คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 15
นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ผ่านระบบ Video Conference) 30 สิงหาคม 2564

นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ผ่านระบบ Video Conference)
ณ ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
วันที่ 30 สิงหาคม 2564

[LIVE] คณะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงผลการประชุม ครม. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล
https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/videos/216430377117534/ (มีคลิป)

นายกฯ เร่งช่วยเหลือและพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือนตามแผน 5 มิติ
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ประชุมติดตามการขับเคลื่อนบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการบูรณาการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือนตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกฯ ให้ครอบคลุมตามแผน 5 มิติ ได้แก่ ด้านรายได้ ด้านสุขภาพ ด้านการศึกษา ด้านความเป็นอยู่ และด้านการเข้าถึงบริการของรัฐ ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมี นายพีระ ทองโพธิ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม
ที่ประชุมรับทราบผลการขับเคลื่อนงานตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ หรือ MOU ในประเด็นที่ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง เช่น การสนับสนุนถุงยังชีพ หรือ ถุงกำลังใจ สู้ภัยโควิด – 19 โดยใช้งบประมาณจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี และบัญชีเงินบริจาคสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อรับบริจาคสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคโควิด-19 งบประมาณส่วนหนึ่งมาจากเงินบริจาคของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี
ในภาพรวมได้สนับสนุนถุงยังชีพไปแล้วจำนวน 61,644 ราย ทั่วประเทศ และรับทราบผลการดำเนินโครงการ/กิจกรรมของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การจ่ายเงินสวัสดิการแก่ผู้สูงอายุ ผู้พิการ การให้ทุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนที่ผู้ปกครองมีรายได้น้อย การฉีควัคซีนให้กับกลุ่มเปราะบาง การอบรมพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางผ่านระบบออนไลน์ การช่วยเหลือด้านการศึกษา การชดเชยและเยียวยาด้านรายได้ เป็นต้น
https://web.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/6737150232977106

นายกฯ พร้อมชี้แจงข้อเท็จจริงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ห่วงการลงมติ ถือเป็นกลไกทางสภาฯ
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ระบุถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล และรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ระหว่างวันที่ 31 ส.ค. - 3 ก.ย.นี้ว่า นายกฯ มีความพร้อมในการชี้แจงข้อเท็จจริงด้วยเจตนาบริสุทธิ์ การแก้ปัญหาโควิด-19 ได้ดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข และได้หารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง พร้อมดูตัวอย่างจากต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาด้วย
การลงมติจะเป็นส่วนสำคัญในการชี้วัดความมั่นคงของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น มองว่าถือเป็นกลไกของสภาฯ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
ส่วนการชุมนุมในวันที่ 2-3 ก.ย.นั้น นายกฯ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายดูแลให้ดี ขออย่าให้มีการกระทำผิดกฎหมาย และอย่าละเมิดสิทธิของผู้อื่น ปฎิบัติตามหลักสากล และฝากถึงประชาชนให้มีความระมัดระวังด้วย
https://web.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/6736644226361040

นายกฯ ย้ำศธ. ติดตามเงินเยียวยา นร. ต้องถึงมือผู้ปกครองเต็มจำนวน ห้ามหักค่าเทอมเด็ดขาด
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ เตรียมจ่ายเงินเยียวยา นร./ผปค. 2,000 บาท พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ปกครองหลายช่องทางว่าโรงเรียนบางแห่ง โดยเฉพาะโรงเรียนเอกชนแจ้งกับผู้ปกครองว่า จะหักเงินเยียวยากับผู้ปกครองที่ค้างค่าเทอมภาคเรียนที่ 1 ซึ่งจะทำให้ผู้ปกครองไม่ได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาล
นายกฯ จึงย้ำกระทรวงศึกษาธิการ ติดตามและตรวจสอบระบบการจ่ายเงินอย่างใกล้ชิด โดยเงินทุกบาทต้องถึงมือผู้ปกครอง ห้ามโรงเรียนหักเก็บค่าเทอมหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆอย่างเด็ดขาด เพราะถือว่าผิดจุดประสงค์ โรงเรียนมีหน้าที่จ่ายเงินให้กับผู้ปกครองเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์เก็บเงินดังกล่าวไว้
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/6735028913189238

