แม่เลี้ยงกลับมาจัดการงานศพพ่อ แน่นอน...มันเป็นเรื่องของมรดก ดูเหมือนจะมีบ้านหลังใหญ่ที่คุณย่าให้เงินจำนวนหนึ่งไปเมื่อพ่อเงินขาดมือและบ้านยังไม่เสร็จ ที่แม่เลี้ยงเขาย้อนให้ว่าเงินที่ให้มาได้แค่เสาสี่ต้น...(กลับไปอ่านตอนที่ 2 ค่ะ) มีคอนโดเก่าๆอีก2 ห้อง ก็ไม่รู้ว่ามีอะไรอีกรึเปล่าไม่ได้ใส่ใจ พ่อทำบำเหน็จดำรงชีพไว้ให้แม่กับลูกๆท้องเดียวกัน ดิฉันได้มาส่วนหนึ่ง เกือบสามหมื่นบาทแม่เลี้ยงขอเงินก้อนนี้จากทุกคน แม่ตายแล้ว พี่น้องก็แตกกระสานซ่านเซ็นไป เหลืออยู่ 3 คน แม่เลี้ยงขอจากดิฉันต่อหน้าศพพ่อเชียวนะ พี่น้องอีกสองคนพยักหน้า กล้าขอก็กล้าให้ แต่ดิฉันนั่งนิ่งท่าทางคงเหมือนตอนเป็นเด็ก เคยกลัวยังไงก็กลัวอย่างนั้น นางเลยแหวขึ้นมา บอกแล้วนะว่าขอ... นี่ไงที่ดิฉันบอกว่า "หน้าด้าน"
ดิฉันเอาเงินจำนวนนั้นไปมอบให้มูลนิธิเด็กกำพร้าของครู...(ขอไม่เอ่ยนาม) คุยกับครูแล้วพอใจ ผมรู้จักเด็กที่นี่ทุกคน น่าสงสารมากครับพลางชี้ให้ดูเด็กผู้หญิง8ขวบมีแผลเป็นที่ศรีษะ คนนั้นชื่อมุกถูกแม่เลี้ยงเอาไม้หน้าสามตีที่หัว...จุกในอกขึ้นมาทันที...กลับมาบ้านใจก็ยังคิดถึงเด็กคนนั้นกับพรรคพวก ปีถัดมาดิฉันให้สามีไปเจรจาทำ CHRโครงการเพื่อสังคมของไปรณีย์ไทยให้กับมูลนิธินี้ด้วย เด็กๆมีความสุขมาก ได้เสื้อผ้าใหม่ ของเล่นตามวัย มีครูไปสอนกีฬาพร้อมเครื่องกีฬา แน่นอนอาหารที่ไปจัดเลี้ยงต้องเป็นข้าวเหนียว ไก่ย่าง...(กลับไปอ่านตอนที่ 3)
หลังงานศพผ่านพ้นไป ฉันไม่เคยไปบ้านนั้นอีกเลย มีครั้งหนึ่งไอ้ช้างน้อยกับเมียแวะมาหาหลังเลิกงาน ดิฉันถึงกับเผ่นหนี บอกลูกว่าให้ไปบอกเขาแม่ไม่อยู่แม่ออกไปสระผม เพื่อประกาศให้รู้ว่า อย่ามาพันผูกกันอีกเลย....ลูกสาวเราชอบกินของแพง ของโปรดนางคือนกพิราบไฟแดง ราดซอสวอลนัท แม่เลยให้นางไปหาสอนพิเศษตามสถาบัน หัดหาเงินมั่งใช้เก่งนัก เหมือนที่ดิฉันทำมาหาเก็บมาได้ก็สอนพิเศษเหมือนกัน สอนอยู่หลายปีสามีเลยต้องทำตัวเป็นแม่บ้าน ทำอาหาร รับลูก ซักผ้า ถูบ้าน เพราะเรากลับค่ำ เลิกสอนพิเศษตอนเป็นหัวหน้ากลุ่มสาระต่างประเทศ วันหนึ่งลูกชวนไปเซ็นทรัลเวิลด์ไปกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อริบอาย ชามละ 590 ไม่น่ามากับมันเล้ย...ทานเสร็จก็เดินเล่นที่ห้างพบว่ามูลนิธิสายใจไทยจัดสัปดาห์พยากรณ์ ไม่ได้อยากดูดวงแต่อยากทำบุญ หมอดูบอกว่าดิฉันจะได้ไปเรียนหนังสือต่อ เพราะจะได้ตำแหน่งสูงขี้น
ส่วนลูกสาวเขาบอกว่าดีทุกประการแต่มารจะเยอะหน่อยและบอกให้ลูกสาวไปอโหสิกรรมให้ญาติที่ป่วยด้วยโรคสมอง
กรรมมันผูกกันมาไปอโหสิกรรมก่อนเขาตายนะ
เราแม่ลูกมองหน้ากัน ใครวะ...
