แชร์ประสบการณ์ร้องเรียนกรณีเพื่อนบ้านต่อเติมอาคารรุกล้ำที่ดินของเรา

          บ้านของดิฉันเป็นบ้านเดี่ยวอยู่ในกรุงเทพฯ ได้อยู่อาศัยอย่างสงบสุขมา18ปี จนมีเพื่อนบ้านรายใหม่ย้ายเข้ามา ตอนแรกเขาก็สร้างแค่กันสาดออกมา ทางดิฉันก็ไม่ติดอะไร แต่อยู่ๆก็มาก่อกำแพงสูงขึ้นไปอีกเกือบ2เมตร ลงบนกำแพงอิฐบล็อคเดิมที่ได้สร้างไว้ชิดกับกำแพงบ้านของดิฉัน โดยทำช่องระบายอากาศและบล็อคแก้ว
แล้วใช้แผ่นอลูมิเนียมปิดทึบเชื่อมกับกันสาดที่มีรางน้ำใช้เป็นห้องครัว สภาพอิฐที่ก่อฝั่งดิฉันดูขี้เหร่มาก หรือว่าช่างจะหนีโควิดมาจากบ่อนปอยเปตมารับจ๊อบเนี่ย

      ดิฉันได้ทักท้วงช่างไปว่ากำแพงทั้งสองบ้านมันเอียงเข้ามาฝั่งบ้านของดิฉันอยู่ และมีรอยร้าว  ซึ่งบ้านฝั่งเขาเป็นคนละโครงการที่มาสร้างทีหลัง และได้ถมที่สูงกว่าฝั่งบ้านของดิฉัน1เมตรกว่า ดิฉันขอให้เขาทำคานยึดกำแพงไว้เพื่อไม่ให้น้ำหนักและแรงดันทำให้กำแพงของบ้านดิฉันเอียงและแตกร้าวไปมากกว่าเดิม ช่างก็รับปากส่งเดชไปให้ดิฉันสบายใจ

    เวลาผ่านไปไม่นาน พบรอยแตกที่หัวเสากำแพงหลายจุด และที่โคนเสาร้าวเป็นทางยาว ดิฉันกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะกลัวว่ากำแพงจะพังถล่มลงทับใส่หัวดิฉันที่เริ่มทำสวนผักช่วงล็อคดาวน์โควิดรอบแรก  กังวลสารพัดว่ากำแพงจะล้มมาใส่หลานตัวน้อยที่พี่สาวพามาวิ่งเล่นที่บ้าน  จึงต้องเดินไปหาข้างบ้านหลายรอบ จนได้เจอและพูดคุยกับผู้ชายในบ้านที่ตอนแรกไม่ยอมออกมาเจอ เพราะตกใจว่ามีผู้หญิงที่ไหนมาดักพบ  ดิฉันแจ้งไปว่าก่อสร้างอาคารติดกำแพงไม่มีระยะร่นมันไม่ถูกต้อง ขอให้เขาแก้ไขเพราะกำแพงบ้านดิฉันแตกร้าวเยอะ เขาก็รับปากว่าจะเรียกช่างมาคุยว่าได้ทำคานยึดน้ำหนักไว้จริงหรือไม่

      พอทวงถามไปหลายรอบก็ตอบว่ารอติดต่อช่างอยู่ ผ่านไปสิบกว่าวันก็รู้แล้วว่าเขาคงไม่ยอมแก้ไข จึงหาทางติดต่อกับเจ้าของบ้าน จนได้ความว่าเขากำลังจะขายให้เพื่อนที่เป็นคนดี และได้ปล่อยให้เข้าไปจัดการใช้สอยบ้านได้ก่อน เมื่อเขาให้เพื่อนคนดีโทรมาก็ปะทะคารมกันเพราะดิฉันเห็นว่าเขามีเจตนาทำให้เสียทรัพย์(กำแพงพัง) ทั้งๆที่เห็นอยู่ว่ากำแพงเอียงอยู่ยังดันทุรังก่อกำแพงขึ้นไปอีก สรุปคุยกันไม่รู้เรื่อง เนื่องจากเขายืนยันว่าที่เขาสร้างเป็นกำแพงกันโขมย ไม่ใช่อาคาร และท้าให้ไปฟ้องอาญาแพ่งและอื่นๆได้เลย ถ้าเขาผิดจริงจะยอมชดใช้ พอวางหูไปอยู่ๆก็ส่งข้อความเป็นทำนองว่าให้พูดเจรจากันดีๆเป็นมิตรกัน ดิฉันรู้สึกทะยิ้มๆสงสัยยัยนี่ท่าจะเป็นไบโพล่า
        ดิฉันโทรไปถามที่สำนักงานเขต เจ้าหน้าที่ให้เข้าไปเขียนคำร้องไว้ จนเวลาผ่านไป 1 เดือนจึงมีเจ้าหน้าที่ติดต่อมาเพื่อนัดเข้ามาดูหน้างาน กว่าจะนัดกันได้เจ้าหน้าที่ต้องทำหนังสือแจ้งเพื่อนบ้านให้แก้ไข ให้ทำเสารับน้ำหนักขึ้นมาเอง และทุบกำแพงใหม่ที่ต่อขึ้นไป
ออก แต่แล้วก็ใช้กระเบื้องหลังคาปิดทึบเป็นอาคารชิดกำแพงบ้านเหมือนเดิม  ทีนี้ช่างดันมาเทปูนห่วยๆปิดทับร่องหยักกระเบื้อง ทำให้น้ำไหลเข้ามาบ้านดิฉันเสียอีก ดิฉันโมโหมาก เพราะเสียเวลาเสียอารมณ์ไปติดต่อเขตและสืบหาเจ้าของบ้าน แต่นี่มาก่อปัญหาใหม่อีกแล้ว
จึงได้ปะทะคารมกับช่างไปเพราะเหลืออดแล้วจริงๆ ช่างยืนยันว่าจะทำเป็นรางน้ำไหล แต่ยังคงฝีมือห่วยได้ไม่ตก คือโปะปูนขึ้นเป็นตะเข็บเล็กๆที่ขอบเท่านั้น พอฝนตกก็เห็นว่าน้ำไหลลงมาท่วมที่บ้านดิฉันจนได้  ปัทโธ่!!

