
ผิวหน้าฉ่ำวาวก็สำคัญแต่ผิวกายก็ห้ามทิ้งเลยนะคะ ยิ่งอายุมากขึ้น มันแห้งง่ายมากๆ
โป่งมาแนะนำ ออยทาตัวที่เราลองแล้วว่าดีเร่ิด แต่ละแบรนด์ทั้งไทยและต่างประเทศ รับรองไม่เหนอะ ไม่น้ำมันเยิ้ม ไม่ต้องลงไปทอดแน่นอน55555 ซึมเร็วไว้ใจได้ แต่ละตัวจะมีส่วนผสม หรือสารอะไรเด่นๆ ไปดูกันจ้า

1. Erb wine roses anti-aging body oil 890 บาท 100 ml
มีส่วนผสมจากจาก Rose hip oil, Evening primrose และ Rose absolute จะช่วยลดความแห้งกร้านของผิว ฟื้นฟู กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ชะลอความเสื่อมของผิว ถ้ามีพวกรอยแผลใดใดก็ช่วยทำให้จางเร็วด้วยค่า กระจ่างใสต่างๆ
เนื้อน้ำมันจะค่อนข้างเหลวๆ ไม่ค่อยเหนอะ หรือหนืดเลย ทาลงผิวแป๊บเดียวก็ซึมแล้ว
กลิ่นก็ออกแนวๆ กุหลาบอ่อนๆ ตามชื่อเลย หอมสบายๆ ใครสายกุหลาบต้องไม่พลาด

2. Shan Body oil 1,090 บาท 215 ml
ส่วนผสมก็จะมาจาก Organic Argan oil, Jojoba oil, Rose hip oil, Grapeseed oil, Vitamin E จาก Sweet Almond oil, Safflowers oil คืออัดแน่นด้วยหลายๆ ออยบำรุงผิวที่สำคัญมากๆ ฟื้นฟูบำรุงผิวแห้งกร้าน เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว เติมความชุ่มชื้น ฟื้นฟูการถูกทำลายจากแสงแดด ป้องกันผิวขาดน้ำ
ซึมง่ายไม่เหนอะมากค่ะ เนื้อออยค่อนข้างเบา
กลิ่นเป็นแนวสดชื่นผ่อนคลายได้ความ Fresh จาก Orange peel, Rosewood, หอมนุ่มลึกด้วย Sandalwood แล้วก็มีความผ่อนคลายจาก Lavender ก็ถือว่า Mix กลิ่นได้ดีเลยค่า

3. Brisuthi Myrrh Body oil 1,490 บาท 150 ml
ส่วนผสมมาจาก Egyptian Myrrh oil และ Organic Pumpkin seed oil ตัวนี้ส่วนผสมแปลกมาก แต่แบรนด์มีหลายกลิ่นให้เลือกค่า โป่งลองตัวนี้เพราะเออเราไม่เคยลองออยแนวนี้เลย ออยทั้งสองชนิดจะเน้นเรื่อง Anti aging และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ เน้นความชุ่มชื้น เหมือนโกงอายุผิวอะไรแบบนั้นถ้าใช้อย่างต่อเนื่อง สำหรับสาวๆเลข 30++ เนี่ยเราว่าจำเป็นมาก555
เนื้อไม่หนืดมาก ซึมไว ไม่ค่อยเหนอะนะ ติดเสื้อผ้า แนะนำให้ทาก่อนนอน
กลิ่นคือตัวนี้แอบอธิบายยากนิดนึง มันแนวแบบ Herb เราไม่ติดนะ คือเน้นผลลัพธ์ บางคนชอบก็ชอบไปเลย แต่บางคนอาจจะแบบเอ๊แปลกจัง แต่กลิ่นไม่ได้ติดนานมากค่ะ

4. Solure Natural body oil 65ml 490 บาท
ส่วนผสมมากจาก Aloe Vera, Canola Oil, Jojoba Oil, Olive Oil, Rice Brand Oil อันนี้เป็นแบรนด์น้องใหม่เราได้ลองมาซักพัก บอกเลยว่าอ่านส่วนผสมแล้วแบบแน่นมากกก ขวดน้อยนี้คุณค่าสูง 555 ช่วยล็อคความชุ่มชื้น บำรุงผิวด้วยน้ำมันธรรมชาติ ช่วยเรื่องผิวแห้งกร้านดีมากๆ ผิวมีความยืดหยุ่น ผิวสมดุล
เนื้อปานกลางไม่ได้เบามาก แต่ว่าแปลกใจตรงซึมไวสุดๆ ทาได้ทั้งเช้าและก่อนนอนเลยค่ะ
กลิ่นคือบอกเลยว่าหอมแพงมากกกก รุ่นก่อนที่เป็นกลิ่น First date จะแนวๆหอม Floral ลูกคุณ ตัว collection ใหม่ Crush on you คือเหมือนสาวสวยที่โตๆมาหน่อย เราว่ายังมีความ Floral หวานๆอยู่ แต่จะคนละแนวกับ First date สรุปว่าหอมมากๆทั้งคู่ แบรนด์นี้ทำกลิ่นได้ดีมาก ไม่ต้องฉีดน้ำหอมยังได้เลยอะ

