🌕มาลาริน/ฝ่ายไหนน่าห่วงคะ..พปชร.โชว์ปึ๊กองครักษ์พิทักษ์ลุงตู่/ก้าวไกลอัดสมาชิกพรรคองครักษ์หมอหนู/พท.คาดโทษคนโหวตสวนมติ



เม่าแพนด้าวันที่ 30 ส.ค. ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักบรรดาโดยมีแกนนำกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.) อาทิ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองหัวหน้าพรรคและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม , นายสมศักดิ์ เทพสุทินรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม , นายสุชาติ ชมกลิ่น กก.บห.และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน , นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, นายอนุชา นาคาศัย กก.บห.และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

และส.ส.ได้เดินทางเข้าร่วมประชุม ทั้งนี้บริเวณหน้าพรรคพปชร.ได้มีการชุมนุมนำโดย ป้าเป้า , ศิลปินเพลงเพื่อราษฎรและพวกร่วม 10 คน มาร้องเพลงไล่รัฐบาล ไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสน.พหลโยธินทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 10 ราย เพื่อสังเกตการณ์และดูแลความเรียบร้อย
 
สำหรับบรรยากาศการประชุมนัดแรกเพื่อเตรียมความพร้อมศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 31 สิงหาคม – 3 กันยายนและลงมติ 4 กันยายน โดยก่อนหน้านี้พรรคพปชร.ได้งดประชุมพรรคเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19และมาตรการจากศบค. ทั้งนี้การประชุมครั้งนี้เป็นไปตามมาตรการสาธารณสุข โดยให้ส.ส.ผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนตรวจแอนติเจน เทสต์คิท หรือ เอทีเคก่อนเข้าประชุมในครั้งนี้ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะก่อนเริ่มการประชุมในเวลา 15.00 น. นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในวันพรุ่งนี้ (31 ส.ค.) ว่า มั่นใจรัฐมนตรีทุกคนจะสามารถตอบได้ ปัญหาโควิดเป็นทั่วโลก ซึ่งรัฐบาลก็ทำงานตลอดเวลา ทำงานเยอะมาก แล้ววันนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็เหนื่อยมาก ต้องให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวมีการจับขั้วอำนาจใหม่เลื่อยขาเก้าอีกนายกรัฐมนตรี นายสันติ กล่าวยืนยันว่า ไม่มีไม่ต้องเป็นห่วง เมื่อถามว่าหลังศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจจะมีการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลหรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรี ตนพูดไม่ได้และตนคิดว่าต้องมั่นใจในตัวนายกรัฐมนตรี ส่วนเสถียรภาพพรรคร่วมรัฐบาล ตนยังคงมั่นใจ เพราะนายกรัฐมนตรีทำงานเพื่อบ้านเมือง และนายกรัฐมนตรีพูดตลอดเวลาว่า สิ่งที่นายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณ แก้ไขปัญหาโควิด ก็ทำในฐานะที่เป็นรัฐบาล ไม่ได้ทำในฐานะที่เป็นพรรคนู้นพรรคนี้ ดังนั้นโดยมีจุดยืนที่มั่นคงและแนวคิดคือพัฒนาบ้านเมือง
เมื่อถามถึงกระแสข่าวพรรคพปชร.จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสันติ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เหมาที่จะเอามาพูดการปรับหรือไม่ปรับเป็นอำนาจนายกรัฐมนตรี และพรรคไม่เคยมีการพูดคุยกันเรื่องนี้

เมื่อถามถึงกระแสข่าวจะมีการโหวตคว่ำนายกรัฐมนตรีในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสันติ กล่าวว่า เชื่อว่านักข่าวทุกคนรู้ เฟคนิวส์หรือข่าวลือในแง่ลบมันก็มีตลอด พวกเราต้องเข้มแข็งและยึดมั่น ในสิ่งที่ถูกต้องและยึดมั่นในตัวนายกรัฐมนตรี ให้กำลังใจ ให้พล.อ.ประยุทธ์กล้าตัดสินใจฟันฝ่าอุปสรรค อันใหญ่หลวงทั้งเรื่องโควิด-19ที่ทำให้เศรษฐกิจอ่อนแอ จึงต้องให้พลังนายกรัฐมนตรีกล้าตัดสินใจในหลายเรื่องพปชร.ก็ต้องเชื่อมั่นใจตัวพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพปชร.ที่ดูแลรัฐบาลอย่างดี

