สวัสดีครับเพื่อนๆ ทุกคน หากพูดถึงชื่อของผ้าเบรก เชื่อเลยว่าคนที่ใช้รถเกือบทุกคนแทบจะต้องร้องอ๋อกันเลยทีเดียว ผ้าเบรก เป็นชิ้นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญกับรถ ทำหน้าที่ช่วยหยุดรถนอกเหนือจากแป้นเบรก ล้อ และยาง โดยปกติแล้ว ผ้าเบรกหนึ่งชิ้นจะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ 3-5 หมื่นกิโลเมตร แต่ในความเป็นจริง อายุการใช้งานของเจ้าผ้าเบรกก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละคนด้วย ถ้าเป็นนักขับสายชิล ผ้าเบรกก็อาจจะมีอายุการใช้งานมากกว่านั้น แต่ถ้าเป็นนักขับสายซิ่งทะลุฟ้า อายุการใช้งานของผ้าเบรกก็สั้นลง เอาเป็นว่า ถ้าหากวันใดวันหนึ่งรู้สึกว่า เหยียบเบรกแล้วต่ำกว่าเดิม หรือได้ยินเสียงจี๊ดเหมือนเหล็กเสียดสีกัน แปลว่าถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนผ้าเบรกแล้วล่ะ
เมื่อถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนผ้าเบรก คำถามที่ตามมาแน่ๆ แบรนด์ไหนดีหรือบ้างก็ให้ศูนย์จัดการเปลี่ยนเลย ก็ต้องบอกว่า ผ้าเบรกก็เหมือนกับสินค้าอื่นๆ นอกจากความปลอดภัยแล้ว ชื่อเสียงและประสบการณ์ของแบรนด์ก็มีผลเช่นกัน และวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ Compact Brakes แบรนด์ผ้าเบรกที่ยืนหนึ่งในวงการผ้าเบรกมากว่า 4 ทศวรรษกับ 4 เรื่องเบื้องหลัง บอกเลยว่า ถ้ารู้แล้วจะต้องทึ่งกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงสุด จนได้เป็นที่ยอมรับในระดับโลก
45 ปีแห่งการเดินทาง Compact Brakes
เรามาเริ่มต้นกันด้วยที่มาที่ไปสักหน่อย Compact Brakes เริ่มต้นธุรกิจขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2519 หรือเมื่อ 45 ปีก่อน ด้วยการเป็นบริษัทผลิตผ้าเบรกสำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ก่อนจะตามมาด้วยการผลิตผ้าเบรกสำหรับสำหรับรถบรรทุกขนาดกลางและรถบัส และด้วยความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ในอีก 12 ปีต่อมา Compact Brakes ได้ย้ายฐานการผลิต สร้างโรงงานแห่งใหม่ พร้อมกับขยายไลน์การผลิตไปสู่ผ้าเบรกสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถกระบะ รถตู้โดยสาร รถบรรทุกเชิงพาณิชย์และรถบัส
ต่อมาเมื่อเส้นทางธุรกิจไปได้สวย พ.ศ. 2547 Compact Brakes ทุ่มเงินลงทุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตผ้าเบรกไร้ใยหิน NAO (NON ASBESTOS ORGANIC) เพื่อความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยความร่วมมือและสนับสนุนจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เพื่อยกระดับการผลิตสู่ตลาด OEM และตลาดโลก
ปัจจุบัน Compact Brakes
• ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/TS16949 (IATF16949) ตั้งแต่ปี 2008 ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์สำหรับผลิตให้แก่ค่ายรถยนต์ชั้นนำ
• ได้รับการรับรองมาตรฐาน UN ECE R90 ซึ่งเป็นมาตรฐานผ้าเบรกในยุโรปและได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยมีความร่วมมือในการทดสอบและรับรองจาก UCA ประเทศสเปน (E9), KBAประเทศเยอรมัน (E1), VCA ประเทศอังกฤษ (E11) และ RDW ประเทศเนเธอร์แลนด์ (E4)
• ได้รับการรับรอง ‘N’ rated ภายใต้ AASA Leaf Mark จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นมาตรฐานบังคับสำหรับผ้าเบรกในอเมริกา ที่จะเริ่มใช้ในปี 2025
เรียกว่าเป็นตัวจริงแห่งวงการเบรกแน่ๆ แล้วหนึ่ง
มีสินค้าครอบคลุมครบถ้วนเรื่องระบบเบรก และวางจำหน่าย 30 ประเทศทั่วโลก
วันแรก Compact Brakes เริ่มต้นด้วยการเป็นผู้ผลิตผ้าเบรกสำหรับรถบรรทุกจนมาถึงผ้าเบรกสำหรับรถยนต์ทุกประเภท แต่ด้วยความเชี่ยวชาญที่สะสมตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษ ทำให้วันนี้ Compact Brakes ได้แตกไลน์การผลิตสินค้าที่เกี่ยวกับระบบเบรกเพิ่มมากขึ้น ได้แก่ จานดิสก์เบรก จานดรัมเบรก น้ำมันเบรก เบรกชิม โดยทั้งหมดมียอดการผลิตกว่า 3,500,000 ชุด/ปี สินค้าวางจำหน่ายใน 30 ประเทศทั่วโลกใน 7 ทวีป และได้รับการยอมรับจากสื่อต่างประเทศ
