เรื่องสั้น : สโนว์ของแม่

กระทู้สนทนา


ปล. เดี๋ยว ๆ ! เรื่องนี้เกิดขึ้นจากจินตนาการของคนเขียนนะคะ ^^ กลัวมีคนคิด ! 😅
————————————————————————-
             
              …ฉันต้องกลายเป็นคุณแม่ในวัยยี่สิบสี่ย่างยี่สิบห้ามันไม่ง่ายเลย ! ฉันเลี้ยงเด็กไม่เป็น ฉันยังวัยรุ่นอยู่ ฉันยังต้องการความสนุกของชีวิต ต้องการเดินทางท่องเที่ยว ต้องการอิสระ ยังไม่อยากรับผิดชอบชีวิตของใครในตอนนี้ ทำไม ! ทำไมพรหมลิขิตต้องขีดให้ชีวิตของฉันเป็นแบบนี้ ทว่าในเมื่อมันขีดให้เป็นแบบนี้แล้ว ฉันจะดูแลเธอเองแม่สาวน้อย เป็นลูกของแม่นะ….

              “แม่ทำอะไร” ทันทีที่ฉันกดรับโทรศัพท์ ลูกสาวตัวน้อยวิดีโอคอลหาฉันในระหว่างวัน โทรหาทุกวันเลย ลูกสาวผู้ซึ่งน่ารักไร้เดียงสามาก ๆ ที่สำคัญเหมือนพ่อทุกระเบียดนิ้ว นับว่าเป็นความโชคดีของฉันที่ลูกหน้าเหมือนพ่อ

              “แม่ทำงาน… ปู่ไปไหนทำไมเอาโทรศัพท์ปู่มาเล่นได้” ฉันถามลูกด้วยความสงสัย ที่ทราบเพราะชื่อไลน์โทรเข้าโชว์เป็นชื่อพ่อสามีของฉันนั่นแหละ

              “สโนว์คิดถึงแม่ก็เลยแอบเอาโทรศัพท์ปู่โทรมา” ฉันยิ้มกับสิ่งที่ได้ยิน “ปู่หลับ ฮา” ลูกสาวของฉันพูดด้วยท่าทางมีความสุข พูดปนหัวเราะเสมือนว่าดีใจที่ปู่หลับแล้วแอบนำโทรศัพท์มาเล่นได้สบาย ๆ ฉันหัวเราะตามลูกผ่านหน้าจอโทรศัพท์ เราสามารถพูดคุยเห็นหน้ากันได้

              “แล้วใครกดโทรให้หนูลูก “ ฉันถาม ลูกเรียนแค่ชั้นอนุบาลสองเก่งขนาดกดโทรออกเองได้ ทว่าก็ไม่แปลก เด็กทุกวันนี้อยู่กับเทคโนโลยีเป็นส่วนใหญ่ พูดก็พูดลูกสาวฉันใช่โทรศัพท์เก่งกว่าปู่กับย่าอีก สอนนิดสอนหน่อยก็จำได้แล้ว

              “สโนว์กดโทรเอง สโนว์จำรูปแม่ได้” ลูกสาวตอบ ฉันหัวเราะหึหึให้กับความซนของลูกตนเอง

              “แล้วย่าไปไหนล่ะ หนูโทรหาป๊ายัง” ฉันถาม เพราะอยากให้ลูกสนิทกับพ่อมากกว่าแม่อย่างฉัน ไม่หรอก ! ฉันถามไปอย่างนั้นเอง

              “โทรแล้วป่ะป๊าไม่รับสายเลย ” เมื่อพูดถึงพ่อลูกก็มีสีหน้าเศร้าลง เพราะโทรหาแล้วไม่ยอมรับสาย นี่ก็รับสายยากเย็นเหลือเกิน ลูกโทรหาก็ไม่ยอมรับ กลับไปจะเอ็ดให้สักที นึกถึงสามีของฉัน “ย่าก็อยู่นี่แหละ” ลูกตอบ

