ไม่ต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน เก็บวิจารณญาณไว้ให้ลึกที่สุด
นิยายเรื่องนี้ ถึงจะเหมือน/สอดคล้องเรื่องจริง/ สมจริง เพียงไร แต่----ขอรับรองว่าไม่ใช่เรื่องจริง กรุณาอย่าเชื่อเด็ดขาด
------------------------
แม้ว่าผมจะใช้เส้นทางนอกเมือง ไม่ใช่ถนนหลัก แต่ก็มองเห็นด่านตรวจด้านหน้าจนได้ พวกตำรวจตั้งด่านตรวจได้มุมอับ ทำให้กลับลำไม่ทัน เพิ่งเลี้ยวโค้งออกไปก็เจอพอดี ให้ตายสิโรบินสันบิ๊กซี ไม่มีทางหลบ ผมชะลอความเร็วรถยนต์คู่ใจจอดชิดขอบถนน คว้าหน้ากากอนามัยมาสวมอย่างรวดเร็ว ตำรวจสองนายเดินถือเครื่องมือตรงมาเคาะกระจกรถเป็นเชิงบอกให้เปิด
ประเมินสถานการณ์ จะแหกด่านแบบในหนังเป็นไปไม่ได้ พวกตำรวจเอาตายแน่
“มีอะไรครับ” ผมเปิดกระจกรถ ทำเป็นปกติให้มากที่สุด อย่างน้อยหน้ากากคงช่วยได้ระดับหนึ่ง
“ขอวัดระดับความหล่อหน่อยครับ” นายตำรวจคนหนึ่งชูอุปกรณ์ในมือให้ดู เครื่องมือวัดความหล่อนั่นเอง
“ผมไม่หล่อหรอกครับ” พยายามทำใจดีสู้ตำรวจ
“มันก็ไม่แน่ กรุณาถอดผ้าอนามัย เอ้ย...หน้ากากอนามัยด้วยครับ”
งานเข้าแล้วสิ...
เรื่องยุ่งยากมากความเริ่นต้นหลายปีมาแล้ว
หลังจากที่ระบบสุริยะเคลื่อนที่ผ่านเข้าไปในกลุ่มเมฆอวกาศประหลาดที่เต็มไปด้วยพลังงานลึกลับ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของมนุษยชาติ คนหล่อกลายเป็นตัวอันตราย เพราะร่างกายของเขาแผ่รังสีแห่งความหล่อมรณะออกมา ทำลายระบบประสาทและระบบอื่น ๆ ของร่างกาย ตามระดับความรุนแรงความหล่อ ห้างร้านสถานที่ราชการเริ่มมีป้าย “คนหล่อห้ามเข้า” พิธีกรทีวีหน้าตาหล่อถูกปลดออก เพราะเป็นสาเหตุให้ผู้ชมทางบ้านเสียชีวิตหน้าทีวีมากมาย รัฐบาลทุกประเทศเริ่มประกาศภาวะฉุกเฉิน นำไปสู่การทำลายคนที่หล่อเกินพิกัดให้หมดสิ้น ไม่ให้สืบเชื้อสายคนหล่อไปยังอนาคต
คนหล่อที่เหลือรอดการไล่ล่าต้องหลบหนีออกนอกเมือง ใช้ชีวิตเร่ร่อนหนีการไล่ล่าจากคนไม่หล่ออย่างน่าสงสาร ผิดด้วยหรือที่เกิดมาหล่อ พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด
ผมเองก็ถือว่าหล่อเกินพิกัด ต้องอยู่อย่างหลบซ่อนเช่นกัน เพียงแต่วันนี้โชคร้าย หลังจากเข้าไปหาอาหารในเมืองเวลากลางคืน เช้าก็มาเจอด่านตำรวจแบบไม่มีทางหลบเลี่ยง
“ว่าไง...” นายตำรวจเริ่มทำเสียงเข้ม มือโบกเครื่องวัดระดับความหล่อไปมา ส่วนอีกนายหนึ่ง ถือถุงดำอย่างเตรียมพร้อม ไม่รู้ว่าจะใช้ทำอะไร แต่เล่นเอาผมใจหายวูบ เมื่อนึกถึงพวกตำรวจนอกรีต หากินกับคนหล่อ
“ครับ...” ผมพยักหน้าอย่างจนตรอก เปิดหน้ากากออกให้พวกตำรวจวัด กัดฟันทำหน้าขี้เหร่สุดชีวิต ปากบิดปาดเบี้ยว ตาเหล่ องคาพยพบนใบหน้าผิดธรรมชาติเหยเกเพื่อกลบเกลื่อนความหล่อของตัวเอง
เสียงแหลมสูงดังถี่กระชั้นอย่างน่าตกใจ นั่นเป็นการแสดงผลระดับความหล่อเกินระดับกฏหมายควบคุม
“นั่นไง ว่าแล้ว” เสียงตำรวจดังก้องในความรู้สึก “คุณมันคนหล่อเกินระดับจริง ๆ ไม่ต้องพยายามปฏิเสธความหล่อหรอก คุณมีสิทธิที่หล่อ ความหล่อของคุณอาจถูกใช้ในการพิจารณาคดีกับคุณในชั้นศาล คุณมีสิทธิที่จะมีทนายความ ถ้าคุณไม่สามารถจ้างทนายได้ ศาลจะแต่งตั้งทนายให้กับคุณ เมื่อคุณได้ทราบถึงสิทธินี้แล้วคุณพร้อมที่จะตอบคำถามในข้อกล่าวหาว่าหล่อที่มีต่อคุณอีกหรือไม่?”
