เรื่องสั้นที่ไม่เคยมีใครได้อ่าน
อีสก เป็นชื่อที่เด็กแก่น ๆ แถวบ้านของแกตั้งให้ ย่อมาจาก สกปรก นั่นเอง เนื่องจากแกค่อนข้างปล่อยเนื้อปล่อยตัวไม่ค่อยอาบน้ำ ผมเผ้ารุงรังไม่เคยหวี เสื้อผ้าก็ไม่ค่อยยอมเปลี่ยน ใส่แต่ตัวเดิม นาน ๆ เปลี่ยนครั้ง เวลาออกจากบ้าน เดินผ่านหรือใกล้ใคร ก็จะได้กลิ่นตัวเหม็น ๆ ทุกครั้ง
ผิดกับลูกของแกที่สวยเนี้ยบ สะอาดสะอ้าน แต่งหน้าบาง ๆ ตามสไลล์วัยรุ่น เสื้อผ้ารีดเรียบจับจีบ เดินผ่านแล้วหอมอ่อน ๆ ชวนหลงใหล ไม่รู้เป็นแม่ลูกกันได้อย่างไร ราวฟ้ากับเหวไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่บ้านเดียวกัน
“แม่ ๆ อีสกมา” เด็กจอมเฮี้ยวของหมู่บ้านสะกิดแม่ของตัวเองให้มองหญิงวัยกลางคนที่ท่าทางมอมแมมเฉกเช่นที่ชาวบ้านเคยเห็นจนชินตาอยู่แล้ว
“แม่บอกแล้วไงว่าให้เรียกป้านิด ถึงแกจะแต่งตัวโทรม ๆ แต่แกก็พูดจาเรียบร้อย และมีน้ำใจกับเพื่อนบ้านนะ” แม่ออยพูดสั่งสอนเจ้ากล้า ลูกชายคนเดียวของเธอ
“สวัสดีจ้าแม่ออยจะไปไหนกันจ๊ะแม่ลูก” อีสกทักคนทั้งสองเมื่อเดินมาถึงกัน
เจ้ากล้าบีบจมูกแล้วบอกกับแม่เบา ๆ ว่า “มีน้ำใจแต่ไม่มีใจอาบน้ำ”
แม่ออยยิ้มเจื่อนให้อีสกกับคำพูดลูก รีบตัดบทว่า “สวัสดีจ้าแม่นิด เราแม่ลูกจะไปตลาดกันน่ะจ้ะ จะฝากซื้ออะไรมั้ย”
อีสกยิ้มแล้วยื่นถุงพลาสติกใบใหญ่ที่อยู่ในมือให้แม่ออยแล้วบอกว่า “ฉันเอาผักบุ้งกับถัวฝั่กยาวมาฝากจ้ะ มันโตเร็วกันเหลือเกินฉันกินไม่ทันเลย”
แม่ออยส่งยิ้มตอบและรับถุง “ขอบคุณแม่นิดมากนะจ๊ะ อ้อ...มะนาวที่ให้ไว้คราวที่แล้วพันธุ์ดีนะ เปลือกบางน้ำเยอะด้วย แม่นิดขยันทำมาหากิน และมีน้ำใจกับเพื่อนบ้านเสมอเลย”
“ฉันก็ทำเท่าที่จะทำได้น่ะจ้ะ ผักผลไม้เราปลูกเอง ไม่ใส่ยาฆ่าแมลง ปลา ไข่ ไก่ ไม่ใส่สารเร่ง ทุกอย่างกินแล้วปลอดภัย ฉันก็เลยอยากแบ่งปันให้คนอื่นได้ทานบ้างจ้ะ” อีสกพูดอย่างภาคภูมิใจและมีความสุขในสิ่งที่ทำ
ที่บ้านอีสก แม้ตัวบ้านจะไม่ใหญ่นัก แต่พื้นที่นอกบ้านไม่น้อยเลย แกปลูกพืชผักผลไม้ และเลี้ยงสัตว์ไว้มากมาย ทำเองคนเดียวทั้งหมด เพราะลูกสาวแกไม่ใช่คนลุย ๆ ชอบเย็บปักถักร้อยมากกว่า บางครั้งทำสวนทำไร่เสร็จก็เดินออกจากบ้านมาซื้อของโดยไม่ได้อาบน้ำอาบท่าก่อนแล้วมาเจอพวกเด็ก ๆ ล้อว่าสกปรก แต่แกก็ไม่สนใจ ผลผลิตของแกมีมากมาย จึงนำไปขายและแจกเพื่อนบ้านอยู่เสมอ