              “ป๊าทำงานป๊าจะรับโทรศัพท์ได้ไง” ฉันได้ยินเสียงของแม่สามีแทรกเข้ามาในโทรศัพท์

              “ใช่ ! ป๊าทำงานไงลูก ตอนเย็นหนูค่อยโทรหาป๊าใหม่นะ คุยกับแม่ก่อน” ฉันกับลูกสาวเราคุยกันอยู่นานสองนาน เพราะงานไม่ค่อยมีอะไรทำด้วย ช่วงนี้ว่างฉันจึงมีเวลาคุยด้วยเยอะ อีกทั้งฉันมีเวลาให้ลูกมากกว่าพ่ออีก ลูกจึงชอบโทรมาคุยกับฉันบ่อย ๆ

              ฉันว่าตนเองรักลูกนะ รักสโนว์ ซึ่งในอนาคตหากฉันมีลูกอีกคน หรือ สองคน ฉันก็คิดว่าฉันยังจะรักลูกเหมือนที่ลูกรักฉันล่ะ ทีแรกฉันคิดว่าจะเลี้ยงลูกไม่ได้ด้วยซ้ำ พอได้เลี้ยงจริง ๆ ฉันว่าฉันสามารถเป็นแม่คนได้ในวัยยี่สิบนี่แหละ

              “เธอจะให้ลูกของเราชื่ออะไรอ่ะ” สามีของฉันถามความคิดเห็น ตอนที่ลูกยังเล็ก ๆ ตอนที่พึ่งจะได้ขวบสองเดือน

              “แล้วแต่เธอสิ เราอะไรก็ได้” ฉันตอบแบบไม่ยินดียินร้ายนัก ไม่ได้ดีใจทว่าก็ไม่ได้เกลียด

              “ลูกคงอยากให้แม่ตั้งชื่อมากกว่า ให้พ่อตั้งนะ” เขาพูดปนยิ้ม แววตาที่แสนละมุนและเข้าใจ เห็นใจ อีกทั้งขอบคุณด้วย หลอมรวมปนกันอยู่ในแววตาคู่นั้น

              “ชื่อโนดีมั้ย ! เอ็นโอ โนที่แปลว่าไม่ !” ฉันพูดปนยิ้มเช่นกัน ไม่ได้ประชดประชันอะไรเลย และ ฉันก็ต้องการให้ลูกสาวชื่อนี้ ความหมายแบบนี้ ไม่ ! ฉันไม่ต้องการที่จะมีลูกตั้งแต่ทีแรก ความจริงแล้วฉันไม่ได้ต้องการลูกเลย

              สามียิ้มให้ฉัน เขาเข้าใจความหมายนั้นดี เข้าใจความหมายของชื่อ และ เข้าใจเหตุผลทำไมฉันถึงให้ลูกชื่อโน “สโนว์ดีกว่าน้อ ความหมายเปลี่ยนแต่ก็ยังมีคำว่าโนของตัวเองอยู่” เขาพูดด้วยความอ่อนโยนปนเข้าใจฉันที่สุด “แต่ลูกคนต่อไปของเราชื่อแต๊งค์กิ้วนะ ขอบคุณนะครับสำหรับลูกคนต่อไป ลูกของเรา” เขาพูดพร้อมมองหน้าของฉัน ส่วนฉันยิ้มให้เป็นคำตอบ

              “ไหนจะเอาอะไรให้แม่ดู ทำไมไม่เอามาให้แม่ล่ะ” ฉันได้ยินเสียงแม่สามี ย่าของลูกสาวฉันพูดแทรกเข้ามาในโทรศัพท์

              “แม่สโนว์มีการ์ดให้แม่ด้วย” ลูกสาววัยอนุบาลสองของฉันกล่าว ฉันทำหน้าสงสัย เด็กตัวแค่นี้ทำการ์ดเป็นแล้ว การ์ดอะไรกัน ฉันลืมนึกไปเลยนะว่าเดือนที่ผ่านมามันเป็นวันแม่

              “นี่ไง ฮา “ ลูกสาวโชว์การ์ดสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ มีรูปภาพที่ลูกวาดเองอยู่ในนั้น ไม่สวยหรอก เขียนหนังสือยังไม่ได้ อ่านยังไม่ออก ทว่าลูกก็วาดรูปไปตามจินตนาการของตนเอง ดู ๆ แล้วน่าจะเป็นรูปคนนะ ฉันหัวเราะให้กับรูปวาดในการ์ด มีการระบายสีด้วย ซึ่งเป็นการระบายแบบขีด ๆ เลยเส้นก็มี สวยมาก ! สวยในสายตาของฉัน คิดว่าต้องสวยในสายตาของสามีฉันด้วย