นายกรัฐมนตรี มอบหน่วยงานเกี่ยวข้องติดตามการเปิดเดินรถโดยสาร อากาศยาน ให้บริการข้ามจังหวัดจากพื้นที่สีแดงเข้ม ย้ำยังต้องเข้มมาตรการเฝ้าระวังโรค และปฏิบัติตามมาตรการจังหวัดปลายทาง
(30 ส.ค.) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่มติที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคบางส่วน ซึ่งรวมถึงการอนุญาตให้การขนส่งสาธารณะข้ามจังหวัด โดยเฉพาะการการเดินทางเข้า-ออกจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือสีแดงเข้มให้สามารถดำเนินการ โดยกำหนดจำนวนผู้โดยสารไม่เกิน 75% ของความผู้โดยสาร ของพาหนะแต่ละประเภท มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2564 เป็นต้นไป
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตา มกำกับดูแลการกลับมาเปิดให้บริการทั้งในส่วนของรถโดยสารสาธารณะ รถตู้ รวมถึงอากาศยาน ให้ดำเนินตามมาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคที่ยังต้องเข้มงวด และต้องเป็นไปตามแนวปฏิบัติในข้อกำหนดออกตามความในมาตรา9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 32 ซึ่งลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2564
ในส่วนของประชาชนที่มีความจำเป็นต้องเป็นต้องเดินทางข้ามจังหวัดในช่วงเวลานี้ ก็ขอความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวด ตามแนวทางการป้องกันโรคในทุกกรณีทุกโอกาส หรือ Universal Prevention และขอให้ติดตามข้อมูลก่อนการเดินทางว่าจังหวัดปลายทางที่จะเดินทางไปนั้นมีมาตรการป้องกันโรคอย่างไร ผู้เดินทางจากพื้นที่ต่างๆ จะต้องปฏิบัติตนอย่างไร เนื่องจาก ศบค. ผ่อนคลายให้เกิดการเดินทางได้มากขึ้น แต่ทุกจังหวัดก็ยังมีมาตรการเฉพาะพื้นที่
ส่วนประชาชนซึ่งเป็นผู้ป่วยโควิด-19 ที่ต้องการเดินทางกลับไปรักษาตัว ณ ภูมิลำเนา ยังขอให้เป็นการเดินทางตามระบบในโครงการรับคนกลับบ้าน/รับผู้ป่วยกลับภูมิลำเนา โดยประสานงานผ่านสายด่วน สปสช. 1330 กด 15 ไม่เดินทางกลับเอง ทั้งนี้เพื่อการส่งตัวปลอดภัยทั้งต่อผู้ป่วยและประชาชนทั่วไป
“ศบค.เริ่มผ่อนคลายให้ระบบขนส่งสาธารณะโดยเฉพาะในพื้นที่สีแดงเข้มเริ่มกลับมาให้บริการได้ ท่านนายกรัฐมนตรียังได้กำชับและมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข รวมถึงหน่วยงานในพื้นที่ให้ร่วมกันติดตามดูแลการให้ดำเนินมาตรการต่างๆของผู้ให้บริการ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับทั้งประชาชนและพนักงานผู้ให้บริการ และหากดำเนินการไปได้ราบรื่นก็จะนำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการต่างๆที่เพิ่มขึ้นในระยะต่อไปได้” น.ส.ไตรศุลี กล่าว
https://www.facebook.com/ttraisuree/posts/593220738723378

รมต.นร. มอบถุงยังชีพ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยกลุ่มเปราะบาง เยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง จ.ปทุมธานี
นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ลงพื้นที่เทศบาลตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นแก่ประชาชนกลุ่มเปราะบาง อาทิ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพราะมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดโควิด-19 โดยได้จัดเตรียมถุงยังชีพ 1,320 ชุด มอบให้กลุ่มเปราะบางดังกล่าว และคณะยังได้เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพแก่ผู้ป่วยติดเตียง 3 ราย คือ นางอารมณ์ แตงเทศ อายุ 81 ปี นางสาวสุกัลยา หวังเนียม อายุ 47 ปี และ นางสาวสุกันยา เลาะประสิทธิ์ อายุ 45 ปี
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนทุกคน ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด ไม่ประมาท โดยสวมหน้ากากอนามัยและหมั่นล้างมือเป็นประจำ เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 หากทุกคนร่วมมือกัน มั่นใจว่าประเทศไทยจะผ่านวิกฤตินี้ไปได้
https://web.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/6737228472969282

