บ้านใคร ชอบเก็บกับข้าวไว้ในตู้เย็นหลายๆวันบ้างมั้ยคะ จะแก้อย่างไงดี

เราเป็นสะใภ้​ของบ้านนึงค่ะ มีกันแค่แม่สามี สามี เรา และลูกน้อยวัยประถม​ ส่วนพ่อสามี หลังวัยเกษียณ​ก็แยกตัวไปอยู่บ้านในไร่ เดือน สองเดือนจะมาเที่ยวหาหลานที

แต่ดั่งแต่เดิมแม่สามีจะเป็นคนที่ไม่ออกจากบ้านเลย ไม่ไปตลาด ไม่ไปห้าง ไม่มีสังคม​ ไม่มีสังสรรค์​อะไรกับคนในหมู่บ้านเลย นานๆทีจะไปบ้านญาติต่างอำเภอบ้างนานๆครั้ง เวลาที่อยากได้ของอะไรก็จะไลน์ไปบอกให้ลูกชายเขา หรือสามีเราเนี่ยซื้อเข้าบ้าน

แต่ละครั้งที่สั่งให้ซื้อทีนึง เหมือนบ้านห่างไกล​ความเจริญ​มาก ทั้งๆที่บ้านกับตลาดห่างกัน 2กม. ห่างจากห้าง 4กม.กว่าๆด้วยซ้ำ อย่างเช่น คะน้าโลนึง ผักกาดโลนึง มะนาวเอย ต้นหอมผักชีเอย มะเขือเอย อย่างเนื้อหมู เนื้อไก่ ก็ซื้ออะไหล่แยกมาอย่างละโลครึ่งโล แล้วเอามาใส่กล่องแช่แข็งไว้ จะกินทีก็ต้องเอามาละลายน้ำแข็งก่อน ผักบางอย่างนึกจะทำกินที เปิดมาดูคือผักเน่าจนมันเตรียมจะไปเกิดใหม่อีกรอบนึงแล้ว นี่แค่ในเรื่องของสดเท่านั้นนะ อย่าให้เล่าถึงจำพวกของแห้งหรือของใช้เชียว อยากจะลาออกจากการเป็นลูกสะใภ้​

โดยหลักๆเลย ทั้งหมดทั้งมวลคือแม่สามีเป็นคนทำกับข้าวไม่อร่อย หน้าตาไม่น่าทาน แล้วชอบทำครั้งละ 5 6คนกินในแต่ละวัน แต่ที่จริงแล้วคือทำกินคนเดียวเพราะเราและสามีต่างก็ทำงานนอกบ้าน และกินข้าวนอกบ้านมาเลย แล้วกับข้าวที่แม่สามีทำในแต่ละครั้งบางทีแม่สามีก็เอามาอุ่นแล้วอุ่นอีก กินได้ 2 3วัน ถ้าเราไม่แอบเททิ้งก่อน บางทีเบื่อกับข้าวเก่า ทำขึ้นมาให้ ก็เอาเก่าไปแช่ตู้ไว้นานเป็นสัปดาห์​ก็มี พอเราแอบทิ้งแล้วแม่สามีมารู้ทีหลังก็บ่นว่าเสียดายของ เราเลยตัดปัญหาด้วยการไม่ยุ่ง ปล่อยเลยตามเลย

เราปรึกษาและบ่นปัญหา​เรื่องนี้กับสามีอยู่หลายครั้ง เพราะมันมีผลกระทบต่อสุขภาพ​ตัวแม่สามีเอง สุขภาพ​จิตเราที่ต้องมาหงุดหงิดกับของบูดของเน่าเสีย​ และเปลืองพื้นที่ในตู้เย็นและช่องแช่แข็ง​ เราเลยแก้โดยลดปริมาณ​ของที่ซื้อ หรือปล่อยให้ของขาดตู้ จะกินทีก็ซื้อที เนื้อสัตว์​ก็ลดเหลือแค่ 2 3ขีด ผัดก็หยิบแบบเป็นกำสำเร็จ​ กำละ 10 15บาท อย่างสองอย่างพอ

แต่เหมือนผีบ้านผีเรือนจะกลั่นแกล้ง​ แม่สามีจากที่ชอบทำกับข้าว กลายเป็นแถบจะไม่ทำเลย พอเราถามว่า วันนี้แม่ไม่ทำกับข้าวกินหรอ แม่สามีก็จะบ่นว่า ไอ่นั้นก็จะหมด ไอ่นี่ก็หมด เดี๋ยวไม่พอทำกินวันหลัง สุดท้าย ผักที่ซื้อมาเพียงน้อยนิดแค่กำละ 10บาท บทจะทำกินขึ้นมา เน่าไปแล้ว 8บาท เหลือกินได้อยู่นิดหน่อย จากที่ทำกับข้าววันละอย่าง ก็เริ่มมีเมนูเพิ่ม แล้วก็มำเหลือแช่ตู้ไว้อีกเช่นเคย

