สวัสดีครับ เพื่อนๆ ผมในนามของทีม Pantip Garage หลังจากที่ ในชีวิตการทำสื่อวงการรถ ก็ได้มีโอกาสทำรีวิว และทดสอบรถมานับร้อยๆรุ่น
ในวันนี้ จะขอมารีวิวรถยนต์คันแรกของตัวเอง ที่ใช้มากว่า 10 ปีกันบ้าง ซึ่งต้องบอกว่า ตอนนี้ รถไม่อยู่กับผมแล้ว เพราะ ได้ส่งต่อให้เจ้าของใหม่เป็นที่เรียบร้อย
กับ Mitsubishi Lancer EX 1.8 ตัวไมเนอร์เชนจ์ กระจกพับไฟฟ้า
ซึ่งต้องบอกว่าที่ผมซื้อคันนี้ นั้น เป็นเพราะว่าผมชอบ Evolution มาตั้งแต่สมัยเรียน ม.ปลาย จาก 2Fast 2Furious
กับ EVO VII เหลือง
ซึ่งย้อนไปตอนนั้นสิบกว่าปีมาแล้วที่ผมจะซื้อรถ ผมเล็ง มือสอง Cedia แต่ง EVO VIII - IX แบบ ทำโป่งเอาไว้ แต่ไม่เน้นวางเครื่อง เพราะตอนนั้นคิดว่าขับหล่อๆ พอไม่เน้นแรง จนสุดท้ายที่บ้านบอกว่าให้ออกป้ายแดงใหม่ไปเลย ดีกว่าแล้วแต่งเอา
(ภาพ 2 ล้อคัน กับเก๋งคันแรก ตอนเดิมๆ)
ผมเลยเลือกซื้อ 1.8 GLX รุ่นถูกสุด เพราะตอนนั้นคิดว่าจะเก็บตังมาแต่ง และต้องสีแดงเท่านั้น เพราะเฉดของตัวไมเนอร์เชนจ์ จะใกล้เคียงแดง EVO X มากๆ แล้ว ตอนนั้น เซลล์เสนอ EX 2.0 ตัวก่อนไมเนอร์เชนจ์ กับส่วนลดประมาณแสน แต่เป็นสีเงิน ซึ่งผมไม่ต้องการสีเงิน และไม่มีกระจกพับไฟฟ้าอีก
จึงเลือกซื้อเป็นตัวถูกสุดมา GLX ตอนนั้น ราคาป้ายแดง ถ้าจำไม่ผิด 7.85 หรือ 7.99 แสน ประมาณนี้ และก็ต่อเซลล์ ให้เอาเบาะไปหุ้มหนังดำ เดินด้ายแดงให้ ซึ่งผมคิดถูกมากๆ เพราะภายใน GLX ดูไม่สวยเลย เป็นสีเบจ เบาะผ้า แต่พอทำเบาะดำ ค่อย ok ขึ้น
และจุดแรกที่ผมไปทำเลยทันที ก็คือ การเปลี่ยนแม็ก มาใส่ ขอบ 17" ลาย RZ สี Gun Metal ซึ่งผมเป็นคนชอบสีแดง และตัดดำมากๆ
หลายคนบอกให้ใส่ขอบ 18" ไปเลย แต่ผมมองว่าเครื่อง 1.8 NA มันไม่ได้แรง สวม 17" ก็พอ จะได้ไม่อืด และกินน้ำมันมากไป และผมไม่กะโหลด อยู่แล้ว
เลยเลือกยางไซศ์ 215/50 R17
หลังจากนั้นก็ไปทำพาร์ท EVO X เลย โดยเลือกเป็น ไฟเบอร์ จากร้าน YATT แถวพระราม 5 ซึ่งประกอบด้วย 5 ชิ้น
คือ กันชนหน้า-ท้าย-หางหลัง-กาบข้าง แต่เนื่องจาก GLX ไม่มีไฟตัดหมอก ผมจึงต้องไปหาไฟตัดหมอกมาอีก ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นเบิกมือสอง