ปภ.เร่งระดมสูบน้ำสมุทรปราการเต็มกำลัง หากไม่มีฝนตก สถานการณ์จะคลี่คลาย
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดสมุทรปราการ ล่าสุดยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมและถนนบางเส้นทาง เจ้าหน้าที่เร่งระดมสูบน้ำอย่างต่อเนื่อง คาดว่าภายใน 24 ชม. หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่ม สถานการณ์จะคลี่คลาย
สถานการณ์ขณะนี้ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมและถนนในบางเส้นทาง โดยถนนสายหลักรถสามารถสัญจรผ่านได้แล้ว สำหรับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 อำเภอ ซึ่งอยู่นอกเขตนิคมอุตสาหกรรมบางปู ได้แก่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ อำเภอบางบ่อ อำเภอบางพลี และอำเภอบางเสาธง เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังเข้าดูแลด้านชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยตั้งโรงครัวพระราชทานประกอบอาหารมอบให้แก่ประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น รวมถึงดูแลความปลอดภัยด้านกระแสไฟฟ้า
ด้านการช่วยเหลือ ได้ระดมกำลังเข้าดูแลด้านชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยตั้งโรงครัวพระราชทาน รถผลิตน้ำดื่ม ดูแลด้านอาหารและน้ำดื่ม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้ว
แจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชม.
https://web.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/6737253326300130

อนุมัติงบ ให้ ‘กรมประชาสัมพันธ์’ เดินหน้าโครงการรณรงค์เอาชนะโควิดตามมาตรการเร่งด่วน
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 30 ส.ค. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 105.59 ล้านบาท ให้กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการรณรงค์เอาชนะโควิดตามมาตรการเร่งด่วน (Thailand Prevention) สำหรับผลิตและเผยแพร่สื่อประชาสัมพันธ์เพื่อการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์อันมีผลกระทบอันเนื่องมาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) เฉพาะกิจกรรมที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการในระยะเร่งด่วน หรือภายในเดือนธันวาคม2564 โดยคำนึงถึงความเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ทั้งนี้ กรมประชาสัมพันธ์ ระบุว่า มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องสร้างความรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชน ในการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมทั้งเกิดการเผยแพร่ข่าวปลอม การบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร(Fake News) เป็นจำนวนมาก ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน เข้าใจผิด และอาจเกิดปัญหาความขัดแย้งบานปลายได้
การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง รวดเร็ว รวมทั้งการสร้างความรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์ มาตรการแก้ไขปัญหา วิธีปฏิบัติตน และการรับการเยียวยาจากภาครัฐ จึงเป็นเรื่องสำคัญจำเป็นเร่งด่วน ที่กรมประชาสัมพันธ์ในฐานะหน่วยงานสื่อภาครัฐต้องเร่งดำเนินการร่วมกับหน่วยงานสื่อทุกภาคส่วนของประเทศ
https://www.facebook.com/ttraisuree/posts/593374428708009

นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ผ่านระบบ Video Conference)
ณ ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
วันที่ 30 สิงหาคม 2564

[LIVE] คณะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงผลการประชุม ครม. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล
https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/videos/216430377117534/ (มีคลิป)

นายกฯ เร่งช่วยเหลือและพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือนตามแผน 5 มิติ
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ประชุมติดตามการขับเคลื่อนบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการบูรณาการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือนตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกฯ ให้ครอบคลุมตามแผน 5 มิติ ได้แก่ ด้านรายได้ ด้านสุขภาพ ด้านการศึกษา ด้านความเป็นอยู่ และด้านการเข้าถึงบริการของรัฐ ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมี นายพีระ ทองโพธิ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม
ที่ประชุมรับทราบผลการขับเคลื่อนงานตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ หรือ MOU ในประเด็นที่ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง เช่น การสนับสนุนถุงยังชีพ หรือ ถุงกำลังใจ สู้ภัยโควิด – 19 โดยใช้งบประมาณจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี และบัญชีเงินบริจาคสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อรับบริจาคสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคโควิด-19 งบประมาณส่วนหนึ่งมาจากเงินบริจาคของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี
ในภาพรวมได้สนับสนุนถุงยังชีพไปแล้วจำนวน 61,644 ราย ทั่วประเทศ และรับทราบผลการดำเนินโครงการ/กิจกรรมของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การจ่ายเงินสวัสดิการแก่ผู้สูงอายุ ผู้พิการ การให้ทุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนที่ผู้ปกครองมีรายได้น้อย การฉีควัคซีนให้กับกลุ่มเปราะบาง การอบรมพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางผ่านระบบออนไลน์ การช่วยเหลือด้านการศึกษา การชดเชยและเยียวยาด้านรายได้ เป็นต้น
https://web.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/6737150232977106