              “สวยจังเลย… หนูวาดเองเลยเหรอ คืนนี้โทรหาป๊าอย่าลืมเอาให้ป๊าดูด้วยนะ แล้วหนูวาดรูปอะไรลูก” ฉันไม่ลืมที่จะถามเพราะฉันอยากรู้

              “รูปแม่ ! นี่แม่ นี่สโนว์ และก็นี่ป่ะป๊า” ลูกสาวชี้ให้ฉันดู ไล่ไปทีละคน ฉันบอกความรู้สึกไม่ถูกเหมือนกันว่ารู้สึกแบบไหน ดีใจหรือเสียใจ ที่ฉัน ! ที่ฉันไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของลูกค่ะ

              “แม่เหรอลูก ! แม่คน…” ฉันกำลังจะถามว่าแม่คนไหน แต่ก็ต้องโดนพูดแทรกจากแม่ของสามีฉัน

              “เขาวาดรูปแม่แป้งกับพ่อเปียวน่ะ” แป้งคือชื่อของฉันเอง สามีหรือพ่อของลูกชื่อเปียวค่ะ แม่สามีของฉันพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่ฉันจะถามว่าแม่คนไหน

              “คนนี้แม่แป้ง คนนี้สโนว์ ส่วนนี่คนนี้ป๊าเปียวและก็ ฮา นี่คุณปู่กับคุณย่า” ลูกชี้ไปที่มุมกระดาษด้านบนริมสุดเลย เป็นจุดวงกลมสองจุด ชี้ให้ดูพร้อมหัวเราะชอบใจใหญ่เลย แล้วก็โดนบ่นจากคนเป็นย่าว่าทำไมย่ากับปู่ถึงได้เป็นจุดเล็ก ๆ ไปได้

              ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ทำไมฉันถึงได้มีสโนว์มาเป็นลูกสาว สามีของฉันมักง่ายค่ะทำผู้หญิงคนหนึ่งท้อง เห็นบอกว่าแค่สนุก ! ไม่ได้คิดจริงจังว่าอย่างนั้น ฮึ ! ตลกสิ้นดี ! ฉันรับไม่ได้หรอกค่ะ ไม่ต้องถาม ! ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมถึงกลับมาอยู่ด้วยกันอีกเรื่องมันยาว

              โชคดีที่ผู้หญิงคนนั้นก็ยังเหลือความเป็นคน มีความละอายแก่ใจอยู่บ้าง ความจริงก็เพราะสามีของฉันไม่เอาเธอนี่แหละค่ะ เธอถึงได้จำยอม อีกมุมหนึ่งฉันก็มองโลกในแง่ร้ายนะคะ มองว่าเธอคิดจะจับสามีฉันมากกว่า

              เธอบอกว่าเธอท้อง ให้สามีฉันรับผิดชอบตัวเธอและลูก ปีนั้นฉันกับสามียังไม่ได้แต่งงานกันเลยค่ะ ง่ายมากหากเขาจะเลือกเธอผู้หญิงคนนั้น สามีของฉันก็บอกว่าได้ ! จะรับผิดชอบก็ต่อเมื่อลูกเกิดมาแล้ว และ พิสูจน์ได้ว่าเป็นลูกจริง ๆ ไม่ได้รัก ! ไม่แต่งงาน ไม่จดทะเบียนสมรสอะไรทั้งนั้น จะรับรองบุตรให้ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเป็นลูกของเขาจริง ๆ