และเอาไปให้ YATT จัดการทีเดียว
ในวันที่ผมรับรถออกมา เนื่องจากท่อเดิมเป็นออกด้านเดียวขวา แต่ ชุดพาร์ท EVO X ต้องเป็นท่อคู่ ทางร้านจึง มัดปลายท่อให้ และแจ้งว่าให้รีบไปทำร้านท่อต่อทันที ซึ่งผมก็กะขับเดิมๆ ไม่ทำอะไรอยู่แล้ว จึงใช้พักปลายเดิม และทำให้ปลายเดินออกมา 2 ช่อง พอดีกับช่องสเกิร์ตท้าย ซึ่งทางร้านแนะนำให้ทำหลอก 1 ด้าน เพราะ ถ้าทำท่อออกจริง 2 ฝั่ง จะโล่งไปกับเครื่องเดิมๆ
(เมื่อก่อนผอมมาก เคยถ่ายออกรายการกับกลุ่ม EX Clusive Club)
ต่อมายังรู้สึกไม่สุด ต้องไปหาฝากระโปรงหน้าต่อ ซึ่งก็หาข้อมูล เอาถูกไฟเบอร์ แต่ ความร้อนอาจทำให้โก่งไม่ทน ก็มองเป็นเหล็ก หรือ อลู (แท้) เนื่องจากดูงานแล้วฝาแท้ อลู เบา และสวยสุด จึงกัดฟันไป แท้เลย
พอออกมาก็หล่อแบบเกือบจบแล้ว แต่รู้สึกยังขาดไปอีกหน่อยสำหรับภายนอกนั่นก็คือไฟหน้า โปรเจ็คเตอร์ ซึ่งไฟหน้า EVO X จะเป็นไฟโคมเดียวกับ ตัว 2.0 สุดท้ายจึงต้องไปเบิกมาใส่อีก ภายนอกสำหรับผม เรียกว่าหล่อจบแล้ว (แต่หลายคนบอกว่าควรใส่ 18" จะได้เต็มซุ้มกว่านี้ แต่ผมคิดว่า 17" ก็พอสำหรับการใช้งานผมแล้ว)
หลังจากนั้น ประมาณ ปีนึงผมได้เปลี่ยนมาใส่หางหลังคาร์บอนทรง GT เนื่องจากตอนนั้น ได้เอารถเข้าไปร่วมถ่ายละคร เรื่อง แข่งรักนักซิ่ง ของช่อง 7 ด้วย
ทางกอง บอกว่าเลือกรถผมไปถ่าย แต่ต้องมีข้อตกลงให้เปลี่ยนหางหลังเป็นตัว GT เพื่อรถจะได้ดูซิ่งขึ้น
ได้ออกละครประมาณ 2-3 ตอน มั้งครับ จำไม่ได้นานมาก เนื่องจากผมหารูปไม่เจอแล้ว เลยเซิจกูเกิล เจอรถตัวเองในคลิป เลยขอแคปมาให้ดูสัก 1 ช็อต
และผมก็ใส่หางหลังตัวนี้ยาวมาเลย จนก่อนที่จะขายรถผมเก็บงานสีทั้งคัน และหางหลังสภาพไม่ไหวแล้ว เลยเอาหาง EVO X ตอนทำพาร์ทครั้งแรกกลับมาใส่
นอกนั้น ผมก็จะไปเก็บรายละเอียดอื่นๆ อย่างภายใน
จอ 2 DIN ธรรมดา ไม่สวยเลย ผมเลยไปหาซื้อต่อจอของตัว 2.0 รุ่นท็อปไมเนอร์เชนจ์ จอ Mitsubishi G9 ขนาด 7" ซึ่งตอนนั้น ต้องไปอัพเฟิร์มแวร์ Navigation ของ Speed Navi อีก
ต่อมาลายไม้สีส้มตรงคอนโซล ผมก็ไป Wrap เคฟล่า ให้ดูสปอร์ตขึ้น
