าของผมก็คิดตามออเดอร์ที่ผมรับมานะ ส่วนคุณจะทำได้หรือไม่ได้ ก็เป็นเรื่องที่คุณต้องไปบอกลูกค้าเอาเอง"
เพื่อนสองคนที่ร่วมเปิดบริษัทเป็นหุ้นส่วนกับผม หันมามองหน้าผมโดยพร้อมเพรียง ผมอึ้งไปพักใหญ่ แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือก
...
"ก็คือ พี่ต้องบากหน้ามาขอเงินทุนจากแม่ ไปขยายโรงงาน ซื้อเครื่องจักร ผลิตสินค้าให้ทันใช่มะ" กีต้าร์พูดพลางยันชิงช้าที่พวกเรานั่งอยู่ให้แกว่งเล่น
วันนี้ กีต้าร์มาหาผมที่บ้าน ผมเลยชวนเธอมานั่งคุยกันบนชิงช้าในสวนบ้านผม
"ทำใจอยู่ตั้งนาน ยังเห็นรอยยิ้มเยาะของคุณแม่ติดตาอยู่เลย ทำอวดเก่ง สุดท้ายไปไม่รอด" ผมหัวเราะสมเพชตัวเอง
"ทีหลังพี่ก็อย่าวางแผนสิ รู้จักยืดหยุ่นบ้าง ปรับตัวไปตามสถานการณ์"
"ถึงที่พี่วางแผนไว้ จะผิดแผนไปหมด ทั้งบ้านก็ใหญ่เกิน ทั้งงานก็ใหญ่เกิน แต่เรื่องครอบครัว ก็ยังพอจะเป็นไปตามแผนได้นะ"
"เหรอ พี่วางแผนไว้ยังไงอีกล่ะ"
"ก็มีลูกซักคน เป็นครอบครัวเล็กๆ มีแค่พ่อแม่ลูก เป็นไงล่ะ"
"แหงะ" กีต้าร์หน้าเบ้
"แบบนั้นคงเหงาแย่ พี่เป็นลูกคนเดียว น่าจะรู้นะ ต้าก็เป็นลูกคนเดียว ยังอยากมีพี่น้องเหมือนคนอื่นเขาบ้างเลย ถ้าต้าจะมีครอบครัว ต้าอยากจะมีลูกหลายๆคน ครอบครัวจะได้อบอุ่น"
"อ้าว เหรอ แล้วแต่ต้าละกัน ยังไงต้าก็เป็นคนคลอดนี่ ว่าแต่ อยากจะมีลูกคนแรกให้พี่เมื่อไหร่" ผมชนไหล่ กระเซ้าเธอ
"บ้า" กีต้าร์หน้าแดงแป๊ด ผลักผมเต็มแรง
เล่นเอาผมตกจากชิงช้าหัวทิ่ม ยังดีที่ลงมาบนพื้นหญ้า
"อุ๊ย ขอโทษ เป็นอะไรรึเปล่าคะ" กีต้าร์รีบมาช่วยพยุงผมลุกขึ้น
"อูย ตัวก็เล็ก ทำไมแรงเยอะจัง" ผมคราง
แต่ เดี๋ยวนะ
ผมยืนตัวตรง เทียบกับเธอ
"ต้าใส่ส้นสูงกี่นิ้วเนี่ย"
"บ้า ดูสิ ต้าใส่แตะนะ"
ตัวเธอสูงพอๆกับผมเลย
"นี่ต้าโตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ คุณน้าชายกับคุณน้าก็ตัวเล็กกันทั้งนั้นนี่นา"
"อ้าว ต้าเคยบอกแล้วนะ ว่าพ่อกับแม่น่ะ ไม่ใช่พ่อแม่จริงๆของต้า พ่อกับแม่ของต้าน่ะเสียไปนานแล้ว แม่ที่ความจริงเป็นพี่สาวของแม่ก็เลยรับต้ามาเลี้ยง เพราะแม่ไม่มีลูก พ่อจริงๆของต้า ตัวใหญ่นะ"
"ดูเหมือนเชื้อพ่อจะแรงสินะ"
"แหม พูดถึงเชื้อแล้ว หิวขึ้นมาเลย เพิ่งกินข้าวเที่ยงไปแท้ๆ บ้านพี่มีอะไรให้กินมั้ย ช่วงนี้หิวบ่อยจัง สงสัยเป็นช่วงที่เรียกว่า เด็กกำลังโต ฮิฮิ"
เฮ้อ สาวน้อยน่ารักของผม เพิ่งจะ 18 ก็ขนาดนี้แล้ว ต่อไปจะขยายขนาดไปถึงไหนล่ะเนี่ย
ผมมันช่างมีชะตาที่ยิ่งใหญ่ซะจริงๆ สิ่งเล็กๆที่คิดไว้ ทำไมมันถึงได้ใหญ่ไปซะหมดอย่างนี้
ผมถอนใจเฮือก ได้แต่พูดว่า
"กินน้อยๆนะต้า"
............................................................................................................................................................................/...
