อย่าลงทุนและทำงานกับแฟน เข้าใจคำนี้แล้วจริงๆ

สวัสดีค่ะ มีเรื่องจะมาบอกเล่าและปรึกษากันเกี่ยวกับการลงทุนกับแฟน เป็นประสบการณ์ให้เข้าใจง่าย กระชับขึ้น ขอแยกเป็นข้อๆนะคะ 

1. เรากับแฟนคบกันมา 8 ปีกว่าแล้วค่ะ กำลังจะแต่งงานกันแล้ว 

2. ที่ผ่านมาแฟนเราดีมาตลอดค่ะ เรื่องเงินไม่เคยงก ช่วยๆกันจ่ายตลอด ต่างคนต่างทำงานประจำ

3. เมื่อเก็บเงินได้คนละก้อน (เราเงินเดือนสูงกว่าแฟน) ตัดสินใจหุ้นกันเปิดร้านอาหารในสัดส่วนเงินที่เท่าๆกันท่ามกลางเสียงคัดค้านว่าไม่ควรทำงานหรือลงทุนกับแฟน ส่วนใหญ่มักจบไม่สวย

4. แฟนเราเป็นคนเสนอไอเดียนี้ค่ะ รวมทั้งคิดสูตรอาหารทั้งหมด ส่วนเราจัดการหลังร้าน (หน้าร้านแฟนไม่ได้ลงครัวทำเองนะคะ มีพนักงาน 4 คน)
เลยยกเปอร์เซ็นต์หุ้นให้แฟนมากกว่า (70:30) ไม่ได้คิดอะไร เพราะเป็นแฟนเราเอง 

5. ***แฟนยืนยันว่าขอจัดการเรื่องเงินเอง ขอให้เงินทุกบาทเข้าบัญชีแฟนทั้งหมด (ได้กันเงินก้อนใหญ่เป็นเงินหมุนร้านแล้ว) ตกลงกันว่าได้กำไร จะแบ่งกันทุกเดือนตามสัดส่วนหุ้น ที่เรายอมเพราะคิดว่าเดี๋ยวก็แต่งงานเป็นผัวเมียกัน เงินจะเข้าใครก็ได้ และถือว่าเป็นร้านแฟน เราแค่ผู้ลงทุนและไว้ใจแฟนมากๆ

6. ***และปัญหาก็เกิดจริงๆ ทั้งๆที่รายได้เยอะ กำไรเยอะทุกเดือน แต่ผ่านมาเกือบปีแล้ว เรายังไม่ได้เงินปันผลซักบาทนึง โดยทุกครั้งที่ทวงถาม หรือคุยกันเรื่องนี้ จะต้องจบที่ทะเลาะกันทุกครั้ง

7. โดยแฟนเราจะอ้างว่าเราไม่ไว้ใจ ไม่เข้าใจ ทำธุรกิจต้องอดทนรอ เพราะมันมีค่าใช้จ่ายที่ซ่อนอยู่เยอะ ไม่ใช่แค่ในบัญชี ซึ่งก็ไม่ยอมแจ้งว่าค่าใช้จ่ายอะไร หมุนเงินไม่ทัน ทั้งๆที่กันเงินไว้หมุนร้านเยอะมากแล้ว เราเองเป็นคนทำบัญชี ก็เห็นๆอยู่ว่าหักลบค่าใช้จ่ายแล้วมันมีมากพอ แล้วเงินจะหายไปไหน

8. แฟนเรายืนยันว่าจะคืนเงินให้ค่ะ แต่ผลัดเดือนไปเรื่อยๆ ทุกครั้งที่เราอยากหาทางแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ แฟนเราจะบ่ายเบี่ยง อารมณ์เสียใส่ โดยอ้างเหตุผลสารพัดที่ไม่เมคเซนต์ ให้เราดูเหมือนเถียงไม่ออก (ก็เถียงไม่ออกจริงๆ เพราะหมดคำพูด) นางก็เหมือนชนะไปทุกครั้ง

9. ทุกวันนี้เรื่องอื่นแฟนเรายังปกติค่ะ เรื่องมีคนอื่นตัดทิ้งได้เลย แฟนติดเรามาก ยังคงดีกับเราทุกอย่าง แล้วแฟนเราไม่เคยฟุ่มเฟือย ไม่ได้ซื้อของอะไรเลย (อยู่ด้วยกันตลอด) เราแค่ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมถึงไม่ให้เงินเราเลย เราเข้าใจว่าเราอาจจะดูโง่ ไม่เด็ดขาด แต่เราอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้า คายไม่ออกจริงๆ เพราะเป็นแฟนเราเอง พูดอะไรก็ยาก เหนื่อยจะทะเลาะกันด้วย เพราะรู้ว่าเราเถียงไม่ชนะแฟนเลย จะเอาไปปรึกษาคนนอกก็ไม่ได้อีก

