สวัสดีค่ะ
วันนี้มีเรื่องมาระบายเล่าสู่เพื่อนพี่น้องชาวpantipค่ะ และขอคำปรึกษากับเหตุการณ์นี้
เมื่อวานนี้เราและแม่ได้รับข่าวร้ายก็คือพ่อของเราได้การติดเชื้อโควิด โดยทดสอบเองจาก
ชุด antigen test kit ค่ะ เนื่องจากพ่อเรามีการสุ่มเสี่ยง ไอถี่ๆมาก และเคยไปในที่ๆค่อนข้างสุ่มเสี่ยง
มีคนติดเป็นจำนวนมาก เราเลยได้ตัดสินในซื้อชุด test มาไว้เพราะคิดว่ายังไงพ่อต้องติดแน่นอน เพราะมีอาการชัดเจน
ย้อนไปก่อนที่คิดว่าพ่อเราจะได้รบเชื้อโควิดมา พ่อเราได้ไปที่แถวชุมชนที่มีคนติดเยอะ ซึ่งเรากับแม่ก็ห้ามทุกวัน ทุกครั้งที่เขาจะไป
แต่ห้ามก็ไม่เคยฟัง ก็ไปตลอด ไปก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไรบ้าง ตอนเช้าออกจากบ้าน เย็นกลับเข้าบ้าน แล้วพ่อเราเป็นคนที่ไม่ได้หวาดกลัวต่อโรคนี้แต่อย่างไร
ทำตัวชิว ลั้นล้า มาก หน้ากากอนามัยไม่ค่อยใส่ ไม่ค่อยดูแลตังเองเท่าที่ควร เราพูดกับแม่ว่ายัฃไงก็ต้องติดแน่นอน ถ้าเขาจะยังใช้ชีวิตแบบนี้อยู่
ไม่ดูแลตัวเองไม่ป้องกันตัวเอง แล้วสุดท้ายก็ติดจริงๆค่ะ เรากับแม่ไม่ค่อยตกใจเท่าไหร่เพราะคิดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าต้องไม่รอดแน่ๆ พอรู้ว่าที่ตรวจขึ้น 2 ขีด
ก็ปรึกษากันว่าจะเอายังไง จะทำยังไงต่อ เราเลยบอกให้ทำตามขั้นตอน ต้องไปตรวจแบบ RT-PCR นะ เพื่อที่จะได้มีใบรับรองแพทย์ไปยื่น จะได้หาเตียงรักษา แต่พ่อเราค่ะ ให้ไปตรวจก็ไป บอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไร อาจจะเป็นแค่ไข่หวัดธรรมดา แกยังไม่เชื่อว่าแกจะเป็นอะไร แม่เลยบอกว่าให้ไปตรวจ
จะได้รู้แน่นอนจะได้รักษาทัน ตอนนี้มันยังไม่มีอาการอะไร เราก็หาที่ๆเค้ารับตรวจ pcr หาทุกอย่าง แต่พ่อก็ไม่เอาสักอย่าง ไม่ไปตรวจ ไม่รักษา ไม่ฟังคนในครอบครัว และไม่สนใจว่าโรคนี้มันจะเป็นโรคติดต่อหรือร้ายอะไรนักหนา เขาบอกว่าคนอื่นก็ติดกันเยอะแยะ พวกจะกลัวอะไรกันนักหนา เราเลยบอกว่า
คนอื่นไม่มีใครอยากติดไหมรู้ว่ามันติดกันเยอะแยะแต่ใครจะอยากติด แล้วคนอื่นที่เค้าคติดเค้าก็ไปรักษาตัวกันทั้งนั้น ไม่ใช่มาทำตัวกีดกันไม่เอาอะไรเลย
เราบอกว่าถ้าเราไม่ต้องไปทำงาน ไม่ต้องไปเจอคนอื่น เราจะไม่เดือดร้อนเลยนะ แต่ที่ทำงานเรายังทำงานปกติไม่ได้ WFH เรายังต้องเจอคนอื่นๆอยู่