“ไม่โว้ย...” ผมตะโกนสุดเสียง เปิดประตูรถอย่างแรง กระแทกเจ้าหน้าที่คนนั้นล้มกลิ้งลงไป เพราะไม่ทันระวังคนหล่อ
ส่วนอีกคนชะงักอย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน แต่ก็เพียงวูบเดียว เขายกถุงดำขึ้นสูงทำท่าจะคลุมลงมา แต่ผมรีบหันไปมองหน้าเขาอย่างรวดเร็ว ทำ ‘หน้าหล่อ’ ใส่อย่างสุดชีวิต
“โอย...” นายตำรวจคนนั้น ไม่ทันระวังความหล่อ เขาผงะหงายหลังล้มลงไปบนพื้น ผมได้โอกาส ปิดประตูรถก่อนขับรถพุ่งปราดออกทันที เสียงล้อหมุนบดพื้นดังสะท้านความรู้สึกสะเทือนเข้าไปในความหล่อ จากกระจกมองหลัง พวกตำรวจหลายนายกำลังพยายามวิ่งตามมาแต่ก็ชะงัก คงเพราะเพิ่งนึกได้ว่า วิ่งตามไม่ทันแน่นอน
อย่างที่ผมบอกละครับ ความหล่อสามารถสร้างพลังหล่อ เป็นอาวุธชนิดหนึ่ง ขอเพียงใช้ให้เป็น ใช้ให้ถูกจังหวะ ควบคุมความหล่อให้ได้ระดับหนึ่ง ก็พอเอาตัวรอดได้ คนหล่อทั้งหลายจึงต้องฝึกทำหล่อทุกวัน วันละสี่ครั้งเป็นอย่างน้อย ไม่ว่าจะทานข้าวก็ต้องทำหน้าหล่อ กิจวัตรประจำวันใด ๆ ก็ต้องหล่อไว้ก่อน แม้ยามนอนหลับก็ต้องมีท่วงท่าหล่อ
ผมเลี้ยวรถเข้าถนนเล็กสองเลนข้างทาง เพราะคิดว่าปลอดภัย เวลานี้พวกตำรวจคงโทรทัศน์ติดต่อกันไปทั่วแล้วว่าเจอคนหล่อในเขตพื้นที่ ทุกหน่วยต้องออกค้นหา เพราะมีรางวัลค่าหล่อนำจับ เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง สองข้างทางเป็นทุ่งข้าวโพด คิดว่าพวกตำรวจคงไม่ตามมาแล้ว ผมจอดรถ ลงมายืนรับลมธรรมชาติ พยายามคิดว่าตัวเองอยู่พิกัดใดของแผนที่ จะกลับหลังคงไม่ได้ เดินหน้าก็ไม่รู้ว่าถนนสายเปลี่ยวจะพาไปไหน
ขณะกำลังยืนหมุนไปมาอยู่ริมถนน มีเสียงหัวเราะอย่างชวนขนลุก ทำเอาสะดุ้งสุดตัวหันขวับไปมอง
บนหลังคารถ ชายสวมหน้ากากและชุดคลุมร่างด้วยวัสดุป้องกันรังสีความหล่อสีเทากำลังลุกขึ้นยืนอย่างแช่มช้า เขาคงกระโดดเกาะหลังคารถมาโดยที่ผมไม่รู้ตัว
นักล่าคนหล่อ...ผมครางในใจที่เริ่มเต้นระรัว
นอกจากตำรวจแล้ว ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นนักล่าคนหล่อ ไม่ว่าจะจับเป็นหรือจับตาย แต่ถ้าจับเป็นได้ ราคาจะเพิ่มสองเท่า
ทางการอยากได้ตัวคนหล่อ เพื่อนำไปวิเคราะห์หาข้อมูลในการต่อต้านพลังหล่อ ที่เชื่อกันว่าเป็นพลังงานมืดชนิดหนึ่ง เพิ่อสร้างวัคซินป้องการความหล่อนั่นเอง
“เอ้อ คุณเป็นใคร อะเห้ย...” ผมส่งเสียงถามด้วยเสียงหล่อ หวังว่าจะข่มขู่นักล่าได้บ้าง แต่ปราศจากผล ท่าทางของเขาไม่ได้สะทกสะท้านเสียงหล่อเลยแม้แต่น้อย
“ไม่มีประโยชน์หรอกครับ” เขาเอ่ยอย่างสุภาพชน กระโดดลงมาจากหลังคารถ “กรุณายอมให้ผมจับตัวไปส่งตำรวจโดยดี คุณมีค่าหัวตั้งสองล้านเหรียญเชียวนะครับ แต่ถ้าขัดขืนผมจำเป็นต้องจับตาย ยอมรับค่าหัวครึ่งหนึ่งครับ”
