สารานุกรมปืนตอนที่ 720 งูเหลือมทอง : โคลท์ ไพธ่อน .357

โคลท์ปรับขนาดโครงให้เล็กลง จากที่ขายอยู่เดิม ได้ปืนโครงกลางคือ ออฟฟิสเซอร์ โมเดล แมทช์ (Officer Model Match) ลำกล้องหกนิ้วสำหรับยิงเป้า และ ทรูปเปอร์



โคลท์ ไพธ่อน  (Colt Python) จัดเป็นปืนลูกโม่ระดับตำนานกระบอกหนึ่ง เริ่มผลิตในปี ค.ศ. 1955 ซึ่งเป็นปีที่ สมิธฯ กับรูเกอร์ ออกปืนใหม่ในขนาด .44 แม็กนั่ม ในช่วงเวลาที่ สมิธฯ มุ่งขายปืนโครงใหญ่คือ โมเดล 27 และโมเดล 28 ในขนาดกระสุน .357 แม็กนั่ม
 
โคลท์ปรับขนาดโครงให้เล็กลง จากที่ขายอยู่เดิม ได้ปืนโครงกลางคือ ออฟฟิสเซอร์ โมเดล แมทช์ (Officer Model Match) ลำกล้องหกนิ้วสำหรับยิงเป้า และ ทรูปเปอร์ (Trooper) ลำกล้องสี่นิ้วแต่งผิวด้าน มุ่งจับตลาดปืนใช้งานตำรวจโดยเฉพาะด้วยโครงและชุดลั่นไกของรุ่นยิงเป้า คือ ออฟฟิสเซอร์ โมเดล แมทช์, โคลท์เปลี่ยนใส่ลำกล้องหนา เพิ่มสันเหนือลำกล้องที่เจาะช่องระบายความร้อนที่เรียกกันว่า “หลังสะพาน” และฝักหุ้มก้านคัดปลอกยาวตลอดเป็นน้ำหนักถ่วงลำกล้องไปในตัว ตั้งชื่อรุ่นว่า “ไพธ่อน” (Python : งูเหลือม) ฉีกแนวจากชื่อตำรวจทหารที่ใช้อยู่เดิม โดยก่อนหน้านี้มีรุ่นโครงเล็กน้ำหนักเบา “โคบร่า” (Cobra : งูเห่า) ที่เริ่มผลิตในปี ค.ศ. 1950 เป็นงูตัวแรกของโคลท์


 
ตั้งแต่แรกเริ่ม โคลท์ตั้งใจทำ ไพธ่อนให้เป็นปืนตลาดบน เน้นความละเอียดประณีตในการเก็บงาน แต่งผิว มีระบบล็อกโม่ไม่ให้ขยับขณะนกสับ แต่งไกแบบสุดฝีมือช่างของยุคนั้น รมดำแบบ “รอยัล บลู” (Royal Blue) สวยงามมาก คู่กับรุ่นชุบนิเกิล สีเงินเงาวับ เมื่อผนวกกับทรงลำกล้องที่มีทั้งสะพานเจาะช่องด้านบน, แท่งถ่วงน้ำหนักด้านล่าง และศูนย์หลังปรับได้ ทำให้ได้ภาพปืนที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นถูกใจนักนิยมปืนลูกโม่จำนวนมาก การแต่งผิว รอยัล บลู นี้ กล่าวได้ว่าเป็นงานรมดำปืนที่สวยที่สุดเท่าที่โรงงานทำได้ ส่วนผิวนิเกิลก็สวยงามไม่แพ้กัน และต้านสนิมได้ดีมาก ต่อมาเมื่อเข้ายุคสเตนเลสส์ โคลท์เลิกทำผิวนิเกิล โดยทำรุ่น ซาติน สเตนเลสส์ (Satin Stainless) ปัดด้าน กับรุ่น อัลติเมท (Ultimate) ขัดเงาเหมือนรุ่นก่อนที่ชุบนิเกิล
 