พร้อมติดตั้ง Paddle Shift ที่หลังพวงมาลัย เผื่อเอาไว้เล่นเกียร์ได้ ไม่ต้องโยก + - ตรงคันเกียร์
ที่จริง ผมซื้อต่อพวงมาลัย 1.8 GLS ของรุ่นพี่ในกลุ่ม EX Club ที่หันไปใส่พวง EVO X
แต่พอซื้อมาแล้ว กลับใช้งาน Multifunction ไม่ได้ เนื่องจาก ตัวไมเนอร์เชนจ์ GLX นั้น MMTH ได้ทำการถอดปลั๊กสวิทช์ใช้งาน Multifunction ออกไป (ถ้าเป็นก่อนไมเนอร์ จะมีปลั๊กเสียบใช้ได้) ทำให้ผมเลยต้องขอคืนรุ่นพี่ในกลุ่มไป
เนื่องจากรู้สึกรถออกตัวอืดหน่อยเลยไป ใส่ กล่อง e-Drive คือ คันเร่งไฟฟ้า กด Sport9 ไว้เลย เพื่อให้คันเร่งตอบสนองได้เร็วขั้น
และมีไปซื้อฝาครอบตัวทวิตเตอร์ Rockford Fosgate แบบ EVO X
ส่วนฝากระโปรงหน้าเปิดมาผมเดิมๆ เลย ไม่ทำเครื่องอะไร เพราะ ไม่อยากจุกจิก
แต่เนื่องจากเป็นคนชอบเข้าโค้ง ก็เลยไปหาซื้อค้ำโช้กหน้าเหล็ก ทำสีแดงมาใส่ เพราะตัว 2.0 MMTH จะให้ ค้ำโช้กเหล็กสีเทา มาจากโรงงานเลย
นอกนั้นสมัยก่อน ก็มีใส่กล่องม่วง กับ กราวน์ไวร์ นิดนึงให้ห้องเครื่องมันดูสวยขึ้นมาอีกหน่อย แต่ 2 อย่างนี้เรียนตามตรงผมว่าไม่ได้ช่วยอะไรแบบมีนัย
ปัญหาต่อมา คือ ผมขายทำไม เนื่องจาก เทสรถมามากมาย ก็เริ่มรู้สึกว่า อยากได้รถที่มีสมรรถนะที่แรงขึ้นนั้นเอง จากการหาข้อมูลถ้าจะเอาให้จบ
ผมคงต้องวางเครื่อง RA + เกียร์ SST หรือ เครื่อง EVO + SST โดยงบประมาณเริ่มน่าจะอยู่ประมาณ 3แสน สำหรับเซ็ท RA เพราะคงต้องทำช่วงล่าง + เบรกเพิ่มด้วย เริ่มรู้สึกว่า มันจะไปไกลเกิน กับรถ 10ปี+
ผมมาคิดย้อนกลับไป สมัยก่อน ที่ยังจด สพม. ขับ4 ได้ ถ้าสัก 7 ปีก่อน ผมมีเงินสัก7-8แสน น่าจะกัดฟันทำ EVO X แท้ แบบทำโป่งด้วย (ทำทั้งคัน จดขับ4) และใช้ยาวๆไปเลย เพราะไม่เช่นนั้น อาจจะใช้จนทุกวันนี้ไม่อยากขายก็ได้
เนื่องจากรถซิ่งญี่ปุ่น ยุคหลังๆ มาราคากลับพุ่งขึ้นแบบน่าตกใจ
ผมเลยตัดสินใจ เข้าอู่จัดการทั้งหมดเก็บงานสีทั้งคัน จนวันที่ออกมาจากอู่ คือ สวยเหมือนออกป้ายแดงเลย รู้สึกไม่อยากขายเลยเสียดาย
เอาเป็นว่า "รู้อะไรไม่สู้รู้งี้?" แต่เนื่องจากผมขายให้เจ้าของใหม่ไปแล้ว ก็แอบรู้สึกว่า นี่เราตัดสินใจผิดหรือเปล่า แต่ก็นะผมมีเป้าหมายใหม่ ที่เปลี่ยนไป เลยคิดว่าขายดีกว่า จึงขอมาเล่ากระทู้ให้เพื่อนๆ ชาวพันทิป รัชดา เป็นประมาณนี้ครับ
