
บลูมเบิร์กจัดไทยกลุ่มท้ายตารางฟื้นตัวโควิด สุดต้านเดลตา
บลูมเบิร์ก สำนักข่าวด้านธุรกิจและเศรษฐกิจ จัดอันดับประเทศที่ดีที่และแย่ที่สุดที่จะอาศัยอยู่ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ครั้งล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (26 ส.ค.) พบว่าไทยอยู่ในกลุ่ม 5 ประเทศท้ายตารางดังกล่าวร่วมกับเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ไทยมีอันดับร่วงลงมาถึง 8 อันดับจากการสำรวจครั้งก่อน มาอยู่ที่ 49 จากทั้งหมด 53 อันดับ ซึ่งอยู่ต่ำกว่าอิหร่านที่ถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 48
ส่วนอีก 4 อันดับที่เหลือ (อันดับที่ 50-53) เป็นเพื่อนบ้านในภูมิภาคเดียวกันหมด ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย โดยมีเพียงอินโดนีเซียชาติเดียวที่อันดับดีขึ้นจากที่เคยอยู่ท้ายสุดของตาราง
บลูมเบิร์กระบุว่าประเทศในภูมิภาคนี้นอกจากเผชิญกับการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ชนิดกลายพันธุ์แบบเดลตา ที่ระบาดได้รวดเร็วกว่าชนิดอื่นแล้ว ยังฉีดวัคซีนให้ประชาชนล่าช้า ทั้งยังมีตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตต่อประชากร 100,000 คนที่สูงมากด้วย
อย่างไรก็ตาม ภูมิภาคนี้มีเพียงประเทศเดียวเท่านั้นที่ฟื้นตัวจากโควิดได้ดีมาก คือ สิงคโปร์ ที่อยู่อันดับ 8 และเป็นอันดับที่ดีที่สุดของชาติในเอเชียด้วย
ขณะเดียวกัน 5 อันดับของประเทศที่ฟื้นตัวได้ดีที่สุดคือ นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ ฟินแลนด์ ไอร์แลนด์ และออสเตรีย
บลูมเบิร์กตั้งข้อสังเกตอีกว่าเมื่อพิจารณาดูแล้ว ประเทศที่รับมือได้ดีในขณะนี้ล้วนเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วหรือมีฐานะดี เพราะสามารถกระจายวัคซีนแก่ประชาชนได้ทั่วถึง ขณะประเทศที่มีฐานะรองลงมาหรือยากจนก็จะมีความสามารถในการแก้ปัญหานี้ได้ต่ำลงไปด้วย
ทั้งนี้ เกณฑ์ที่บลูมเบิร์กนำมาใช้วัดการฟื้นตัวของแต่ละประเทศ ได้แก่ สัดส่วนของประชากรที่ได้รับวัคซีน ความเข้มข้นของการล็อกดาวน์ ศักยภาพของเที่ยวบิน และเส้นทางการท่องเที่ยวสำหรับผู้เดินทางที่ฉีดวัคซีนแล้ว
https://www.sanook.com/news/8433886/

เว็บไซต์บลูมเบิร์ก (Bloomberg) จัดอันดับให้ไทยรั้งท้าย ฟื้นฟูประเทศจากโควิด-19 ได้ช้าที่สุด เมื่อเทียบกับ 53 เขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วยกัน
เว็บไซต์บลูมเบิร์ก (Bloomberg) จัดอันดับให้ไทยและหลายชาติอาเซียนรั้งท้าย ฟื้นฟูประเทศจากโควิด-19 ได้ช้าที่สุด เมื่อเทียบกับ 53 เขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วยกัน
ปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้บลูมเบิร์กมองว่า ไทยอาจไม่มีประสิทธิภาพฟื้นฟูจากโควิดได้ดีเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ วันนี้ workpointTODAY จะสรุปมาให้อ่านกัน...👇👇👇👇👇
1.) เว็บไซต์บลูมเบิร์ก (Bloomberg) จัดอันดับการฟื้นฟูจากโควิด-19 โดยยกเฉพาะ 53 เขตเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกมาเปรียบเทียบกันว่า ประเทศไหนมีประสิทธิภาพจัดการโรคโควิด-19 ได้ดีที่สุด ขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจน้อยที่สุด
2.) การจัดอันดับของบลูมเบิร์กจะพิจารณาจาก 12 ปัจจัย โดยสามารถแบ่งได้เป็น 3 หมวดหลัก ได้แก่...✏
🌟กระบวนการเพื่อให้กลับมาเปิดประเทศ เช่น สัดส่วนประชากรที่ได้รับวัคซีน, จำนวนเที่ยวบินที่หายไป
🌟สถานการณ์โควิด-19 เช่น สัดส่วนผู้ป่วยต่อประชากร 100,000 คน, สัดส่วนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19