เมื่อถามว่าแสดงว่า 3 ป.ยังรักกันดีใช่หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า โอ้ยเขารักกัน ทั้ง 3 คนเราก็รู้ว่า ทำเพื่อบ้านเมืองประเทศชาติเป็นหลักไม่สนไม่ได้คิดถึงตัวเองด้วยซ้ำเอาเป็นว่าอยากให้รัฐบาลแข็งแรง

ทั้งนี้การประชุมได้เริ่มเวลา 15.00 น. โดยการประชุมวันนี้ นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพปชร. และนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพปชร. เป็นประธานการประชุม ซึ่งนายวิรัชแจงในห้องประชุมว่ามีองครักษ์พิทักษ์นายกรัฐมนตรี 20 คน ด้านนายไพบูลย์อ่านข้อบังคับพรรคเรื่องการโหวตและย้ำว่า “ส.ส.มีเอกสิทธิ์แต่ต้องดำรงไว้ซึ่งฐานะสมาชิกพรรค “ ก่อนเสร็จสิ้นเวลา 15.23 น. ใช้เวลาการประชุมประมาณ 30 นาที ก่อนที่จากนั้นทางส.ส.แยกย้ายขึ้นรถกลับกันอย่างรวดเร็ว

หลังจากประชุมเสร็จสิ้น นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ถึงทิศทางการในลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากเกิดกรณีมี ส.ส.โหวตกับแนวทางพรรคจะทำอย่างไร ว่า ในที่ประชุมมีการกำชับเฉพาะในส่วนของผู้ดูแลระหว่างการอภิปราย เตรียมไว้ประมาณ 20 คน ส่วนของพรรคภูมิใจไทย 10-15 คน พรรคประชาธิปัตย์มีประมาณ 10 คน และยังมีหลายพรรคที่ต้องร่วมด้วย ส่วนท่าทีการโหวตน่าจะเป็นในทิศทางเดียวกัน พูดได้เท่านี้ อย่างไรก็ตาม การอภิปรายของฝ่ายค้านเราก็ต้องฟังข้อมูล แล้วนำมาวินิจฉัยพิจารณากัน แต่ถึงอย่างไรจะไปในทิศทางเดียวกัน ถึงอย่างไรก็ต้องดูแลพรรคร่วมรัฐบาล

เมื่อถามว่าได้มีการกำชับในเรื่องผลโหวตและมีบทลงโทษอะไรหรือไม่ในกรณีแหกมติพรรค นายวิรัช กล่าวว่า มันจะไปพูดอย่างนั้นในนาทีนี้ไม่ได้หรอก เพราะการจะไปกำหนดหรือคาดโทษอะไร เราก็ค่อยๆ คุย ค่อยๆ พูดกันดีกว่า ผมว่าทุกครั้งที่ผ่านมาก็ถือว่าดีแล้ว ดีมาก และดีที่สุด มี 3 ตัวเลือกเท่านั้น

เมื่อถามว่ายืนยันจะควบคุมสถานการณ์ได้ใช่หรือไม่ นายวิรัช กล่าวว่า สถานการณ์ไม่น่าจะมีอะไรหรอก แต่ข่าวที่ออกมาบางครั้งทำให้ตื่นเต้นหวือหวา ก็เหมือนหนังไตเติ้ล โหมโรง ก็ว่ากันไป แต่ไม่มีใครให้สัมภาษณ์ในลักษณะนี้ และตนพยายามไม่ให้สัมภาษณ์ เพราะประเด็นที่ให้สัมภาษณ์ไปบางครั้งเกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมาก็มองเหมือนกับว่าพรรคร่วมรัฐบาลอาจจะแตกแยกหรืออะไร ทั้งที่ไม่มีอะไรเลย เมื่อเช้าวันเดียวกัน (30 ส.ค.) พรรคร่วมรัฐบาลยังรักกัน มั่นคงเหนียวแน่น

