🇹🇭มาลาริน💜วันนี้14ส.ค.ป่วย22,086คน รักษาหาย23,672คน เสียชีวิต217คน 13ส.ค.ฉีดวัคซีนได้683,632โดส/พบ8คลัสเตอร์7จังหวัด

เพี้ยนแคปเจอร์โควิดวันนี้ ไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 22,086 ราย เสียชีวิตอีก 217 ราย


สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 22,086 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 21,816 ราย และผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 270 ราย ยอดติดเชื้อรวมระลอกเมษายน 856,412 ราย รวมยอดติดเชื้อสะสม 885,275 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 217 ราย เสียชีวิตสะสม 7,343 ราย หายป่วยเพิ่ม 23,672 ราย หายป่วยสะสมระลอกเมษายน 640,130 ราย ผู้ป่วยกำลังรักษา 210,376 ราย

รายละเอียดผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 22,086 ราย มีดังนี้....👇
1.ผู้ป่วยรายใหม่ จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 17,406 ราย
2.ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 4,407 ราย
3.จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 270 ราย
4.เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้า State Quarantine 3 ราย



รายละเอียดผู้เสียชีวิต จำนวน 217 ราย มีดังนี้



ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 13 สิงหาคม 2564 มีผู้รับวัคซีน สะสมทั้งหมด จำนวน 23,192,491 โดส
วันที่ 13 สิงหาคม 2564 มีผู้รับการฉีดวัคซีน
ยอดฉีดทั่วประเทศ 683,832 โดส
เข็มที่ 1 : 456,521 ราย
เข็มที่ 2 : 178,568 ราย
เข็มที่ 3 : 48,743 ราย



https://www.sanook.com/news/8426402/

เพี้ยนแคปเจอร์โควิดโผล่อีก 8 คลัสเตอร์ในพื้นที่ 7 จังหวัด



14 ส.ค.64 - ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันนี้ ว่า สำหรับ 10 จังหวัดแรกที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพฯ 5,088 ราย สมุทรสาคร 1,819 รายสมุทรปราการ 1,598 ราย ชลบุรี 1,254 ราย นนทบุรี 867 ราย นครปฐม 724 ราย สระบรี 686 อุบลราชธานี 395 ราย พระนครศรีอยุธยา 379 ราย ฉะเชิงเทรา 366 ราย

นอกจากนี้ พบว่า มีคลัสเตอร์ใหม่ 8 คลัสเตอร์ คือ ที่ จ.สมุทรสาคร อ.เมือง พบผู้ป่วยใหม่ที่บริษัทถุงพลาสติก 13 ราย , จ.สมุทรปรากรพบ 2 คลัสเตอร์ คือโรงงานห้องเย็น อ.เมืองสมุทรปราการ พบผู้ป่วย 12 ราย และสถานคุ้มครองผู้พิการ อ.พระประแดง พบผู้ป่วย 30 ราย , จ.ชลบุรี อ.เมืองชลบุรี พบที่บริษัทอาหารทะเล  11 ราย 
  
จ.ระยอง อ.บ้านค่าย พบที่บริษัทก่อสร้าง 16 ราย , จ.ปราจีนบุรี อ.ศรีมหาโพธิ์ พบที่บริษัทเครื่องยนต์24 ราย ,จ.จันทบุรี อ.ท่าใหม่ พบที่ล้งผลไม้  25 ราย และจ.พิษณุโลก อ.บางกระทุ่ม พบผู้ป่วยใหม่ ที่บริษัทเคมีภัณฑ์  14 ราย 

https://www.thaipost.net/main/detail/113252

เพี้ยนปักหมุดวันนี้หายป่วยมากกว่าป่วยใหม่เป็นพันคนอีกวันค่ะ

เมื่อวานนี้ฉีดวัคซีนได้มากเกินห้าแสนโดส

คลัสเตอร์ใหม่เกิดในโรงงานเป็นส่วนใหญ่ ยังแก้ปัญหานี้ไม่ได้ จะต้องให้เจ้าของกิจการร่วมมือด้วยนะคะ  อย่าเพิกเฉยจนเกิดเป็นคลัสเตอร์ไม่รู้จบ

เราจะต้องสู้โควิดไปด้วยกันค่ะ  

แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม 2564
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/386100089674988


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 13 สิงหาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 22,508,659 โดส และทั่วโลกแล้ว 4,621 ล้านโดส ใน 203 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 198.55 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ กรุงเทพฯ โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 74.9%”

(13 สิงหาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 4,621 ล้านโดส ใน 203 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 39.1 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 354 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 167 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"

ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 198.55 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (75.9% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 80.65 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 13 สิงหาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 22,508,659 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 54.29%