อีสกเมื่อว่างจากการทำสวนทำไร่ มักเขียนเรื่องสั้นเก็บไว้อ่านคนเดียว เป็นเรื่องสั้นที่ไม่เคยมีใครได้อ่าน แม้แต่ลูกสาวของแก เพราะลูกแกไม่ชอบอ่านหนังสือ และนี่ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่แกเคยเขียนไว้
เรื่องสั้น : เต่า กระต่าย และแมว
ณ บ้านหลังหนึ่ง เจ้าของบ้านได้เลี้ยง เต่า กระต่าย และแมว อย่างละหนึ่งตัวไว้ภายในบริเวณบ้าน ทั้งสามตัวเข้ากันได้ดี
“วันนี้อากาศเย็นสบาย ฝนตกปรอย ๆ ทั้งวัน” กระต่ายชวนเต่าคุย
“อืมช่าย” เต่าตอบหน้านิ่งด้วยเสียงอันทุ้มดัง
“เรามาแข่งนอนกันเถอะ แข่งกันเราสองตัวนะ ถ้าแมวมาแข่งด้วย แมวชนะแหง ๆ” กระต่ายหาอะไรทำแก้เซ็งและรู้สึกง่วงพอดี
“ฮ่า ๆ ๆ แข่งนอนหรอ ฉันชนะอยู่แล้ว อย่างนี้ใครจะเป็นกรรมการล่ะ” เต่าสนใจจะเล่นด้วย
“ไม่มี...ใครตื่นก่อนก็ปลุกอีกฝ่ายไงล่ะ และก็เป็นคนแพ้” กระต่ายบอกกติกา
“โอเค ๆ งั้นก็ได้” เต่าไม่เรื่องมากตอบตกลง
“เริ่มเลยละกัน นอนได้!” กระต่ายเปิดเกมส์
และแล้วทั้งสองตัวก็หลับตานอน ผ่านไปสักพัก กระต่ายก็ตื่นลืมตาขึ้น เห็นเต่ายังนอนอยู่ แต่ตนเองไม่อยากแพ้จึงนอนหลับต่อ
กระต่ายนอนต่อไปสักพักก็ตื่นอีก เห็นเต่ายังคงนอนหลับตาอยู่ แต่ตอนนี้ตนเองหายง่วงแล้ว จึงปลุกเต่า
“ตื่น ๆ ได้แล้วเจ้าเต่า ฉันนอนตื่นหลายรอบแล้ว เจ้ายังไม่ตื่นอีก นอนหลับเก่งจริง ๆ ด้วย เจ้าชนะ” กระต่ายยอมแพ้แต่โดยดี
“ฮือ ๆ ๆ ฉันยังนอนไม่หลับเลยนะสิ” เต่าทำเสียงเศร้า
“อ้าวเห็นหลับตาอยู่นึกว่านอนหลับ”กระต่ายแปลกใจ
“เมื่อกี้ฉ้นเห็นเจ้านายให้เจ้าแมวกินผักอะไรไม่รู้ แล้วกินไม่หมด ฉันเลยลองกินดูน่ะสิ” เต่าเล่าถึงต้นเหตุที่คิดว่าทำให้นอนไม่หลับ
แมวเดินมาได้ยินพอดี จึงบอกว่า “อ้อ มันคือกัญชาแมวนะ แมวกินแล้วคึก สงสัยเต่ากินแล้วค้าง นอนไม่หลับน่ะสิ ฮ่า ๆ ๆ สม ๆ” แมวหัวเราะเยาะเต่าที่กินไม่เลือก
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ของบางอย่างถูกกับคนหนึ่ง แต่อาจจะไม่ถูกกับอีกคนหนึ่งก็ได้
จบ.
อีสกเขียนเรื่องสั้น ๆ ไว้มากมายและเก็บไว้ในกล่อง จนกระทั่งแกตายไป แล้วลูกสาวแกถึงได้มาเจอโดยบังเอิญ และได้นำไปเสนอขายให้โรงพิมพ์ไปทำเป็นหนังสือ ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจนกลายเป็นเรื่องสั้นที่ไม่มีใครไม่เคยได้อ่านเลยทีเดียว
จบ.