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร กำชับอะไรมาหรือไม่ นายวิรัช กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรก็จะไปอยู่ประจำที่รัฐสภาทุกวัน ไปให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับขุนพลพิทักษ์นายรัฐมนตรี อาทิ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ , นายสิระ เจนจาคะส.ส.กทม. , นายรงค์บุญ สวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช , นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช, นายกรุงศรีวิไลสุทินเผือก ส.ส.สมุทรปรการ , นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ เป็นต้น

https://www.posttoday.com/politic/news/661880



วันที่ 30 ส.ค. นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีปรากฏรายชื่อของ นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อยู่ในทีมองครักษ์พิทักษ์นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรค ภท. ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่าหากมีจุดยืนที่แตกต่างกัน เดินทางไปต่อด้วยกันไม่ได้ก็ลาออก แล้วจะไปรับใช้ใครให้เต็มที่ แต่การกระทำเช่นนี้ไม่สง่างาม เหมือนคนหน้าไหว้หลังหลอก

นายณัฐชากล่าวว่า เป็นเพียงลิ่วล้อที่หวังได้ประโยชน์จากการทรยศเสียงของประชาชนเท่านั้น และนายอนุทินคือบุคคลที่มีหนี้ต้องชดใช้ให้ประชาชน ในสถานการณ์โควิด-19 มีผู้เสียชีวิตไปแล้วนับหมื่นคน บางคนตายข้างถนน บางคนตายคาบ้าน เหล่านี้ล้วนเป็นผลสืบเนื่องความล้มเหลวบนการบริหารงานของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข
  
“หากนายคารมยังเลือกที่จะโอบอุ้มความล้มเหลวที่ประชาชนต้องแบกรับด้วยชีวิต ศพแล้วศพเล่าเสียชีวิตไปไปจนเชิงตะกอนแทบไม่พอเผา หากไม่ช่วยทวงถามความรับผิดชอบแต่ยังปกป้อง ก็คงต้องบอกได้คำเดียวว่านี่เป็นการเนรคุณประชาชนอย่างถึงที่สุดของนายคารม

“ในฐานะโฆษกพรรคต้องอภัยประชาชนอีกครั้ง ขอฝากให้พี่น้องประชาชนร่วมจดจำว่าบุคคลเช่นนี้คือผู้ที่ทรยศต่อความไว้วางใจกับประชาชน” นายณัฐชากล่าว

https://www.posttoday.com/politic/news/661875


รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย (พท.) เผยว่า นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ทำหนังสือแจ้งให้สมาชิกทุกคนปฏิบัติตามมติพรรคในการลงมติ ไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลที่พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยมีรัฐมนตรีที่ถูกยื่นอภิปรายรวม 6 คน

ทั้งนี้ หากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคฝ่าฝืน ไม่มาประชุมเพื่อลงมติ หรือลงมติผิดไปจากนโยบายของพรรคข้างต้น พรรคถือว่า สมาชิกผู้นั้นกระทำการอันเป็นการผิดวินัยและจริยธรรมของการเป็นสมาชิกพรรคอย่างร้ายแรง ซึ่งมีโทษถึงขั้นให้พ้นจากสมาชิก โดยพรรคจะดำเนินการตามข้อบังคับพรรคอย่างเด็ดขาด

https://www.posttoday.com/politic/news/661874

แถมให้ค่ะ....อมยิ้ม05
โทนี’ จ่อเปิดคลัปเฮ้าส์สดๆ อภิปรายคู่ขนานศึกซักฟอก ขอ ไม่ไว้วางใจประยุทธ์ด้วยคน  



https://www.matichon.co.th/politics/news_2912366

เพี้ยนหัวเราะดิฉันดูแล้วที่น่าห่วงคือพรรคฝ่ายแค้นนะคะ มีปัญหาเพียบ 

พรรคหนึ่งก็มีคนปันใจออกห่าง  พรรคหนึ่งก็ห่วงสมาชิกจะโหวตสวนมติ

พรรคพปชร.โชว์ปึ๊ก องครักษ์พิทักษ์ลุงตู่  

ส่วนที่ข้ามลุงตู่ไม่ได้ ทั้งๆที่ลุงตู่ก้าวข้ามมานานแล้วคือ ทักษิณหนีคุก ยังข้ามโลกมาจากความฝัน มุ่งมั่นจะล้มลุง