ไม่อยากให้อื่นต้องมาลำบากเพราะเรา พ่อเขาก็เฉยไม่พูดอะไร ไม่มำอะไร นั่งนิ่ง นั่งมึน เราก็ถามจะเอายังไงก็ไม่พูด ถ้าไม่ปรักษา อยู่โรงพยาบาลสนาม
ก็ไม่มีที่อยู่เหมือนกัน เพราะบ้านเราไม่แก่การ HOME INSULATION เพราะมีพื้นที่น้อย ห้องน้ำห้องเดียว เขาเลยบอกเออ เดี๋ยวกูก็จะไม่อยู่แล้ว จะไปอยู่ที่อื่น
แล้วเขาก็ออกไป แล้วที่ๆเขาไปคือที่ๆเขาติดมาค่ะ !!! คือไปอยู่รวมกันกับคนที่พ่อเราได้รับเชื้อมา ไปอยู่บ้านเขา กินกับเขา นอนกับเขา คือเราช็อคเลยค่ะ
แบบหมดคำจะพูดเลย ทำไมเขาทำแบบนี้ คือเรากับแม่ พร้อมจะซัพพอร์ตทุกอย่างค่ารักษาพยาบาล การหาเตียง การทำตามขั้นตอนอะไรใดๆ เราพร้อมจะทำให้ทุกอย่าง เราไม่เคยรังเกียจ หรือกลัวคนที่เป็นโควิดนะคะ เราเข้าใจว่ามันเป็นโรคระบาดที่ไม่สามารถยับยั้งได้หากจะติด แต่แค่ถ้าติดแล้วก็ต้องรักษาตัวให้หาย ดูแลตัวเองให้ดี ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน เพราะคนอื่นไม่มีใครอยากจะมีติดกับเรา เราต้องรับผิดชอบตัวเราและต่อผู้อื่นด้วย แต่เราไม่เข้าใจว่า
ทำไมพ่อเราถึงเป็นคนแบบนี้ เราไม่เข้าใจจริงๆ พ่อเขาออกไปประมาณ 1 ชม. ถัดมาเขาก็กลับมาที่บ้าน แม่เราก็บอกให้ไปหาหมอ เขาก็บอกจะไปทำไม
ไม่ได้เป็นอะไร คนอื่นเขาติดกันเยอะแยะ เดี๋ยวก็หาย แล้วมีการบอกให้แม่โอนเงินมาให้เขาไว้ซื้อข้าวกินด้วย เรานี่แบบเชื่อเลย แล้วแกก็ออกไป พอประมาณ 30 นาทีถัดมา แกก็กลับมาอีกเราเลยโมโหมาก คือให้ทำอะไรก็ไม่ทำ ไม่เอาอะไรสักอย่าง ออกไปอยู่กับครอบครัวคนอื่น เชื่อคนอื่นมากกว่าคนในครอบครัว
เราเลยบอกว่า อะไรของพ่อเนี่ยเป็นอะไรว่ะ ทำไมทำตัวแบบนี้ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยมาก ทำไมไม่เอาอะไรเลย แนะนำอะไรก็ไม่เอา เขาก็มาบอกว่า พวกสองแม่ลูกบ้าปะเนี่ย กูไม่ได้เป็นอะไร เป็นอะไรกันนักหนา เราก็เลยบอกให้ไปรักษา เขาก็บอกกูไม่ไปกูไม่ได้เป็นอะไร เราเลยถ้าไม่ไปก็ไม่ต้องกลับมาบ้านอีก ไม่ต้องเข้ามาบ้าน แล้วเราก็แนะนำบอกให้เขาไปเช่าห้องอยู่ เดี๋ยวจะส่งข้าวส่งน้ำ ส่งยาให้ จนกว่าจะตวรจไม่ขึ้น 2 ขีด ค่อยกลับบ้าน เขาก็ไม่เอา