ขอวิธีให้เรา Move on หน่อยได้ไหมคะ

ขอท้าวความไกลหน่อยนะคะ

เราคบผู้ชายคนนี้มาปีนึงแล้วค่ะ เป็นคนที่ต่างกับเราทุกอย่าง ทั้งสังคม การศึกษา หน้าที่การงาน หรือพื้นฐานครอบครัว
ทุกคนบอกว่าเราไปเอาเด็กแว้นมาเป็นแฟน 
แต่เราก็คิดว่าเราเลือกแล้ว ไม่เป็นไรหรอก
เงินเดือนเราเป็น 2 เท่าของเขาค่ะ ถ้ารวมงานอื่นๆ ที่เรามักจะรับจ๊อบมาทำ บางเดือนก็มากเป็น 3 หรือ 4
ช่วงแรกเราย้ายไปอยู่ห้องเขา เป็นหอที่สภาพแวดล้อมไม่ดีนัก ตามราคา อยู่กันได้ครึ่งปีก็ย้ายมาหอที่ดีขึ้นในทุกๆ ด้าน 
สิ่งที่ตามมาคือค่าห้องที่เพิ่มขึ้นเท่าตัว จากตอนแรกที่เขาจ่ายคนเดียว เราช่วยค่าน้ำค่าไฟ พอมาหอใหม่ก็แบ่งกันคนละครึ่ง

เราไม่มีรถยนต์ค่ะ ไปทำงานก็จะซ้อนมอเตอร์ไซค์ของเขาไป เขาคอยรับส่งตลอด ยกเว้นวันที่เรากลับดึก ก็จะนั่งแท็กซี่กลับเอง
เวลาผ่านไป รถมอเตอร์ไซค์อายุ 10 ปีเริ่มงอแง ดับกลางสี่แยกหลายครั้ง เรากลัวว่ามันจะอันตราย
คิดในแง่ร้ายที่สุดว่าเกิดมันดับอีก แล้วมีรถหลุดไฟแดงมาพอดีโดยที่เขาไม่เห็นก็คงชนเราเข้าเต็มๆ ก็เลยคุยกันว่าจะซื้อคันใหม่
แล้วเราเสนอว่าเราจะรับผิดชอบค่าห้องเอง ให้เขาเอาเงินส่วนที่เคยช่วยเราจ่ายค่าห้อง ไปผ่อนมอเตอร์ไซค์คันใหม่ โดยจะใช้เงินมากขึ้น 500 บาท

ทุกอย่างเหมือนลงตัว ยกเว้นอยู่เรื่องเดียวคือเขาติดเพื่อนค่ะ ลองนึกภาพแก๊งเด็กแว้นที่ชอบนั่งรวมกลุ่มกัน คุยเรื่องสัพเพเหระ แบบนั้นเลย
ก่อนหน้านี้จะไปทุกวันอาทิตย์ค่ะ ไปช่วงบ่ายแก่ๆ และไม่เคยกลับตรงเวลา เราต้องโทรตามทุกครั้ง พักหลังก็มีขึ้นไปนั่งเล่นบนห้องเพื่อนที่อยู่หอเดียวกันบ้าง
ห้าทุ่มเที่ยงคืนไม่อยากจะลงมา ส่วนใหญ่เราก็จะโทรตามเพราะเห็นว่าดึกมากแล้ว

