Driver or 3 Wood Off the Tee?
Sources: pgatour.com, shotscope.com
ไดรฟเวอร์ หรือ หัวไม้ 3? ไดรฟเวอร์ไกลกว่าหัวไม้ 3 แน่นอน แต่มันไม่แม่นแฟร์เวย์เหมือนหัวไม้?
จริงๆแล้วนักกอล์ฟควรใช้ไม้อะไรในการตีออกจากแท่นที เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อเกมกอล์ฟ
นี่เป็นคำถามที่นักกอล์ฟหลายคนคงเคยสงสัย ความเชื่อในหมู่นักกอล์ฟที่สั่งสอนกันต่อๆมาว่า โดยทั่วไปแล้วนักกอล์ฟจะตีแม่นทิศทางขึ้นเมื่อใช้ไม้ที่สั้นลง มันเป็นความจริงแท้หรือไม่ แม้จะยังไม่มีการพิสูจน์ตามหลักวิชาการ แต่ด้วยประสบการณ์ของนักกอล์ฟส่วนใหญ่แล้วรู้ได้ด้วยตัวเองว่า การตีหล็ก 9 ขึ้นกรีนย่อมแม่นยำกว่าตีเหล็ก 6 แน่นอน
เมื่อเหล็ก 9 แม่นกว่าเหล็ก 6 และเหล็ก 7 แม่นกว่าเหล็ก 5 สมมุติฐานนี้จะยังเป็นจริงหรือไม่เมื่อเปรียบเทียบระหว่างไดรฟเวอร์กับหัวไม้ 3 ข่าวดีคือ มีคนพิสูจน์เรื่องนี้แล้วครับ
Shot Scope statistics เปรียบเทียบระยะเฉลี่ยของไดรฟเวอร์และหัวไม้ 3 ในการตีออกจากทีของนักกอล์ฟ พบว่าไดรฟเวอร์ให้ระยะไกลกว่าเฉลี่ย 20-30 หลา กราฟข้างล่างแสดงระยะเฉลี่ยเปรียบเทียบระยะไดรฟเวอร์และหัวไม้ 3 ของนักกอล์ฟ 5 ระดับแฮนดิเคป ซึ่งมาจากดาต้าเบสของช็อตที่บันทึกมากกว่า 80 ล้านช็อต
คำถามยอดฮิตที่ตามมาหลังจากที่รู้ว่าไดรฟเวอร์ตีไกลกว่า 20-30 หลา แล้วช็อตเหล่านั้นอยู่ในแฟร์เวย์หรือรัฟ? Shot Scope ก็ได้ทำการทดลองและมีคำตอบให้ดังนี้
จะเห็นได้ว่าในแง่ความแม่นยำ มันมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นักกอล์ฟหลายคนอาจต้องประหลาดใจที่พบว่า ความเชื่อที่ฝังใจเรานับหลายสิบปี วันนี้วิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่า ไม่ใช่
ถามว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้
ในขณะที่เหล็กแม้จะต่างล็อบต่างความยาวก้าน แต่โครงสร้างใบนั้นเหมือนกัน แต่หัวไม้แฟร์เวย์นั้นโดยโครงสร้างการออกแบบ ทำให้มันตีได้แม่นยำยากกว่าไดรฟเวอร์ ขณะที่ความยาวก้านไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แต่ขนาดหัวไม้นั้นต่างกันชัดเจน อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ หัวไม้แฟร์เวย์ออกแบบมาสำหรับการตีลูกจากพื้นในลักษณะกวาด มันมีขนาดพื้นที่หน้าไม้และสวีทสปอตที่เล็กกว่ามาก จึงเสียเปรียบไดรฟเวอร์อย่างมากเมื่อตีลูกตั้งที
ไกลกว่าแต่แม่นน้อยกว่าจริงหรือ
Shot Scope จึงได้ทำการทดลองโดยให้นักกอล์ฟที่มีแต้มต่อ 8 มาตีทีช็อตเพื่อเปรียบเทียบไดรฟเวอร์กับหัวไม้ 3 แล้วสรุปค่าเฉลี่ยทั้งระยะและความแม่นยำดังนี้
ไกลกว่าแล้วได้เปรียบแค่ไหน