ทุกวันนี้เราเครียดมากๆค่ะ เงินเดือนก็ลดลง เงินเก็บก็เอาไปลงทุนกับแฟนแล้ว แต่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย เอาไปทิ้งไว้ในธนาคารเปล่าๆยังดีซะกว่า ใครมีคำแนะนำดีๆ หรือคำอธิบายดีๆให้แฟนเถียงไม่ออก จะกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงเลยค่ะ เพราะเราก็เป็นคนพูดไม่เก่ง เถียงไม่ทันคน

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 41
ถ้าพูดแบบนี้จะตรงไปไหมนะ? ว่าทุกวันนี้เสียอะไรไปบ้าง แล้วสิ่งที่ได้มาเนี่ยคุ้มกับที่เสียไปไหม?
1. เสียตัว เปลืองตัว + ทำงานที่ร้านฟรี
2. เสียเงินลงทุน
3. เสียกำไรที่ควรได้
4. เสียเวลากับการรอว่าจะได้แต่งงานเมื่อไหร่
5. จะต้องเสียอะไรเพิ่มอีกไหม?
6. เสียเงินเก็บที่ควรเป็นของตัวเองไป
7. เสียเวลากับการคิดเรื่องพวกนี้วน ๆ ทั้ง ๆ ที่ถ้าเก็บเงินไว้ในธนาคารก็ไม่จะไม่ต้องมาปวดหัวแบบนี้
8. เสียเวลากับการได้เอาเงินตัวเองไปลงทุนด้วยตัวเอง หรือซื้อความสุขให้ตัวเอง
9. เสียความรู้สึก

จุดผิดพลาดเรื่องนี้อยู่ตรงไหน ก็อยู่ตรงที่ ขอให้เงินทุกบาทเข้าบัญชีแฟนทั้งหมด การลงทุนน่ะแทนที่จะเปิดบัญชีร่วมกันเวลาจะถอนเงินจากบัญชีนี้ ต้องได้รับการอนุมัติจากทั้งคู่ก่อนแบบนี้น่าจะดีกว่า (ผู้ชายก็เกินไปไหมอ่า เอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองทั้งหมดคนเดียว)

แล้วคำว่า "ทุกวันนี้เรื่องอื่นแฟนเรายังปกติค่ะ เรื่องมีคนอื่นตัดทิ้งได้เลย แฟนติดเรามาก ยังคงดีกับเราทุกอย่าง แล้วแฟนเราไม่เคยฟุ่มเฟือย ไม่ได้ซื้อของอะไรเลย (อยู่ด้วยกันตลอด)" สิ่งพวกนี้ก็ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีอะไรเลยว่าวันหน้าจะไม่เกิดปัญหาเพียงแค่ว่าวันนี้ยังดีก็แค่นั้น แต่...
แต่ถ้าคิดว่าข้อที่ว่าแฟนยังปกติเนี่ยหักล้างกับ 9 ข้อด้านบนที่ผมลิสต์มาได้ คุณก็คงต้องอยู่ในสภาวะนี้ต่อไป

ปล. ลงทุนแต่ไม่ได้กำไรเค้าเรียกว่าเอาเงินไปทิ้งครับ ไม่เรียกว่าลงทุน
ข้อที่ว่าจะพูดยังไงกับแฟนดี คำตอบคือ พูดตรง ๆ ครับ ไม่ต้องอ้อมค้อม มันไม่ใช่เรื่องความเชื่อใจความไว้ใจความไม่ไว้ใจหรือความรักอะไรทั้งนั้น การทำธุรกิจมันมีอยู่เรื่องเดียว คือความโปร่งใสครับผม คนที่ทำธุรกิจด้วยกันแล้วจบไม่สวยก็เพราะคำว่าไม่โปร่งใสในการทำธรุกิจนี่แหละ
ความคิดเห็นที่ 45
สรุป คุณเป็นคนทำบัญชีรายรับ/รายจ่ายของร้าน แต่ไม่สามารถเข้าถึงบัญชีร้านได้ ???

แล้วใครเป็นคนทำเรื่องตัดจ่ายเงินเดือนให้ พนง
ในเมื่อคุณเป็นคนทำบัญชี
ใครเป็นคนเซ็นต์ให้เงินออกได้ ??
สรุปคุณเป็นคนรับรู้เงินเข้า/ออกทั้งหมดของร้านจริง ๆ รึเปล่า

จริง ๆ ส่วนที่เค้าพูดก็มีส่วนถูกต้อง ที่มันมีค่าใช้จ่ายส่วนที่มองไม่เห็น
เช่น ค่าเช่า ที่ต้องจ่ายล่วงหน้านาน ๆ สินค้าบางอย่างมีมัดจำ หรือของที่ตัดขายไปบางทีลูกค้ายังไม่จ่ายทันที หรือการใช้เครดิต

แต่คนที่ทำบัญชีเป็น เค้าจะลงรายละเอียดพวกนี้ทั้งหมด ทำให้รู้สภาพคล่องที่แท้จริงของร้าน