โอ... ค่าความหล่อของผมมีราคาสูงขนาดนี้เชียว นึกแล้วอยากจับตัวเองส่งตำรวจเอาเงินค่าหัวเองเสียนี่กระไร เสียดายว่าเป็นไปไม่ได้ ความหล่อของผมมีราคากับคนอื่นเท่านั้น มองดูแล้วนักล่าไม่ได้ถืออาวุธติดมือมาด้วย ทำให้ใจชื้นขึ้นมาหน่อยหนึ่งว่า เขาคงไม่ตั้งใจจับตาย ต้องหาทางหนีให้ได้ คนหล่อไม่มีปัญญาไปต่อกรกับนักล่ามืออาชีพแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม ต้องดิ้นรนเอาหล่อรอดจนวินาทีสุดท้าย
“คุณชื่ออะไรครับ” ผมถามเป็นการถ่วงเวลา สมองพยายามคิดหาทางหนี
“ผมนักล่าหน้าบูด” เขาบอกฉายาออกมา
โอซาตาน...นักล่าหน้าบูด... ผมได้แต่คร่ำครวญโหยหวนในความรู้สึก นี่มันนักล่าแถวหน้าของวงการชัด ๆ
ว่ากันว่านักล่าหน้าบูด เป็นนักล่าที่ไม่เคยยิ้มหรือหัวเราะเลยสักครั้งในชีวิต ใบหน้าจะบูดบึ้งขึ้งเครียดตลอดเวลา ไม่สนใจอย่างอื่นนอกจาก เงิน เงิน และเงิน ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวกับเงินที่มีมากมาย ยังดีว่าเขาพูดจาสุภาพ เสียงไม่ได้บูดไปด้วย แสดงว่ายังไม่บรรลุแก่นแท้ของพลังบูด เพราะถ้าฝึกขึ้นสูงสุด จะต้องทำเสียงบูดเน่าได้ ซึ่งผมก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าเสียงบูดเน่ามีคลื่นเสียงเป็นอย่างไร
“เอ้อ แล้วคุณมีไอดีไลน์ไหมครับ” ผมถามอีก
“มีครับ จะจดหรือจะจำครับ”
“ทั้งจำทั้งจดก็ดีนะครับ”
“ผมไม่มีปากกากับกระดาษ” เขาทำท่าล้วงกระเป๋าเสื้อกระเป๋ากางเกงประกอบคำพูด ยืนยันความไม่มีของตัวเอง
“ไปหามาสิครับ” ผมแนะนำอย่างหวังดี
“แล้วคุณไม่มีเหรอครับ” เขาย้อนถาม ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“ไม่มีหรอกครับ”
“คนหล่อภาษาอะไรกัน สมุดกับปากกาก็ไม่มี ทำไมไม่รีบไปหามาล่ะครับ อยากได้ไอดีไลน์คนอื่นก็ต้องไปหามาเอง คนหล่อภาษาอะไร โง่ชะมัด หล่อแล้วยังไม่พอ ยังโง่อีก”
ฟังแล้วต้องขบกรามกรอดแบบหล่อ ๆ แต่ต้องสะกดความโกรธเอาไว้ภายใน รีบพยักหน้าบอกว่า “ได้ครับ กรุณารอสักครู่ เดี๋ยวผมจะไปหาสมุดกับกระดาษมา อย่าเพิ่งไปไหนนะ รออยู่นี่ก่อนครับ”
พูดจบก็รีบหันหลังก้าวเดินเข้าไปในป่าข้าวโพดทันที ช่วงแรกก็เดินเอ้อระเหยหล่อปกติ แต่พอกะว่าลับสายตา ก็ใส่เกียร์สุนัขทันที วิ่งไปตามแนวแถวของต้นข้าวโพดอย่างไม่สนใจว่า ใบของมันจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองร่างกายและความหล่อขนาดไหน
หนี...จะต้องหนีให้พ้น
