ศาลจำคุก 12 ปี ไม่รอลงอาญา ลูกสาว ‘อาม่าฮวย’ แอบถอนเงินแม่ 250 ล้านบาท
วันที่ 17 สิงหาคม 2564 - 12:48 น.
ศาลอาญาพระโขนงสั่งจำคุก 12 ปี ลูกสาวแอบถอนเงินอาม่าฮวยแม่แท้ๆ ระหว่างรักษาตัวกว่า 250 ล้านบาท โดยไม่รอลงอาญา
เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ที่ศาลอาญาพระโขนง ถนนสรรพาวุธ วันนี้ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขดำ อ.1668/2563 (คดีหมายเลขแดง อ.942/2564)
ที่นางฮวย ศรีวิรัตน์ อายุ 84 ปี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางมาวดี ศรีวิรัตน์ บุตรสาว อายุ 55 ปี จำเลย หลังเมื่อปี พ.ศ.2560 ได้ก่อเหตุทยอยถอนเงินในบัญชีกว่า 253 ล้านบาท และถ่ายโอนทรัพย์สินอื่นๆ ขณะนางฮวยนอนพักฟื้นรักษาตัวด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบที่โรงพยาบาล ขอให้ศาลลงโทษเรื่องลักทรัพย์
โดยศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334
การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้จำคุก 6 กระทง กระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 12 ปี
โดยเมื่อพิเคราะห์พฤติกรรมแห่งคดีแล้ว การกระทำความผิดของจำเลยเป็นการกระทำต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุพการีโดยใช้โอกาสที่จำเลยเป็นผู้ดูแลระหว่างโจทก์เจ็บป่วย ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ อีกทั้งเงินที่จำเลยลักไปเป็นเงินจำนวนสูงมาก นับเป็นเรื่องร้ายแรง ดังนั้น แม้ปรากฏว่าจำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน กรณีก็ไม่เป็นเหตุให้รอการลงโทษ
ข่าวจาก : มติชนออนไลน์
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2889512
ศาลจำคุก 12 ปี ไม่รอลงอาญา ลูกสาว ‘อาม่าฮวย’ แอบถอนเงินแม่ 250 ล้านบาท
วันที่ 17 สิงหาคม 2564 - 12:48 น.
ศาลอาญาพระโขนงสั่งจำคุก 12 ปี ลูกสาวแอบถอนเงินอาม่าฮวยแม่แท้ๆ ระหว่างรักษาตัวกว่า 250 ล้านบาท โดยไม่รอลงอาญา
เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ที่ศาลอาญาพระโขนง ถนนสรรพาวุธ วันนี้ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขดำ อ.1668/2563 (คดีหมายเลขแดง อ.942/2564)
ที่นางฮวย ศรีวิรัตน์ อายุ 84 ปี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางมาวดี ศรีวิรัตน์ บุตรสาว อายุ 55 ปี จำเลย หลังเมื่อปี พ.ศ.2560 ได้ก่อเหตุทยอยถอนเงินในบัญชีกว่า 253 ล้านบาท และถ่ายโอนทรัพย์สินอื่นๆ ขณะนางฮวยนอนพักฟื้นรักษาตัวด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบที่โรงพยาบาล ขอให้ศาลลงโทษเรื่องลักทรัพย์
โดยศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334
การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้จำคุก 6 กระทง กระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 12 ปี
โดยเมื่อพิเคราะห์พฤติกรรมแห่งคดีแล้ว การกระทำความผิดของจำเลยเป็นการกระทำต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุพการีโดยใช้โอกาสที่จำเลยเป็นผู้ดูแลระหว่างโจทก์เจ็บป่วย ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ อีกทั้งเงินที่จำเลยลักไปเป็นเงินจำนวนสูงมาก นับเป็นเรื่องร้ายแรง ดังนั้น แม้ปรากฏว่าจำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน กรณีก็ไม่เป็นเหตุให้รอการลงโทษ
ข่าวจาก : มติชนออนไลน์
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2889512