5. Loccitane Almond body oil 2,190 บาท 100 ml
ความผิวแพงนี้ 555 แต่เป็น Body oil ตัวแรกๆที่ลอง แล้วเข้าวงการออยแพงคือออกไม่ได้เลยจ้า มันติดมาก
ส่วนประกอบที่สำคัญคือ Almond oil, Camelina oil ซึ่งความพิเศษคือ เป็นอัลมอลด์ที่ปลูกในฝรั่งเศสมีคุณภาพสูง ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นสุดๆ ผิวเรียบเนียน กระชับ
เนื้ออยหนักนะคะ แต่ซึมไวมากกกๆ ไม่เหนอะนะเลย หัวเป็นสเปรย์ แต่เราว่าบางทีมันสเปรย์ไปโดนอย่างอื่น555 ก็ต้องเอามาใส่มือก่อนอยู่ดี
กลิ่นคือหวีดมาก ที่สุดของความหอมหวาน แนววนิลา ใครชอบแนวนี้คือตายไปเลย ซื้อแล้วซื้ออีกชัวร์

6. Susanne Kaufman Body oil 1,650 บาท 100ml
สายออยไม่ควรพลาดคุณป้าซูซานอีกชิ้นนึง ส่วนประกอบมาจาก Marigold Oil, Rose hip seed oil และ Jojoba oil ค่ะ ช่วยรักษาสมดุลและความชุ่มชื้นของผิว รักษาความยืดหยุ่นของผิว ป้องกันให้ผิวแข็งแรง สามารถใช้ได้กับผิวแพ้ง่ายด้วยค่ะ
เนื้อออยกลางๆแต่ว่าซึมไวมากกกกก ไม่เหนอะผิวเลยค่ะ
กลิ่นหอมมากก เรากรีสกลิ่นนี้เหมือนกัน มันเป็นความเฉพาะตัวของแบรนด์มากๆ คือบอกเลยว่าดีไซน์กลิ่นได้ดีมากจริงๆ แล้วติดทนกับผิวสุดๆ อีกตัวนึง