หลังจากนั้นไม่กี่นาที มีเสียงซู่ของการแหวกผ่านดงข้าวโพดตามหลังมา นักล่าหน้าบูดคงรู้ตัวแล้วว่าถูกหลอก จึงเริ่มไล่ล่า ความหล่อมักจะมีรังสีหรือรัศมีที่มองไม่เห็นเปล่งประกายออกมาตามระดับความหล่อ ทิ้งร่องรอยไว้ตามรายทางอย่างน่าเจ็บใจ นั่นเองทำให้ไม่ว่าจะหลบเลี้ยวไปทิศทางใด เสียงแห่งการไล่ตามยังคงเบนเข็มชี้ตรงมาได้เสมอ ไม่น่าเกิดมาหล่อเลยเรา...ผมครางในใจตัดพ้อต่อโชคชะตา ความหล่อยุคนี้นอกจากจะรับประทานไม่ได้ ยังเป็นอันตรายตัวตัวเองอีก
วิ่งได้พักหนึ่งก็ต้องใจหายวาบ เมื่อพบว่าตัวเองหลุดออกจากดงข้าวโพด เบื้องหน้าเป็นท้องทุ่งนาแห้งแล้ง คันนายาวเหยียดสุดลูกหูลูกตา ห่างออกไปไม่ไกลนัก ควาย...ตำนานแห่งสัตว์โลกบรรพกาลตัวหนึ่งกำลังยืนเล็มหญ้าอยู่อย่างไม่สนใจความเป็นไปของจักรวาล ผมเกิดความคิดเอาตัวรอดทันที ควายตัวนี้ไร้ซึ่งความหล่อ มันอาจช่วยเหลือได้ ถ้าโชคเข้าข้าง
ไม่...ผมไม่ได้คิดจะเข้าไปซ่อนในตัวควาย มีสิ่งทำได้ดีกว่านั่น
ผมรวบรวมพลังหล่อขึ้นมาสุดชีวิตแล้วส่งพลังหล่อนั้นไปยังใบหน้าควายทันที นี่เป็นความสามารถของคนหล่อ ที่สร้างพลังวิเศษได้ และยักย้ายถ่ายเทนำไปบรรจุไว้กับสิ่งมีชีวิตอื่น ถึงแม้ว่าจะมีผลในระยะเวลาไม่นาน แต่ถ้าใช้ให้ดีก็เกิดปะโยชน์ได้
เจ้าความทุยไม่รู้ตัวหรอกว่าโดนประจุพลังหล่อไว้เต็มที่ คงคงก้มหน้าก้มปากเล็มหญ้าต่อไปอย่างมีสมาธิมั่นคง ส่วนผมหลบวูบไปหมอบหลบหลังคันนาใกล้ ๆ รอเวลาด้วยใจเต้นระทึก
นักล่าหน้าบูดโผล่ออกมาจากไร่ข้าวโพด สายตาเป็นประกายวาววับด้วยความคั่งแค้น ท่วงท่าพร้อมจะระเบิดพลังออกมาได้ทุกเมื่อ กวาดสายตามองไปมาราวกับสแกนหาเป้าหมาย พอเห็นเจ้าทุยเขาเดินตรงเข้ามาทันที
อีกสี่ห้าวาจะถึงควาย เจ้าทุยเงยหน้าขึ้นมามองเป็นจังหวะเดียวกับนักล่าหน้าบูดหันสบตา
“ควายหล่อ...ไม่จริง!” เขาอุทานเสียงดังอย่างตื่นตระหนก หยุดชะงักแล้วเซถอยหลังตึง ๆ ไปสองสามก้าว ตัวสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม
ใครบ้างจะไปคิดว่าควายหล่อได้
พอไม่คาดคิดย่อมไม่ทันระวังตัว เพราะทุ่มเทความระแวดระวังไปอย่างอื่น พลังหล่อที่ประจุไว้ที่ควายเริ่มทำงาน ทำให้ผู้คนที่สบตาควาย มองเห็นความหล่อของควายอย่างไม่คาดฝัน
นั่นเป็นโอกาสแห่งการรอคอย ผมรีบกระโดดปราดขึ้นอย่างรวดเร็ว ผนึกพลังทำหน้าหล่อสุดชีวิต วิ่งเข้าหานักล่าหน้าบูดทันที
เป็นอีกครั้งที่นักล่าหน้าบูดไม่ทันตั้งตัว เขาหันมามองหน้าของผมอย่างจัง
“โอย....” นักล่ามือชีพแผดร้องโหยหวนกังวานทั่วท้องทุ่ง เมื่อพลังแห่งความหล่อพุ่งปะทะเต็มสายตาเต็มความรู้สึก เขาหมุนตัวสองรอบอย่างไร้ควบคุม หน้ากากเริ่มมีสีแดงของโลหิตเป็นด่างดวง ไม่มีคำว่าปรานี ต้องไม่ปล่อยให้ศัตรูตั้งตัว ผมพลิกตัวทำหน้าหล่อจู่โจมทั้งซ้ายขวา
ซ้ายหล่อ ขวาหล่อ
อ๊าก โอ๊ย....!
หล่อไม่ต้องยั้ง! ฤดูร้อนนั้น ฉันหล่อ!
โอ๊ก โอย...!
หล่อประหาร! คนเห็นหล่อ!
โอ๊ว อ๊า !
.