วางแผน
"พี่กะว่าจะออกมาซื้อบ้านเล็กๆซักหลัง แล้วก็ทำบริษัทเล็กๆ แค่พออยู่พอกิน"
ผมกลัวว่าไอติมที่ปลายจมูกกีต้าร์จะละลายไปซะก่อน ด้วยความเสียดายของ ก็เลยแลบลิ้นไปเลียมากินซะเอง
"อ๊า นั่นของต้านะ" กีต้าร์ประท้วง ผลักผมออก แล้วเอาไอติมแตะปลายจมูก พยายามแลบลิ้นให้ถึงอีก
"พี่จะออกมาอยู่เอง พ่อกับแม่พี่จะไม่ว่าเอาหรือ"
"พี่เป็นผู้ชาย โตแล้ว จะให้อยู่เกาะพ่อแม่ไปตลอดได้ไง พี่ก็อยากจะอยู่ได้ด้วยตัวเองบ้าง"
"พี่จะอยู่คนเดียวได้เหรอ"
"ไม่ได้" ผมตอบทันควัน "พี่อยู่คนเดียว โดยไม่มีต้าไม่ได้หรอก" แล้วแอบฉกเอาไอติมที่ปลายจมูกกีต้าร์ไปอีกครั้ง
เล่นเอากีต้าร์ต้องรีบเอาไอติมโคนยัดเข้าปากเคี้ยวกร้วมๆแก้เขิน
ตอนนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อผมรับโทรศัพท์ ข่าวร้ายก็ถูกแจ้งมา
...
หลังจากณาปนกิจคุณพ่อซึ่งจากไปด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตกแล้ว คุณแม่ก็เข้ามาพูดกับผม
"พ่อไม่อยู่แล้ว บ้านเราก็ออกใหญ่โต ห้องหับก็มากมาย ลูกไม่ต้องย้ายออกไปหรอก อยู่เป็นเพื่อนแม่หน่อย แม่ไม่อยากอยู่คนเดียว"
ผมถอนใจเฮือก ได้แต่ตอบไปว่า
"ครับ คุณแม่"
"แล้วบริษัทผลิตของเล่นตุ๊กตาอะไรที่ลูกกำลังจะเปิดน่ะ ไม่ต้องไปทำหรอก มารับช่วงกิจการอสังหาริมทรัพย์ของบ้านเราดีกว่า"
"ไม่ครับ" ผมปฏิเสธ เรื่องนี้ผมยอมไม่ได้
"คุณแม่ดูแลบริษัทได้ดีอยู่แล้วนี่ครับ ผมไม่มีหัวเรื่องอสังหาฯ คงช่วยอะไรมากไม่ได้ ผมก็อยากจะเริ่มธุรกิจด้วยลำแข้งตัวเอง ถ้าเอาแต่พึ่งพ่อแม่ ผมจะรู้จักโตได้ยังไงล่ะครับ" ผมพูดแบบนี้กับคุณแม่เป็นครั้งที่สิบแล้วได้มั้ง
"เอาๆ จะทำอะไรก็ตามใจ ดื้อจริงๆ ลูกคนนี้"
"คุณแม่ก็มีลูกคนเดียวนี่ครับ" ผมเข้าไปกอดคุณแม่ ขอบคุณที่เข้าใจ ไม่บังคับผม
...