ระยะเฉลี่ย 28 หลาที่ได้เพิ่มมาจากการเลือกออกด้วยไดรฟเวอร์ หมายถึงประมาณ 2 เบอร์เหล็กในการตีขึ้นกรีน ซึ่งจากการทดลองจะได้ GIR เพิ่มขึ้นมาราว 12-15% และระยะ proximity ใกล้หลุมมากขึ้นเฉลี่ยราว 18 ฟุต
140 จากรัฟ vs 170 จากแฟร์เวย์
จากตาราง Expected shots จากระยะ 140 ถึง 250 หลาของ PGA TOUR สมมุติสนามมีพาร์ 4 จำนวน 14 หลุมที่มีระยะเท่ากันหมด(ที่เหลือเป็นพาร์ 3 ไม่มีพาร์ 5) นักกอล์ฟคนหนึ่งเมื่อทีออฟด้วยหัวไม้ 3 จะแม่นแฟร์เวย์ 11/14 และเหลือระยะขึ้นกรีน 170 หลาทุกหลุมเมื่อทีออฟด้วยไดรฟเวอร์ จะแม่นแฟร์เวย์ 9/14 และเหลือระยะขึ้นกรีน 140 หลาทุกหลุม
3 WOOD
ขึ้นกรีนระยะ 170 หลา จำนวนสโตรกที่ใช้(จากจุดนี้จนลงหลุม) จากแฟร์เวย์ 11 หลุม = 11 x 3.01 = 33.11 ช็อต
จำนวนสโตรกที่ใช้จากรัฟ 3 หลุม = 3 x 3.24 = 9.72 ซ็อต
รวม toal = 42.83
DRIVER
ขึ้นกรีนระยะ 140 หลา จำนวนสโตรกที่ใช้ (จากจุดนี้จนลงหลุม) จากแฟร์เวย์ 9 หลุม = 9 x 2.89 =26.01 ช็อต
จำนวนสโตรกที่ใช้จากรัฟ 5 หลุม = 5 x 3.13 = 15.65 ซ็อต
รวม toal = 41.66 ช็อต
จะเห็นว่าแม้สถิติแม่นแฟร์เวย์จะลดลงสองหลุม แต่นักกอล์ฟยังได้ Strokes gained ถึง 1.17 ช็อตเมื่อใช้ไดรฟเวอร์แทนหัวไม้ 3 (หรือเมื่อสามารถเพิ่มระยะทีออฟได้ 30 หลา)
ทำไมโปรทัวร์ยังชักหัวไม้ 3
แม้คำแนะนำจะบอกว่าการใช้ไดรฟเวอร์จะได้เปรียบกว่าก็ตาม แต่ในบางสถานการณ์ที่มีอุปสรรค์ เช่นน้ำ หรือบังเกอร์เข้ามามีส่วน ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ไดรฟเวอร์ แต่สำหรับอุปสรรค์รัฟ หากรัฟไม่ยากนัก อย่างเช่น หญ้าเฟสคิวที่สูงท่วมเข่า นักกอล์ฟที่มัพลังมากๆ อย่างดัสติน จอห์นสัน หรือจอน ราห์ม ก็เลือกไดรฟเวอร์
สรุป
ผลการทดลองและวิเคราะห์โดย Shot Scope ได้ทำให้เราเห็นถึงความได้เปรียบในการใช้ไดรฟเวอร์ตีช็อตทีออฟ จึงไม่แปลกที่ปัจจุบันนักกอล์ฟน PGA Tour จะใช้ความพยายามอย่างมากในการเพิ่มระยะและใช้ประโยชน์จากช็อตทีออฟให้มากที่สุด
สอดคล้องกับผลการศึกษาโดยใช้สถิติตัวใหม่ คือ Strokes Gained ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่าช็อตที่ลดสกอร์ให้นักกอล์ฟจริงๆ หาใช่ลูกพัตต์หรือลูกสั้นอย่างที่เราเคยเข้าใจกันมาตลอด แต่คือ ช็อตขึ้นกรีน ตามมาด้วย ทีออฟ ลูกข้างกรีน แล้วก็พัตต์ (สนใจศึกษาได้จากนังสือ Every Shot Counts โดย Professor Mark Broadie)
๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙
Driver or 3 Wood Off the Tee
ไดรฟเวอร์ หรือ หัวไม้ 3? ไดรฟเวอร์ไกลกว่าหัวไม้ 3 แน่นอน แต่มันไม่แม่นแฟร์เวย์เหมือนหัวไม้?