นายกฯ พร้อมชี้แจงข้อเท็จจริงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ห่วงการลงมติ ถือเป็นกลไกทางสภาฯ
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ระบุถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล และรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ระหว่างวันที่ 31 ส.ค. - 3 ก.ย.นี้ว่า นายกฯ มีความพร้อมในการชี้แจงข้อเท็จจริงด้วยเจตนาบริสุทธิ์ การแก้ปัญหาโควิด-19 ได้ดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข และได้หารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง พร้อมดูตัวอย่างจากต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาด้วย
การลงมติจะเป็นส่วนสำคัญในการชี้วัดความมั่นคงของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น มองว่าถือเป็นกลไกของสภาฯ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
ส่วนการชุมนุมในวันที่ 2-3 ก.ย.นั้น นายกฯ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายดูแลให้ดี ขออย่าให้มีการกระทำผิดกฎหมาย และอย่าละเมิดสิทธิของผู้อื่น ปฎิบัติตามหลักสากล และฝากถึงประชาชนให้มีความระมัดระวังด้วย
https://web.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/6736644226361040

นายกฯ ย้ำศธ. ติดตามเงินเยียวยา นร. ต้องถึงมือผู้ปกครองเต็มจำนวน ห้ามหักค่าเทอมเด็ดขาด
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ เตรียมจ่ายเงินเยียวยา นร./ผปค. 2,000 บาท พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ปกครองหลายช่องทางว่าโรงเรียนบางแห่ง โดยเฉพาะโรงเรียนเอกชนแจ้งกับผู้ปกครองว่า จะหักเงินเยียวยากับผู้ปกครองที่ค้างค่าเทอมภาคเรียนที่ 1 ซึ่งจะทำให้ผู้ปกครองไม่ได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาล
นายกฯ จึงย้ำกระทรวงศึกษาธิการ ติดตามและตรวจสอบระบบการจ่ายเงินอย่างใกล้ชิด โดยเงินทุกบาทต้องถึงมือผู้ปกครอง ห้ามโรงเรียนหักเก็บค่าเทอมหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆอย่างเด็ดขาด เพราะถือว่าผิดจุดประสงค์ โรงเรียนมีหน้าที่จ่ายเงินให้กับผู้ปกครองเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์เก็บเงินดังกล่าวไว้
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/6735028913189238

นายกรัฐมนตรี มอบหน่วยงานเกี่ยวข้องติดตามการเปิดเดินรถโดยสาร อากาศยาน ให้บริการข้ามจังหวัดจากพื้นที่สีแดงเข้ม ย้ำยังต้องเข้มมาตรการเฝ้าระวังโรค และปฏิบัติตามมาตรการจังหวัดปลายทาง
(30 ส.ค.) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่มติที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคบางส่วน ซึ่งรวมถึงการอนุญาตให้การขนส่งสาธารณะข้ามจังหวัด โดยเฉพาะการการเดินทางเข้า-ออกจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือสีแดงเข้มให้สามารถดำเนินการ โดยกำหนดจำนวนผู้โดยสารไม่เกิน 75% ของความผู้โดยสาร ของพาหนะแต่ละประเภท มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2564 เป็นต้นไป
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตา มกำกับดูแลการกลับมาเปิดให้บริการทั้งในส่วนของรถโดยสารสาธารณะ รถตู้ รวมถึงอากาศยาน ให้ดำเนินตามมาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคที่ยังต้องเข้มงวด และต้องเป็นไปตามแนวปฏิบัติในข้อกำหนดออกตามความในมาตรา9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 32 ซึ่งลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2564
ในส่วนของประชาชนที่มีความจำเป็นต้องเป็นต้องเดินทางข้ามจังหวัดในช่วงเวลานี้ ก็ขอความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวด ตามแนวทางการป้องกันโรคในทุกกรณีทุกโอกาส หรือ Universal Prevention และขอให้ติดตามข้อมูลก่อนการเดินทางว่าจังหวัดปลายทางที่จะเดินทางไปนั้นมีมาตรการป้องกันโรคอย่างไร ผู้เดินทางจากพื้นที่ต่างๆ จะต้องปฏิบัติตนอย่างไร เนื่องจาก ศบค. ผ่อนคลายให้เกิดการเดินทางได้มากขึ้น แต่ทุกจังหวัดก็ยังมีมาตรการเฉพาะพื้นที่
ส่วนประชาชนซึ่งเป็นผู้ป่วยโควิด-19 ที่ต้องการเดินทางกลับไปรักษาตัว ณ ภูมิลำเนา ยังขอให้เป็นการเดินทางตามระบบในโครงการรับคนกลับบ้าน/รับผู้ป่วยกลับภูมิลำเนา โดยประสานงานผ่านสายด่วน สปสช. 1330 กด 15 ไม่เดินทางกลับเอง ทั้งนี้เพื่อการส่งตัวปลอดภัยทั้งต่อผู้ป่วยและประชาชนทั่วไป
“ศบค.เริ่มผ่อนคลายให้ระบบขนส่งสาธารณะโดยเฉพาะในพื้นที่สีแดงเข้มเริ่มกลับมาให้บริการได้ ท่านนายกรัฐมนตรียังได้กำชับและมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข รวมถึงหน่วยงานในพื้นที่ให้ร่วมกันติดตามดูแลการให้ดำเนินมาตรการต่างๆของผู้ให้บริการ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับทั้งประชาชนและพนักงานผู้ให้บริการ และหากดำเนินการไปได้ราบรื่นก็จะนำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการต่างๆที่เพิ่มขึ้นในระยะต่อไปได้” น.ส.ไตรศุลี กล่าว
https://www.facebook.com/ttraisuree/posts/593220738723378