ในปี ค.ศ. 1970 โคลท์ เสริมความขลังให้ ไพธ่อน ด้วยการใช้อุปกรณ์เลเซอร์ตรวจวัดแนวลำกล้องกับช่องโม่ นับเป็นรายแรกในวงการปืน ทำให้ชื่อเสียงของไพธ่อนยิ่งขจรขจาย ผนวกกับการกำหนด สเปกช่วงห่างจากหน้าโม่ถึงท้ายลำกล้อง ที่แคบกว่ามาตรฐานปืนใช้งานทั่วไป ส่งผลให้ความเร็วกระสุนที่ยิงจากไพธ่อน วัดได้สูงกว่าปืนจากคู่แข่งที่ความยาวลำกล้องเท่ากัน เรียกว่าทั้งสวยกว่า แม่นกว่า แรงกว่า จนได้รับการยกย่องว่า เป็นปืนลูกโม่ตรงจากโรงงานที่ดีเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยผลิตกันมา ถ้าจะมีคู่เปรียบเทียบแบบไม่ยอมน้อยหน้าก็คือ “คอร์ท” (Korth) ของเยอรมัน และ “ฟรีดอม อาร์มส์” (Freedom Arms) ซึ่งรายหลังนี้เป็นปืนลูกโม่ระบบซิงเกิลแอ๊คชั่น ทั้งสองยี่ห้อต่างก็จัดว่าเป็นปืนราคาแพงเหนือตลาดทั่วไป
 
ด้วยต้นทุนผลิตที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้โคลท์ไพธ่อนไม่สามารถรักษายอดขายไว้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ สมิธฯ ออกรุ่น 586 (รมดำ) และ 686 (สเตนเลสส์) มาประกบ โดยทำหลังสะพาน และฝักหุ้มก้านคัดปลอกยาวตลอดถึงปลายลำกล้อง ได้รูปทรงและน้ำหนักใกล้เคียงกับไพธ่อน แม้ความประณีตสวยงามจะด้อยกว่า แต่ราคาก็ต่ำกว่ามาก ในที่สุด โคลท์ก็ถอดไพธ่อนออกจากสายการผลิตปกติในปี ค.ศ. 1999 โดยยังรับสั่งทำรายกระบอก จนถึงปี ค.ศ. 2003 จึงเลิกทำโดยสิ้นเชิง ปิดตำนานยอดปืนลูกโม่ดับเบิลสัญชาติอเมริกัน


 
โดยรวม โคลท์ไพธ่อน เป็นปืนลูกโม่ที่ผลิตมาอย่างละเอียดประณีต ความแม่นยำสูง ระบบไกเรียบลื่น โครงหนา โม่หนา แข็งแรงทนทาน โรงงานเลิกผลิตไปกว่าสิบปี ปืนเก่าสภาพดียังพอหาได้แต่ราคาค่อนข้างสูง กระบอกตัวอย่างชุบทอง แตกต่างจากไพธ่อนทั่วไปที่เป็นเหล็กรมดำ, ชุบนิเกิล หรือเป็นสเตนเลสส์ ทั้งแบบปัดด้านและขัดเงา รุ่นลำกล้องสี่นิ้วใช้เป็นปืนพกซองนอกได้ดีแต่จากราคาที่สูงทำให้เจ้าของส่วนใหญ่เก็บเป็นปืนสะสมมากกว่าจะใช้งานจริง รุ่นหกนิ้วยาวและหนักไม่สะดวกในการพกพา แต่ความแม่นยำดีมากระดับปืนยิงเป้าแข่งขัน.
 
...............................................
 
ข้อมูลสรุป Colt Python
ขนาดกระสุน .357 แม็กนั่ม / .38 สเปเชียล โม่จุ 6 นัด
มิติตัวปืน    ยาวxสูงxหนา : 232x138x39 มิลลิเมตร
ลำกล้องยาว    104 มม. (4.1 นิ้ว)
น้ำหนัก    1,160 กรัม
แรงเหนี่ยวไก    ดับเบิล 5,900 กรัม (13 ปอนด์); ซิงเกิล 1,350 กรัม (3 ปอนด์)
วัสดุ    เหล็กชุบทอง (รุ่นปกติรมดำ, ชุบนิเกิล)
อื่นๆ    มีรุ่นลำกล้อง 2.5 นิ้ว, 6 นิ้ว, 8 นิ้ว และวัสดุสเตนเลสส์
ลักษณะใช้งาน    ปืนสะสม, พกซองนอก, ต่อสู้ระยะปานกลาง
ตัวเลือกอื่น    Ruger GP100, Smith 686

https://www.dailynews.co.th/article/209303/
.................................
ดร.ผณิศวร ชำนาญเวช


สวัสดีครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่