จุดแตกหักมาถึงครั้งล่าสุด บ่ายแก่ๆ วันอาทิตย์ ไปนั่งเล่นบ้านเพื่อนเหมือนเดิม แต่วันนั้นตกลงกันไว้ว่ามื้อเย็นเราจะทำกับข้าวกินกันนะ แล้วตอนนั้นยังซื้อวัตถุดิบไม่ครบ 18.51 น. ยังไม่กลับบ้านทั้งที่ฟ้ามืดแล้ว ตอนนั้นเราคิดเลยว่าจะวิดิโอคอลไป ถ้าเห็นว่ายังอยู่ที่บ้านเพื่อนเราจะหาเรื่องทะเลาะแน่ๆ (ใช่ค่ะ เราตั้งใจหาเรื่องทะเลาะจริงๆ) พอเราวิดิโอคอลไปแล้วเขารับ ก็เป็นไปตามคาด เราพูดเสียงดังว่าทำไมป่านนี้แล้วยังไม่คิดจะกลับบ้าน เขาบอกกำลังจะกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด แต่เราดูเวลาแล้ว ป่านนี้คงไปซื้อวัตถุดิบไม่ทัน ตลาดที่ไหนจะรอเราในช่วงเคอร์ฟิวแบบนี้ แถมมันไกลเกินกว่าจะเดินไปเองได้
เราเลยตัดสินใจเดินไปร้านตามสั่งใกล้ๆ เพื่อหาซื้อข้าวกินเอง ไม่รอกินกับข้าวที่ตั้งใจไว้เมื่อตอนบ่าย

ตกคืนนั้นต่างคนต่างเงียบ ความรู้สึกเรามันแย่จนร้องไห้ออกมาเงียบๆ คนเดียว แต่เขาหันมาเห็น ถามว่าเป็นอะไร เราพยายามปฏิเสธเพราะกลัวจะทะเลาะ แต่เขาก็ถามย้ำๆ จนเราบอกว่าจะมาสนใจทำไม ในเมื่อสนใจแต่เพื่อนอยู่แล้ว ก็เลยเป็นเรื่องใหญ่ 

บทสรุปคือเขาก็คงอึดอัดกับเรา เพราะเราย้ายมาอยู่กับเขา ในสังคมของเขา เราไม่เคยไปหาเพื่อน เราไม่เคยไปไหนนอกจากทำงาน แต่เขาต้องการมีสังคม และไม่ชอบที่เราต้องโทรตามราวกับว่าอยากให้เขาอยู่กับเราตลอดเวลา เพื่อนเราที่ชอบดูถูกว่าเขาไม่เหมาะสมกับเราสักนิด เขาก็ไม่โอเคตรงจุดนี้ ก็เลยตกลงว่าจะเลิกกัน เราบอกไว้ว่าอะไรที่เราเคยให้ เรายกให้ทั้งหมด แต่เงินมัดจำห้องนี้ที่เขาช่วยมา 40% เราจะคืนให้

ตอนนี้สมองบอกเราว่ามันก็คงถึงเวลาต้องพอแล้วแหละ เพราะเราหนีความจริงมาตลอด แต่หัวใจเรามันแย่ไปหมดเลย เรายังรักเขาอยู่เลย
เรามองเห็นข้อดีของเขาเสมอ ว่าเขาดีขึ้นมากแค่ไหนตลอดเวลาที่คบกันมา คำพูดคำจาดีขึ้น จากที่เขาเคยคุยกับแฟนเก่ากู พูดกับเราคือคุณผม
จากเคยนั่งกับเพื่อนทุกวัน ก็เป็นแค่วันอาทิตย์วันเดียว (มีวันธรรมดาบ้างแต่แค่ขึ้นไปหาเพื่อนที่อยู่หอเดียวกัน)
หรือเราควรจะปรับตัว ปรับใจ ถ้าเขาจะกลับดึกก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ไม่ได้ไปทุกวันเหมือนเมื่อก่อน (ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะยังอยากอยู่กับเราไหมเพราะจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้คุยกันเลย)

สมองเราบอกว่า ผู้ชายคนนึงที่แค่จะดูแลเราให้ดียังทำไม่ได้ กลางเดือนเงินไม่พอก็ใช้เงินเรา แล้วก็ยังติดเพื่อน เราจะยังเอาไว้อีกเหรอ
แต่หัวใจบอกเราว่า คนคนนึงซึ่งเราเป็นคนเลือกเอง ไหนจะความจู้จี้ของเราเองที่อยากให้เขารัก อยากให้เขาแคร์ อยากให้เขาดูแล เราก็ควรปรับตัวเพื่อให้รักครั้งนี้ยังอยู่

ในฐานะคนนอก ช่วยเราหน่อยนะคะว่าเราควรทำยังไง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่