หนึ่งเดียวใน ASEAN กับศูนย์ Brake Development and Testing Center
ด้วยความต้องการของตลาดที่เพิ่มมากขึ้น และเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจยานยนต์ของโลก ทำให้ พ.ศ. 2550 Compact Brakes ได้ตัดสินใจทุ่มเงินเปิด Brake Development and Testing Center ซึ่งเป็นศูนย์พัฒนานวัตกรรมที่มีเครื่องมือที่ทันสมัย เพียบพร้อม และเป็นแห่งเดียวในภูมิภาค ASEAN เพื่อคิดค้นและออกแบบผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ โดยการออกแบบให้ผ้าเบรกมีฝุ่นน้อย ความยืดหยุ่นสูง ไม่ทำลายผิวจานเบรก ที่เป็นต้นเหตุของเสียงดังในการเบรกและฝุ่นดำเกาะล้อ โดยมีการทดสอบทั้งในห้องปฏิบัติการและการขับขี่จริง ภายใต้การควบคุมของศูนย์พัฒนาและทดสอบเบรกของบริษัท
เดินหน้าวิจัยและพัฒนาเบรกเพื่อเป็นผู้นำสำหรับยานยนต์ Electric Vehicle
ชั่วโมงนี้ ไม่มีสินค้าใดร้อนแรงเท่ากับยานยนต์ Electric Vehicle อีกแล้ว ผ้าเบรกจากเดิมที่ใช้ในเครื่องยนต์สันดาป ก็ต้องมีการพัฒนาตามเพื่อเป็นผ้าเบรกสำหรับรถยนต์ Electric Vehicle เช่นเดียวกัน ทำให้เป็นอีกครั้งที่ Compact Brakes ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อรองรับการผลิตผ้าเบรกเพื่อยานยนต์ไฟฟ้าเนื่องจากรถ EV จะมีฟังก์ชัน Autonomous Driving และต้องการประสิทธิภาพการเบรกที่สูงขึ้นให้สอดคล้องกับอัตราเร่งของรถ EV ที่สูงขึ้นกว่ารถเครื่องยนต์สันดาป และการสร้างทีมงานแห่งอนาคตเพื่อรองรับการขยายขอบข่ายงานด้านเทคนิคอีกครั้ง โดยมีการลงทุนในด้านเทคโนโลยีการผลิตและการทำ Automation เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและประสิทธิภาพการผลิตรองรับการส่งออกที่เพิ่มสูงขึ้น

แต่ละเรื่องเบื้องหลังต้องบอกว่า น่าทึ่ง ทั้งการเดินทางกว่า 4 ทศวรรษ การมียอดผลิตเพื่อจำหน่าย 3 กว่าแสนชุด/ปี และวางจำหน่ายใน 30 ประเทศทั่วโลก การลงทุนจัดตั้งศูนย์ R&D และการเป็นผู้นำผ้าเบรกสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ยืนหนึ่งความเป็นผู้นำและเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านผ้าเบรกจริงๆ อย่างที่บอกไปว่า ผ้าเบรกไม่ใช่แค่เรื่องความปลอดภัย แต่ต้องมั่นใจด้วยว่าทุกนาทีที่เราใช้รถ ฝากชีวิตไว้กับใคร รู้แบบนี้แล้ว ครั้งหน้าถ้าต้องเปลี่ยนผ้าเบรกก็ อย่าลืม Compact Brakes ผ้าเบรกคุณภาพระดับโลกกันนะ
คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่
https://www.compact-brake.com
[Advertorial]
[BR] Compact Brakes กับ 4 เรื่องที่ทำให้ยืนหนึ่งในวงการผ้าเบรกระดับโลก
เมื่อถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนผ้าเบรก คำถามที่ตามมาแน่ๆ แบรนด์ไหนดีหรือบ้างก็ให้ศูนย์จัดการเปลี่ยนเลย ก็ต้องบอกว่า ผ้าเบรกก็เหมือนกับสินค้าอื่นๆ นอกจากความปลอดภัยแล้ว ชื่อเสียงและประสบการณ์ของแบรนด์ก็มีผลเช่นกัน และวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ Compact Brakes แบรนด์ผ้าเบรกที่ยืนหนึ่งในวงการผ้าเบรกมากว่า 4 ทศวรรษกับ 4 เรื่องเบื้องหลัง บอกเลยว่า ถ้ารู้แล้วจะต้องทึ่งกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงสุด จนได้เป็นที่ยอมรับในระดับโลก
เรามาเริ่มต้นกันด้วยที่มาที่ไปสักหน่อย Compact Brakes เริ่มต้นธุรกิจขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2519 หรือเมื่อ 45 ปีก่อน ด้วยการเป็นบริษัทผลิตผ้าเบรกสำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ก่อนจะตามมาด้วยการผลิตผ้าเบรกสำหรับสำหรับรถบรรทุกขนาดกลางและรถบัส และด้วยความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ในอีก 12 ปีต่อมา Compact Brakes ได้ย้ายฐานการผลิต สร้างโรงงานแห่งใหม่ พร้อมกับขยายไลน์การผลิตไปสู่ผ้าเบรกสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถกระบะ รถตู้โดยสาร รถบรรทุกเชิงพาณิชย์และรถบัส