สำหรับรีวิว เรื่องของรถตัวเอง ที่ใช้งานมา ผมไม่ค่อยมีเจออะไรจุกจิกเลย
ปัญหาโรคประจำตัวอย่างลูกลอย ก็มาเจอ พังเอาเมื่อ ประมาณ 2-3 ปีก่อนเอง หลายคนใช้เจอกันตั้งแต่ช่วงปีแรกๆ
ทั้งที่ผมเติมนี่ส่วนใหญ่ E85 กับ E20 โดยส่วนมาก
ณ ปีที่ผมออกรถ EX นับได้ว่าเป็นรถที่ช่วงล่างผมให้ แถวหน้าของรถในคลาสยุคนั้น แล้วเพราะ จะมี Civic FB ที่เป็นช่วงล่างอิสระปีกนก
กับ Mazda3 ที่เป็น มัลติลิงค์ เหมือน EX แต่ พอ Mazda3 2019 กลับหันมาใช้ทอร์ชั่นบีม ซะงั้น
แม้เทคโนโลยีช่วยจะไม่มีอะไรมาเลย แต่สำหรับผม ก็ถือว่าพอแล้ว เพราะรถไม่ได้แรงมาก และไม่ได้ใช้ความเร็วสูง
สรุปเลย น้องแดง เป็นรถที่ดีมาก และผมผูกพัน กับมันมาก จนรู้สึกว่า เออ จะขายทำไมฟะเนี่ย แต่เนื่องจาก ผมไม่สามารถดูแลรถหลายๆ คันได้ และบ้านผมก็ไม่สามารถจอดได้หลายคัน สุดท้ายจึงขอตัดสินใจลา ขอให้น้องแดงโชคดี
[CR] รีวิว ลูกรักกว่า (รถ) กว่า10 ปี ในวันที่น้องแดงไม่อยู่แล้ว T-T
สวัสดีครับ เพื่อนๆ ผมในนามของทีม Pantip Garage หลังจากที่ ในชีวิตการทำสื่อวงการรถ ก็ได้มีโอกาสทำรีวิว และทดสอบรถมานับร้อยๆรุ่น
ในวันนี้ จะขอมารีวิวรถยนต์คันแรกของตัวเอง ที่ใช้มากว่า 10 ปีกันบ้าง ซึ่งต้องบอกว่า ตอนนี้ รถไม่อยู่กับผมแล้ว เพราะ ได้ส่งต่อให้เจ้าของใหม่เป็นที่เรียบร้อย
กับ Mitsubishi Lancer EX 1.8 ตัวไมเนอร์เชนจ์ กระจกพับไฟฟ้า
ซึ่งต้องบอกว่าที่ผมซื้อคันนี้ นั้น เป็นเพราะว่าผมชอบ Evolution มาตั้งแต่สมัยเรียน ม.ปลาย จาก 2Fast 2Furious
กับ EVO VII เหลือง
ซึ่งย้อนไปตอนนั้นสิบกว่าปีมาแล้วที่ผมจะซื้อรถ ผมเล็ง มือสอง Cedia แต่ง EVO VIII - IX แบบ ทำโป่งเอาไว้ แต่ไม่เน้นวางเครื่อง เพราะตอนนั้นคิดว่าขับหล่อๆ พอไม่เน้นแรง จนสุดท้ายที่บ้านบอกว่าให้ออกป้ายแดงใหม่ไปเลย ดีกว่าแล้วแต่งเอา
(ภาพ 2 ล้อคัน กับเก๋งคันแรก ตอนเดิมๆ)
ผมเลยเลือกซื้อ 1.8 GLX รุ่นถูกสุด เพราะตอนนั้นคิดว่าจะเก็บตังมาแต่ง และต้องสีแดงเท่านั้น เพราะเฉดของตัวไมเนอร์เชนจ์ จะใกล้เคียงแดง EVO X มากๆ แล้ว ตอนนั้น เซลล์เสนอ EX 2.0 ตัวก่อนไมเนอร์เชนจ์ กับส่วนลดประมาณแสน แต่เป็นสีเงิน ซึ่งผมไม่ต้องการสีเงิน และไม่มีกระจกพับไฟฟ้าอีก