ยังยืนยันว่าจะไปอยู่กับคนอื่นๆ ตอนนั้นเราโมโหมากๆ เราก็บอกทำไมทำแบบนี้ ไม่คิดถึงคนอื่นบ้าง แล้วไปอยู่บ้านเขาเขารู้ไหมว่าตัวเองตรวจขึ้น 2 ขีด จะไปทำให้คนอื่นเขาลำบากทำไม คนอื่นเขามีภาระ ถ้าเขาติดจากตัวเองแล้วเป็นอะไรไปจะรับผิดชอบชีวิตเขายังไง อย่าเห็นแก่ตัว พ่อเราเลยพูดขึ้นมาเลย กลัว

อะไรนักหนา
เป็นประสาทกันหมดแล้วพวกหน่ะ เราเลยบอกจะไม่กลัว

อะไรได้ไง นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ อย่าคิดว่ามันเป็นเรื่องตลก ละเขาก็บอกเออกูจะจำไว้
ว่าพูด

กับกู เราเลยบอกก็พ่อพูดก่อนป้ะ เขาบอกก็กูเป็นพ่อ เราบอกเป็นพ่อแล้วไงก็ไม่มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้เหมือนกัน แล้วก่อนออกจากบ้าน เขาก็พูดว่าพวกอยู่กันสองแม่ลูกนี่แหละ แล้วก็ออกไป
คือเราไม่เข้าใจทำไม ทำไมต้องเป็นคนที่เข้าใจอะไรยาก ไม่มีเหตุผลแบบนี้ เราสงสารแม่มาก เรารู้ว่าแม่ป็นห่วงเขา และอยากให้เขาไปหาหมอรักษาตัว
แต่เขากับไม่เอาอะไร และยังพาตัวเองไปในที่ๆแบบนั้นอีก เราควรจะทำยังไงดีคะ หมดหนทางมาก แต่เราก็บอกแม่ไปว่าแม่ไม่ต้องคิดมาก ชีวิตเขา
เขาเลือกเองแล้ว ชีวิตตัวเอง ตัวเองยังไม่รัก แล้วใครจะรักเราเท่าตัวเอง ความหวังดีต่อครอบครัวไม่มีผลกระทบอะไรกับเขาเลยแม้แต่นิด
เหนื่อยใจกับครอบครัวตัวเอง ;(
วันนี้มีเรื่องมาระบายเล่าสู่เพื่อนพี่น้องชาวpantipค่ะ และขอคำปรึกษากับเหตุการณ์นี้
เมื่อวานนี้เราและแม่ได้รับข่าวร้ายก็คือพ่อของเราได้การติดเชื้อโควิด โดยทดสอบเองจาก
ชุด antigen test kit ค่ะ เนื่องจากพ่อเรามีการสุ่มเสี่ยง ไอถี่ๆมาก และเคยไปในที่ๆค่อนข้างสุ่มเสี่ยง
มีคนติดเป็นจำนวนมาก เราเลยได้ตัดสินในซื้อชุด test มาไว้เพราะคิดว่ายังไงพ่อต้องติดแน่นอน เพราะมีอาการชัดเจน
ย้อนไปก่อนที่คิดว่าพ่อเราจะได้รบเชื้อโควิดมา พ่อเราได้ไปที่แถวชุมชนที่มีคนติดเยอะ ซึ่งเรากับแม่ก็ห้ามทุกวัน ทุกครั้งที่เขาจะไป
แต่ห้ามก็ไม่เคยฟัง ก็ไปตลอด ไปก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไรบ้าง ตอนเช้าออกจากบ้าน เย็นกลับเข้าบ้าน แล้วพ่อเราเป็นคนที่ไม่ได้หวาดกลัวต่อโรคนี้แต่อย่างไร