จริงๆแล้วนักกอล์ฟควรใช้ไม้อะไรในการตีออกจากแท่นที เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อเกมกอล์ฟ
นี่เป็นคำถามที่นักกอล์ฟหลายคนคงเคยสงสัย ความเชื่อในหมู่นักกอล์ฟที่สั่งสอนกันต่อๆมาว่า โดยทั่วไปแล้วนักกอล์ฟจะตีแม่นทิศทางขึ้นเมื่อใช้ไม้ที่สั้นลง มันเป็นความจริงแท้หรือไม่ แม้จะยังไม่มีการพิสูจน์ตามหลักวิชาการ แต่ด้วยประสบการณ์ของนักกอล์ฟส่วนใหญ่แล้วรู้ได้ด้วยตัวเองว่า การตีหล็ก 9 ขึ้นกรีนย่อมแม่นยำกว่าตีเหล็ก 6 แน่นอน
เมื่อเหล็ก 9 แม่นกว่าเหล็ก 6 และเหล็ก 7 แม่นกว่าเหล็ก 5 สมมุติฐานนี้จะยังเป็นจริงหรือไม่เมื่อเปรียบเทียบระหว่างไดรฟเวอร์กับหัวไม้ 3 ข่าวดีคือ มีคนพิสูจน์เรื่องนี้แล้วครับ
Shot Scope statistics เปรียบเทียบระยะเฉลี่ยของไดรฟเวอร์และหัวไม้ 3 ในการตีออกจากทีของนักกอล์ฟ พบว่าไดรฟเวอร์ให้ระยะไกลกว่าเฉลี่ย 20-30 หลา กราฟข้างล่างแสดงระยะเฉลี่ยเปรียบเทียบระยะไดรฟเวอร์และหัวไม้ 3 ของนักกอล์ฟ 5 ระดับแฮนดิเคป ซึ่งมาจากดาต้าเบสของช็อตที่บันทึกมากกว่า 80 ล้านช็อต
คำถามยอดฮิตที่ตามมาหลังจากที่รู้ว่าไดรฟเวอร์ตีไกลกว่า 20-30 หลา แล้วช็อตเหล่านั้นอยู่ในแฟร์เวย์หรือรัฟ? Shot Scope ก็ได้ทำการทดลองและมีคำตอบให้ดังนี้
จะเห็นได้ว่าในแง่ความแม่นยำ มันมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นักกอล์ฟหลายคนอาจต้องประหลาดใจที่พบว่า ความเชื่อที่ฝังใจเรานับหลายสิบปี วันนี้วิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่า ไม่ใช่
ถามว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้
ในขณะที่เหล็กแม้จะต่างล็อบต่างความยาวก้าน แต่โครงสร้างใบนั้นเหมือนกัน แต่หัวไม้แฟร์เวย์นั้นโดยโครงสร้างการออกแบบ ทำให้มันตีได้แม่นยำยากกว่าไดรฟเวอร์ ขณะที่ความยาวก้านไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แต่ขนาดหัวไม้นั้นต่างกันชัดเจน อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ หัวไม้แฟร์เวย์ออกแบบมาสำหรับการตีลูกจากพื้นในลักษณะกวาด มันมีขนาดพื้นที่หน้าไม้และสวีทสปอตที่เล็กกว่ามาก จึงเสียเปรียบไดรฟเวอร์อย่างมากเมื่อตีลูกตั้งที
ไกลกว่าแต่แม่นน้อยกว่าจริงหรือ
Shot Scope จึงได้ทำการทดลองโดยให้นักกอล์ฟที่มีแต้มต่อ 8 มาตีทีช็อตเพื่อเปรียบเทียบไดรฟเวอร์กับหัวไม้ 3 แล้วสรุปค่าเฉลี่ยทั้งระยะและความแม่นยำดังนี้
ไกลกว่าแล้วได้เปรียบแค่ไหน
