รักสามเศร้า บทที่ 9 (รีไรท์)

กระทู้สนทนา

.

                     หกโมงเช้าวันนี้ฟ้ายังมืดอยู่เลย แม่ลุกมาทำกับข้าวแต่เช้าเพื่อเตรียมให้ย่าไปวัด เขาตื่นนอนเพราะเสียงเสียงไก่ขัน ทว่าก็ไม่ได้ลุกจากที่นอน เลือกที่จะนอนต่อเพราะเหนื่อยจากการตระเวนเที่ยวมื่อวาน ส่วนน้องเบสนอนอยู่ข้าง ๆ ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเหมือนกัน

                      เขานอนต่อไปได้สักพักก็ต้องสะดุ้งตื่นอีกทีเพราะเสียงเคาะประตูห้อง หันมองข้าง ๆ น้องเบสตื่นแล้ว หันมองนาฬิกาประมาณเก้าโมงเช้า พ่อเป็นคนมาเคาะประตูห้องปลุกเขาตื่นเอง “บูมจะกินมั้ยข้าวอ่ะ” พ่อถามอยู่ด้านนอก

                     “ครับพ่อ กินก่อนเลยไม่ต้องรอ” เขาพยายามพยุงร่างกายตนเองให้ลุกนั่ง บิดขี้เกียจไปมา รู้สึกปวดเนื้อปวดตัวไปหมด จากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดตัวเดินไปอาบน้ำ

                     บูมเดินไปถึงหน้าห้องน้ำ เห็นประตูห้องน้ำปิดสนิท แสดงว่ามีใครคนใดคนหนึ่งเข้าอยู่ “ใครเข้าห้องน้ำเนี่ย” ถามเบาไปทว่าไม่ได้รบเร้าเร่งรัดอะไร

                      “น้องเบส” คนในห้องน้ำตะโกนตอบกลับมา

                      “ เร็ว ๆ พี่บูมจะอาบน้ำ” บูมนั่งรอคิวต่อจากน้องสาว เปิดทีวีดูข่าวไปด้วยอย่างสบายใจ แต่ทันในนั้นภาพเงาสะท้อนในกระจกของตู้ทีวี ก็ปรากฎร่างผู้หญิงผอมบางคนหนึ่ง บูมหันไปดูตกใจเกือบทำผ้าเช็ดตัวหลุดออกจากเอว เนสนั่นเอง

                      “เฮ้ย ! มาทำไมเนี่ย”  ความจริงมันไม่ได้โป๊ เขานุ่งผ้าเช็ดตัวอีกทั้งสวมกางเกงซ้อนข้างในอยู่แล้ว

                      เนสยิ้ม ๆ ให้กับภาพที่เห็นตรงหน้า ไม่คิดว่าจะมาเจอบูมในสภาพแบบนี้ มันไม่ได้น่าอายเหมือนในละครอะไร เหมือนฉากที่เจอพระเอกใส่ผ้าเช็ดตัว แล้วต้องปิดหน้าบิดตัวหันหลังอะไรแบบนั้น เนสไม่ได้โลกสวยขนาดนั้น

                      “มาหาน้องเบส ไม่ได้มาหานายแล้วกัน” สาวเจ้าตอบ เม้มปากยิ้มปรายตามองคนตรงหน้าที่เปลือยท่อนบน ท่อนล่างนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว

                      เขาไม่เถียงรีบเดินไปเคาะประตูห้องน้ำ เร่งให้คนข้างในรีบออกมาเร็ว ๆ ตนเองจะได้เข้าไปสักที ถึงอย่างไรก็รู้สึกเขิน ๆ ไม่มีผู้หญิงคนไหนมาเห็นเขาในสภาพแบบนี้เลย