🌟คุณภาพชีวิตประชาชน เช่น การเติบโตทางเศรษฐกิจ, ระบบสาธารณสุข และดัชนีการพัฒนาศักยภาพมนุษย์
3.) บลูมเบิร์กจะจัดอันดับใหม่ทุกเดือน โดยอันดับล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา ประเทศที่มีแนวโน้มฟื้นฟูจากโควิดดีที่สุดคือนอร์เวย์ และประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย โดยมีสิงคโปร์ เป็นชาติเดียวในแถบอาเซียนที่ติด 10 อันดับแรก โดยอยู่ในอันดับที่ 8
4.) ขณะที่ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ส่วนมาก จะถูกจัดอันดับให้อยู่ในระดับกลางๆ เช่น จีนอยู่ในอันดับ 24, สหรัฐฯ อันดับที่ 25, ญี่ปุ่นอันดับที่ 33 หรืออินเดียอันดับที่ 42
5.) ส่วนชาติอาเซียนส่วนใหญ่รั้งท้ายในการจัดอันดับนี้ โดยไทยอยู่ในอันดับที่ 49, เวียดนามอันดับที่ 50, อินโดนีเซียอันดับที่ 51, ฟิลิปปินส์อันดับที่ 52 และมาเลเซียอันดับที่ 53
6.) หากดูในรายละเอียดกรณีของประเทศไทย พบว่าปัญหาสำคัญที่ทำให้ไทยอยู่ในอันดับรั้งท้าย นอกจากสัดส่วนผู้ได้รับวัคซีนต่อประชากรที่ยังไม่ถึง 20% แล้ว ยังมีประเด็นสัดส่วนเที่ยวบินที่หายไป ซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงจากโควิด-19
7.) บลูมเบิร์กยังประเมินว่า ไทยมีแนวโน้มได้รับความเสียหายจากมาตรการล็อกดาวน์มากที่สุดประเทศหนึ่งด้วย ประกอบกับการประเมินตัวเลขจีดีพีที่ในปีนี้ไทยอาจเติบโตเพียง 1.2% ยิ่งเป็นปัจจัยลบให้บลูมเบิร์กมองว่า ไทยคือประเทศที่จะรั้งท้ายในแง่การฟื้นฟูจากโควิด-19 เมื่อเทียบกับ 53 เขตเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก
https://workpointtoday.com/covid-bloomberg-resilience/

ไม่เป็นไรนะคะแม้ไทยจะรั้งท้ายใน 53 เขตเศรษฐกิจ
ไทยกำลังจะมีแนวโน้มไปในทางที่ดีแล้ว หวังไว้ในอนาคตคงจะฟื้นเศรษฐกิจเพราะโควิดลดลง
แต่เพื่อนบ้านเราก็ตามท้ายเรามาอย่างที่เห็นการจัดอับดับของบลูมเบิร์ก
อาเซียนโดนเดลต้าโจมตีอ่วมไปตามๆกัน
สู้ๆนะคะ อาเซียน.....
💙มาลาริน/โห ! ไทยยังรั้งท้ายอยู่ค่ะ..บลูมเบิร์กจัดอันดับ 53 เขตเศรษฐกิจให้ไทยรั้งท้ายฟื้นฟูประเทศจากโควิดได้ช้าที่สุด
บลูมเบิร์ก สำนักข่าวด้านธุรกิจและเศรษฐกิจ จัดอันดับประเทศที่ดีที่และแย่ที่สุดที่จะอาศัยอยู่ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ครั้งล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (26 ส.ค.) พบว่าไทยอยู่ในกลุ่ม 5 ประเทศท้ายตารางดังกล่าวร่วมกับเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ไทยมีอันดับร่วงลงมาถึง 8 อันดับจากการสำรวจครั้งก่อน มาอยู่ที่ 49 จากทั้งหมด 53 อันดับ ซึ่งอยู่ต่ำกว่าอิหร่านที่ถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 48
ส่วนอีก 4 อันดับที่เหลือ (อันดับที่ 50-53) เป็นเพื่อนบ้านในภูมิภาคเดียวกันหมด ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย โดยมีเพียงอินโดนีเซียชาติเดียวที่อันดับดีขึ้นจากที่เคยอยู่ท้ายสุดของตาราง
บลูมเบิร์กระบุว่าประเทศในภูมิภาคนี้นอกจากเผชิญกับการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ชนิดกลายพันธุ์แบบเดลตา ที่ระบาดได้รวดเร็วกว่าชนิดอื่นแล้ว ยังฉีดวัคซีนให้ประชาชนล่าช้า ทั้งยังมีตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตต่อประชากร 100,000 คนที่สูงมากด้วย
อย่างไรก็ตาม ภูมิภาคนี้มีเพียงประเทศเดียวเท่านั้นที่ฟื้นตัวจากโควิดได้ดีมาก คือ สิงคโปร์ ที่อยู่อันดับ 8 และเป็นอันดับที่ดีที่สุดของชาติในเอเชียด้วย
ขณะเดียวกัน 5 อันดับของประเทศที่ฟื้นตัวได้ดีที่สุดคือ นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ ฟินแลนด์ ไอร์แลนด์ และออสเตรีย
