คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
เอาจากประสบการณ์ที่เคยคุยกับผู้พิพากษาที่รู้จักนะครับ
ปกติ ศาลมักไม่อยากให้ใครติดคุกหรอก ศาลส่วนใหญ่เข้าใจว่าทุกคนมีเหตุผลในการกระทำความผิดทั้งนั้น
แต่เหตุผลในการกระทำความผิดนี่แหล่ะ ที่ศาลจะพิจารณาว่า สมควรลงโทษจำคุกจริงๆ รึเปล่า
อย่างแรก ต้องเข้าใจก่อนถึงจุดประสงค์ของการจำคุก คุกควรมีไว้ขังเฉพาะคนที่ชั่วร้าย คนที่เลวจริงๆ คนทั่วไป ไม่ควรถูกลงโทษด้วยการขังคุก
นี่คือเจตนารมณ์ของการลงโทษ
ดังนั้น ถ้าไม่ใช่คนเลวโดยกมลสันดานจริงๆ ถ้ามีช่องที่รอการลงโทษได้ ศาลมักจะรอการลงโทษให้
ดังนั้น คดีที่ความผิดเกิดจากความประมาทส่วนใหญ่ ถ้าพฤติการณ์ของจำเลย ไม่แบบสุด ๆ จริง ศาลมักจะรอการลงโทษ เพราะว่า เรื่องความประมาทเกิดขึ้นกับทุกคนได้ แม้แต่ศาลเอง และความประมาทที่เกิดขึ้น ก็ไม่ได้บ่งชี้ว่า จำเลยเป็นคนชั่วโดยกมลสันดาน
(แต่ถ้ามีเจตนากระทำผิด ส่วนใหญ่ ศาลมักไม่รอนะครับ)
แล้วพฤติการณ์ที่แบบสุด ๆ ที่ศาลจะลงโทษเป็นอย่างไร เขาเล่าว่า เช่น ความประมาทที่ไม่ใช่ประมาทโดยแท้แบบขับรถน่าหวาดเสียว ไม่สนใจชาวบ้านชาวช่อง จนเกิดเหตุขึ้นมา ถ้าจำกันได้ เคยมีกรณีที่ขับรถปาดหน้าเพื่อให้คันหลังชนแถวถนนวิภาวดี แถมลงมาข่มขู่คันหลังอีก แต่คันหลังมีกล้อง บันทึกเหตุการณ์ไว้อย่างชัดเจน ตั้งแต่ขับรถปาดหน้าเบียดเข้าเลนทั้งที่คันอื่นต่อแถว พอคันผู้เสียหายไม่ยอม ก็ขับน่าหวาดเสียว เพื่อให้ผู้เสียหายชน แต่พอเห็นว่าผู้เสียหายมีกล้องก็ทำเป็นขอโทษ สุดท้ายคดีนั้นศาลตัดสินลงโทษจำคุก 1 เดือน "แต่ไม่รอลงอาญา" เพราะพฤติการณ์ของจำเลยนั่นเอง
นอกจากนี้ ศาลจะพิจารณาพฤติกรรมอื่นของจำเลยประกอบด้วยเช่น ความสำนึกผิด การพยายามบรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้น ปกติถ้าจำเลยยอมรับผิดและพยายามบรรเทาผลร้ายเต็มความสามารถ ศาลก็รอการลงโทษอยู่แล้ว
ในทางกลับกัน ถ้าจำเลยไม่สำนึกผิด หรือเล่นแง่ มาสำนึกทั้งๆ ที่ตอนแรกก็ทำได้ แต่ไม่ทำ พอเห็นหลักฐานโจทก์แล้ว รู้ว่าไม่รอด ทำมาเป็นสำนึก อย่างนี้ ศาลก็ไม่เอาไว้เหมือนกัน
มาถึงประเด็นที่เจ้าของกระทู้ถามว่าทำไมคนมีชื่อเสียง ศาลมักจะรอการลงโทษ
ก็ตามที่หลายๆ ความเห็นบอกนั่นแหล่ะครับ คนมีเงิน มีชื่อเสียง เขามีความสามารถในการบรรเทาผลร้ายแก่ผู้เสียหาย บางคดีแม้จะร้ายแรง แต่เขาแสดงให้เห็นว่าเขาพยายามอย่างเต็มที่ในการแก้ไขความเสียหายที่เกิดขึ้น อย่างนี้ศาลก็อาจจะรอให้เช่นกัน
ยกตัวอย่างคดีเสี่ยรถเบนซ์ที่ขับรถชนพ่อแม่เด็กตาย จำเลยพยายามชดใช้ค่าเสียหายอย่างเต็มที่ ทั้งยังรับว่าจะส่งเสียเลี้ยงดูลูกของผู้ตายจนจบปริญญา อย่างนี้ศาลรอการลงโทษแน่นอนอยู่แล้ว (ถ้าไม่รอซิแปลก)
ในทางกลับกัน คนจนมักไม่ค่อยมีเงินบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้น เลยมักมีปัญหา แต่อย่างที่บอกข้างต้นว่าศาลพิจารณาจากหลายปัจจัย ไม่ใช่เฉพาะแค่เรื่องเงิน
หวังว่าคงเห็นภาพมากขึ้นนะครับ