                      “เสร็จแล้ว” เด็กหญิงตอบพร้อมเปิดประตูห้องน้ำเดินออกมา ใส่ผ้าเช็ดตัวพันถึงหน้าอก ผมเผ้ายุ่งเหยิงเพราะเปียกน้ำมาหมาด ๆ จากนั้นเดินผ่านทั้งสองคนเข้าไปในห้องนอนตากับยายเพื่อแต่งตัว

                      เมื่อน้องเบสเปิดประตูห้องน้ำเดินออกมาบูมก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำปิดประตูทันที ระหว่างนั้นเนสก็กำลังแต่งตัวให้น้องเบส สายตาก็คอยแต่จะมองไปที่ห้องน้ำ มือก็คอยเช็ดผม เป่าผมให้น้องเบสอยู่อย่างนั้น วันนี้สองสาวนัดกันไว้ว่าจะมาเล่นด้วยกัน เนสถึงได้มาหาที่บ้าน

                     สักพักบูมก็อาบน้ำเสร็จ เปิดประตูห้องน้ำออกมา กึ่งเดินกึ่งวิ่งตัวปลิวเข้าห้องตนเอง ปิดประตูเสียงดังปัง เนสเห็นแล้วก็อดที่จะขำไม่ได้

                      เมื่อเขาแต่งตัวเสร็จแล้ว เปิดประตูออกมาก็ไม่เห็นใครสักคน น่าจะออกไปหน้าบ้านกันแล้ว เขาจึงเดินเข้าไปในครัวเพื่อหาอะไรทาน

                      วันนี้พ่อกับแม่พาย่ากับยายจันทร์เข้าไปในตัวอำเภอ แปลกใจน้องเบสไม่ขอตามไปด้วย ครั้งนี่น่าจะเป็นเพราะมีเพื่อนเล่น ไม่รู้ว่าใครติดใครกันแน่ระหว่างทั้งสองคน ถ้าน้องเบสไม่ไปเล่นด้วย เนสก็เป็นฝ่ายมาหาเองที่บ้านเช่นวันนี้

                      “แห้งมากินข้าว เนสมากินข้าวด้วยกัน” เขาเรียกทั้งสองคนมาทานข้าวเช้าด้วยกัน ขณะนี้ทั้งสองคนกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเปล

                      “เรากินแล้ว นายกินเถอะ” เนสยิ้มให้และตอบปฏิเสธไป ส่วนน้องเบสลุกจากเปลมานั่งทานข้าวกับเขาอีกรอบ

                      “ยังไม่ได้กินข้าวเหรอ เบส” ถามน้องสาว นึกว่าทานไปพร้อมกับปู่ย่าแล้วเสียอีก

                      “กินแล้ว แต่อยากกินอีก” เด็กหญิงตอบ เนสปรายตามองสองพี่น้องทานข้าวด้วยกัน เผยยิ้มให้ นั่งเปลเล่นโทรศัพท์รอน้องเบสทานข้าวอยู่คนเดียว ตอนนี้กับบูมไม่เขินกันแล้ว

                      “แห้งเอ้ย กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนกับเขาสักที” พูดแซวน้องสาวแล้วยิ้มให้ เนสมองดูทั้งสองคน เป็นภาพที่น่ารัก ตนเองกับพี่สาวไม่ค่อยได้มีแบบนี้สักเท่าไหร่

                      เขารู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังมองเขากับน้องเบสอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมอง เนสรีบหลบสายตาทันที ทำเป็นเลื่อนโทรศัพท์ดู ไม่สนใจสองคนที่อยู่ตรงหน้านั้น เขาแสยะปากจากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาทานข้าว ทำเป็นไม่สนใจเพื่อให้เนสแอบมองได้ตามสบาย