ลุงตู่ยังมีสง่าราศรี  มีความเป็นผู้นำสูงกว่าบรรดาฝ้ายค้าน ยิ่งนานไปยิ่งมีคนเข้าใจในความเสียสละ มุ่งมั่นทำงาน หาใครมาแทนในตอนนี้ แทบไม่มีบารมีถึงเศษเสี้ยวของท่าน

แล้วทักษิณที่มีคดีตราหน้าว่าหนีคุกจะมาทำอะไรได้ ดีแต่พูดแต่ไม่มีใครเชื่อ  

ฝ่ายพรรคร่วมก็ต้องทำงานร่วมกัน มีคนพยายามเสี้ยมให้แตกกัน แต่ก็ไม่สำเร็จ

เห็นว่าฝ่ายแค้นคุยอวดจะล้มลุง  มาคอยดูกันว่าฝ่ายไหนจะพ่ายในสภากันนะคะ 

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 15
นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ผ่านระบบ Video Conference) 30 สิงหาคม 2564
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ผ่านระบบ Video Conference)
ณ ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
วันที่ 30 สิงหาคม 2564

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
[LIVE] คณะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงผลการประชุม ครม.  ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล
https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/videos/216430377117534/ (มีคลิป)


นายกฯ เร่งช่วยเหลือและพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือนตามแผน 5 มิติ

นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ประชุมติดตามการขับเคลื่อนบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการบูรณาการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือนตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกฯ ให้ครอบคลุมตามแผน 5 มิติ ได้แก่ ด้านรายได้ ด้านสุขภาพ ด้านการศึกษา ด้านความเป็นอยู่ และด้านการเข้าถึงบริการของรัฐ ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมี นายพีระ ทองโพธิ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม

ที่ประชุมรับทราบผลการขับเคลื่อนงานตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ หรือ MOU  ในประเด็นที่ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง เช่น การสนับสนุนถุงยังชีพ หรือ ถุงกำลังใจ สู้ภัยโควิด – 19 โดยใช้งบประมาณจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี และบัญชีเงินบริจาคสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อรับบริจาคสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคโควิด-19 งบประมาณส่วนหนึ่งมาจากเงินบริจาคของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี

ในภาพรวมได้สนับสนุนถุงยังชีพไปแล้วจำนวน 61,644 ราย ทั่วประเทศ และรับทราบผลการดำเนินโครงการ/กิจกรรมของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การจ่ายเงินสวัสดิการแก่ผู้สูงอายุ ผู้พิการ การให้ทุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนที่ผู้ปกครองมีรายได้น้อย การฉีควัคซีนให้กับกลุ่มเปราะบาง การอบรมพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางผ่านระบบออนไลน์ การช่วยเหลือด้านการศึกษา การชดเชยและเยียวยาด้านรายได้ เป็นต้น
https://web.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/6737150232977106


นายกฯ พร้อมชี้แจงข้อเท็จจริงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ห่วงการลงมติ ถือเป็นกลไกทางสภาฯ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ระบุถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล และรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ระหว่างวันที่ 31 ส.ค. - 3 ก.ย.นี้ว่า นายกฯ มีความพร้อมในการชี้แจงข้อเท็จจริงด้วยเจตนาบริสุทธิ์ การแก้ปัญหาโควิด-19 ได้ดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข และได้หารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง พร้อมดูตัวอย่างจากต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาด้วย

การลงมติจะเป็นส่วนสำคัญในการชี้วัดความมั่นคงของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น มองว่าถือเป็นกลไกของสภาฯ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

ส่วนการชุมนุมในวันที่ 2-3 ก.ย.นั้น นายกฯ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายดูแลให้ดี ขออย่าให้มีการกระทำผิดกฎหมาย และอย่าละเมิดสิทธิของผู้อื่น ปฎิบัติตามหลักสากล และฝากถึงประชาชนให้มีความระมัดระวังด้วย
https://web.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/6736644226361040


นายกฯ ย้ำศธ. ติดตามเงินเยียวยา นร. ต้องถึงมือผู้ปกครองเต็มจำนวน ห้ามหักค่าเทอมเด็ดขาด

ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ เตรียมจ่ายเงินเยียวยา นร./ผปค. 2,000 บาท พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ปกครองหลายช่องทางว่าโรงเรียนบางแห่ง โดยเฉพาะโรงเรียนเอกชนแจ้งกับผู้ปกครองว่า จะหักเงินเยียวยากับผู้ปกครองที่ค้างค่าเทอมภาคเรียนที่ 1 ซึ่งจะทำให้ผู้ปกครองไม่ได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาล

นายกฯ จึงย้ำกระทรวงศึกษาธิการ ติดตามและตรวจสอบระบบการจ่ายเงินอย่างใกล้ชิด โดยเงินทุกบาทต้องถึงมือผู้ปกครอง ห้ามโรงเรียนหักเก็บค่าเทอมหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆอย่างเด็ดขาด เพราะถือว่าผิดจุดประสงค์ โรงเรียนมีหน้าที่จ่ายเงินให้กับผู้ปกครองเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์เก็บเงินดังกล่าวไว้
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/6735028913189238


นายกรัฐมนตรี มอบหน่วยงานเกี่ยวข้องติดตามการเปิดเดินรถโดยสาร อากาศยาน ให้บริการข้ามจังหวัดจากพื้นที่สีแดงเข้ม ย้ำยังต้องเข้มมาตรการเฝ้าระวังโรค และปฏิบัติตามมาตรการจังหวัดปลายทาง  

(30  ส.ค.) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่มติที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคบางส่วน ซึ่งรวมถึงการอนุญาตให้การขนส่งสาธารณะข้ามจังหวัด โดยเฉพาะการการเดินทางเข้า-ออกจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือสีแดงเข้มให้สามารถดำเนินการ โดยกำหนดจำนวนผู้โดยสารไม่เกิน 75% ของความผู้โดยสาร ของพาหนะแต่ละประเภท มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2564 เป็นต้นไป

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตา มกำกับดูแลการกลับมาเปิดให้บริการทั้งในส่วนของรถโดยสารสาธารณะ รถตู้ รวมถึงอากาศยาน ให้ดำเนินตามมาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคที่ยังต้องเข้มงวด และต้องเป็นไปตามแนวปฏิบัติในข้อกำหนดออกตามความในมาตรา9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 32 ซึ่งลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2564  

ในส่วนของประชาชนที่มีความจำเป็นต้องเป็นต้องเดินทางข้ามจังหวัดในช่วงเวลานี้ ก็ขอความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวด ตามแนวทางการป้องกันโรคในทุกกรณีทุกโอกาส หรือ Universal Prevention และขอให้ติดตามข้อมูลก่อนการเดินทางว่าจังหวัดปลายทางที่จะเดินทางไปนั้นมีมาตรการป้องกันโรคอย่างไร ผู้เดินทางจากพื้นที่ต่างๆ จะต้องปฏิบัติตนอย่างไร เนื่องจาก ศบค. ผ่อนคลายให้เกิดการเดินทางได้มากขึ้น แต่ทุกจังหวัดก็ยังมีมาตรการเฉพาะพื้นที่

ส่วนประชาชนซึ่งเป็นผู้ป่วยโควิด-19 ที่ต้องการเดินทางกลับไปรักษาตัว ณ ภูมิลำเนา ยังขอให้เป็นการเดินทางตามระบบในโครงการรับคนกลับบ้าน/รับผู้ป่วยกลับภูมิลำเนา โดยประสานงานผ่านสายด่วน สปสช. 1330 กด 15  ไม่เดินทางกลับเอง ทั้งนี้เพื่อการส่งตัวปลอดภัยทั้งต่อผู้ป่วยและประชาชนทั่วไป

“ศบค.เริ่มผ่อนคลายให้ระบบขนส่งสาธารณะโดยเฉพาะในพื้นที่สีแดงเข้มเริ่มกลับมาให้บริการได้ ท่านนายกรัฐมนตรียังได้กำชับและมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข รวมถึงหน่วยงานในพื้นที่ให้ร่วมกันติดตามดูแลการให้ดำเนินมาตรการต่างๆของผู้ให้บริการ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับทั้งประชาชนและพนักงานผู้ให้บริการ และหากดำเนินการไปได้ราบรื่นก็จะนำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการต่างๆที่เพิ่มขึ้นในระยะต่อไปได้” น.ส.ไตรศุลี กล่าว
https://www.facebook.com/ttraisuree/posts/593220738723378