7. Clarins Contour treatment oil 2,700 บาท 100ml
เป็นน้ำมันจากพืชธรรมชาติจากต้น Broom, Geranium และ Majoram รวมถึง Hazel nut oil ด้วย จะเน้นเรื่องผิวแน่นกระชับ ขจัดสารพิษ ป้องกันเซลลูไลท์ด้วยค่ะ แล้วยังช่วยเรื่องความชุ่มชื้นได้ดี ให้ผิวดูอิ่มและนุ่มละมุนสุดๆ
เนื้อออยหนักๆเลย แต่ซึมไว ไม่ทิ้งรอยเปื้อนใดใด เราว่าทาก่อนนอนเหมือนได้สปาไปเลย ติดตรงกะประมาณเวลาเทไม่ค่อยถูก ชอบหก555
กลิ่นเป็นแนว Herb อีกตัวแต่รู้สึกผ่อนคลายมากๆ ค่อนข้างติดผิว
สรุปคือส่วนใหญ่ Body oil ที่โป่งเอามารีวิวคือจะเน้นเรื่องซึมไว ไม่เหนอะผิว เน้นเรื่องผิวชุ่มชื้น ช่วยเรื่องผิวแห้งได้ดีมากๆ แต่ก็จะแตกต่างไปตามส่วนประกอบบางอย่างในแต่ละแบรนด์ที่เค้าอาจจะเน้นเพิ่ม ส่วนเรื่องของกลิ่นเนี่ย เอาจริงๆ เป็นเรื่องของแต่ละคนเนอะ บางคนชอบหวานมากๆ บางคนชอบแนวสปาผ่อนคลาย อันนี้แล้วแต่ความชอบค่า
[CR] Body Oil Review ผิวหน้าฉ่ำวาวก็สำคัญแต่ผิวกายก็ห้ามทิ้งเลยนะคะ ยิ่งอายุมากขึ้น มันแห้งง่ายมากๆ
ผิวหน้าฉ่ำวาวก็สำคัญแต่ผิวกายก็ห้ามทิ้งเลยนะคะ ยิ่งอายุมากขึ้น มันแห้งง่ายมากๆ
โป่งมาแนะนำ ออยทาตัวที่เราลองแล้วว่าดีเร่ิด แต่ละแบรนด์ทั้งไทยและต่างประเทศ รับรองไม่เหนอะ ไม่น้ำมันเยิ้ม ไม่ต้องลงไปทอดแน่นอน55555 ซึมเร็วไว้ใจได้ แต่ละตัวจะมีส่วนผสม หรือสารอะไรเด่นๆ ไปดูกันจ้า
1. Erb wine roses anti-aging body oil 890 บาท 100 ml
มีส่วนผสมจากจาก Rose hip oil, Evening primrose และ Rose absolute จะช่วยลดความแห้งกร้านของผิว ฟื้นฟู กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ชะลอความเสื่อมของผิว ถ้ามีพวกรอยแผลใดใดก็ช่วยทำให้จางเร็วด้วยค่า กระจ่างใสต่างๆ
เนื้อน้ำมันจะค่อนข้างเหลวๆ ไม่ค่อยเหนอะ หรือหนืดเลย ทาลงผิวแป๊บเดียวก็ซึมแล้ว
กลิ่นก็ออกแนวๆ กุหลาบอ่อนๆ ตามชื่อเลย หอมสบายๆ ใครสายกุหลาบต้องไม่พลาด
2. Shan Body oil 1,090 บาท 215 ml
ส่วนผสมก็จะมาจาก Organic Argan oil, Jojoba oil, Rose hip oil, Grapeseed oil, Vitamin E จาก Sweet Almond oil, Safflowers oil คืออัดแน่นด้วยหลายๆ ออยบำรุงผิวที่สำคัญมากๆ ฟื้นฟูบำรุงผิวแห้งกร้าน เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว เติมความชุ่มชื้น ฟื้นฟูการถูกทำลายจากแสงแดด ป้องกันผิวขาดน้ำ
ซึมง่ายไม่เหนอะมากค่ะ เนื้อออยค่อนข้างเบา
กลิ่นเป็นแนวสดชื่นผ่อนคลายได้ความ Fresh จาก Orange peel, Rosewood, หอมนุ่มลึกด้วย Sandalwood แล้วก็มีความผ่อนคลายจาก Lavender ก็ถือว่า Mix กลิ่นได้ดีเลยค่า
3. Brisuthi Myrrh Body oil 1,490 บาท 150 ml
ส่วนผสมมาจาก Egyptian Myrrh oil และ Organic Pumpkin seed oil ตัวนี้ส่วนผสมแปลกมาก แต่แบรนด์มีหลายกลิ่นให้เลือกค่า โป่งลองตัวนี้เพราะเออเราไม่เคยลองออยแนวนี้เลย ออยทั้งสองชนิดจะเน้นเรื่อง Anti aging และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ เน้นความชุ่มชื้น เหมือนโกงอายุผิวอะไรแบบนั้นถ้าใช้อย่างต่อเนื่อง สำหรับสาวๆเลข 30++ เนี่ยเราว่าจำเป็นมาก555
เนื้อไม่หนืดมาก ซึมไว ไม่ค่อยเหนอะนะ ติดเสื้อผ้า แนะนำให้ทาก่อนนอน