                    ทานข้าวเสร็จยกสำรับไปเก็บในครัว ออกมานั่งเล่นที่หน้าบ้านด้วยกัน ทั้งสามคนอยู่ในความเงียบ ต่างคนต่างเล่นโทรศัพท์ ทว่าก็ไม่มีใครคิดจะลุกเดินหนีไปไหน เขาอยากชวนเนสคุย อยากทำลายบรรยากาศแบบนี้ลง อันที่จริงเขาไม่ชอบเล่นโซเชียลเท่าไหร่ ถ้าไม่คุยกับอาร์แถบที่จะไม่สนใจเลย

                      “เนส คุยกับแฟนอยู่เหรอ เงียบเชียว”  เปิดประเด็นชวนคุย ไม่รู้จะหยิบเรื่องไหนมาชวนคุย จึงถามเรื่องแฟนไปแล้วกัน

                      “ฮะ อ่อ ! เปล่า ๆ เรายังไม่มีแฟนเลย” สาวเจ้าตอบ เขาเผยยิ้มนิดหน่อยเมื่อได้ทราบแบบนั้น ทว่าจะจริงหรือเปล่านั้นอีกเรื่อง

                      “จริงอ่ะ “ ถามย้ำ แกล้งไม่เชื่อหูที่ได้ยิน

                      “เรายังไม่อยากมีแฟน ว่าแต่นายเหอะไม่คุยกับแฟนเหรอ” พูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย เพราะตนเองยังไม่มีแฟนจริง ๆ นึกหมั่นไส้กับการแกล้งทำเป็นไม่เชื่อนัก

                      “ไม่อยากมีแฟนหรือว่าไม่มีใครชอบกันแน่ ฮา” ได้โอกาสแซวซะเลย ไม่ยอมตอบคำถามของเธอ เบี่ยงประเด็นไปพูดเรื่องอื่นแทน พูดกลั้วยิ้มให้คนตรงหน้า

                      “นี่นาย ! “ ค่อนขอดให้เมื่อโดนกล่าวหาแบบนั้น “สวย ๆ แบบเรามีแต่คนอยากคบด้วยจะบอกให้ แค่เรายังไม่อยากมีแฟนตอนนี้จริง ๆ เราถามนายยังไม่ตอบเลย ไม่คุยกับแฟนเหรอ” เธอย้ำอีก เพราะเจ้าตัวยังไม่ตอบในสิ่งที่ตนเองอยากรู้เลย ความจริงทราบแล้วล่ะ แค่อยากได้ยินจากปากเท่านั้นเอง

                    “อาร์เหรอ คุยแต่ไม่ใช่เวลานี้” เขาตอบ เนสเองก็หน้าตาใช้ได้ ถ้าไม่ติดว่ามีอาร์เป็นแฟนอยู่แล้วจะขอคบเป็นแฟนซะเลย ปรายตามองสาวเจ้าแอบพินิจพิเคราะห์ไม่ให้รู้ตัว

                      “โอ้ยสองคนอย่าเสียงดังได้มั้ย น้องเบสดูการ์ตูนอยู่” ถึงคราวเด็กหญิงเอ็ดพี่ ๆ ทั้งสองคนบ้าง ปากก็พูดไปสายตายังจ้องหน้าไอแพดไม่ยอมละจากหน้าจอเลย

                      “เดียวพี่บูมยึดนะ ดูมาก ๆ จะตาบอดเอา” เมื่อโดนน้องสาวเอ็ด จึงหันมาเอ็ดคืนบ้าง

                      “นายอย่าว่าน้องสิ น้องพึ่งดูเอง” เนสเถียงแทน ทำให้เขาหันมามองหน้า ทว่าก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร

                      “เนอะพี่เนสเนอะ” เด็กหญิงเข้ากับพี่สาวข้างบ้านเป็นปี่เป็นขลุ่ย น้องเบสพูดแล้วก็เอนหลังลงไปพิงเนส ยืดขาออกไปจากที่นั่งท่าขัดสมาธิอยู่นาน ยกไอแพดขึ้นมาขนานกับหน้า ในระยะห่างพอสมควร ไม่สนใจพี่ชายอย่างเขาเลยสักนิด