ด้วยความเคารพ
ปกติ ศาลมักไม่อยากให้ใครติดคุกหรอก ศาลส่วนใหญ่เข้าใจว่าทุกคนมีเหตุผลในการกระทำความผิดทั้งนั้น
แต่เหตุผลในการกระทำความผิดนี่แหล่ะ ที่ศาลจะพิจารณาว่า สมควรลงโทษจำคุกจริงๆ รึเปล่า
อย่างแรก ต้องเข้าใจก่อนถึงจุดประสงค์ของการจำคุก คุกควรมีไว้ขังเฉพาะคนที่ชั่วร้าย คนที่เลวจริงๆ คนทั่วไป ไม่ควรถูกลงโทษด้วยการขังคุก
นี่คือเจตนารมณ์ของการลงโทษ
ดังนั้น ถ้าไม่ใช่คนเลวโดยกมลสันดานจริงๆ ถ้ามีช่องที่รอการลงโทษได้ ศาลมักจะรอการลงโทษให้
ดังนั้น คดีที่ความผิดเกิดจากความประมาทส่วนใหญ่ ถ้าพฤติการณ์ของจำเลย ไม่แบบสุด ๆ จริง ศาลมักจะรอการลงโทษ เพราะว่า เรื่องความประมาทเกิดขึ้นกับทุกคนได้ แม้แต่ศาลเอง และความประมาทที่เกิดขึ้น ก็ไม่ได้บ่งชี้ว่า จำเลยเป็นคนชั่วโดยกมลสันดาน
(แต่ถ้ามีเจตนากระทำผิด ส่วนใหญ่ ศาลมักไม่รอนะครับ)
แล้วพฤติการณ์ที่แบบสุด ๆ ที่ศาลจะลงโทษเป็นอย่างไร เขาเล่าว่า เช่น ความประมาทที่ไม่ใช่ประมาทโดยแท้แบบขับรถน่าหวาดเสียว ไม่สนใจชาวบ้านชาวช่อง จนเกิดเหตุขึ้นมา ถ้าจำกันได้ เคยมีกรณีที่ขับรถปาดหน้าเพื่อให้คันหลังชนแถวถนนวิภาวดี แถมลงมาข่มขู่คันหลังอีก แต่คันหลังมีกล้อง บันทึกเหตุการณ์ไว้อย่างชัดเจน ตั้งแต่ขับรถปาดหน้าเบียดเข้าเลนทั้งที่คันอื่นต่อแถว พอคันผู้เสียหายไม่ยอม ก็ขับน่าหวาดเสียว เพื่อให้ผู้เสียหายชน แต่พอเห็นว่าผู้เสียหายมีกล้องก็ทำเป็นขอโทษ สุดท้ายคดีนั้นศาลตัดสินลงโทษจำคุก 1 เดือน "แต่ไม่รอลงอาญา" เพราะพฤติการณ์ของจำเลยนั่นเอง
นอกจากนี้ ศาลจะพิจารณาพฤติกรรมอื่นของจำเลยประกอบด้วยเช่น ความสำนึกผิด การพยายามบรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้น ปกติถ้าจำเลยยอมรับผิดและพยายามบรรเทาผลร้ายเต็มความสามารถ ศาลก็รอการลงโทษอยู่แล้ว
ในทางกลับกัน ถ้าจำเลยไม่สำนึกผิด หรือเล่นแง่ มาสำนึกทั้งๆ ที่ตอนแรกก็ทำได้ แต่ไม่ทำ พอเห็นหลักฐานโจทก์แล้ว รู้ว่าไม่รอด ทำมาเป็นสำนึก อย่างนี้ ศาลก็ไม่เอาไว้เหมือนกัน
มาถึงประเด็นที่เจ้าของกระทู้ถามว่าทำไมคนมีชื่อเสียง ศาลมักจะรอการลงโทษ
ก็ตามที่หลายๆ ความเห็นบอกนั่นแหล่ะครับ คนมีเงิน มีชื่อเสียง เขามีความสามารถในการบรรเทาผลร้ายแก่ผู้เสียหาย บางคดีแม้จะร้ายแรง แต่เขาแสดงให้เห็นว่าเขาพยายามอย่างเต็มที่ในการแก้ไขความเสียหายที่เกิดขึ้น อย่างนี้ศาลก็อาจจะรอให้เช่นกัน
ยกตัวอย่างคดีเสี่ยรถเบนซ์ที่ขับรถชนพ่อแม่เด็กตาย จำเลยพยายามชดใช้ค่าเสียหายอย่างเต็มที่ ทั้งยังรับว่าจะส่งเสียเลี้ยงดูลูกของผู้ตายจนจบปริญญา อย่างนี้ศาลรอการลงโทษแน่นอนอยู่แล้ว (ถ้าไม่รอซิแปลก)
ในทางกลับกัน คนจนมักไม่ค่อยมีเงินบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้น เลยมักมีปัญหา แต่อย่างที่บอกข้างต้นว่าศาลพิจารณาจากหลายปัจจัย ไม่ใช่เฉพาะแค่เรื่องเงิน
หวังว่าคงเห็นภาพมากขึ้นนะครับ
ด้วยความเคารพ
แสดงความคิดเห็น
เวลาคนรวย หรือคนดัง หรือดารา ทำผิด ทำไมศาลมักตัดสินโทษเบา (ในสายตาประชาชน)