"ตกลงพี่ก็อยู่ที่เดิม ยังไม่ได้ย้ายออกใช่มั้ย" กีตาร์ถาม พลางก้มลงไปคาบคุ้กกี้ในชามเข้าปาก เพราะมือเธอต้องใช้ในการเล่นเกมอย่างเมามัน
ผมมาหากีต้าร์ที่บ้านเธอ แม่ของเธอก็จัดขนมมาให้ แต่กลายเป็นของว่างของคุณลูกสาวเสียเกือบหมด
"ก็แค่เรื่องบ้านน่า ส่วนเรื่องงาน พี่ตั้งใจจะค่อยๆเดินไปทีละก้าว ให้รากฐานมั่นคง ถึงตอนนั้นต้าก็คงเรียนจบพอดี แล้วพวกเราก็..."
ผมก้มลงไปคาบคุ้กกี้ขึ้นมาป้อนถึงปากเธอ กีต้าร์ทำเขินไม่ฟัง งับดึงคุ้กกี้จากปากผมไปเคี้ยวกร้วมๆ ก้มหน้าก้มตากดเกม แต่หูแดงแป๊ดน่ารัก
ตอนนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อผมรับโทรศัพท์ ข่าวดีก็ถูกแจ้งมา
...
ผมมาที่บริษัท เพื่อประชุมเรื่องงานแรกของบริษัท
บริษัทของผมได้ลูกค้าผ่านตัวแทนมา 2 ออเดอร์
ออเดอร์แรกเป็นตุ๊กตายางลบ ตัวละครจากเรื่องไซอิ๋ว มาครบทั้งพระถังซัมจั๋ง หงอคง ตือโป๊ยก่าย ซัวเจ๋งและม้าขาว
ออเดอร์ที่ 2 เป็นแม่เหล็กติดตู้เย็นรูปสัตว์น้ำต่างๆ
ผมดูแบบที่ลูกค้าส่งมาเป็นตัวอย่างด้วยความพอใจ
"ผมชอบของเล่นเล็กๆน่ารักๆแบบนี้นะ จะเอาซักกี่พันชิ้นครับ"
"ฮ่าๆ อย่าพูดเล่นสิครับ" ตัวแทนเอาสัญญาสั่งซื้อออกมากาง "ตัวเลขคือ 1.2 ล้านชิ้น สำหรับออเดอร์ที่ 1 และ 2 แสนชิ้น สำหรับออเดอร์ที่ 2"
"เฮ้ย ทำไมมันเยอะอย่างนั้นล่ะ"
"ไม่ได้ดูชื่อบริษัทของผมงั้นหรือ คิดว่าผมจะดีลงานเล็กๆมารึไง ตุ๊กตายางลบนั่นเป็นของแถมที่จะใส่ในขนมชื่อดังของประเทศจีนที่จะส่งขายไปทั่วโลก ส่วนแม่เหล็กติดตู้เย็นนั่น ก็เป็นของชำร่วย สำหรับสวนน้ำในมาเลเซียที่จะแจกให้ผู้มาใช้บริการ และนี่เป็นออเดอร์แค่ล็อตแรกนะครับ"
"คุณได้ดูทุนจดทะเบียนของบริษัทเราหรือเปล่า เราเป็นแค่บริษัทเล็กๆ โรงงานเราก็เล็ก คนงานก็น้อย เครื่องจักรก็มีไม่พอ รับงานสเกลใหญ่ขนาดนี้ไหวที่ไหน"
"ในสัญญาตัวแทน คุณก็ไม่ได้กำหนดสเกลงานไว้นี่ ผมก็ประมูลงานมาตามที่ผมเห็นสมควร ผมเห็นโปรไฟล์คุณ เป็นทายาทเครือบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่อย่างนั้น ผมก็ไม่คิดว่าคุณจะมาทำบริษัทเล่นๆน่ะสิ"
"ผมไม่ได้มาทำบริษัทเล่นๆนะ"
"ไม่ได้ทำเล่นๆ งั้นออเดอร์แค่นี้ คุณต้องทำได้สิ ไม่รู้ล่ะ ยังไงค่านายหน้าของผมก็คิดตามออเดอร์ที่ผมรับมานะ ส่วนคุณจะทำได้หรือไม่ได้ ก็เป็นเรื่องที่คุณต้องไปบอกลูกค้าเอาเอง"
เพื่อนสองคนที่ร่วมเปิดบริษัทเป็นหุ้นส่วนกับผม หันมามองหน้าผมโดยพร้อมเพรียง ผมอึ้งไปพักใหญ่ แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือก
...