ทำตัวชิว ลั้นล้า มาก หน้ากากอนามัยไม่ค่อยใส่ ไม่ค่อยดูแลตังเองเท่าที่ควร เราพูดกับแม่ว่ายัฃไงก็ต้องติดแน่นอน ถ้าเขาจะยังใช้ชีวิตแบบนี้อยู่
ไม่ดูแลตัวเองไม่ป้องกันตัวเอง แล้วสุดท้ายก็ติดจริงๆค่ะ เรากับแม่ไม่ค่อยตกใจเท่าไหร่เพราะคิดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าต้องไม่รอดแน่ๆ พอรู้ว่าที่ตรวจขึ้น 2 ขีด
ก็ปรึกษากันว่าจะเอายังไง จะทำยังไงต่อ เราเลยบอกให้ทำตามขั้นตอน ต้องไปตรวจแบบ RT-PCR นะ เพื่อที่จะได้มีใบรับรองแพทย์ไปยื่น จะได้หาเตียงรักษา แต่พ่อเราค่ะ ให้ไปตรวจก็ไป บอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไร อาจจะเป็นแค่ไข่หวัดธรรมดา แกยังไม่เชื่อว่าแกจะเป็นอะไร แม่เลยบอกว่าให้ไปตรวจ
จะได้รู้แน่นอนจะได้รักษาทัน ตอนนี้มันยังไม่มีอาการอะไร เราก็หาที่ๆเค้ารับตรวจ pcr หาทุกอย่าง แต่พ่อก็ไม่เอาสักอย่าง ไม่ไปตรวจ ไม่รักษา ไม่ฟังคนในครอบครัว และไม่สนใจว่าโรคนี้มันจะเป็นโรคติดต่อหรือร้ายอะไรนักหนา เขาบอกว่าคนอื่นก็ติดกันเยอะแยะ พวกจะกลัวอะไรกันนักหนา เราเลยบอกว่า
คนอื่นไม่มีใครอยากติดไหมรู้ว่ามันติดกันเยอะแยะแต่ใครจะอยากติด แล้วคนอื่นที่เค้าคติดเค้าก็ไปรักษาตัวกันทั้งนั้น ไม่ใช่มาทำตัวกีดกันไม่เอาอะไรเลย
เราบอกว่าถ้าเราไม่ต้องไปทำงาน ไม่ต้องไปเจอคนอื่น เราจะไม่เดือดร้อนเลยนะ แต่ที่ทำงานเรายังทำงานปกติไม่ได้ WFH เรายังต้องเจอคนอื่นๆอยู่
ไม่อยากให้อื่นต้องมาลำบากเพราะเรา พ่อเขาก็เฉยไม่พูดอะไร ไม่มำอะไร นั่งนิ่ง นั่งมึน เราก็ถามจะเอายังไงก็ไม่พูด ถ้าไม่ปรักษา อยู่โรงพยาบาลสนาม
ก็ไม่มีที่อยู่เหมือนกัน เพราะบ้านเราไม่แก่การ HOME INSULATION เพราะมีพื้นที่น้อย ห้องน้ำห้องเดียว เขาเลยบอกเออ เดี๋ยวกูก็จะไม่อยู่แล้ว จะไปอยู่ที่อื่น
แล้วเขาก็ออกไป แล้วที่ๆเขาไปคือที่ๆเขาติดมาค่ะ !!! คือไปอยู่รวมกันกับคนที่พ่อเราได้รับเชื้อมา ไปอยู่บ้านเขา กินกับเขา นอนกับเขา คือเราช็อคเลยค่ะ
แบบหมดคำจะพูดเลย ทำไมเขาทำแบบนี้ คือเรากับแม่ พร้อมจะซัพพอร์ตทุกอย่างค่ารักษาพยาบาล การหาเตียง การทำตามขั้นตอนอะไรใดๆ เราพร้อมจะทำให้ทุกอย่าง เราไม่เคยรังเกียจ หรือกลัวคนที่เป็นโควิดนะคะ เราเข้าใจว่ามันเป็นโรคระบาดที่ไม่สามารถยับยั้งได้หากจะติด แต่แค่ถ้าติดแล้วก็ต้องรักษาตัวให้หาย ดูแลตัวเองให้ดี ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน เพราะคนอื่นไม่มีใครอยากจะมีติดกับเรา เราต้องรับผิดชอบตัวเราและต่อผู้อื่นด้วย แต่เราไม่เข้าใจว่า