                      “แห้งเราเป็นน้องใคร” ทีพี่ชายทำท่างอนบ้าง จากนั้นแหย่น้องสาวโดยการเอามือไปจิ้มที่เอวน้องเบส ทำให้น้องเบสสะดุ้งตัวงอเพราะจั๊กกะจี้ หัวเราะเสียงดัง

                      ทั้งสองคนเริ่มสนทนากันมากขึ้น ปะปนไปด้วยเสียงหัวเราะ สักพักรถของพ่อก็ขับเข้ามาจอดหน้าบ้าน ทั้งสามคนเดินไปรับหิ้วของลงมาจากรถ ช่วยถือคนละไม้คนละมือ เอามาวางลงที่แคร่
                     
                      “ปู่ไปไหนบูม” พ่อถามเมื่อกลับมาถึงบ้านมองหาปู่ไม่เห็น

                     “ไปดูไก่ชนบ้านย่าน้อยครับ” เขาตอบ

                      “ไปเรียกปู่มากินข้าวไป บอกย่าน้อยมาด้วย” พ่อกล่าวต่ออีก ใช้ให้เขาไปเรียกปู่

                      “ครับ” พูดจบบูมไม่รีรอเดินไปเรียกปู่ที่อยู่ถัดไปอีกซอย

                      เขากับปู่กลับมาถึงบ้านนั่งรอสักพักกับข้าวก็ถูกยกมาเสิร์ฟที่แคร่ตัวเดิม “อาน้อยไม่มาด้วยเหรอพ่อ”  พ่อถามปู่ เมื่อเห็นว่ามีเพียงปู่กับเขากลับมาสองคน

                      “ชวนแล้วไม่มา ให้หลานพาไปไหนไม่รู้” ปู่ตอบพ่อ เขากับปู่ชวนย่าน้อยแล้วทว่าเจ้าตัวปฏิเสธ เพราะมีธุระต้องไปทำ

                      เวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมง ถึงเวลาที่พ่อกับแม่ต้องกลับบ้าน พ่อกับแม่ไหว้ลาปู่ย่า และยายจันทร์ พร้อมบ่นเขาหลายอย่าง ห้ามตื่นสาย ห้ามนู่นห้ามนี่ ห้ามทำตัวเป็นภาระปู่กับย่า จากนั้นก็เดินไปขึ้นรถขับออกไป

                      เขากับน้องเบสยืนโบกมือให้พ่อกับแม่ บ้านของย่ากลับมาเงียบเหมือนเดิม หกโมงเย็นท้องฟ้าไม่มีแสงพระอาทิตย์ มองไปรอบ ๆ บริเวณมันมืดอย่างกับสองทุ่ม อากาศก็เริ่มเย็นลงเข้าสู่ต้นฤดูหนาวก็จะแบบนี้แหละ

                    บูมออกมานั่งรับอากาศเย็น ๆ ที่เปลหน้าบ้าน นั่งหันหน้าไปทางบ้านของเนส เห็นประตูบ้านเปิดเอาไว้ นั่งไกวเปลเบา ๆ มือก็เลื่อนดูเฟซบุ๊กไปเรื่อย เห็นอาร์แฟนสาวเอาภาพกิจวัตประจำวันของตนเองลงเฟซบุ๊กเช่นกัน ก็ทำให้คิดถึงไปอีก มองนาฬิกาแค่สองทุ่มเอง อีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาคุยกัน

                     “คิดถึง” เขาส่งไลน์หาอาร์ เพราะรู้สึกคิดถึงอยากคุยมาก อีกตั้งหนึ่งเดือนเต็มกว่าจะได้เจอกัน บางทีเขาก็ไม่อยากจะปิดเทอมเลย เพราะทำให้เขากับอาร์ต้องห่างกันนาน

