คือเรื่องมันมีอยู่ว่า พี่ที่ทำงาน 3 คน อายุประมาณ 45+ มีทั้งหญิงและชาย ตำแหน่งระดับ ผจก.
ชอบขากเสลด สั่งน้ำมูก และ

น้ำลายลงในซิงค์ล้างจานในครัวของออฟฟิศ
ซึ่งซิงค์ล้างจานจะอยู่หลังโต๊ะกินข้าว แล้วทุกๆเที่ยงพวกพี่ ผจก จะกินข้าวเสร็จก่อน
แล้วเขาก็มาล้างจาน พอล้างจานเสร็จเขาก็จะใช้จานรองน้ำเพื่อใช้น้ำบ้วนปากแล้ว

ลงซิงค์
บางทีก็ขากเสลด สั่งน้ำมูก

น้ำลาย

ๆๆ ทั้งๆที่มีคนนั่งกินข้าวอยู่
พอจะไปล้างจานต่อพรี่แกก็จะมีเศษเสลดขี้มูกติดตามซิงค์ล้างจานอยู่ประจำ
และที่พีคไปกว่านั้นคือซิงค์ล้างจานออฟฟิศเราชอบตันเพราะมีเศษอาหารไปอุดตัน
และมักจะเห็นภาพก้อนเสลดน้อยๆ นอนลอยน้ำอยู่ในซิงค์
เราและพี่อีกคนจึงจำใจต้องผลักกันตักเศษอาหารออก
เพราะไม่มีใครยอมทำ แม่บ้านก็เข้าอาทิตย์ละครั้ง
ซึ่งทุกๆครั้งที่ตักเศษอาหารมันก็จะมีสารคัดหลั่งหนืดๆเหนียวๆติดมากับเศษอาหารด้วย
ยิ่งในช่วงที่มีการระบาดของโควิดหนักๆ HR ก็ได้ออกมาตรการป้องกันโควิดในบริษัทแล้ว
แต่พวกเขาก็ยังไม่หยุดพฤติกรรมดังกล่าว ไม่มีใครกล้าเตือนพวกเขา
เพราะเห็นว่าอายุเยอะกันแล้วเรื่องพวกนี้น่าจะคิดได้ (แต่ก็ไม่เลย)
เราทำงานที่นี้มา 3 ปีเจอพฤติกรรมแบบนี้ทุกเที่ยง จนวันนี้เรารู้สึกทนไม่ไหว
เราลองแกล้งทำเสียงจะอ้วก พี่แกก็ยังไม่สนใจตั้งหน้าตั้งตาขากเสลดต่อไป
*** มาถึงตอนนี้ เราอยากจะถามเพื่อนๆในที่นี้ว่า ปกติแล้วการที่จะขากเสลด สั่งน้ำมูก
หรือ

น้ำลายในที่ส่วนรวม มักจะทำกันที่ไหน มันถึงจะสุภาพ
ส่วนที่บ้านเราจะสอนให้ทำในที่ลับตาคน เขาจะได้ไม่รังเกียจ
สั่งน้ำมูกให้ใช้ทิชชู ขากเสลดลงชักโครกหรือทิชชู ไม่ค่อย

น้ำลาย แต่จะแปรงฟันที่อ่างล้างมือในห้องน้ำ
หรือว่าสิ่งที่พี่เขาทำมันถูกแล้วแต่เรา sensitive ไปเอง เราจะได้เปลี่ยนมุมมองเปลี่ยนความคิดใหม่
เราลองถามเพื่อนๆคนรอบตัว ก็มีสองเสียงเหมือนกัน ทั้งบ้วนลงที่อ่างล้างจานกับอ่างล้างมือ
ตอนนี้เราเลยไม่รู้ว่าสิ่งที่เราถูกสอนมา กับสิ่งที่เราเจอหรือได้ฟังความเห็นมา สิ่งไหนเป็นสิ่งที่ถูกต้องกันแน่
เราจะได้รับมือถูก ว่าจะต้องยอมรับกฎของสังคมและใช้ชีวิตอยู่กับเสลดของพวกพี่แกยังไงต่อไป
ปกติแล้วการขากเสลดหรือสั่งน้ำมูกในบริษัทมักจะทำกันที่ไหน?
ชอบขากเสลด สั่งน้ำมูก และ
ซึ่งซิงค์ล้างจานจะอยู่หลังโต๊ะกินข้าว แล้วทุกๆเที่ยงพวกพี่ ผจก จะกินข้าวเสร็จก่อน
แล้วเขาก็มาล้างจาน พอล้างจานเสร็จเขาก็จะใช้จานรองน้ำเพื่อใช้น้ำบ้วนปากแล้ว
บางทีก็ขากเสลด สั่งน้ำมูก
พอจะไปล้างจานต่อพรี่แกก็จะมีเศษเสลดขี้มูกติดตามซิงค์ล้างจานอยู่ประจำ
และที่พีคไปกว่านั้นคือซิงค์ล้างจานออฟฟิศเราชอบตันเพราะมีเศษอาหารไปอุดตัน
และมักจะเห็นภาพก้อนเสลดน้อยๆ นอนลอยน้ำอยู่ในซิงค์
เราและพี่อีกคนจึงจำใจต้องผลักกันตักเศษอาหารออก
เพราะไม่มีใครยอมทำ แม่บ้านก็เข้าอาทิตย์ละครั้ง
ซึ่งทุกๆครั้งที่ตักเศษอาหารมันก็จะมีสารคัดหลั่งหนืดๆเหนียวๆติดมากับเศษอาหารด้วย
ยิ่งในช่วงที่มีการระบาดของโควิดหนักๆ HR ก็ได้ออกมาตรการป้องกันโควิดในบริษัทแล้ว
แต่พวกเขาก็ยังไม่หยุดพฤติกรรมดังกล่าว ไม่มีใครกล้าเตือนพวกเขา
เพราะเห็นว่าอายุเยอะกันแล้วเรื่องพวกนี้น่าจะคิดได้ (แต่ก็ไม่เลย)
เราทำงานที่นี้มา 3 ปีเจอพฤติกรรมแบบนี้ทุกเที่ยง จนวันนี้เรารู้สึกทนไม่ไหว
เราลองแกล้งทำเสียงจะอ้วก พี่แกก็ยังไม่สนใจตั้งหน้าตั้งตาขากเสลดต่อไป
*** มาถึงตอนนี้ เราอยากจะถามเพื่อนๆในที่นี้ว่า ปกติแล้วการที่จะขากเสลด สั่งน้ำมูก
หรือ
ส่วนที่บ้านเราจะสอนให้ทำในที่ลับตาคน เขาจะได้ไม่รังเกียจ
สั่งน้ำมูกให้ใช้ทิชชู ขากเสลดลงชักโครกหรือทิชชู ไม่ค่อย
หรือว่าสิ่งที่พี่เขาทำมันถูกแล้วแต่เรา sensitive ไปเอง เราจะได้เปลี่ยนมุมมองเปลี่ยนความคิดใหม่
เราลองถามเพื่อนๆคนรอบตัว ก็มีสองเสียงเหมือนกัน ทั้งบ้วนลงที่อ่างล้างจานกับอ่างล้างมือ
ตอนนี้เราเลยไม่รู้ว่าสิ่งที่เราถูกสอนมา กับสิ่งที่เราเจอหรือได้ฟังความเห็นมา สิ่งไหนเป็นสิ่งที่ถูกต้องกันแน่
เราจะได้รับมือถูก ว่าจะต้องยอมรับกฎของสังคมและใช้ชีวิตอยู่กับเสลดของพวกพี่แกยังไงต่อไป