จึงเลือกซื้อเป็นตัวถูกสุดมา GLX ตอนนั้น ราคาป้ายแดง ถ้าจำไม่ผิด 7.85 หรือ 7.99 แสน ประมาณนี้ และก็ต่อเซลล์ ให้เอาเบาะไปหุ้มหนังดำ เดินด้ายแดงให้ ซึ่งผมคิดถูกมากๆ เพราะภายใน GLX ดูไม่สวยเลย เป็นสีเบจ เบาะผ้า แต่พอทำเบาะดำ ค่อย ok ขึ้น
และจุดแรกที่ผมไปทำเลยทันที ก็คือ การเปลี่ยนแม็ก มาใส่ ขอบ 17" ลาย RZ สี Gun Metal ซึ่งผมเป็นคนชอบสีแดง และตัดดำมากๆ
หลายคนบอกให้ใส่ขอบ 18" ไปเลย แต่ผมมองว่าเครื่อง 1.8 NA มันไม่ได้แรง สวม 17" ก็พอ จะได้ไม่อืด และกินน้ำมันมากไป และผมไม่กะโหลด อยู่แล้ว
เลยเลือกยางไซศ์ 215/50 R17
หลังจากนั้นก็ไปทำพาร์ท EVO X เลย โดยเลือกเป็น ไฟเบอร์ จากร้าน YATT แถวพระราม 5 ซึ่งประกอบด้วย 5 ชิ้น
คือ กันชนหน้า-ท้าย-หางหลัง-กาบข้าง แต่เนื่องจาก GLX ไม่มีไฟตัดหมอก ผมจึงต้องไปหาไฟตัดหมอกมาอีก ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นเบิกมือสอง
และเอาไปให้ YATT จัดการทีเดียว
ในวันที่ผมรับรถออกมา เนื่องจากท่อเดิมเป็นออกด้านเดียวขวา แต่ ชุดพาร์ท EVO X ต้องเป็นท่อคู่ ทางร้านจึง มัดปลายท่อให้ และแจ้งว่าให้รีบไปทำร้านท่อต่อทันที ซึ่งผมก็กะขับเดิมๆ ไม่ทำอะไรอยู่แล้ว จึงใช้พักปลายเดิม และทำให้ปลายเดินออกมา 2 ช่อง พอดีกับช่องสเกิร์ตท้าย ซึ่งทางร้านแนะนำให้ทำหลอก 1 ด้าน เพราะ ถ้าทำท่อออกจริง 2 ฝั่ง จะโล่งไปกับเครื่องเดิมๆ
(เมื่อก่อนผอมมาก เคยถ่ายออกรายการกับกลุ่ม EX Clusive Club)
ต่อมายังรู้สึกไม่สุด ต้องไปหาฝากระโปรงหน้าต่อ ซึ่งก็หาข้อมูล เอาถูกไฟเบอร์ แต่ ความร้อนอาจทำให้โก่งไม่ทน ก็มองเป็นเหล็ก หรือ อลู (แท้) เนื่องจากดูงานแล้วฝาแท้ อลู เบา และสวยสุด จึงกัดฟันไป แท้เลย
พอออกมาก็หล่อแบบเกือบจบแล้ว แต่รู้สึกยังขาดไปอีกหน่อยสำหรับภายนอกนั่นก็คือไฟหน้า โปรเจ็คเตอร์ ซึ่งไฟหน้า EVO X จะเป็นไฟโคมเดียวกับ ตัว 2.0 สุดท้ายจึงต้องไปเบิกมาใส่อีก ภายนอกสำหรับผม เรียกว่าหล่อจบแล้ว (แต่หลายคนบอกว่าควรใส่ 18" จะได้เต็มซุ้มกว่านี้ แต่ผมคิดว่า 17" ก็พอสำหรับการใช้งานผมแล้ว)