หลังๆมาหนักข้อขึ้น มื้อเช้าทำกินด้วยการเอาของเก่ามาอุ่น กินได้บ้าง ไม่ได้บ้าง มื้อเที่ยง มื้อเย็นของที่อุ่นกินเช้าบางอย่างมันก็บูดไปแล้ว ก็จะไลน์บอกให้สามีเราซื้อข้าวกล่อง หรืออาหารสำเร็จติด​เข้ามาบ้านด้วย หากสามีเราบอกว่าของเก่าเมื่อวานยังไม่ได้กินเลย แม่สามีก็จะบ่นว่ากินไปแล้ว เบื่อแล้ว อยากกินอย่างอื่น และโดยที่ช่วงนี้ลูกเรียนออนไลน์​อยู่บ้าน แม่ก็อาสาจะเลี้ยงดูเอง แต่เวลาแม่สั่งข้าวกล่องหรืออาหารสำเร็จ แม่จะสั่ง 3 หรือ 4กล่องตลอด โดยแม่จะอ้างว่าสั่งเผื่อหลานบ้าง เผื่อไว้กินเย็นบ้าง แต่สุดท้ายก็ไม่กิน และก็แช่ตู้ไว้เหมือนเคย วันดีคืนนี้นึกขึ้นมาได้ ก็เอาออกมาอุ่นกิน

ผลกระทบเรื่องสุขภาพ​จะไม่ได้อยู่ที่แม่สามีคนเดียวล่ะ จะลามมาที่ลูกเราด้วย บางมื้อเราถามลูกว่าย่าให้กินข้าวกับอะไร ลูกก็บอกเมนูขึ้นมา ซึ่งมันเป็นอาหารสำเร็จที่สามีเราซื้อมาเมื่อ 2วันก่อน บางวันแม่สามีทำขึ้นเองลูกเราก็ไม่กินเพราะไม่อร่อยจริงๆ แล้วแม่สามีก็จะบ่นว่าหลานกินยาก ให้ซื้อนั้นซื้อนี่มาให้ลูกกินหน่อย ซึ่งแช่ตู้เน่าซะมากกว่าลูกกินด้วยซ้ำ

เราเองทั้งขู่เรื่องสุขภาพ ​ การเจริญเติบโต​ของจุลินทรีย์​ เรื่องภาวะการเกิดมะเร็ง​ รา เชื้อรา เชื้อโรค​ต่างๆนานๆ แต่แม่สามีก็จะบอกว่า กินแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ไม่เห็นจะเป็นไรเลย เราก็ทำได้แค่เงียบ และเดินหนี เคยเล่าให้พ่อสามีฟัง พ่อก็ยิ้มแห้งๆแล้วบอกแค่ว่า พ่อถึงหนีไปอยู่คนเดียวไง ยิ่งทำให้หงุดหงิดแม่สามี​เข้าไปใหญ่

มีบ้านไหน เคยเจอปัญหา​แบบเดียวกันบ้างมั้ยคะ หรือมีวิธีแก้ปัญหา​อย่างไงไม่ให้กระทบกระทั่ง​กันบ้าง

หากแท็กผิดกราบขออภัย​ด้วยค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
บ้านเราก็เป็นแบบนี้ค่ะ คนทำไม่ใช่ใครอื่นไกล พ่อเรานี่แหละ เราเปิดตู้เย็นของพ่อแต่ละทีเราจะเป็นลม

ไปตลาด+แมคโครทุกวัน ซื้อของกลับมาทุกวัน (ของเดิม ๆ นั่นล่ะ) แล้วก็ยัดสุมไว้ในตู้เย็น พอหาอันเก่าไม่เจอก็ไปซื้อของใหม่มา ไอ้ของใหม่ที่ใข้ไม่หมดก็ยัดสุมเข้าไปอีก ตู้เย็นเหม็นมากกก แล้วไม่ได้ซื้อทีละน้อย ๆ นะ ทุกอย่างต้องอลังเพราะแกคิดเอาเองว่ามันไม่พอกิน เนื้อสัตว์ 1-5 กิโล ไข่ทีละ 1 แผง ผักแต่ละชนิดต้องซื้อทีละ 2-3 กำแล้วซื้อหลายชนิดด้วย แตงกวาเป็นกิโล ผลไม้ 2 กิโล+ แล้วอยู่บ้านต้องมีผลไม้ 3 ชนิดขึ้นไป

ทำกับข้าวทีก็ทำแบบหม้อใหญ่ ใช้หม้อเบอร์ 30 ต้มแกงกินคนเดียว อย่างดีก็กินกับแม่สองคน ดีมากหน่อยมีน้องเราด้วยเป็นสาม พอต้มเสร็จลืมไปแล้วว่าตัวเองเคยทำ วันต่อมาทำเมนูใหม่หรือไม่ก็ออกไปซื้อร้านข้างนอกกิน อันเก่านี่ถ้าแม่อุ่นไว้ให้ ผ่านไปสัก 2-3 วันพ่อเราจะเอามากินต่อจนหมด แต่ถ้าแม่ไม่อุ่นก็โน่นเลยค่ะ ขึ้นรา ทิ้งทั้งหม้อ