หล่อล้างโลก
ไม่ต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน เก็บวิจารณญาณไว้ให้ลึกที่สุด
นิยายเรื่องนี้ ถึงจะเหมือน/สอดคล้องเรื่องจริง/ สมจริง เพียงไร แต่----ขอรับรองว่าไม่ใช่เรื่องจริง กรุณาอย่าเชื่อเด็ดขาด
------------------------
แม้ว่าผมจะใช้เส้นทางนอกเมือง ไม่ใช่ถนนหลัก แต่ก็มองเห็นด่านตรวจด้านหน้าจนได้ พวกตำรวจตั้งด่านตรวจได้มุมอับ ทำให้กลับลำไม่ทัน เพิ่งเลี้ยวโค้งออกไปก็เจอพอดี ให้ตายสิโรบินสันบิ๊กซี ไม่มีทางหลบ ผมชะลอความเร็วรถยนต์คู่ใจจอดชิดขอบถนน คว้าหน้ากากอนามัยมาสวมอย่างรวดเร็ว ตำรวจสองนายเดินถือเครื่องมือตรงมาเคาะกระจกรถเป็นเชิงบอกให้เปิด
ประเมินสถานการณ์ จะแหกด่านแบบในหนังเป็นไปไม่ได้ พวกตำรวจเอาตายแน่
“มีอะไรครับ” ผมเปิดกระจกรถ ทำเป็นปกติให้มากที่สุด อย่างน้อยหน้ากากคงช่วยได้ระดับหนึ่ง
“ขอวัดระดับความหล่อหน่อยครับ” นายตำรวจคนหนึ่งชูอุปกรณ์ในมือให้ดู เครื่องมือวัดความหล่อนั่นเอง
“ผมไม่หล่อหรอกครับ” พยายามทำใจดีสู้ตำรวจ
“มันก็ไม่แน่ กรุณาถอดผ้าอนามัย เอ้ย...หน้ากากอนามัยด้วยครับ”
งานเข้าแล้วสิ...
เรื่องยุ่งยากมากความเริ่นต้นหลายปีมาแล้ว
หลังจากที่ระบบสุริยะเคลื่อนที่ผ่านเข้าไปในกลุ่มเมฆอวกาศประหลาดที่เต็มไปด้วยพลังงานลึกลับ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของมนุษยชาติ คนหล่อกลายเป็นตัวอันตราย เพราะร่างกายของเขาแผ่รังสีแห่งความหล่อมรณะออกมา ทำลายระบบประสาทและระบบอื่น ๆ ของร่างกาย ตามระดับความรุนแรงความหล่อ ห้างร้านสถานที่ราชการเริ่มมีป้าย “คนหล่อห้ามเข้า” พิธีกรทีวีหน้าตาหล่อถูกปลดออก เพราะเป็นสาเหตุให้ผู้ชมทางบ้านเสียชีวิตหน้าทีวีมากมาย รัฐบาลทุกประเทศเริ่มประกาศภาวะฉุกเฉิน นำไปสู่การทำลายคนที่หล่อเกินพิกัดให้หมดสิ้น ไม่ให้สืบเชื้อสายคนหล่อไปยังอนาคต
คนหล่อที่เหลือรอดการไล่ล่าต้องหลบหนีออกนอกเมือง ใช้ชีวิตเร่ร่อนหนีการไล่ล่าจากคนไม่หล่ออย่างน่าสงสาร ผิดด้วยหรือที่เกิดมาหล่อ พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด
ผมเองก็ถือว่าหล่อเกินพิกัด ต้องอยู่อย่างหลบซ่อนเช่นกัน เพียงแต่วันนี้โชคร้าย หลังจากเข้าไปหาอาหารในเมืองเวลากลางคืน เช้าก็มาเจอด่านตำรวจแบบไม่มีทางหลบเลี่ยง
“ว่าไง...” นายตำรวจเริ่มทำเสียงเข้ม มือโบกเครื่องวัดระดับความหล่อไปมา ส่วนอีกนายหนึ่ง ถือถุงดำอย่างเตรียมพร้อม ไม่รู้ว่าจะใช้ทำอะไร แต่เล่นเอาผมใจหายวูบ เมื่อนึกถึงพวกตำรวจนอกรีต หากินกับคนหล่อ
“ครับ...” ผมพยักหน้าอย่างจนตรอก เปิดหน้ากากออกให้พวกตำรวจวัด กัดฟันทำหน้าขี้เหร่สุดชีวิต ปากบิดปาดเบี้ยว ตาเหล่ องคาพยพบนใบหน้าผิดธรรมชาติเหยเกเพื่อกลบเกลื่อนความหล่อของตัวเอง
เสียงแหลมสูงดังถี่กระชั้นอย่างน่าตกใจ นั่นเป็นการแสดงผลระดับความหล่อเกินระดับกฏหมายควบคุม
“นั่นไง ว่าแล้ว” เสียงตำรวจดังก้องในความรู้สึก “คุณมันคนหล่อเกินระดับจริง ๆ ไม่ต้องพยายามปฏิเสธความหล่อหรอก คุณมีสิทธิที่หล่อ ความหล่อของคุณอาจถูกใช้ในการพิจารณาคดีกับคุณในชั้นศาล คุณมีสิทธิที่จะมีทนายความ ถ้าคุณไม่สามารถจ้างทนายได้ ศาลจะแต่งตั้งทนายให้กับคุณ เมื่อคุณได้ทราบถึงสิทธินี้แล้วคุณพร้อมที่จะตอบคำถามในข้อกล่าวหาว่าหล่อที่มีต่อคุณอีกหรือไม่?”