"ก็คือ พี่ต้องบากหน้ามาขอเงินทุนจากแม่ ไปขยายโรงงาน ซื้อเครื่องจักร ผลิตสินค้าให้ทันใช่มะ" กีต้าร์พูดพลางยันชิงช้าที่พวกเรานั่งอยู่ให้แกว่งเล่น
วันนี้ กีต้าร์มาหาผมที่บ้าน ผมเลยชวนเธอมานั่งคุยกันบนชิงช้าในสวนบ้านผม
"ทำใจอยู่ตั้งนาน ยังเห็นรอยยิ้มเยาะของคุณแม่ติดตาอยู่เลย ทำอวดเก่ง สุดท้ายไปไม่รอด" ผมหัวเราะสมเพชตัวเอง
"ทีหลังพี่ก็อย่าวางแผนสิ รู้จักยืดหยุ่นบ้าง ปรับตัวไปตามสถานการณ์"
"ถึงที่พี่วางแผนไว้ จะผิดแผนไปหมด ทั้งบ้านก็ใหญ่เกิน ทั้งงานก็ใหญ่เกิน แต่เรื่องครอบครัว ก็ยังพอจะเป็นไปตามแผนได้นะ"
"เหรอ พี่วางแผนไว้ยังไงอีกล่ะ"
"ก็มีลูกซักคน เป็นครอบครัวเล็กๆ มีแค่พ่อแม่ลูก เป็นไงล่ะ"
"แหงะ" กีต้าร์หน้าเบ้
"แบบนั้นคงเหงาแย่ พี่เป็นลูกคนเดียว น่าจะรู้นะ ต้าก็เป็นลูกคนเดียว ยังอยากมีพี่น้องเหมือนคนอื่นเขาบ้างเลย ถ้าต้าจะมีครอบครัว ต้าอยากจะมีลูกหลายๆคน ครอบครัวจะได้อบอุ่น"
"อ้าว เหรอ แล้วแต่ต้าละกัน ยังไงต้าก็เป็นคนคลอดนี่ ว่าแต่ อยากจะมีลูกคนแรกให้พี่เมื่อไหร่" ผมชนไหล่ กระเซ้าเธอ
"บ้า" กีต้าร์หน้าแดงแป๊ด ผลักผมเต็มแรง
เล่นเอาผมตกจากชิงช้าหัวทิ่ม ยังดีที่ลงมาบนพื้นหญ้า
"อุ๊ย ขอโทษ เป็นอะไรรึเปล่าคะ" กีต้าร์รีบมาช่วยพยุงผมลุกขึ้น
"อูย ตัวก็เล็ก ทำไมแรงเยอะจัง" ผมคราง
แต่ เดี๋ยวนะ
ผมยืนตัวตรง เทียบกับเธอ
"ต้าใส่ส้นสูงกี่นิ้วเนี่ย"
"บ้า ดูสิ ต้าใส่แตะนะ"
ตัวเธอสูงพอๆกับผมเลย
"นี่ต้าโตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ คุณน้าชายกับคุณน้าก็ตัวเล็กกันทั้งนั้นนี่นา"
"อ้าว ต้าเคยบอกแล้วนะ ว่าพ่อกับแม่น่ะ ไม่ใช่พ่อแม่จริงๆของต้า พ่อกับแม่ของต้าน่ะเสียไปนานแล้ว แม่ที่ความจริงเป็นพี่สาวของแม่ก็เลยรับต้ามาเลี้ยง เพราะแม่ไม่มีลูก พ่อจริงๆของต้า ตัวใหญ่นะ"
"ดูเหมือนเชื้อพ่อจะแรงสินะ"
"แหม พูดถึงเชื้อแล้ว หิวขึ้นมาเลย เพิ่งกินข้าวเที่ยงไปแท้ๆ บ้านพี่มีอะไรให้กินมั้ย ช่วงนี้หิวบ่อยจัง สงสัยเป็นช่วงที่เรียกว่า เด็กกำลังโต ฮิฮิ"
เฮ้อ สาวน้อยน่ารักของผม เพิ่งจะ 18 ก็ขนาดนี้แล้ว ต่อไปจะขยายขนาดไปถึงไหนล่ะเนี่ย
ผมมันช่างมีชะตาที่ยิ่งใหญ่ซะจริงๆ สิ่งเล็กๆที่คิดไว้ ทำไมมันถึงได้ใหญ่ไปซะหมดอย่างนี้
ผมถอนใจเฮือก ได้แต่พูดว่า
"กินน้อยๆนะต้า"
............................................................................................................................................................................/...