บลูมเบิร์กตั้งข้อสังเกตอีกว่าเมื่อพิจารณาดูแล้ว ประเทศที่รับมือได้ดีในขณะนี้ล้วนเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วหรือมีฐานะดี เพราะสามารถกระจายวัคซีนแก่ประชาชนได้ทั่วถึง ขณะประเทศที่มีฐานะรองลงมาหรือยากจนก็จะมีความสามารถในการแก้ปัญหานี้ได้ต่ำลงไปด้วย
ทั้งนี้ เกณฑ์ที่บลูมเบิร์กนำมาใช้วัดการฟื้นตัวของแต่ละประเทศ ได้แก่ สัดส่วนของประชากรที่ได้รับวัคซีน ความเข้มข้นของการล็อกดาวน์ ศักยภาพของเที่ยวบิน และเส้นทางการท่องเที่ยวสำหรับผู้เดินทางที่ฉีดวัคซีนแล้ว
https://www.sanook.com/news/8433886/
เว็บไซต์บลูมเบิร์ก (Bloomberg) จัดอันดับให้ไทยและหลายชาติอาเซียนรั้งท้าย ฟื้นฟูประเทศจากโควิด-19 ได้ช้าที่สุด เมื่อเทียบกับ 53 เขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วยกัน
ปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้บลูมเบิร์กมองว่า ไทยอาจไม่มีประสิทธิภาพฟื้นฟูจากโควิดได้ดีเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ วันนี้ workpointTODAY จะสรุปมาให้อ่านกัน...👇👇👇👇👇
1.) เว็บไซต์บลูมเบิร์ก (Bloomberg) จัดอันดับการฟื้นฟูจากโควิด-19 โดยยกเฉพาะ 53 เขตเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกมาเปรียบเทียบกันว่า ประเทศไหนมีประสิทธิภาพจัดการโรคโควิด-19 ได้ดีที่สุด ขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจน้อยที่สุด
2.) การจัดอันดับของบลูมเบิร์กจะพิจารณาจาก 12 ปัจจัย โดยสามารถแบ่งได้เป็น 3 หมวดหลัก ได้แก่...✏
🌟กระบวนการเพื่อให้กลับมาเปิดประเทศ เช่น สัดส่วนประชากรที่ได้รับวัคซีน, จำนวนเที่ยวบินที่หายไป
🌟สถานการณ์โควิด-19 เช่น สัดส่วนผู้ป่วยต่อประชากร 100,000 คน, สัดส่วนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19
🌟คุณภาพชีวิตประชาชน เช่น การเติบโตทางเศรษฐกิจ, ระบบสาธารณสุข และดัชนีการพัฒนาศักยภาพมนุษย์
3.) บลูมเบิร์กจะจัดอันดับใหม่ทุกเดือน โดยอันดับล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา ประเทศที่มีแนวโน้มฟื้นฟูจากโควิดดีที่สุดคือนอร์เวย์ และประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย โดยมีสิงคโปร์ เป็นชาติเดียวในแถบอาเซียนที่ติด 10 อันดับแรก โดยอยู่ในอันดับที่ 8
4.) ขณะที่ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ส่วนมาก จะถูกจัดอันดับให้อยู่ในระดับกลางๆ เช่น จีนอยู่ในอันดับ 24, สหรัฐฯ อันดับที่ 25, ญี่ปุ่นอันดับที่ 33 หรืออินเดียอันดับที่ 42
5.) ส่วนชาติอาเซียนส่วนใหญ่รั้งท้ายในการจัดอันดับนี้ โดยไทยอยู่ในอันดับที่ 49, เวียดนามอันดับที่ 50, อินโดนีเซียอันดับที่ 51, ฟิลิปปินส์อันดับที่ 52 และมาเลเซียอันดับที่ 53
6.) หากดูในรายละเอียดกรณีของประเทศไทย พบว่าปัญหาสำคัญที่ทำให้ไทยอยู่ในอันดับรั้งท้าย นอกจากสัดส่วนผู้ได้รับวัคซีนต่อประชากรที่ยังไม่ถึง 20% แล้ว ยังมีประเด็นสัดส่วนเที่ยวบินที่หายไป ซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงจากโควิด-19
7.) บลูมเบิร์กยังประเมินว่า ไทยมีแนวโน้มได้รับความเสียหายจากมาตรการล็อกดาวน์มากที่สุดประเทศหนึ่งด้วย ประกอบกับการประเมินตัวเลขจีดีพีที่ในปีนี้ไทยอาจเติบโตเพียง 1.2% ยิ่งเป็นปัจจัยลบให้บลูมเบิร์กมองว่า ไทยคือประเทศที่จะรั้งท้ายในแง่การฟื้นฟูจากโควิด-19 เมื่อเทียบกับ 53 เขตเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก
https://workpointtoday.com/covid-bloomberg-resilience/
ไทยกำลังจะมีแนวโน้มไปในทางที่ดีแล้ว หวังไว้ในอนาคตคงจะฟื้นเศรษฐกิจเพราะโควิดลดลง
แต่เพื่อนบ้านเราก็ตามท้ายเรามาอย่างที่เห็นการจัดอับดับของบลูมเบิร์ก
อาเซียนโดนเดลต้าโจมตีอ่วมไปตามๆกัน
สู้ๆนะคะ อาเซียน.....