              ตัวผู้หญิงเองยอมค่ะ เพราะรู้ทุกอย่างดี รู้อยู่เต็มอกว่าสามีของฉันไม่ได้รัก แค่สนุก ๆ ไปเท่านั้น และ ทราบเสมอว่าสามีของฉันมีภรรยาอยู่แล้วทั้งคน ตัวผู้หญิงเองก็คงไม่ได้รักด้วย ฉันเป็นผู้หญิงด้วยกัน ฉันรู้ ! ฉันถึงได้บอกว่าเหมือนเธอแค่อยากจับสามีของฉัน เพราะอะไรหลาย ๆ เรื่อง หน้าที่การงานของเขาก็มีส่วน เธอก็แค่ผู้หญิงชอบเที่ยวกลางคืนไปวัน ๆ คนมักง่ายกับคนมักง่ายเจอกันก็แบบนี้

              ปัญหาอยู่ที่พ่อแม่ของผู้หญิงคนนี้ไม่ยอม พวกเขาไม่ยอม ! พวกเขาจะฟ้อง ฟ้องต้นสังกัดของสามีฉัน ฟ้องพ่อแม่สามีของฉัน หลังเธอคลอดลูกแล้ว พิสูจน์แล้วว่าเป็นลูกของสามีของฉันจริง ๆ

              คราวนี้ตัวสามีของฉันเองจึงประกาศกร้าวว่า จะแต่งงานด้วยก็ได้ ! อยากให้แต่งใช่ไหม ได้ ! แต่งก็แต่งเลย แต่งตอนเช้าเลิกตอนเย็น ไม่จดทะเบียนสมรสอะไรทั้งนั้น อยากเรียกสินสอดเท่าไหร่ว่ามาเลย สามีของฉันเขาบอกว่าเขามีภรรยาอยู่แล้ว คือฉัน ! เขารักฉัน ฉันควรต้องภูมิใจไหมคะ ควรจะดีใจหรือเปล่า !

              สรุปทางครอบครัวของผู้หญิงจึงยกเลิกไป ไม่ขอติดต่อ โกรธ เกลียด ครอบครัวของสามีของฉัน ยังดีที่สามีได้รับรองบุตร จึงมีชื่อเป็นพ่อในใบเกิด

              เพราะความโกรธ และ เกลียดที่มีต่อสามีของฉัน พ่อแม่ฝ่ายหญิงจึงไม่ยอมรับหลานที่เกิดมา ไม่รักหลานเลยค่ะ ไม่รักเลย ! พวกเขาเกลียดเด็กตาดำ ๆ ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย สามีของฉันยังรับผิดชอบค่าเลี้ยงดูค่ะ พ่อแม่สามีของฉันรับผิดชอบให้ทั้งหมด จบไปกับเรื่องนี้ ทว่าคนเป็นตากับยายพวกเขาก็ไม่รักหลานเลย ทั้งที่ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินค่าเลี้ยงดูแล้ว ดูแลไม่ดีพอเท่าที่ควรต้องดูแลสำหรับเด็กแรกเกิด ที่ฉันยอมให้สโนว์มาเป็นลูกของฉันเพราะเรื่องนี้

              ด้วยความรักของแม่คนหนึ่ง ของผู้หญิงคนนั้นที่มีต่อลูก ฉันคิดเอาเองนะคะ เธอคงคิดแบบนี้ เธอคงเห็นว่าถ้าลูกมาอยู่กับพ่อ ลูกคงมีอนาคตมากกว่าอยู่กับตนเอง ฉันว่าเธอคิดถูกนะ แต่ เธอมองข้ามฉัน ! เธอลืมคิดไปว่าฉันอาจจะเกลียดลูกของเธอก็ได้ ลูกของเธออยู่กับตายายที่ถูกเกลียดเพราะคนเป็นพ่อ อาจจะมีความสุขมากกว่าอยู่กับแม่เลี้ยงอย่างฉันก็ได้ ใครจะรู้ !