“ไม่โว้ย...” ผมตะโกนสุดเสียง เปิดประตูรถอย่างแรง กระแทกเจ้าหน้าที่คนนั้นล้มกลิ้งลงไป เพราะไม่ทันระวังคนหล่อ
ส่วนอีกคนชะงักอย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน แต่ก็เพียงวูบเดียว เขายกถุงดำขึ้นสูงทำท่าจะคลุมลงมา แต่ผมรีบหันไปมองหน้าเขาอย่างรวดเร็ว ทำ ‘หน้าหล่อ’ ใส่อย่างสุดชีวิต
“โอย...” นายตำรวจคนนั้น ไม่ทันระวังความหล่อ เขาผงะหงายหลังล้มลงไปบนพื้น ผมได้โอกาส ปิดประตูรถก่อนขับรถพุ่งปราดออกทันที เสียงล้อหมุนบดพื้นดังสะท้านความรู้สึกสะเทือนเข้าไปในความหล่อ จากกระจกมองหลัง พวกตำรวจหลายนายกำลังพยายามวิ่งตามมาแต่ก็ชะงัก คงเพราะเพิ่งนึกได้ว่า วิ่งตามไม่ทันแน่นอน
อย่างที่ผมบอกละครับ ความหล่อสามารถสร้างพลังหล่อ เป็นอาวุธชนิดหนึ่ง ขอเพียงใช้ให้เป็น ใช้ให้ถูกจังหวะ ควบคุมความหล่อให้ได้ระดับหนึ่ง ก็พอเอาตัวรอดได้ คนหล่อทั้งหลายจึงต้องฝึกทำหล่อทุกวัน วันละสี่ครั้งเป็นอย่างน้อย ไม่ว่าจะทานข้าวก็ต้องทำหน้าหล่อ กิจวัตรประจำวันใด ๆ ก็ต้องหล่อไว้ก่อน แม้ยามนอนหลับก็ต้องมีท่วงท่าหล่อ
ผมเลี้ยวรถเข้าถนนเล็กสองเลนข้างทาง เพราะคิดว่าปลอดภัย เวลานี้พวกตำรวจคงโทรทัศน์ติดต่อกันไปทั่วแล้วว่าเจอคนหล่อในเขตพื้นที่ ทุกหน่วยต้องออกค้นหา เพราะมีรางวัลค่าหล่อนำจับ เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง สองข้างทางเป็นทุ่งข้าวโพด คิดว่าพวกตำรวจคงไม่ตามมาแล้ว ผมจอดรถ ลงมายืนรับลมธรรมชาติ พยายามคิดว่าตัวเองอยู่พิกัดใดของแผนที่ จะกลับหลังคงไม่ได้ เดินหน้าก็ไม่รู้ว่าถนนสายเปลี่ยวจะพาไปไหน
ขณะกำลังยืนหมุนไปมาอยู่ริมถนน มีเสียงหัวเราะอย่างชวนขนลุก ทำเอาสะดุ้งสุดตัวหันขวับไปมอง
บนหลังคารถ ชายสวมหน้ากากและชุดคลุมร่างด้วยวัสดุป้องกันรังสีความหล่อสีเทากำลังลุกขึ้นยืนอย่างแช่มช้า เขาคงกระโดดเกาะหลังคารถมาโดยที่ผมไม่รู้ตัว
นักล่าคนหล่อ...ผมครางในใจที่เริ่มเต้นระรัว
นอกจากตำรวจแล้ว ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นนักล่าคนหล่อ ไม่ว่าจะจับเป็นหรือจับตาย แต่ถ้าจับเป็นได้ ราคาจะเพิ่มสองเท่า
ทางการอยากได้ตัวคนหล่อ เพื่อนำไปวิเคราะห์หาข้อมูลในการต่อต้านพลังหล่อ ที่เชื่อกันว่าเป็นพลังงานมืดชนิดหนึ่ง เพิ่อสร้างวัคซินป้องการความหล่อนั่นเอง
“เอ้อ คุณเป็นใคร อะเห้ย...” ผมส่งเสียงถามด้วยเสียงหล่อ หวังว่าจะข่มขู่นักล่าได้บ้าง แต่ปราศจากผล ท่าทางของเขาไม่ได้สะทกสะท้านเสียงหล่อเลยแม้แต่น้อย
“ไม่มีประโยชน์หรอกครับ” เขาเอ่ยอย่างสุภาพชน กระโดดลงมาจากหลังคารถ “กรุณายอมให้ผมจับตัวไปส่งตำรวจโดยดี คุณมีค่าหัวตั้งสองล้านเหรียญเชียวนะครับ แต่ถ้าขัดขืนผมจำเป็นต้องจับตาย ยอมรับค่าหัวครึ่งหนึ่งครับ”