รมต.นร. มอบถุงยังชีพ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยกลุ่มเปราะบาง เยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง จ.ปทุมธานี
นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ลงพื้นที่เทศบาลตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นแก่ประชาชนกลุ่มเปราะบาง อาทิ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพราะมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดโควิด-19 โดยได้จัดเตรียมถุงยังชีพ 1,320 ชุด มอบให้กลุ่มเปราะบางดังกล่าว และคณะยังได้เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพแก่ผู้ป่วยติดเตียง 3 ราย คือ นางอารมณ์ แตงเทศ อายุ 81 ปี นางสาวสุกัลยา หวังเนียม อายุ 47 ปี และ นางสาวสุกันยา เลาะประสิทธิ์ อายุ 45 ปี
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนทุกคน ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด ไม่ประมาท โดยสวมหน้ากากอนามัยและหมั่นล้างมือเป็นประจำ เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 หากทุกคนร่วมมือกัน มั่นใจว่าประเทศไทยจะผ่านวิกฤตินี้ไปได้
https://web.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/6737228472969282

ปภ.เร่งระดมสูบน้ำสมุทรปราการเต็มกำลัง หากไม่มีฝนตก สถานการณ์จะคลี่คลาย
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดสมุทรปราการ ล่าสุดยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมและถนนบางเส้นทาง เจ้าหน้าที่เร่งระดมสูบน้ำอย่างต่อเนื่อง คาดว่าภายใน 24 ชม. หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่ม สถานการณ์จะคลี่คลาย
สถานการณ์ขณะนี้ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมและถนนในบางเส้นทาง โดยถนนสายหลักรถสามารถสัญจรผ่านได้แล้ว สำหรับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 อำเภอ ซึ่งอยู่นอกเขตนิคมอุตสาหกรรมบางปู ได้แก่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ อำเภอบางบ่อ อำเภอบางพลี และอำเภอบางเสาธง เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังเข้าดูแลด้านชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยตั้งโรงครัวพระราชทานประกอบอาหารมอบให้แก่ประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น รวมถึงดูแลความปลอดภัยด้านกระแสไฟฟ้า
ด้านการช่วยเหลือ ได้ระดมกำลังเข้าดูแลด้านชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยตั้งโรงครัวพระราชทาน รถผลิตน้ำดื่ม ดูแลด้านอาหารและน้ำดื่ม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้ว
แจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชม.
https://web.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/6737253326300130