ในการฉีดวัคซีน จำนวน 4,621 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ

1) ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 13 สิงหาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 22,508,659 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 17,239,593 โดส (26% ของประชากร)
-เข็มสอง 4,855,000 โดส (7.3% ของประชากร)
-เข็มสาม 414,066 โดส (0.6% ของประชากร)

2) อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 13 ส.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 22,508,659 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 219,840 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 410,875 โดส/วัน

3) อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 7,350,243 โดส
- เข็มที่ 2 3,443,840 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 8,591,197 โดส
- เข็มที่ 2 903,550 โดส
- เข็มที่ 3 190,515 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 1,254,460  โดส
- เข็มที่ 2 488,150 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 43,693  โดส
- เข็มที่ 2 19,460 โดส
- เข็มที่ 3 223,551 โดส

4) การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 118.7% เข็มที่2 102.2% เข็มที่3 58.2%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 50.8% เข็มที่2 30.3% เข็มที่3 0%
- อสม เข็มที่1 54.9% เข็มที่2 24.8% เข็มที่3 0%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 35.5% เข็มที่1 6.2% เข็มที่3 0%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 31.6% เข็มที่2 9.1% เข็มที่3 0%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 33.1% เข็มที่2 2.5% เข็มที่3 0%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 1.7% เข็มที่2 0.1% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 34.5% เข็มที่2 9.7% เข็มที่3 0.8%

5) จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 54.1% เข็มที่2 12.5% เข็มที่3 0.8% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 74.9% เข็มที่2 16.3% เข็มที่3 1.1%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 34% เข็มที่2 13.5% เข็มที่3 0.5%
- นนทบุรี เข็มที่1 35.3% เข็มที่2 11.7% เข็มที่3 0.5%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 35% เข็มที่2 6.9% เข็มที่3 0.4%
- ปทุมธานี เข็มที่1 30.7% เข็มที่2 6.8% เข็มที่3 0.3%
- นครปฐม เข็มที่1 20% เข็มที่2 4.9% เข็มที่3 0.5%

จังหวัดอื่น ๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 16.1% เข็มที่2 5.2% เข็มที่3 0.5%
- ชลบุรี เข็มที่1 27.8% เข็มที่2 8.8% เข็มที่3 0.8%
- พระนครศรีอยุธยา เข็มที่1 15.8% เข็มที่2 4.0% เข็มที่3 0.3%
- สงขลา เข็มที่1 22% เข็มที่2 6.8% เข็มที่3 0.9%
- ยะลา เข็มที่1 25.2% เข็มที่2 7.5% เข็มที่3 0.6%
- ปัตตานี เข็มที่1 19.1% เข็มที่2 5.8% เข็มที่3 0.3%
- ฉะเชิงเทรา เข็มที่1 37.4% เข็มที่2 5.1% เข็มที่3 0.5%

6) ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 198,556,169 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 80,654,222 โดส (19.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. มาเลเซีย จำนวน 26,388,905 โดส (50.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
3. ฟิลิปปินส์ จำนวน 26,127,502 โดส (12.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca  
4. ไทย จำนวน 22,508,659 โดส (26.0%* ของประชากร)  ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. กัมพูชา จำนวน 15.598,293 โดส (55.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
6. เวียดนาม จำนวน 12,098,821 โดส (11.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
7. สิงคโปร์ จำนวน 8,458,968 โดส (75.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
8. พม่า จำนวน 3,500,000 โดส (N/A* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
9. ลาว จำนวน 3,019,358 โดส (20.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 201,441 โดส (35.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ

7) จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 66.56%
2. อเมริกาเหนือ 11.28%
3. ยุโรป 13.56%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6.48%
5. แอฟริกา 1.73%
6. โอเชียเนีย 0.39%

8) ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 1,820.24 ล้านโดส (65.0% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 529.58 ล้านโดส (19.4%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 353.86 ล้านโดส (55.3%)
4. บราซิล จำนวน 157.67 ล้านโดส (38.5%)
5. ญี่ปุ่น  จำนวน 108.18 ล้านโดส (42.9%)

9) ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. มัลดีฟส์ (83.4% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
2. บาห์เรน (80.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (80.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)  
4. สิงคโปร์ (75.9%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)
5. กาตาร์ (72.2%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
6. อุรุกวัย (70.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
7. ชิลี (68.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)    
8. เดนมาร์ก (68.6%) (ฉีดวัคซีนของ  Moderna, Pfizer/BioNTech และ J&J)  
9. ภูฏาน (68.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Moderna)
10. แคนาดา (68.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)

แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
https://www.facebook.com/nrctofficial/posts/4059703267488548
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่