โอ... ค่าความหล่อของผมมีราคาสูงขนาดนี้เชียว นึกแล้วอยากจับตัวเองส่งตำรวจเอาเงินค่าหัวเองเสียนี่กระไร เสียดายว่าเป็นไปไม่ได้ ความหล่อของผมมีราคากับคนอื่นเท่านั้น มองดูแล้วนักล่าไม่ได้ถืออาวุธติดมือมาด้วย ทำให้ใจชื้นขึ้นมาหน่อยหนึ่งว่า เขาคงไม่ตั้งใจจับตาย ต้องหาทางหนีให้ได้ คนหล่อไม่มีปัญญาไปต่อกรกับนักล่ามืออาชีพแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม ต้องดิ้นรนเอาหล่อรอดจนวินาทีสุดท้าย
“คุณชื่ออะไรครับ” ผมถามเป็นการถ่วงเวลา สมองพยายามคิดหาทางหนี
“ผมนักล่าหน้าบูด” เขาบอกฉายาออกมา
โอซาตาน...นักล่าหน้าบูด... ผมได้แต่คร่ำครวญโหยหวนในความรู้สึก นี่มันนักล่าแถวหน้าของวงการชัด ๆ
ว่ากันว่านักล่าหน้าบูด เป็นนักล่าที่ไม่เคยยิ้มหรือหัวเราะเลยสักครั้งในชีวิต ใบหน้าจะบูดบึ้งขึ้งเครียดตลอดเวลา ไม่สนใจอย่างอื่นนอกจาก เงิน เงิน และเงิน ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวกับเงินที่มีมากมาย ยังดีว่าเขาพูดจาสุภาพ เสียงไม่ได้บูดไปด้วย แสดงว่ายังไม่บรรลุแก่นแท้ของพลังบูด เพราะถ้าฝึกขึ้นสูงสุด จะต้องทำเสียงบูดเน่าได้ ซึ่งผมก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าเสียงบูดเน่ามีคลื่นเสียงเป็นอย่างไร
“เอ้อ แล้วคุณมีไอดีไลน์ไหมครับ” ผมถามอีก
“มีครับ จะจดหรือจะจำครับ”
“ทั้งจำทั้งจดก็ดีนะครับ”
“ผมไม่มีปากกากับกระดาษ” เขาทำท่าล้วงกระเป๋าเสื้อกระเป๋ากางเกงประกอบคำพูด ยืนยันความไม่มีของตัวเอง
“ไปหามาสิครับ” ผมแนะนำอย่างหวังดี
“แล้วคุณไม่มีเหรอครับ” เขาย้อนถาม ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“ไม่มีหรอกครับ”
“คนหล่อภาษาอะไรกัน สมุดกับปากกาก็ไม่มี ทำไมไม่รีบไปหามาล่ะครับ อยากได้ไอดีไลน์คนอื่นก็ต้องไปหามาเอง คนหล่อภาษาอะไร โง่ชะมัด หล่อแล้วยังไม่พอ ยังโง่อีก”
ฟังแล้วต้องขบกรามกรอดแบบหล่อ ๆ แต่ต้องสะกดความโกรธเอาไว้ภายใน รีบพยักหน้าบอกว่า “ได้ครับ กรุณารอสักครู่ เดี๋ยวผมจะไปหาสมุดกับกระดาษมา อย่าเพิ่งไปไหนนะ รออยู่นี่ก่อนครับ”
พูดจบก็รีบหันหลังก้าวเดินเข้าไปในป่าข้าวโพดทันที ช่วงแรกก็เดินเอ้อระเหยหล่อปกติ แต่พอกะว่าลับสายตา ก็ใส่เกียร์สุนัขทันที วิ่งไปตามแนวแถวของต้นข้าวโพดอย่างไม่สนใจว่า ใบของมันจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองร่างกายและความหล่อขนาดไหน
หนี...จะต้องหนีให้พ้น