              “เธอไม่กลัวฉันจะเกลียดลูกของเธอเหรอ สักวันฉันก็ต้องมีลูกของตนเอง” ฉันตอบกลับไป แม่ตัวจริงของลูกฉันเธอลงทุนทักหาฉันเองเลย จากตลอดที่ผ่านมา ฉันปิดกั้นการติดต่อทุกช่องทาง

              “ถึงพี่จะเกลียด แต่อย่างน้อยลูกของหนูก็จะมีอนาคตมากกว่าอยู่กับหนู อย่างน้อยลูกก็มีปู่กับย่าที่รักเขา หนูสงสารลูก หนูขอร้องขอให้พี่อนุญาตให้ลูกอยู่กับพ่อเขาได้ไหม” ผู้หญิงคนนี้ขอร้องกับฉันตรง ๆ เลย

              “พูดอย่างกับว่าพ่อแม่เธอเขาไม่รักหลานอย่างนั้นแหละ แล้วลูกจะลำบากอะไร พ่อเขาก็ส่งเงินให้ทุกเดือน” ฉันพูดเท่าที่ฉันรู้

              “พ่อแม่หนูเขาไม่รักลูกหนูเลย หนูรู้ ! หนูรู้อยู่แก่ใจเสมอมา ! หนูไม่ได้อยู่กับลูก หนูต้องมาทำงาน เพื่อนบ้านเขาบอกว่าแม่หนูเขาเลี้ยงลูกหนูตามยถากรรม ลูกหนูแค่ไม่กี่เดือนอ่ะพี่ หนูเห็นสภาพลูกของหนูแล้วหนูสงสาร นะพี่แป้ง ! หนูรู้ว่าหนูมันเลว ชั่วช้า หนูคบชู้กับสามีพี่ พี่อยากด่าหนูอะไรก็ได้ พี่อาจจะคิดว่าหนูไม่อยากรับผิดชอบลูกเพราะมีแฟนใหม่ก็ได้ พี่จะคิดอย่างนั้นก็ได้ แต่พี่ช่วยกรุณายอมให้ลูกหนูได้อยู่กับพ่อเขาได้ไหม หนูสงสารลูก ! ถึงเขาจะเกิดมาแบบผิด ๆ ด้วยความเป็นแม่หนูเห็นลูกแล้วหนูสงสาร ถ้าพี่แป้งได้เป็นแม่คนแล้วพี่แป้งจะเข้าใจหนูในวันนี้ ถ้าพี่ยอมหนูจะไม่ติดต่อครอบครัวของพวกพี่อีกเลย หนูจะหายไป หนูจะไม่ให้ลูกรู้เลยว่าหนูคือแม่ของเขา”

              ผู้หญิงคนนั้นพิมพ์มายาวเหยียด พร้อมส่งรูปลูกสาวตัวเล็กวัยไม่กี่เดือนมาให้ดูด้วย สภาพเหมือนคนขาดสารอาหารมาก “นี่พวกเธอสองคนยังติดต่อกันอยู่เหรอ” ฉันไม่ได้สนใจเด็กเลย ฉันสนใจตรงนี้มากกว่า

              “ไม่ ! หนูกับพี่เปียวเราไม่ได้ติดต่อกัน ตั้งแต่วันที่ลูกคลอดแล้ว จะมีก็แต่พ่อแม่และพี่สาวพี่เปียวนั่นแหละที่คอยถามเรื่องลูกหนู พี่แป้งไม่ว่าใช่มั้ย พี่แป้งสบายใจได้หนูไม่ได้โกหก” จากนั้นฉันก็เลิกตอบข้อความของเธอ ถึงลูกมาอยู่กับฉันจริง ๆ ฉันก็ไม่คิดจะปิดกั้นแม่ลูกหรอก ถ้าอยากเจอกันฉันคงไม่คิดจะห้าม

              ก่อนหน้าที่ฉันจะได้คุยกับแม่ของสโนว์ สามีของฉันพูดถึงลูกอยู่บ่อย ๆ ฉันก็ไม่ตอบ ไม่เออออด้วย เขาจึงเงียบไปและไม่พูดให้ได้ยินอีกเลย ส่วนพ่อแม่ของสามีต่างก็พูดลอย ๆ เรื่องหลานให้ได้ยินอยู่เสมอ ฉันก็ไม่สนใจ ฉันอยากใจดำดูบ้างว่าพวกเขาจะแคร์ความรู้สึกของฉันบ้างไหม ทุกครั้งที่พูดถึงหลานคนนี้ฉันก็ไม่หือไม่อือด้วย ก็ยังดีที่พวกเขาแค่พูด ไม่กล้าไปรับมาอยู่ที่บ้าน เพราะฉันยังไม่อนุญาต
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่