หลังจากนั้น ประมาณ ปีนึงผมได้เปลี่ยนมาใส่หางหลังคาร์บอนทรง GT เนื่องจากตอนนั้น ได้เอารถเข้าไปร่วมถ่ายละคร เรื่อง แข่งรักนักซิ่ง ของช่อง 7 ด้วย
ทางกอง บอกว่าเลือกรถผมไปถ่าย แต่ต้องมีข้อตกลงให้เปลี่ยนหางหลังเป็นตัว GT เพื่อรถจะได้ดูซิ่งขึ้น
ได้ออกละครประมาณ 2-3 ตอน มั้งครับ จำไม่ได้นานมาก เนื่องจากผมหารูปไม่เจอแล้ว เลยเซิจกูเกิล เจอรถตัวเองในคลิป เลยขอแคปมาให้ดูสัก 1 ช็อต
และผมก็ใส่หางหลังตัวนี้ยาวมาเลย จนก่อนที่จะขายรถผมเก็บงานสีทั้งคัน และหางหลังสภาพไม่ไหวแล้ว เลยเอาหาง EVO X ตอนทำพาร์ทครั้งแรกกลับมาใส่
นอกนั้น ผมก็จะไปเก็บรายละเอียดอื่นๆ อย่างภายใน
จอ 2 DIN ธรรมดา ไม่สวยเลย ผมเลยไปหาซื้อต่อจอของตัว 2.0 รุ่นท็อปไมเนอร์เชนจ์ จอ Mitsubishi G9 ขนาด 7" ซึ่งตอนนั้น ต้องไปอัพเฟิร์มแวร์ Navigation ของ Speed Navi อีก
ต่อมาลายไม้สีส้มตรงคอนโซล ผมก็ไป Wrap เคฟล่า ให้ดูสปอร์ตขึ้น
พร้อมติดตั้ง Paddle Shift ที่หลังพวงมาลัย เผื่อเอาไว้เล่นเกียร์ได้ ไม่ต้องโยก + - ตรงคันเกียร์
ที่จริง ผมซื้อต่อพวงมาลัย 1.8 GLS ของรุ่นพี่ในกลุ่ม EX Club ที่หันไปใส่พวง EVO X
แต่พอซื้อมาแล้ว กลับใช้งาน Multifunction ไม่ได้ เนื่องจาก ตัวไมเนอร์เชนจ์ GLX นั้น MMTH ได้ทำการถอดปลั๊กสวิทช์ใช้งาน Multifunction ออกไป (ถ้าเป็นก่อนไมเนอร์ จะมีปลั๊กเสียบใช้ได้) ทำให้ผมเลยต้องขอคืนรุ่นพี่ในกลุ่มไป
เนื่องจากรู้สึกรถออกตัวอืดหน่อยเลยไป ใส่ กล่อง e-Drive คือ คันเร่งไฟฟ้า กด Sport9 ไว้เลย เพื่อให้คันเร่งตอบสนองได้เร็วขั้น
และมีไปซื้อฝาครอบตัวทวิตเตอร์ Rockford Fosgate แบบ EVO X
ส่วนฝากระโปรงหน้าเปิดมาผมเดิมๆ เลย ไม่ทำเครื่องอะไร เพราะ ไม่อยากจุกจิก
แต่เนื่องจากเป็นคนชอบเข้าโค้ง ก็เลยไปหาซื้อค้ำโช้กหน้าเหล็ก ทำสีแดงมาใส่ เพราะตัว 2.0 MMTH จะให้ ค้ำโช้กเหล็กสีเทา มาจากโรงงานเลย
นอกนั้นสมัยก่อน ก็มีใส่กล่องม่วง กับ กราวน์ไวร์ นิดนึงให้ห้องเครื่องมันดูสวยขึ้นมาอีกหน่อย แต่ 2 อย่างนี้เรียนตามตรงผมว่าไม่ได้ช่วยอะไรแบบมีนัย