หลังจากนั้นไม่กี่นาที มีเสียงซู่ของการแหวกผ่านดงข้าวโพดตามหลังมา นักล่าหน้าบูดคงรู้ตัวแล้วว่าถูกหลอก จึงเริ่มไล่ล่า ความหล่อมักจะมีรังสีหรือรัศมีที่มองไม่เห็นเปล่งประกายออกมาตามระดับความหล่อ ทิ้งร่องรอยไว้ตามรายทางอย่างน่าเจ็บใจ นั่นเองทำให้ไม่ว่าจะหลบเลี้ยวไปทิศทางใด เสียงแห่งการไล่ตามยังคงเบนเข็มชี้ตรงมาได้เสมอ ไม่น่าเกิดมาหล่อเลยเรา...ผมครางในใจตัดพ้อต่อโชคชะตา ความหล่อยุคนี้นอกจากจะรับประทานไม่ได้ ยังเป็นอันตรายตัวตัวเองอีก
วิ่งได้พักหนึ่งก็ต้องใจหายวาบ เมื่อพบว่าตัวเองหลุดออกจากดงข้าวโพด เบื้องหน้าเป็นท้องทุ่งนาแห้งแล้ง คันนายาวเหยียดสุดลูกหูลูกตา ห่างออกไปไม่ไกลนัก ควาย...ตำนานแห่งสัตว์โลกบรรพกาลตัวหนึ่งกำลังยืนเล็มหญ้าอยู่อย่างไม่สนใจความเป็นไปของจักรวาล ผมเกิดความคิดเอาตัวรอดทันที ควายตัวนี้ไร้ซึ่งความหล่อ มันอาจช่วยเหลือได้ ถ้าโชคเข้าข้าง
ไม่...ผมไม่ได้คิดจะเข้าไปซ่อนในตัวควาย มีสิ่งทำได้ดีกว่านั่น
ผมรวบรวมพลังหล่อขึ้นมาสุดชีวิตแล้วส่งพลังหล่อนั้นไปยังใบหน้าควายทันที นี่เป็นความสามารถของคนหล่อ ที่สร้างพลังวิเศษได้ และยักย้ายถ่ายเทนำไปบรรจุไว้กับสิ่งมีชีวิตอื่น ถึงแม้ว่าจะมีผลในระยะเวลาไม่นาน แต่ถ้าใช้ให้ดีก็เกิดปะโยชน์ได้
เจ้าความทุยไม่รู้ตัวหรอกว่าโดนประจุพลังหล่อไว้เต็มที่ คงคงก้มหน้าก้มปากเล็มหญ้าต่อไปอย่างมีสมาธิมั่นคง ส่วนผมหลบวูบไปหมอบหลบหลังคันนาใกล้ ๆ รอเวลาด้วยใจเต้นระทึก
นักล่าหน้าบูดโผล่ออกมาจากไร่ข้าวโพด สายตาเป็นประกายวาววับด้วยความคั่งแค้น ท่วงท่าพร้อมจะระเบิดพลังออกมาได้ทุกเมื่อ กวาดสายตามองไปมาราวกับสแกนหาเป้าหมาย พอเห็นเจ้าทุยเขาเดินตรงเข้ามาทันที
อีกสี่ห้าวาจะถึงควาย เจ้าทุยเงยหน้าขึ้นมามองเป็นจังหวะเดียวกับนักล่าหน้าบูดหันสบตา
“ควายหล่อ...ไม่จริง!” เขาอุทานเสียงดังอย่างตื่นตระหนก หยุดชะงักแล้วเซถอยหลังตึง ๆ ไปสองสามก้าว ตัวสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม
ใครบ้างจะไปคิดว่าควายหล่อได้
พอไม่คาดคิดย่อมไม่ทันระวังตัว เพราะทุ่มเทความระแวดระวังไปอย่างอื่น พลังหล่อที่ประจุไว้ที่ควายเริ่มทำงาน ทำให้ผู้คนที่สบตาควาย มองเห็นความหล่อของควายอย่างไม่คาดฝัน
นั่นเป็นโอกาสแห่งการรอคอย ผมรีบกระโดดปราดขึ้นอย่างรวดเร็ว ผนึกพลังทำหน้าหล่อสุดชีวิต วิ่งเข้าหานักล่าหน้าบูดทันที
เป็นอีกครั้งที่นักล่าหน้าบูดไม่ทันตั้งตัว เขาหันมามองหน้าของผมอย่างจัง
“โอย....” นักล่ามือชีพแผดร้องโหยหวนกังวานทั่วท้องทุ่ง เมื่อพลังแห่งความหล่อพุ่งปะทะเต็มสายตาเต็มความรู้สึก เขาหมุนตัวสองรอบอย่างไร้ควบคุม หน้ากากเริ่มมีสีแดงของโลหิตเป็นด่างดวง ไม่มีคำว่าปรานี ต้องไม่ปล่อยให้ศัตรูตั้งตัว ผมพลิกตัวทำหน้าหล่อจู่โจมทั้งซ้ายขวา
ซ้ายหล่อ ขวาหล่อ
อ๊าก โอ๊ย....!
หล่อไม่ต้องยั้ง! ฤดูร้อนนั้น ฉันหล่อ!
โอ๊ก โอย...!
หล่อประหาร! คนเห็นหล่อ!
โอ๊ว อ๊า !
.