กลิ่นคือตัวนี้แอบอธิบายยากนิดนึง มันแนวแบบ Herb เราไม่ติดนะ คือเน้นผลลัพธ์ บางคนชอบก็ชอบไปเลย แต่บางคนอาจจะแบบเอ๊แปลกจัง แต่กลิ่นไม่ได้ติดนานมากค่ะ
4. Solure Natural body oil 65ml 490 บาท
ส่วนผสมมากจาก Aloe Vera, Canola Oil, Jojoba Oil, Olive Oil, Rice Brand Oil อันนี้เป็นแบรนด์น้องใหม่เราได้ลองมาซักพัก บอกเลยว่าอ่านส่วนผสมแล้วแบบแน่นมากกก ขวดน้อยนี้คุณค่าสูง 555 ช่วยล็อคความชุ่มชื้น บำรุงผิวด้วยน้ำมันธรรมชาติ ช่วยเรื่องผิวแห้งกร้านดีมากๆ ผิวมีความยืดหยุ่น ผิวสมดุล
เนื้อปานกลางไม่ได้เบามาก แต่ว่าแปลกใจตรงซึมไวสุดๆ ทาได้ทั้งเช้าและก่อนนอนเลยค่ะ
กลิ่นคือบอกเลยว่าหอมแพงมากกกก รุ่นก่อนที่เป็นกลิ่น First date จะแนวๆหอม Floral ลูกคุณ ตัว collection ใหม่ Crush on you คือเหมือนสาวสวยที่โตๆมาหน่อย เราว่ายังมีความ Floral หวานๆอยู่ แต่จะคนละแนวกับ First date สรุปว่าหอมมากๆทั้งคู่ แบรนด์นี้ทำกลิ่นได้ดีมาก ไม่ต้องฉีดน้ำหอมยังได้เลยอะ
5. Loccitane Almond body oil 2,190 บาท 100 ml
ความผิวแพงนี้ 555 แต่เป็น Body oil ตัวแรกๆที่ลอง แล้วเข้าวงการออยแพงคือออกไม่ได้เลยจ้า มันติดมาก
ส่วนประกอบที่สำคัญคือ Almond oil, Camelina oil ซึ่งความพิเศษคือ เป็นอัลมอลด์ที่ปลูกในฝรั่งเศสมีคุณภาพสูง ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นสุดๆ ผิวเรียบเนียน กระชับ
เนื้ออยหนักนะคะ แต่ซึมไวมากกกๆ ไม่เหนอะนะเลย หัวเป็นสเปรย์ แต่เราว่าบางทีมันสเปรย์ไปโดนอย่างอื่น555 ก็ต้องเอามาใส่มือก่อนอยู่ดี
กลิ่นคือหวีดมาก ที่สุดของความหอมหวาน แนววนิลา ใครชอบแนวนี้คือตายไปเลย ซื้อแล้วซื้ออีกชัวร์
6. Susanne Kaufman Body oil 1,650 บาท 100ml
สายออยไม่ควรพลาดคุณป้าซูซานอีกชิ้นนึง ส่วนประกอบมาจาก Marigold Oil, Rose hip seed oil และ Jojoba oil ค่ะ ช่วยรักษาสมดุลและความชุ่มชื้นของผิว รักษาความยืดหยุ่นของผิว ป้องกันให้ผิวแข็งแรง สามารถใช้ได้กับผิวแพ้ง่ายด้วยค่ะ
เนื้อออยกลางๆแต่ว่าซึมไวมากกกกก ไม่เหนอะผิวเลยค่ะ
กลิ่นหอมมากก เรากรีสกลิ่นนี้เหมือนกัน มันเป็นความเฉพาะตัวของแบรนด์มากๆ คือบอกเลยว่าดีไซน์กลิ่นได้ดีมากจริงๆ แล้วติดทนกับผิวสุดๆ อีกตัวนึง
7. Clarins Contour treatment oil 2,700 บาท 100ml
เป็นน้ำมันจากพืชธรรมชาติจากต้น Broom, Geranium และ Majoram รวมถึง Hazel nut oil ด้วย จะเน้นเรื่องผิวแน่นกระชับ ขจัดสารพิษ ป้องกันเซลลูไลท์ด้วยค่ะ แล้วยังช่วยเรื่องความชุ่มชื้นได้ดี ให้ผิวดูอิ่มและนุ่มละมุนสุดๆ
เนื้อออยหนักๆเลย แต่ซึมไว ไม่ทิ้งรอยเปื้อนใดใด เราว่าทาก่อนนอนเหมือนได้สปาไปเลย ติดตรงกะประมาณเวลาเทไม่ค่อยถูก ชอบหก555
กลิ่นเป็นแนว Herb อีกตัวแต่รู้สึกผ่อนคลายมากๆ ค่อนข้างติดผิว
สรุปคือส่วนใหญ่ Body oil ที่โป่งเอามารีวิวคือจะเน้นเรื่องซึมไว ไม่เหนอะผิว เน้นเรื่องผิวชุ่มชื้น ช่วยเรื่องผิวแห้งได้ดีมากๆ แต่ก็จะแตกต่างไปตามส่วนประกอบบางอย่างในแต่ละแบรนด์ที่เค้าอาจจะเน้นเพิ่ม ส่วนเรื่องของกลิ่นเนี่ย เอาจริงๆ เป็นเรื่องของแต่ละคนเนอะ บางคนชอบหวานมากๆ บางคนชอบแนวสปาผ่อนคลาย อันนี้แล้วแต่ความชอบค่า
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้