ระยะเฉลี่ย 28 หลาที่ได้เพิ่มมาจากการเลือกออกด้วยไดรฟเวอร์ หมายถึงประมาณ 2 เบอร์เหล็กในการตีขึ้นกรีน ซึ่งจากการทดลองจะได้ GIR เพิ่มขึ้นมาราว 12-15% และระยะ proximity ใกล้หลุมมากขึ้นเฉลี่ยราว 18 ฟุต
140 จากรัฟ vs 170 จากแฟร์เวย์
จากตาราง Expected shots จากระยะ 140 ถึง 250 หลาของ PGA TOUR สมมุติสนามมีพาร์ 4 จำนวน 14 หลุมที่มีระยะเท่ากันหมด(ที่เหลือเป็นพาร์ 3 ไม่มีพาร์ 5) นักกอล์ฟคนหนึ่งเมื่อทีออฟด้วยหัวไม้ 3 จะแม่นแฟร์เวย์ 11/14 และเหลือระยะขึ้นกรีน 170 หลาทุกหลุมเมื่อทีออฟด้วยไดรฟเวอร์ จะแม่นแฟร์เวย์ 9/14 และเหลือระยะขึ้นกรีน 140 หลาทุกหลุม
3 WOOD
ขึ้นกรีนระยะ 170 หลา จำนวนสโตรกที่ใช้(จากจุดนี้จนลงหลุม) จากแฟร์เวย์ 11 หลุม = 11 x 3.01 = 33.11 ช็อต
จำนวนสโตรกที่ใช้จากรัฟ 3 หลุม = 3 x 3.24 = 9.72 ซ็อต
รวม toal = 42.83
DRIVER
ขึ้นกรีนระยะ 140 หลา จำนวนสโตรกที่ใช้ (จากจุดนี้จนลงหลุม) จากแฟร์เวย์ 9 หลุม = 9 x 2.89 =26.01 ช็อต
จำนวนสโตรกที่ใช้จากรัฟ 5 หลุม = 5 x 3.13 = 15.65 ซ็อต
รวม toal = 41.66 ช็อต
จะเห็นว่าแม้สถิติแม่นแฟร์เวย์จะลดลงสองหลุม แต่นักกอล์ฟยังได้ Strokes gained ถึง 1.17 ช็อตเมื่อใช้ไดรฟเวอร์แทนหัวไม้ 3 (หรือเมื่อสามารถเพิ่มระยะทีออฟได้ 30 หลา)
ทำไมโปรทัวร์ยังชักหัวไม้ 3
แม้คำแนะนำจะบอกว่าการใช้ไดรฟเวอร์จะได้เปรียบกว่าก็ตาม แต่ในบางสถานการณ์ที่มีอุปสรรค์ เช่นน้ำ หรือบังเกอร์เข้ามามีส่วน ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ไดรฟเวอร์ แต่สำหรับอุปสรรค์รัฟ หากรัฟไม่ยากนัก อย่างเช่น หญ้าเฟสคิวที่สูงท่วมเข่า นักกอล์ฟที่มัพลังมากๆ อย่างดัสติน จอห์นสัน หรือจอน ราห์ม ก็เลือกไดรฟเวอร์
สรุป
ผลการทดลองและวิเคราะห์โดย Shot Scope ได้ทำให้เราเห็นถึงความได้เปรียบในการใช้ไดรฟเวอร์ตีช็อตทีออฟ จึงไม่แปลกที่ปัจจุบันนักกอล์ฟน PGA Tour จะใช้ความพยายามอย่างมากในการเพิ่มระยะและใช้ประโยชน์จากช็อตทีออฟให้มากที่สุด
สอดคล้องกับผลการศึกษาโดยใช้สถิติตัวใหม่ คือ Strokes Gained ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่าช็อตที่ลดสกอร์ให้นักกอล์ฟจริงๆ หาใช่ลูกพัตต์หรือลูกสั้นอย่างที่เราเคยเข้าใจกันมาตลอด แต่คือ ช็อตขึ้นกรีน ตามมาด้วย ทีออฟ ลูกข้างกรีน แล้วก็พัตต์ (สนใจศึกษาได้จากนังสือ Every Shot Counts โดย Professor Mark Broadie)