แต่ทีนี้คุณดันเป็นคนทำบัญชี แต่ไม่ได้รับรู้ทั้งหมด
มันก็จะไม่ใช่บัญชีของจริง
เป็นงบบัญชีที่ไม่มีประโยชน์อะไรต่อร้านเลย
ปกติ…พวกงบการเงินของร้าน  มันจะพอบอกสภาพคล่อง และความอยู่รอดของร้าน
ถ้าทำท่าจะไม่ไหว ก็ปิดร้านได้ทัน ก่อนที่จะไม่เหลืออะไรเลย

คำพูดที่ว่า… อย่าทำกับเพื่อน สามี หรือพี่น้อง ไม่เป็นความจริงค่ะ
ไม่ว่าทำธุรกิจกับใคร ก็ไม่ได้ต่างกันค่ะ
ต่อให้เป็นคนแปลกหน้า เค้าก็โกงคุณได้
ทุกคนคือคนธรรมดา!!! คุณก็แค่ได้เห็นสันดานเค้าเร็วขึ้นแค่นั้นเอง
แต่ที่สำคัญ คือ คุณต้องรู้จักธุรกิจที่ตัวเองทำดีพอ

ส่วนเรื่องได้กำไร เราว่าคุณไปสืบดู การเงินจริง ๆ ทั้งหมดก่อนดีกว่า ว่าเมื่อรวมรายจ่ายที่มองไม่เห็นทุกอย่าง ยังได้กำไรอยู่จริงมั้ย
การทำธุรกิจไม่ใช่ว่าจะมีกำไรเสมอไป ต้องเตรียมใจขาดทุน สูญเงินลงทุนได้
ตั้งแต่กลางปีมาที่ช่วงโควิทหนัก ๆ นี่ เรายังไม่เห็นร้านขายอาหารร้านไหน ได้กำไรเยอะทุกเดือนได้เลยนะ
ความคิดเห็นที่ 26
เหมือนกันค่ะ
ลงทุนเปิดร้านเหล้า ทำทุกอย่างตั้งแต่แรกเริ่ม
ร้านปัง และดังมาก ร้านขยายใหญ่เรื่อยๆ
เงินแต่ละวันกำไรเยอะมาก
แต่ไม่ได้ส่วนแบ่งคืนเลย
ทะเลาะกันบ่อยมาก
เราทำงานกลางวัน-กลางคืนต่อ
เขาทำงานกลางคืนอย่างเดียว
เงินเข้าบัญชีเขาหมด สุดท้ายเขาแอบเอาไปเล่นบาคาร่า
มีคนอื่นอีกเพราะผู้คนเริ่มรู้จัก เห็นร้านขายดี เติบโตดี

แตกหักถึงต้องขึ้นโรงพัก มีทนายไกล่เกลี่ย
นอกจากจบไม่สวยแล้ว จบได้เห้มากค่ะ
ความคิดเห็นที่ 36
ถ้ามั่นใจว่าเงินไม่รั่วไหลจริง ก็แสดงว่าทำบัญชีไม่ถูกต้องครับ ลงค่าใช้จ่ายไม่ครบ เพราะไม่มีทางที่ในทางบัญชีได้กำไรแต่ไม่เห็นเงิน
ค่าใช้จ่ายที่ซ่อนอยู่ตามที่แฟน จขกท อ้างต้องเอามาลงบัญชีให้หมด
แต่ถ้าเป็นเพราะเงินรั่วไหล (จะเอาไปใช้จ่ายส่วนตัว , เล่นหุ้น , เล่นพนัน อะไรก็แล้วแต่) อันนั้นต้องตามสืบกันเอาเอง
จากประสบการณ์ที่เห็นมา ส่วนใหญ่ก็ยักยอกเอาไปซื้อทรัพย์สินส่วนตัวทั้งนั้นครับ บ้าน รถ นาฬิกา ฯลฯ
ความคิดเห็นที่ 4
เขาเอาเงินไปซื้อหุ้นครับ   แต่ติดดอยอยู่  ถ้าคุณต้องการเงินเขาก็ต้องขายหุ้นออก  เขาก็จะขาดทุน   อารมณ์ว่าไม่ขายไม่ขาดทุน  และคนเราก็จะเข้าข้างตัวเองตลอดว่าหุ้นที่เขาซื้อนั้นเป็นหุ้นดี   ลงมาเดี๋ยวก็ขึ้น  ถึงจะเป็นหุ้นปั่นลงมาเดี๋ยวเจ้ามือก็ปั่นขึ้นไปอยู่ดี    ลองถามเขาตรงๆว่าไปลงทุนหุ้นใช่มั้ย  ถ้าใช่ลองปรึกษากันว่าจะทำอย่างไร  ถ้าจะประณีประณอมก็ช่วยกันรับขาดทุน  แล้วแนะให้เขาเลิกเล่นหุ้นแต่ต่อไปเราต้องคุมเรื่องเงินเอง  เพราะคนเล่นหุ้นแล้วเลิกยากเหมือนเล่นการพนัน    แต่ถ้าเรารู้สึกเสียดายเงินและไม่เชื่อใจเขาต่อไปแล้วก็เร่งรัดเอาเงินคืนจากนั้นต่างคนต่างไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่