“บรรยากาศการฝึกซ้อมแตกต่างจากเจลีกโดยสิ้นเชิง ตอนไปถึงไทยครั้งแรกผมรู้สึกว่าที่นี่ซ้อมกันแบบสบาย" อย่าลืมว่าทีมไทยลีกที่เขาไปครั้งแรกคือ บุรีรัมย์ !!! ถ้าทีมอย่างบุรีรัมย์ยังซ้อมกันสบาย แล้วทีมอื่นในไทยลีกจะเป็นแบบไหนครับนี่
ประโยคที่โฮโซไกตะลึงและแปลกใจ คือ เขาได้ยินประมาณว่า "ก็ที่นี่คือประเทศไทย" "คนส่วนใหญ่ในทีมจะคิดว่าไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา" คือเขาสื่อประมาณว่า เราไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงอะไรเลย แต่กลับมีทัศนคติประมาณว่าแค่นี้ ซ้อมแค่นี้ล่ะดีที่สุดแล้ว ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรให้ดีขึ้นหนักขึ้น ทำไปทำไมที่นี่คือไทย
โฮโซไกบอกว่า มันดูอึดอัด ทุกคนซ้อมกันเบาไม่จริงจังเหมือนที่เคยเจอในญี่ปุ่น เยอรมัน แต่ตัวเขาเองก็ต้องปรับให้ตัวเองให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่ต้องเจอภายในทีม แต่ปรับมากไปก็ไม่ดี เพราะจะไปลดความสามารถในการเล่นฟุตบอล
สรุปคือต้องการสื่อประมาณว่า การซ้อมเบาแบบไทยๆทำให้ความสามารถประสิทธิภาพในการเล่นฟุตบอลลดน้อยลง
อ่าวแล้วผมอยากถามว่าคนไทยไม่รู้หรอถึงปัญหานี้ ก็คงรู้ แต่ไม่เป็นไร ที่นี่ไทยลีก นักเตะซ้อมกันน้อยๆก็ประสบความสำเร็จในลีก ซ้อมน้อยๆไม่ต้องพยายามมากก็กินเงินค่าตัวแพงๆได้ แต่แฟนบอลเพ้อฝันเรียกหาโค้ชเทวดาดีๆจะเอาความสำเร็จระดับทวีป ไปสู้กับชาติอื่นๆที่วินัยนักเตะ การพัฒนากล้ามเนื้อร่างกายดีกว่า ซ้อมกันหนักมากกว่า
คิดว่าทีมในไทยลีกจะปรับเปลี่ยนวิธีการฝึกซ้อมเสียแล้วอีก ปีที่แล้วปี 2020 นะครับโฮโซไกยังเล่นในไทยลีกอยู่เลย
ทำไมทีมในลีกบ้านเราจึงไม่ปรับเปลี่ยนวิธีการฝึกซ้อมให้เป็นสากล แบบลีกอาชีพอื่นๆเสียที
ถ้าซ้อมไม่หนักเท่าเขา วินัยนอกสนามสู้เขาไม่ได้ อีกนานแค่ไหนเราจะเอาชนะเขาได้
เจลีก ได้จัดทำคอนเทรนด์ J.League: Playing Asia โดยนำนักเตะญี่ปุ่นที่ค้าแข้งในลีกเอเชียมาเล่าถึงประสบการณ์การค้าแข้งในประเทศต่างๆ โดยมีนักเตะ 3 รายประกอบไปด้วย ฮาจิเมะ โฮโซไก อดีตกองกลางสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด,แบงค็อก ยูไนเต็ด(ไทย),โคสุเกะ โอตะ เเข้งเพิร์ธ กลอรี่(ออสเตรเลีย) เเละ มาซาชิ โมโตะยามา แข้งสโมสรกลันตัน(มาเลเซีย)
เขาพูดถึงชนาธิปและธีราทรด้วย เขาอยากเห็นนักเตะไทยไปเจลีกมากขึ้น เพื่อพัฒนาฝีเท้าตัวเอง
คิดอย่างไรการที่ โฮโซไกบอกประมาณว่า "นักเตะทีมใหญ่ไทยขี้เกียจซ้อม ซ้อมแบบสบายชิวๆ แต่ว่าค่าตัวแพงเกินความเป็นจริง"
ประโยคที่โฮโซไกตะลึงและแปลกใจ คือ เขาได้ยินประมาณว่า "ก็ที่นี่คือประเทศไทย" "คนส่วนใหญ่ในทีมจะคิดว่าไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา" คือเขาสื่อประมาณว่า เราไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงอะไรเลย แต่กลับมีทัศนคติประมาณว่าแค่นี้ ซ้อมแค่นี้ล่ะดีที่สุดแล้ว ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรให้ดีขึ้นหนักขึ้น ทำไปทำไมที่นี่คือไทย
โฮโซไกบอกว่า มันดูอึดอัด ทุกคนซ้อมกันเบาไม่จริงจังเหมือนที่เคยเจอในญี่ปุ่น เยอรมัน แต่ตัวเขาเองก็ต้องปรับให้ตัวเองให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่ต้องเจอภายในทีม แต่ปรับมากไปก็ไม่ดี เพราะจะไปลดความสามารถในการเล่นฟุตบอล
สรุปคือต้องการสื่อประมาณว่า การซ้อมเบาแบบไทยๆทำให้ความสามารถประสิทธิภาพในการเล่นฟุตบอลลดน้อยลง
อ่าวแล้วผมอยากถามว่าคนไทยไม่รู้หรอถึงปัญหานี้ ก็คงรู้ แต่ไม่เป็นไร ที่นี่ไทยลีก นักเตะซ้อมกันน้อยๆก็ประสบความสำเร็จในลีก ซ้อมน้อยๆไม่ต้องพยายามมากก็กินเงินค่าตัวแพงๆได้ แต่แฟนบอลเพ้อฝันเรียกหาโค้ชเทวดาดีๆจะเอาความสำเร็จระดับทวีป ไปสู้กับชาติอื่นๆที่วินัยนักเตะ การพัฒนากล้ามเนื้อร่างกายดีกว่า ซ้อมกันหนักมากกว่า
คิดว่าทีมในไทยลีกจะปรับเปลี่ยนวิธีการฝึกซ้อมเสียแล้วอีก ปีที่แล้วปี 2020 นะครับโฮโซไกยังเล่นในไทยลีกอยู่เลย
ทำไมทีมในลีกบ้านเราจึงไม่ปรับเปลี่ยนวิธีการฝึกซ้อมให้เป็นสากล แบบลีกอาชีพอื่นๆเสียที
ถ้าซ้อมไม่หนักเท่าเขา วินัยนอกสนามสู้เขาไม่ได้ อีกนานแค่ไหนเราจะเอาชนะเขาได้
เจลีก ได้จัดทำคอนเทรนด์ J.League: Playing Asia โดยนำนักเตะญี่ปุ่นที่ค้าแข้งในลีกเอเชียมาเล่าถึงประสบการณ์การค้าแข้งในประเทศต่างๆ โดยมีนักเตะ 3 รายประกอบไปด้วย ฮาจิเมะ โฮโซไก อดีตกองกลางสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด,แบงค็อก ยูไนเต็ด(ไทย),โคสุเกะ โอตะ เเข้งเพิร์ธ กลอรี่(ออสเตรเลีย) เเละ มาซาชิ โมโตะยามา แข้งสโมสรกลันตัน(มาเลเซีย)
เขาพูดถึงชนาธิปและธีราทรด้วย เขาอยากเห็นนักเตะไทยไปเจลีกมากขึ้น เพื่อพัฒนาฝีเท้าตัวเอง