                     บูมนั่งไกวเปลเล่นเริ่มรู้สึกหนาว กำลังจะเดินเข้าบ้านพอดีกลับที่เนสเดินออกมานั่งเปลที่หน้าบ้าน ทำให้บูมต้องนั่งลงอีกครั้ง จากที่เมื่อครู่จะลุกเดินเข้าบ้านไปแล้ว

                      เนสนอนลงในเปลยกโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น สายตาแลมาทางบ้านย่าของบูมบ้าง อยากเดินไปเล่นด้วยก็ไม่กล้า น้องเบสก็ไม่ออกมาสักที ถ้ามีน้องเบสก็ว่าไปอย่าง จะได้ใช้เป็นข้ออ้างได้

                      เขารอว่าเนสจะทักมาคุยกับตนเองไหมเขาเองก็ไม่กล้าเดินไปนั่งเล่นที่บ้านเนสเหมือนกัน สุดท้ายก็รอไม่ไหว ต้องเป็นคนทักไปก่อน

                      พูดคุยกันถามในหลาย ๆ เรื่อง บูมตอบทุกอย่างที่เนสอยากรู้ เพราะไม่มีอะไรต้องปิดบัง เนสถามเรื่องแฟนบูมก็ตอบไปตรง ๆ ส่วนเนสไม่รู้พูดความจริงกี่เปอร์เซ็น แต่ถ้าจะโกหกก็ไม่เห็นแปลก

                     วันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง มองเห็นหมู่ดาวหลายดวง อากาศก็เริ่มเย็นลง บูมกับเนสไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิด บรรยากาศรอบข้างก็เงียบสงัด สิ้นไร้เสียงของรถยนต์รถมอเตอร์ไซต์

                      เขาเห็นยายจันทร์ออกมาเรียกเนสให้เข้าบ้านเพราะดึกแล้ว เนสเดินตามยายเข้าไปในบ้าน ไม่ลืมที่จะหันมามองเขาเพื่อเป็นการบอกลา จากนั้นเนสก็ปิดประตูปิดไฟหน้าบ้านมืดสนิท พอเนสปิดประตูเท่านั้นแหละ เขาเริ่มรู้สึกว่ารอบ ๆ ตัวเองมืดมาก เงียบสงัด ถึงแม้จะมีเสียงจิ้งรีดก็ตาม มันก็ยังดูวังเวงอยู่ดี และ เขาก็เริ่มหนาวขึ้นมาทันที จึงรีบลุกจากเปลพร้อมวิ่งเข้าบ้านไป

                     “นอนยัง ฝันดีนะ”  เนสทักมาบอกฝันดีกับเขา ยิ้มให้กับข้อความ ส่งมาแบบนี้ทำไมเขาจะไม่รู้ความหมายนัย ๆ

                      “ฝันดีครับ”  เป็นข้อความที่เขาตอบกลับไป แม้เขาจะยังไม่ได้นอนเลยก็ตาม

                      ………………………………

                      ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มละครหลังข่าวกำลังร้องเพลงจบเรื่องพอดี อาร์กับพ่อแม่เตรียมตัวเข้านอน จัดการเช็กประตูหน้าต่างบ้านให้เรียบร้อย จากนั้นอาร์ก็เข้าห้องปิดไฟนอน

                      “คิดถึง” ข้อความจากบูมที่ส่งมาให้ตั้งแต่หัวค่ำเธอพึ่งจะได้เปิดอ่าน พร้อมตอบแชทกลับไป มันช่างมีความรู้สึกเหลือเกิน จากที่คิดถึงมาก ๆ ตอนนี้ความคิดถึงได้ถูกระบายออกไปหมด รู้สึกสบายตัวสบายใจขึ้น

                      “บูมคิดถึงอาร์มั้ย” เธอพิมพ์ตอบกลับไป ไม่อยากโทรคุยกัน เอาไว้แม่กับพ่อไม่อยู่บ้านค่อยโทรหาก็ได้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่