ปัญหาต่อมา คือ ผมขายทำไม เนื่องจาก เทสรถมามากมาย ก็เริ่มรู้สึกว่า อยากได้รถที่มีสมรรถนะที่แรงขึ้นนั้นเอง จากการหาข้อมูลถ้าจะเอาให้จบ
ผมคงต้องวางเครื่อง RA + เกียร์ SST หรือ เครื่อง EVO + SST โดยงบประมาณเริ่มน่าจะอยู่ประมาณ 3แสน สำหรับเซ็ท RA เพราะคงต้องทำช่วงล่าง + เบรกเพิ่มด้วย เริ่มรู้สึกว่า มันจะไปไกลเกิน กับรถ 10ปี+
ผมมาคิดย้อนกลับไป สมัยก่อน ที่ยังจด สพม. ขับ4 ได้ ถ้าสัก 7 ปีก่อน ผมมีเงินสัก7-8แสน น่าจะกัดฟันทำ EVO X แท้ แบบทำโป่งด้วย (ทำทั้งคัน จดขับ4) และใช้ยาวๆไปเลย เพราะไม่เช่นนั้น อาจจะใช้จนทุกวันนี้ไม่อยากขายก็ได้
เนื่องจากรถซิ่งญี่ปุ่น ยุคหลังๆ มาราคากลับพุ่งขึ้นแบบน่าตกใจ
ผมเลยตัดสินใจ เข้าอู่จัดการทั้งหมดเก็บงานสีทั้งคัน จนวันที่ออกมาจากอู่ คือ สวยเหมือนออกป้ายแดงเลย รู้สึกไม่อยากขายเลยเสียดาย
เอาเป็นว่า "รู้อะไรไม่สู้รู้งี้?" แต่เนื่องจากผมขายให้เจ้าของใหม่ไปแล้ว ก็แอบรู้สึกว่า นี่เราตัดสินใจผิดหรือเปล่า แต่ก็นะผมมีเป้าหมายใหม่ ที่เปลี่ยนไป เลยคิดว่าขายดีกว่า จึงขอมาเล่ากระทู้ให้เพื่อนๆ ชาวพันทิป รัชดา เป็นประมาณนี้ครับ
สำหรับรีวิว เรื่องของรถตัวเอง ที่ใช้งานมา ผมไม่ค่อยมีเจออะไรจุกจิกเลย
ปัญหาโรคประจำตัวอย่างลูกลอย ก็มาเจอ พังเอาเมื่อ ประมาณ 2-3 ปีก่อนเอง หลายคนใช้เจอกันตั้งแต่ช่วงปีแรกๆ
ทั้งที่ผมเติมนี่ส่วนใหญ่ E85 กับ E20 โดยส่วนมาก
ณ ปีที่ผมออกรถ EX นับได้ว่าเป็นรถที่ช่วงล่างผมให้ แถวหน้าของรถในคลาสยุคนั้น แล้วเพราะ จะมี Civic FB ที่เป็นช่วงล่างอิสระปีกนก
กับ Mazda3 ที่เป็น มัลติลิงค์ เหมือน EX แต่ พอ Mazda3 2019 กลับหันมาใช้ทอร์ชั่นบีม ซะงั้น
แม้เทคโนโลยีช่วยจะไม่มีอะไรมาเลย แต่สำหรับผม ก็ถือว่าพอแล้ว เพราะรถไม่ได้แรงมาก และไม่ได้ใช้ความเร็วสูง
สรุปเลย น้องแดง เป็นรถที่ดีมาก และผมผูกพัน กับมันมาก จนรู้สึกว่า เออ จะขายทำไมฟะเนี่ย แต่เนื่องจาก ผมไม่สามารถดูแลรถหลายๆ คันได้ และบ้านผมก็ไม่สามารถจอดได้หลายคัน สุดท้ายจึงขอตัดสินใจลา ขอให้น้องแดงโชคดี
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้