" รัชนีกร "
หลากหลายในใจคน ตอนที่ 8
ดิฉันเอาเงินจำนวนนั้นไปมอบให้มูลนิธิเด็กกำพร้าของครู...(ขอไม่เอ่ยนาม) คุยกับครูแล้วพอใจ ผมรู้จักเด็กที่นี่ทุกคน น่าสงสารมากครับพลางชี้ให้ดูเด็กผู้หญิง8ขวบมีแผลเป็นที่ศรีษะ คนนั้นชื่อมุกถูกแม่เลี้ยงเอาไม้หน้าสามตีที่หัว...จุกในอกขึ้นมาทันที...กลับมาบ้านใจก็ยังคิดถึงเด็กคนนั้นกับพรรคพวก ปีถัดมาดิฉันให้สามีไปเจรจาทำ CHRโครงการเพื่อสังคมของไปรณีย์ไทยให้กับมูลนิธินี้ด้วย เด็กๆมีความสุขมาก ได้เสื้อผ้าใหม่ ของเล่นตามวัย มีครูไปสอนกีฬาพร้อมเครื่องกีฬา แน่นอนอาหารที่ไปจัดเลี้ยงต้องเป็นข้าวเหนียว ไก่ย่าง...(กลับไปอ่านตอนที่ 3)
หลังงานศพผ่านพ้นไป ฉันไม่เคยไปบ้านนั้นอีกเลย มีครั้งหนึ่งไอ้ช้างน้อยกับเมียแวะมาหาหลังเลิกงาน ดิฉันถึงกับเผ่นหนี บอกลูกว่าให้ไปบอกเขาแม่ไม่อยู่แม่ออกไปสระผม เพื่อประกาศให้รู้ว่า อย่ามาพันผูกกันอีกเลย....ลูกสาวเราชอบกินของแพง ของโปรดนางคือนกพิราบไฟแดง ราดซอสวอลนัท แม่เลยให้นางไปหาสอนพิเศษตามสถาบัน หัดหาเงินมั่งใช้เก่งนัก เหมือนที่ดิฉันทำมาหาเก็บมาได้ก็สอนพิเศษเหมือนกัน สอนอยู่หลายปีสามีเลยต้องทำตัวเป็นแม่บ้าน ทำอาหาร รับลูก ซักผ้า ถูบ้าน เพราะเรากลับค่ำ เลิกสอนพิเศษตอนเป็นหัวหน้ากลุ่มสาระต่างประเทศ วันหนึ่งลูกชวนไปเซ็นทรัลเวิลด์ไปกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อริบอาย ชามละ 590 ไม่น่ามากับมันเล้ย...ทานเสร็จก็เดินเล่นที่ห้างพบว่ามูลนิธิสายใจไทยจัดสัปดาห์พยากรณ์ ไม่ได้อยากดูดวงแต่อยากทำบุญ หมอดูบอกว่าดิฉันจะได้ไปเรียนหนังสือต่อ เพราะจะได้ตำแหน่งสูงขี้น
ส่วนลูกสาวเขาบอกว่าดีทุกประการแต่มารจะเยอะหน่อยและบอกให้ลูกสาวไปอโหสิกรรมให้ญาติที่ป่วยด้วยโรคสมอง
กรรมมันผูกกันมาไปอโหสิกรรมก่อนเขาตายนะ
เราแม่ลูกมองหน้ากัน ใครวะ...
" รัชนีกร "