อนุมัติงบ ให้ ‘กรมประชาสัมพันธ์’ เดินหน้าโครงการรณรงค์เอาชนะโควิดตามมาตรการเร่งด่วน
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 30 ส.ค. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 105.59 ล้านบาท ให้กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการรณรงค์เอาชนะโควิดตามมาตรการเร่งด่วน (Thailand Prevention) สำหรับผลิตและเผยแพร่สื่อประชาสัมพันธ์เพื่อการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์อันมีผลกระทบอันเนื่องมาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) เฉพาะกิจกรรมที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการในระยะเร่งด่วน หรือภายในเดือนธันวาคม2564 โดยคำนึงถึงความเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ทั้งนี้ กรมประชาสัมพันธ์ ระบุว่า มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องสร้างความรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชน ในการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมทั้งเกิดการเผยแพร่ข่าวปลอม การบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร(Fake News) เป็นจำนวนมาก ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน เข้าใจผิด และอาจเกิดปัญหาความขัดแย้งบานปลายได้
การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง รวดเร็ว รวมทั้งการสร้างความรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์ มาตรการแก้ไขปัญหา วิธีปฏิบัติตน และการรับการเยียวยาจากภาครัฐ จึงเป็นเรื่องสำคัญจำเป็นเร่งด่วน ที่กรมประชาสัมพันธ์ในฐานะหน่วยงานสื่อภาครัฐต้องเร่งดำเนินการร่วมกับหน่วยงานสื่อทุกภาคส่วนของประเทศ
https://www.facebook.com/ttraisuree/posts/593374428708009
แสดงความคิดเห็น
🌕มาลาริน/ฝ่ายไหนน่าห่วงคะ..พปชร.โชว์ปึ๊กองครักษ์พิทักษ์ลุงตู่/ก้าวไกลอัดสมาชิกพรรคองครักษ์หมอหนู/พท.คาดโทษคนโหวตสวนมติ
และส.ส.ได้เดินทางเข้าร่วมประชุม ทั้งนี้บริเวณหน้าพรรคพปชร.ได้มีการชุมนุมนำโดย ป้าเป้า , ศิลปินเพลงเพื่อราษฎรและพวกร่วม 10 คน มาร้องเพลงไล่รัฐบาล ไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสน.พหลโยธินทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 10 ราย เพื่อสังเกตการณ์และดูแลความเรียบร้อย
สำหรับบรรยากาศการประชุมนัดแรกเพื่อเตรียมความพร้อมศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 31 สิงหาคม – 3 กันยายนและลงมติ 4 กันยายน โดยก่อนหน้านี้พรรคพปชร.ได้งดประชุมพรรคเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19และมาตรการจากศบค. ทั้งนี้การประชุมครั้งนี้เป็นไปตามมาตรการสาธารณสุข โดยให้ส.ส.ผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนตรวจแอนติเจน เทสต์คิท หรือ เอทีเคก่อนเข้าประชุมในครั้งนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะก่อนเริ่มการประชุมในเวลา 15.00 น. นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในวันพรุ่งนี้ (31 ส.ค.) ว่า มั่นใจรัฐมนตรีทุกคนจะสามารถตอบได้ ปัญหาโควิดเป็นทั่วโลก ซึ่งรัฐบาลก็ทำงานตลอดเวลา ทำงานเยอะมาก แล้ววันนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็เหนื่อยมาก ต้องให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวมีการจับขั้วอำนาจใหม่เลื่อยขาเก้าอีกนายกรัฐมนตรี นายสันติ กล่าวยืนยันว่า ไม่มีไม่ต้องเป็นห่วง เมื่อถามว่าหลังศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจจะมีการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลหรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรี ตนพูดไม่ได้และตนคิดว่าต้องมั่นใจในตัวนายกรัฐมนตรี ส่วนเสถียรภาพพรรคร่วมรัฐบาล ตนยังคงมั่นใจ เพราะนายกรัฐมนตรีทำงานเพื่อบ้านเมือง และนายกรัฐมนตรีพูดตลอดเวลาว่า สิ่งที่นายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณ แก้ไขปัญหาโควิด ก็ทำในฐานะที่เป็นรัฐบาล ไม่ได้ทำในฐานะที่เป็นพรรคนู้นพรรคนี้ ดังนั้นโดยมีจุดยืนที่มั่นคงและแนวคิดคือพัฒนาบ้านเมือง