รมต.นร. มอบถุงยังชีพ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยกลุ่มเปราะบาง เยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง จ.ปทุมธานี

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ลงพื้นที่เทศบาลตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นแก่ประชาชนกลุ่มเปราะบาง อาทิ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพราะมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดโควิด-19 โดยได้จัดเตรียมถุงยังชีพ 1,320 ชุด มอบให้กลุ่มเปราะบางดังกล่าว และคณะยังได้เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพแก่ผู้ป่วยติดเตียง 3 ราย คือ นางอารมณ์ แตงเทศ อายุ 81 ปี นางสาวสุกัลยา หวังเนียม อายุ 47 ปี และ นางสาวสุกันยา เลาะประสิทธิ์ อายุ 45 ปี

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนทุกคน ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด ไม่ประมาท โดยสวมหน้ากากอนามัยและหมั่นล้างมือเป็นประจำ เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 หากทุกคนร่วมมือกัน มั่นใจว่าประเทศไทยจะผ่านวิกฤตินี้ไปได้
https://web.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/6737228472969282


ปภ.เร่งระดมสูบน้ำสมุทรปราการเต็มกำลัง หากไม่มีฝนตก สถานการณ์จะคลี่คลาย

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดสมุทรปราการ ล่าสุดยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมและถนนบางเส้นทาง เจ้าหน้าที่เร่งระดมสูบน้ำอย่างต่อเนื่อง คาดว่าภายใน 24 ชม. หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่ม สถานการณ์จะคลี่คลาย

สถานการณ์ขณะนี้ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมและถนนในบางเส้นทาง โดยถนนสายหลักรถสามารถสัญจรผ่านได้แล้ว สำหรับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 อำเภอ ซึ่งอยู่นอกเขตนิคมอุตสาหกรรมบางปู ได้แก่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ อำเภอบางบ่อ อำเภอบางพลี และอำเภอบางเสาธง เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังเข้าดูแลด้านชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยตั้งโรงครัวพระราชทานประกอบอาหารมอบให้แก่ประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น รวมถึงดูแลความปลอดภัยด้านกระแสไฟฟ้า

ด้านการช่วยเหลือ ได้ระดมกำลังเข้าดูแลด้านชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยตั้งโรงครัวพระราชทาน รถผลิตน้ำดื่ม ดูแลด้านอาหารและน้ำดื่ม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้ว

แจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชม.
https://web.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/6737253326300130


อนุมัติงบ ให้ ‘กรมประชาสัมพันธ์’ เดินหน้าโครงการรณรงค์เอาชนะโควิดตามมาตรการเร่งด่วน

น.ส.ไตรศุลี  ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 30 ส.ค. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 105.59  ล้านบาท ให้กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการรณรงค์เอาชนะโควิดตามมาตรการเร่งด่วน (Thailand Prevention) สำหรับผลิตและเผยแพร่สื่อประชาสัมพันธ์เพื่อการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์อันมีผลกระทบอันเนื่องมาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) เฉพาะกิจกรรมที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการในระยะเร่งด่วน หรือภายในเดือนธันวาคม2564  โดยคำนึงถึงความเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

ทั้งนี้ กรมประชาสัมพันธ์ ระบุว่า มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องสร้างความรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชน ในการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมทั้งเกิดการเผยแพร่ข่าวปลอม การบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร(Fake News) เป็นจำนวนมาก ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน เข้าใจผิด และอาจเกิดปัญหาความขัดแย้งบานปลายได้

การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง รวดเร็ว รวมทั้งการสร้างความรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์ มาตรการแก้ไขปัญหา วิธีปฏิบัติตน และการรับการเยียวยาจากภาครัฐ จึงเป็นเรื่องสำคัญจำเป็นเร่งด่วน  ที่กรมประชาสัมพันธ์ในฐานะหน่วยงานสื่อภาครัฐต้องเร่งดำเนินการร่วมกับหน่วยงานสื่อทุกภาคส่วนของประเทศ
https://www.facebook.com/ttraisuree/posts/593374428708009
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่