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านอีกเช่นเคยนะคะ
นางเอกชื่ออีสก ที่ชอบแต่งเรื่องสั้น คล้าย ๆ อีสป ที่ชอบแต่งนิทานค่ะ อิอิ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้น้องเรนนี่ค่ะ แมวที่บ้าน นอนทั้งวันเลย แหะ ๆ
ชื่อเดียวเอี่ยวทุกเรื่อง...เรื่องสั้นที่ไม่เคยมีใครได้อ่าน
ผิดกับลูกของแกที่สวยเนี้ยบ สะอาดสะอ้าน แต่งหน้าบาง ๆ ตามสไลล์วัยรุ่น เสื้อผ้ารีดเรียบจับจีบ เดินผ่านแล้วหอมอ่อน ๆ ชวนหลงใหล ไม่รู้เป็นแม่ลูกกันได้อย่างไร ราวฟ้ากับเหวไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่บ้านเดียวกัน
“แม่ ๆ อีสกมา” เด็กจอมเฮี้ยวของหมู่บ้านสะกิดแม่ของตัวเองให้มองหญิงวัยกลางคนที่ท่าทางมอมแมมเฉกเช่นที่ชาวบ้านเคยเห็นจนชินตาอยู่แล้ว
“แม่บอกแล้วไงว่าให้เรียกป้านิด ถึงแกจะแต่งตัวโทรม ๆ แต่แกก็พูดจาเรียบร้อย และมีน้ำใจกับเพื่อนบ้านนะ” แม่ออยพูดสั่งสอนเจ้ากล้า ลูกชายคนเดียวของเธอ
“สวัสดีจ้าแม่ออยจะไปไหนกันจ๊ะแม่ลูก” อีสกทักคนทั้งสองเมื่อเดินมาถึงกัน
เจ้ากล้าบีบจมูกแล้วบอกกับแม่เบา ๆ ว่า “มีน้ำใจแต่ไม่มีใจอาบน้ำ”
แม่ออยยิ้มเจื่อนให้อีสกกับคำพูดลูก รีบตัดบทว่า “สวัสดีจ้าแม่นิด เราแม่ลูกจะไปตลาดกันน่ะจ้ะ จะฝากซื้ออะไรมั้ย”
อีสกยิ้มแล้วยื่นถุงพลาสติกใบใหญ่ที่อยู่ในมือให้แม่ออยแล้วบอกว่า “ฉันเอาผักบุ้งกับถัวฝั่กยาวมาฝากจ้ะ มันโตเร็วกันเหลือเกินฉันกินไม่ทันเลย”
แม่ออยส่งยิ้มตอบและรับถุง “ขอบคุณแม่นิดมากนะจ๊ะ อ้อ...มะนาวที่ให้ไว้คราวที่แล้วพันธุ์ดีนะ เปลือกบางน้ำเยอะด้วย แม่นิดขยันทำมาหากิน และมีน้ำใจกับเพื่อนบ้านเสมอเลย”
“ฉันก็ทำเท่าที่จะทำได้น่ะจ้ะ ผักผลไม้เราปลูกเอง ไม่ใส่ยาฆ่าแมลง ปลา ไข่ ไก่ ไม่ใส่สารเร่ง ทุกอย่างกินแล้วปลอดภัย ฉันก็เลยอยากแบ่งปันให้คนอื่นได้ทานบ้างจ้ะ” อีสกพูดอย่างภาคภูมิใจและมีความสุขในสิ่งที่ทำ
ที่บ้านอีสก แม้ตัวบ้านจะไม่ใหญ่นัก แต่พื้นที่นอกบ้านไม่น้อยเลย แกปลูกพืชผักผลไม้ และเลี้ยงสัตว์ไว้มากมาย ทำเองคนเดียวทั้งหมด เพราะลูกสาวแกไม่ใช่คนลุย ๆ ชอบเย็บปักถักร้อยมากกว่า บางครั้งทำสวนทำไร่เสร็จก็เดินออกจากบ้านมาซื้อของโดยไม่ได้อาบน้ำอาบท่าก่อนแล้วมาเจอพวกเด็ก ๆ ล้อว่าสกปรก แต่แกก็ไม่สนใจ ผลผลิตของแกมีมากมาย จึงนำไปขายและแจกเพื่อนบ้านอยู่เสมอ