เมื่อถามถึงกระแสข่าวพรรคพปชร.จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสันติ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เหมาที่จะเอามาพูดการปรับหรือไม่ปรับเป็นอำนาจนายกรัฐมนตรี และพรรคไม่เคยมีการพูดคุยกันเรื่องนี้
เมื่อถามถึงกระแสข่าวจะมีการโหวตคว่ำนายกรัฐมนตรีในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสันติ กล่าวว่า เชื่อว่านักข่าวทุกคนรู้ เฟคนิวส์หรือข่าวลือในแง่ลบมันก็มีตลอด พวกเราต้องเข้มแข็งและยึดมั่น ในสิ่งที่ถูกต้องและยึดมั่นในตัวนายกรัฐมนตรี ให้กำลังใจ ให้พล.อ.ประยุทธ์กล้าตัดสินใจฟันฝ่าอุปสรรค อันใหญ่หลวงทั้งเรื่องโควิด-19ที่ทำให้เศรษฐกิจอ่อนแอ จึงต้องให้พลังนายกรัฐมนตรีกล้าตัดสินใจในหลายเรื่องพปชร.ก็ต้องเชื่อมั่นใจตัวพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพปชร.ที่ดูแลรัฐบาลอย่างดี
เมื่อถามว่าแสดงว่า 3 ป.ยังรักกันดีใช่หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า โอ้ยเขารักกัน ทั้ง 3 คนเราก็รู้ว่า ทำเพื่อบ้านเมืองประเทศชาติเป็นหลักไม่สนไม่ได้คิดถึงตัวเองด้วยซ้ำเอาเป็นว่าอยากให้รัฐบาลแข็งแรง
ทั้งนี้การประชุมได้เริ่มเวลา 15.00 น. โดยการประชุมวันนี้ นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพปชร. และนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพปชร. เป็นประธานการประชุม ซึ่งนายวิรัชแจงในห้องประชุมว่ามีองครักษ์พิทักษ์นายกรัฐมนตรี 20 คน ด้านนายไพบูลย์อ่านข้อบังคับพรรคเรื่องการโหวตและย้ำว่า “ส.ส.มีเอกสิทธิ์แต่ต้องดำรงไว้ซึ่งฐานะสมาชิกพรรค “ ก่อนเสร็จสิ้นเวลา 15.23 น. ใช้เวลาการประชุมประมาณ 30 นาที ก่อนที่จากนั้นทางส.ส.แยกย้ายขึ้นรถกลับกันอย่างรวดเร็ว
หลังจากประชุมเสร็จสิ้น นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ถึงทิศทางการในลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากเกิดกรณีมี ส.ส.โหวตกับแนวทางพรรคจะทำอย่างไร ว่า ในที่ประชุมมีการกำชับเฉพาะในส่วนของผู้ดูแลระหว่างการอภิปราย เตรียมไว้ประมาณ 20 คน ส่วนของพรรคภูมิใจไทย 10-15 คน พรรคประชาธิปัตย์มีประมาณ 10 คน และยังมีหลายพรรคที่ต้องร่วมด้วย ส่วนท่าทีการโหวตน่าจะเป็นในทิศทางเดียวกัน พูดได้เท่านี้ อย่างไรก็ตาม การอภิปรายของฝ่ายค้านเราก็ต้องฟังข้อมูล แล้วนำมาวินิจฉัยพิจารณากัน แต่ถึงอย่างไรจะไปในทิศทางเดียวกัน ถึงอย่างไรก็ต้องดูแลพรรคร่วมรัฐบาล
เมื่อถามว่าได้มีการกำชับในเรื่องผลโหวตและมีบทลงโทษอะไรหรือไม่ในกรณีแหกมติพรรค นายวิรัช กล่าวว่า มันจะไปพูดอย่างนั้นในนาทีนี้ไม่ได้หรอก เพราะการจะไปกำหนดหรือคาดโทษอะไร เราก็ค่อยๆ คุย ค่อยๆ พูดกันดีกว่า ผมว่าทุกครั้งที่ผ่านมาก็ถือว่าดีแล้ว ดีมาก และดีที่สุด มี 3 ตัวเลือกเท่านั้น
เมื่อถามว่ายืนยันจะควบคุมสถานการณ์ได้ใช่หรือไม่ นายวิรัช กล่าวว่า สถานการณ์ไม่น่าจะมีอะไรหรอก แต่ข่าวที่ออกมาบางครั้งทำให้ตื่นเต้นหวือหวา ก็เหมือนหนังไตเติ้ล โหมโรง ก็ว่ากันไป แต่ไม่มีใครให้สัมภาษณ์ในลักษณะนี้ และตนพยายามไม่ให้สัมภาษณ์ เพราะประเด็นที่ให้สัมภาษณ์ไปบางครั้งเกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมาก็มองเหมือนกับว่าพรรคร่วมรัฐบาลอาจจะแตกแยกหรืออะไร ทั้งที่ไม่มีอะไรเลย เมื่อเช้าวันเดียวกัน (30 ส.ค.) พรรคร่วมรัฐบาลยังรักกัน มั่นคงเหนียวแน่น
เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร กำชับอะไรมาหรือไม่ นายวิรัช กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรก็จะไปอยู่ประจำที่รัฐสภาทุกวัน ไปให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับขุนพลพิทักษ์นายรัฐมนตรี อาทิ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ , นายสิระ เจนจาคะส.ส.กทม. , นายรงค์บุญ สวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช , นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช, นายกรุงศรีวิไลสุทินเผือก ส.ส.สมุทรปรการ , นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ เป็นต้น
https://www.posttoday.com/politic/news/661880
วันที่ 30 ส.ค. นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีปรากฏรายชื่อของ นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อยู่ในทีมองครักษ์พิทักษ์นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรค ภท. ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่าหากมีจุดยืนที่แตกต่างกัน เดินทางไปต่อด้วยกันไม่ได้ก็ลาออก แล้วจะไปรับใช้ใครให้เต็มที่ แต่การกระทำเช่นนี้ไม่สง่างาม เหมือนคนหน้าไหว้หลังหลอก
นายณัฐชากล่าวว่า เป็นเพียงลิ่วล้อที่หวังได้ประโยชน์จากการทรยศเสียงของประชาชนเท่านั้น และนายอนุทินคือบุคคลที่มีหนี้ต้องชดใช้ให้ประชาชน ในสถานการณ์โควิด-19 มีผู้เสียชีวิตไปแล้วนับหมื่นคน บางคนตายข้างถนน บางคนตายคาบ้าน เหล่านี้ล้วนเป็นผลสืบเนื่องความล้มเหลวบนการบริหารงานของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข
“หากนายคารมยังเลือกที่จะโอบอุ้มความล้มเหลวที่ประชาชนต้องแบกรับด้วยชีวิต ศพแล้วศพเล่าเสียชีวิตไปไปจนเชิงตะกอนแทบไม่พอเผา หากไม่ช่วยทวงถามความรับผิดชอบแต่ยังปกป้อง ก็คงต้องบอกได้คำเดียวว่านี่เป็นการเนรคุณประชาชนอย่างถึงที่สุดของนายคารม
“ในฐานะโฆษกพรรคต้องอภัยประชาชนอีกครั้ง ขอฝากให้พี่น้องประชาชนร่วมจดจำว่าบุคคลเช่นนี้คือผู้ที่ทรยศต่อความไว้วางใจกับประชาชน” นายณัฐชากล่าว
https://www.posttoday.com/politic/news/661875
รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย (พท.) เผยว่า นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ทำหนังสือแจ้งให้สมาชิกทุกคนปฏิบัติตามมติพรรคในการลงมติ ไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลที่พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยมีรัฐมนตรีที่ถูกยื่นอภิปรายรวม 6 คน
ทั้งนี้ หากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคฝ่าฝืน ไม่มาประชุมเพื่อลงมติ หรือลงมติผิดไปจากนโยบายของพรรคข้างต้น พรรคถือว่า สมาชิกผู้นั้นกระทำการอันเป็นการผิดวินัยและจริยธรรมของการเป็นสมาชิกพรรคอย่างร้ายแรง ซึ่งมีโทษถึงขั้นให้พ้นจากสมาชิก โดยพรรคจะดำเนินการตามข้อบังคับพรรคอย่างเด็ดขาด
https://www.posttoday.com/politic/news/661874
แถมให้ค่ะ....
โทนี’ จ่อเปิดคลัปเฮ้าส์สดๆ อภิปรายคู่ขนานศึกซักฟอก ขอ ไม่ไว้วางใจประยุทธ์ด้วยคน
https://www.matichon.co.th/politics/news_2912366
พรรคหนึ่งก็มีคนปันใจออกห่าง พรรคหนึ่งก็ห่วงสมาชิกจะโหวตสวนมติ
พรรคพปชร.โชว์ปึ๊ก องครักษ์พิทักษ์ลุงตู่
ส่วนที่ข้ามลุงตู่ไม่ได้ ทั้งๆที่ลุงตู่ก้าวข้ามมานานแล้วคือ ทักษิณหนีคุก ยังข้ามโลกมาจากความฝัน มุ่งมั่นจะล้มลุง
ลุงตู่ยังมีสง่าราศรี มีความเป็นผู้นำสูงกว่าบรรดาฝ้ายค้าน ยิ่งนานไปยิ่งมีคนเข้าใจในความเสียสละ มุ่งมั่นทำงาน หาใครมาแทนในตอนนี้ แทบไม่มีบารมีถึงเศษเสี้ยวของท่าน
แล้วทักษิณที่มีคดีตราหน้าว่าหนีคุกจะมาทำอะไรได้ ดีแต่พูดแต่ไม่มีใครเชื่อ
ฝ่ายพรรคร่วมก็ต้องทำงานร่วมกัน มีคนพยายามเสี้ยมให้แตกกัน แต่ก็ไม่สำเร็จ
เห็นว่าฝ่ายแค้นคุยอวดจะล้มลุง มาคอยดูกันว่าฝ่ายไหนจะพ่ายในสภากันนะคะ