      ดิฉันจึงได้โทรติดต่อเจ้าหน้าที่ก็แล้วไปหาที่เขตหลายครั้ง เจ้าหน้าที่ก็แบ่งรับแบ่งสู้และไม่ดำเนินการอะไรให้ และบอกให้ไปยื่นเรื่องขอรังวัดที่ดินเพื่อพิสูจน์ว่ากำแพงนั้นอยู่ในที่ดินของดิฉันจริงหรือไม่ และเรื่องหายเงียบไปจนดิฉันต้องไปร้องทุกข์ที่ศาลาว่าการกรุงเทพฯเป็นลายลักษ์อักษรไว้ และร้องเรียนไปที่ไลน์ผู้ว่าอัศวินคลายทุกข์  (ขอบพระคุณทีมงานทั้งสองที่ยังเป็นที่พึ่งให้กับประชาชน) ดิฉันได้พริ๊นรูปถ่ายไว้ใช้เป็นหลักฐานเพื่อลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจ.    เมื่อนัดเจ้าหน้าที่รังวัดเข้ามาก็กุมขมับเพราะมองเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย แต่ท่านก็ทำหน้าที่วัดแนวเขตและเข้าไปเจรจากับเพื่อนบ้านให้ว่ากำแพงของเขาอยู่ในเขตที่ดินของดิฉันทั้งหมด และอาคารที่สร้างก็รุกล้ำเข้ามาในที่ดินของดิฉันเช่นกัน

    คำร้องทุกข์ที่เขียนคือระบุเรื่องการทำผิดพรบ.อาคารฯคือสร้างอาคารโดยไม่ขออนุญาตและไม่ชอบด้วยกฎหมายและการรุกล้ำที่ดิน รวมถึงปัญหาน้ำฝนไหลเข้ามาในบ้านทำให้ได้รับความเดือดร้อน

       ประมาณ 2 อาทิตย์ได้หนังสือจากกทม.และเจ้าหน้าที่โยธาพยายามโทรมาไกล่เกลี่ยให้ยอมปล่อยไป แต่ดิฉันไม่ยอมเพราะเข้าใจถ่องแท้ว่าระยะร่นที่กฎหมายกำหนดไว้เพื่อป้องกันปัญหาต่างๆเช่น น้ำฝนไหล ไฟไหม้ เสียงและกลิ่นรบกวน อากาศถ่ายเทและแสงสว่าง ดังนั้นเราควรจะปฏิบัติตามกฎหมายถึงจะดีที่สุดเพื่อไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น
แม้ว่าจะมีการต่อเติมไม่เว้นระยะร่นกันเยอะจนเห็นเป็นเรื่องธรรมดาก็ตาม แต่ความถูกต้องอยู่ที่ไหน?? 
      เมื่อเจ้าหน้าที่เข้ามาก็นัดทั้งสองฝ่ายมาคุยกัน อีกฝ่ายเปิดมาบ่นว่าเสียเวลางานมาคอยรับหนังสือเขต โดยไม่สำนึกผิดแม้แต่น้อย กดปุ่มก๊อซซิล่าในกายดิฉันออกมาพ่นไฟทันที แมสเสสไบโพล่าของเพื่อนบ้านที่ส่งมาใช้อ้างกับเจ้าหน้าที่ว่าเขาเป็นคนดีต้องการเจรจาดีๆและดิฉันเป็นฝ่ายหาเรื่องทั้งหมด ดิฉันเลยตะโกนบอกไปว่าอยากท้าให้ไปฟ้องนักใช่ไหม จัดให้!! ≧ω≦

        สรุป ใช้เวลาทั้งหมด 5 เดือน จนถึงวันที่เจ้าหน้าที่เข้ามารอบที่สอง จนเพื่อนบ้านถูกสั่งให้รื้อถอนออกไปทั้งหมด  จริงๆแล้วเหลือกันสาดไว้ก็ได้ เพราะไม่ได้รุกล้ำเข้ามาและมีรางน้ำฝน ถ้าเขาสร้างแค่กันสาดแต่แรกก็จบไปไม่ต้องมีเรื่องกัน ดิฉันเสียพลังหยินหยางไปเยอะมาก แถมตีนกาอีกหลายเส้น แต่คิดว่าคุ้มค่าเพราะเราไม่ต้องทนอยู่กับสิ่งนี้ไปจนถึงรุ่นหลาน และตกทอดให้ตามแก้ไขกันอีก ความถูกต้องและความยุติธรรมยังมีอยู่ในสังคมไทย หน่วยงานของรัฐก็ยังเป็นที่พึ่งพาได้
แต่คุณต้องมุ่งมั่นและออกแรงไขว่คว้ามาเองด้วย

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่