อีสกเมื่อว่างจากการทำสวนทำไร่ มักเขียนเรื่องสั้นเก็บไว้อ่านคนเดียว เป็นเรื่องสั้นที่ไม่เคยมีใครได้อ่าน แม้แต่ลูกสาวของแก เพราะลูกแกไม่ชอบอ่านหนังสือ และนี่ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่แกเคยเขียนไว้
เรื่องสั้น : เต่า กระต่าย และแมว
ณ บ้านหลังหนึ่ง เจ้าของบ้านได้เลี้ยง เต่า กระต่าย และแมว อย่างละหนึ่งตัวไว้ภายในบริเวณบ้าน ทั้งสามตัวเข้ากันได้ดี
“วันนี้อากาศเย็นสบาย ฝนตกปรอย ๆ ทั้งวัน” กระต่ายชวนเต่าคุย
“อืมช่าย” เต่าตอบหน้านิ่งด้วยเสียงอันทุ้มดัง
“เรามาแข่งนอนกันเถอะ แข่งกันเราสองตัวนะ ถ้าแมวมาแข่งด้วย แมวชนะแหง ๆ” กระต่ายหาอะไรทำแก้เซ็งและรู้สึกง่วงพอดี
“ฮ่า ๆ ๆ แข่งนอนหรอ ฉันชนะอยู่แล้ว อย่างนี้ใครจะเป็นกรรมการล่ะ” เต่าสนใจจะเล่นด้วย
“ไม่มี...ใครตื่นก่อนก็ปลุกอีกฝ่ายไงล่ะ และก็เป็นคนแพ้” กระต่ายบอกกติกา
“โอเค ๆ งั้นก็ได้” เต่าไม่เรื่องมากตอบตกลง
“เริ่มเลยละกัน นอนได้!” กระต่ายเปิดเกมส์
และแล้วทั้งสองตัวก็หลับตานอน ผ่านไปสักพัก กระต่ายก็ตื่นลืมตาขึ้น เห็นเต่ายังนอนอยู่ แต่ตนเองไม่อยากแพ้จึงนอนหลับต่อ
กระต่ายนอนต่อไปสักพักก็ตื่นอีก เห็นเต่ายังคงนอนหลับตาอยู่ แต่ตอนนี้ตนเองหายง่วงแล้ว จึงปลุกเต่า
“ตื่น ๆ ได้แล้วเจ้าเต่า ฉันนอนตื่นหลายรอบแล้ว เจ้ายังไม่ตื่นอีก นอนหลับเก่งจริง ๆ ด้วย เจ้าชนะ” กระต่ายยอมแพ้แต่โดยดี
“ฮือ ๆ ๆ ฉันยังนอนไม่หลับเลยนะสิ” เต่าทำเสียงเศร้า
“อ้าวเห็นหลับตาอยู่นึกว่านอนหลับ”กระต่ายแปลกใจ
“เมื่อกี้ฉ้นเห็นเจ้านายให้เจ้าแมวกินผักอะไรไม่รู้ แล้วกินไม่หมด ฉันเลยลองกินดูน่ะสิ” เต่าเล่าถึงต้นเหตุที่คิดว่าทำให้นอนไม่หลับ
แมวเดินมาได้ยินพอดี จึงบอกว่า “อ้อ มันคือกัญชาแมวนะ แมวกินแล้วคึก สงสัยเต่ากินแล้วค้าง นอนไม่หลับน่ะสิ ฮ่า ๆ ๆ สม ๆ” แมวหัวเราะเยาะเต่าที่กินไม่เลือก
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ของบางอย่างถูกกับคนหนึ่ง แต่อาจจะไม่ถูกกับอีกคนหนึ่งก็ได้
จบ.
อีสกเขียนเรื่องสั้น ๆ ไว้มากมายและเก็บไว้ในกล่อง จนกระทั่งแกตายไป แล้วลูกสาวแกถึงได้มาเจอโดยบังเอิญ และได้นำไปเสนอขายให้โรงพิมพ์ไปทำเป็นหนังสือ ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจนกลายเป็นเรื่องสั้นที่ไม่มีใครไม่เคยได้อ่านเลยทีเดียว