ทำไมพ่อเราถึงเป็นคนแบบนี้ เราไม่เข้าใจจริงๆ พ่อเขาออกไปประมาณ 1 ชม. ถัดมาเขาก็กลับมาที่บ้าน แม่เราก็บอกให้ไปหาหมอ เขาก็บอกจะไปทำไม
ไม่ได้เป็นอะไร คนอื่นเขาติดกันเยอะแยะ เดี๋ยวก็หาย แล้วมีการบอกให้แม่โอนเงินมาให้เขาไว้ซื้อข้าวกินด้วย เรานี่แบบเชื่อเลย แล้วแกก็ออกไป พอประมาณ 30 นาทีถัดมา แกก็กลับมาอีกเราเลยโมโหมาก คือให้ทำอะไรก็ไม่ทำ ไม่เอาอะไรสักอย่าง ออกไปอยู่กับครอบครัวคนอื่น เชื่อคนอื่นมากกว่าคนในครอบครัว
เราเลยบอกว่า อะไรของพ่อเนี่ยเป็นอะไรว่ะ ทำไมทำตัวแบบนี้ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยมาก ทำไมไม่เอาอะไรเลย แนะนำอะไรก็ไม่เอา เขาก็มาบอกว่า พวกสองแม่ลูกบ้าปะเนี่ย กูไม่ได้เป็นอะไร เป็นอะไรกันนักหนา เราก็เลยบอกให้ไปรักษา เขาก็บอกกูไม่ไปกูไม่ได้เป็นอะไร เราเลยถ้าไม่ไปก็ไม่ต้องกลับมาบ้านอีก ไม่ต้องเข้ามาบ้าน แล้วเราก็แนะนำบอกให้เขาไปเช่าห้องอยู่ เดี๋ยวจะส่งข้าวส่งน้ำ ส่งยาให้ จนกว่าจะตวรจไม่ขึ้น 2 ขีด ค่อยกลับบ้าน เขาก็ไม่เอา ยังยืนยันว่าจะไปอยู่กับคนอื่นๆ ตอนนั้นเราโมโหมากๆ เราก็บอกทำไมทำแบบนี้ ไม่คิดถึงคนอื่นบ้าง แล้วไปอยู่บ้านเขาเขารู้ไหมว่าตัวเองตรวจขึ้น 2 ขีด จะไปทำให้คนอื่นเขาลำบากทำไม คนอื่นเขามีภาระ ถ้าเขาติดจากตัวเองแล้วเป็นอะไรไปจะรับผิดชอบชีวิตเขายังไง อย่าเห็นแก่ตัว พ่อเราเลยพูดขึ้นมาเลย กลัว
เป็นประสาทกันหมดแล้วพวกหน่ะ เราเลยบอกจะไม่กลัว
ว่าพูด
คือเราไม่เข้าใจทำไม ทำไมต้องเป็นคนที่เข้าใจอะไรยาก ไม่มีเหตุผลแบบนี้ เราสงสารแม่มาก เรารู้ว่าแม่ป็นห่วงเขา และอยากให้เขาไปหาหมอรักษาตัว
แต่เขากับไม่เอาอะไร และยังพาตัวเองไปในที่ๆแบบนั้นอีก เราควรจะทำยังไงดีคะ หมดหนทางมาก แต่เราก็บอกแม่ไปว่าแม่ไม่ต้องคิดมาก ชีวิตเขา
เขาเลือกเองแล้ว ชีวิตตัวเอง ตัวเองยังไม่รัก แล้วใครจะรักเราเท่าตัวเอง ความหวังดีต่อครอบครัวไม่มีผลกระทบอะไรกับเขาเลยแม้แต่นิด