ถ้าเป็นพวกผัดทอดแม่จะเก็บใส่ทัพเปอร์แวร์เอาเข้าตู้เย็น แต่แช่เหมือนทุกอย่างเข้าตู้เย็นแล้วจะอยู่เป็นนิรันดร์ บางอย่างเราเห็นตั้งแต่วันที่เรามาจนเราออกไปจนเราโผล่มาอีกทีผ่านมาเดือนกว่าแล้วมันยังอยู่ที่เดิม บางทีแช่จนราขึ้น วันไหนพ่ออยากตำน้ำจิ้มน้ำพริกอะไรขึ้นมาก็ตำ แต่ทำทีเป็นกะละมัง ตัวเองกินหน่อยเดียว ที่เหลือใส่ถุงพลาสติกแช่ไว้จวบชั่วกาลปาวสาน

เดือนนึงบ้านเราหมดไปกับค่าอาหารโดยใช่เหตุเยอะมาก กินจริงหกพัน ทิ้งอีกแปดพันอะเราว่า แก้ไม่ได้ด้วยค่ะ ไม้แก่ดัดยาก บอกยังไงก็ไม่ฟังหรอกเพราะเขาทำของเขาแบบนี้มานานมากแล้ว เราทำได้แค่ไม่ยุ่งกับเขา เขาอยากกินแบบเสียสุขภาพก็ให้เขาทำไป ร่างกายเขาเขาเลือกเอง

วันไหนเรามีเวลาว่างเราก็ไปเคลียร์ตู้เย็นเก็บของออกมาทิ้งเอาชั้นวางออกมาล้างให้ เจอผักเจอเนื้อเน่าเราทิ้งหมด ถ้าพ่ออยากใช้แต่หาไม่เจอเราจะบอกให้ไปซื้อใหม่ อันนั้นเน่าแล้ว เราทิ้งแล้ว จบ

ถ้าอยู่บ้านเดียวกันแนะนำว่าให้แยกตู้เย็นกันเลยค่ะ อย่าใช้ตู้เดียวกัน ไม่งั้นจะเสียสุขภาพจิตมากกกกก เราเคยประสบเหตุการณ์แบบนี้มาแล้ว ทะเลาะกันบ้านแทบแตก
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 18
จากที่อ่านเนื้อหาในกระทู้ดูแล้วไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ความรู้สึกของผมเหมือนกับว่าจขกท.มีอคติกับแม่สามี ไม่ชอบแม่สามีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เรื่องเล็กๆเลยคิดให้เป็นเรื่องใหญ่ ถ้าพ่อสามีอยู่บ้านเดียวกัน ก็คงมีปัญหากับพ่อสามีอีก
โชคดีแค่ไหนแล้วที่ไม่เจอแม่สามีร้ายๆ จำพวกปากจัด ชอบนินทาว่าร้ายคนอื่น ขี้เมา บ้าหวย ติดการพนัน หรือหลงงมงายในอบายมุข ดูเหมือนแม่สามีจขกท.เป็นคนสันโดษด้วยซ้ำ
การแก้ปัญหาของเรื่องนี้ไม่ใช่การไปแก้ที่แม่สามี แต่ควรแก้ที่จขกท.โดยการปรับทัศนคติตัวเองใหม่ ไม่ต้องซื้อของสดมาแช่ไว้เยอะ ตอนเย็นที่คุณกับสามีแวะกินข้าวก็โทรถามแม่สามีดูมั้ย ว่าจะกินอะไรจะซื้อเข้าไปฝาก ผ่านไป2วัน3วันถ้าท่านไม่กินก็เก็บทิ้งไป ทำแบบนี้ไปทุกวันก็แก้ปัญหาได้แล้ว อาจจะสิ้นเปลืองไปบ้างแต่เดาว่าพวกคุณคงไม่ได้เดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่ายตรงนี้ หากแย้งเรื่องสิ้นเปลืองก็อย่าลืมว่า กว่าที่ท่านจะเลี้ยงลูกชายให้มาได้เป็นสามีคุณนั้นหมดไปเท่าไหร่แล้ว ทำให้สามีคุณเห็นว่าคุณห่วงใยแม่เค้า แล้วคิดดูสิว่าเค้าจะปลื้มภรรยาตัวเองขึ้นอีกแค่ไหน เพราะผู้ชายส่วนใหญ่จะรักแม่ตัวเองมาก
อีกอย่างหากกุศลผลบุญมีจริง ในอนาคตอันไม่ไกล สักวันข้างหน้าตัวคุณเองก็ต้องได้เป็นแม่ยายหรือไม่ก็แม่สามี ตัวคุณคงไม่อยากเจอสะไภ้ร้ายๆหรือลูกเขยที่ไม่กินเส้นกันหรอกใช่มั้ย
ปล.คำว่า"หนักข้อ"ไม่เหมาะเอามาใช้กับผู้ที่เป็นผู้ใหญ่กว่านะครับ โดยเฉพาะกับบุพการี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่