ต่อมาเมื่อเส้นทางธุรกิจไปได้สวย พ.ศ. 2547 Compact Brakes ทุ่มเงินลงทุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตผ้าเบรกไร้ใยหิน NAO (NON ASBESTOS ORGANIC) เพื่อความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยความร่วมมือและสนับสนุนจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เพื่อยกระดับการผลิตสู่ตลาด OEM และตลาดโลก
ปัจจุบัน Compact Brakes
• ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/TS16949 (IATF16949) ตั้งแต่ปี 2008 ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์สำหรับผลิตให้แก่ค่ายรถยนต์ชั้นนำ
• ได้รับการรับรองมาตรฐาน UN ECE R90 ซึ่งเป็นมาตรฐานผ้าเบรกในยุโรปและได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยมีความร่วมมือในการทดสอบและรับรองจาก UCA ประเทศสเปน (E9), KBAประเทศเยอรมัน (E1), VCA ประเทศอังกฤษ (E11) และ RDW ประเทศเนเธอร์แลนด์ (E4)
• ได้รับการรับรอง ‘N’ rated ภายใต้ AASA Leaf Mark จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นมาตรฐานบังคับสำหรับผ้าเบรกในอเมริกา ที่จะเริ่มใช้ในปี 2025
เรียกว่าเป็นตัวจริงแห่งวงการเบรกแน่ๆ แล้วหนึ่ง
วันแรก Compact Brakes เริ่มต้นด้วยการเป็นผู้ผลิตผ้าเบรกสำหรับรถบรรทุกจนมาถึงผ้าเบรกสำหรับรถยนต์ทุกประเภท แต่ด้วยความเชี่ยวชาญที่สะสมตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษ ทำให้วันนี้ Compact Brakes ได้แตกไลน์การผลิตสินค้าที่เกี่ยวกับระบบเบรกเพิ่มมากขึ้น ได้แก่ จานดิสก์เบรก จานดรัมเบรก น้ำมันเบรก เบรกชิม โดยทั้งหมดมียอดการผลิตกว่า 3,500,000 ชุด/ปี สินค้าวางจำหน่ายใน 30 ประเทศทั่วโลกใน 7 ทวีป และได้รับการยอมรับจากสื่อต่างประเทศ
ด้วยความต้องการของตลาดที่เพิ่มมากขึ้น และเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจยานยนต์ของโลก ทำให้ พ.ศ. 2550 Compact Brakes ได้ตัดสินใจทุ่มเงินเปิด Brake Development and Testing Center ซึ่งเป็นศูนย์พัฒนานวัตกรรมที่มีเครื่องมือที่ทันสมัย เพียบพร้อม และเป็นแห่งเดียวในภูมิภาค ASEAN เพื่อคิดค้นและออกแบบผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ โดยการออกแบบให้ผ้าเบรกมีฝุ่นน้อย ความยืดหยุ่นสูง ไม่ทำลายผิวจานเบรก ที่เป็นต้นเหตุของเสียงดังในการเบรกและฝุ่นดำเกาะล้อ โดยมีการทดสอบทั้งในห้องปฏิบัติการและการขับขี่จริง ภายใต้การควบคุมของศูนย์พัฒนาและทดสอบเบรกของบริษัท
ชั่วโมงนี้ ไม่มีสินค้าใดร้อนแรงเท่ากับยานยนต์ Electric Vehicle อีกแล้ว ผ้าเบรกจากเดิมที่ใช้ในเครื่องยนต์สันดาป ก็ต้องมีการพัฒนาตามเพื่อเป็นผ้าเบรกสำหรับรถยนต์ Electric Vehicle เช่นเดียวกัน ทำให้เป็นอีกครั้งที่ Compact Brakes ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อรองรับการผลิตผ้าเบรกเพื่อยานยนต์ไฟฟ้าเนื่องจากรถ EV จะมีฟังก์ชัน Autonomous Driving และต้องการประสิทธิภาพการเบรกที่สูงขึ้นให้สอดคล้องกับอัตราเร่งของรถ EV ที่สูงขึ้นกว่ารถเครื่องยนต์สันดาป และการสร้างทีมงานแห่งอนาคตเพื่อรองรับการขยายขอบข่ายงานด้านเทคนิคอีกครั้ง โดยมีการลงทุนในด้านเทคโนโลยีการผลิตและการทำ Automation เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและประสิทธิภาพการผลิตรองรับการส่งออกที่เพิ่มสูงขึ้น
คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.compact-brake.com
[Advertorial]
BR - Business Review : กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวจากผู้สนับสนุน