กระทู้นี้ตั้งแล้วนะครับ แต่อนุญาตตั้งใหม่อีกรอบ เพราะกระทู้เดิมไม่ค่อยมีใครเข้ามาดูหรือสนใจเลย
อิเหนา น่าจะเป็นวรรณคดีของไทย ที่ค่อนข้างสับสนอยู่ระดับหนึ่ง โดยเฉพาะการใช้คำชวาปนไทย และการมีหลากหลายฉบับที่แตกต่างกันไป
อิเหนา เป็นเรื่องเล่าของชวา ที่เผยแพร่กันไปทั่วโลกมลายู เริ่มเผยแพร่เข้ามาในสมัยกรุงศรีอยุธยา ก่อนที่จะได้มีการปรับแต่งเสริมสร้างมากขึ้น
สันนิษฐานว่า ได้แต่งก่อนที่อาณาจักรมัชปาหิตสถาปนา 100 ปี หรืออาจจะก่อนหน้านั้นไปมากกว่านี้ เพราะพบหลักฐานในช่วงศตวรรษที่ 11
อย่างไรก็ตาม อิเหนาที่ใกล้เคียงกับของไทยมากที่สุดนั้น คาดว่าน่าจะแต่งขึ้นจากบาหลี ในช่วงที่ศาสนาอิสลามกำลังรุ่งเรืองไปทั่วโลกมลายู
เป็นที่สนใจว่า มีหลายวัฒนธรรม ที่ไม่ได้ปรากฎให้เห็นในชวาในยุคที่ได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาอิสลามกันแล้ว หรืออาจจะยังมีอยู่ในเกาะบาหลี
ตามเรื่องเล่าในวรรณคดี กล่าวว่า อิเหนาเป็นเชื้อสายของอสัญแดหวา หรือวงศ์เทวัญ เชื่อว่าหมายถึงท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ตามความเชื่อฮินดู
อสัญแดหวาทั้ง 4 เมืองนั้น ประกอบไปด้วย กุเรปัน หรือ กาหุริปัน (Kahuripan) หรือ หรือเมืองจังกาลา (Janggala) ปัจจุบันอยู่ใกล้เมืองสุราบายา
เมืองดาหา ตั้งอยู่ริมแมน้ำบรันตัส ปัจจุบันคือเมืองกะดิรี (Kediri) เมืองกาหลัง ไม่แน่ใจ แต่คาดว่าน่าจะอยู่ใกล้เมืองดาหาในปัจจุบัน
ส่วนสิงหะส่าหรี ต่อมากลายเป็นเมืองตุมะปัล (Tumapel) ปัจจุบันคือเมืองมาลัง (Malang) 4 เมืองนี้อยู่ในเขตชวาตะวันออกในปัจจุบันหมด
ทั้ง 4 เมือง ปัจจุบันล้วนอยู่ในเขตชวาตะวันออกทุกเมือง บริเวณชวาตะวันออกยังเป็นที่ตั้งของโตรวูหลัน เมืองหลวงเก่าของมัชปาหิตอีกด้วย
สันนิษฐานว่า อิเหนา มีตัวตนมาจากกษัตริย์แห่งกะดิรีที่พระนามว่า กาเมศวร (Kameshwara) ครองราชย์ในระหว่างปี 1115-1130
พระเจ้ากาเมศวร ทรงเสกสมรสกับพระนางศรีกิรานะ (Kirana) แห่งเมืองจังกาลา ชวาโบราณถือว่าทั้ง 2 พระองค์เป็นกามเทพและรตีกลับชาติมาเกิด
พระนางศรีกิรานะ เชื่อกันว่าน่าจะเป็นบุษบาในเรื่องอิเหนานั้นเอง แต่ว่าที่มาของเมืองถือว่าผิดพลาดไป เพราะอิเหนานั้นมาจากกุเรปันหรือจังกาลา
ขณะที่บุษบานั้นมาจากดาหาหรือกะดิรี แต่องค์ตัวตนจริง กลับอยู่ตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง พูดง่ายๆ ก็คือ เป็นการสลับเมืองที่ประสูติและประทับกัน
เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับพระเจ้ากาเมศวรอีกเรื่องก็คือ พระลัญจกรของพระองค์ เป็นรูปกะโหลกกับดวงจันทร์ เป็นสัญลักษณ์ของพระศิวะนั้นเอง
หลังยุคของพระเจ้ากาเมศวร กะดิรีก็ถูกสิงหะส่าหรียึดเมืองในยุคพระเจ้ากัรตะไชยะ (Kertajaya) โดยพระเจ้ากันอาโระราชษา (Ken Arok Rajasa)
อย่างไรก็ตาม ต่อมา พระเจ้าไชยกัตวัง หรือ ชัยขัตวงศ์ (Jayakatwang) เข้ายึดสิงหะส่าหรีคืนในยุคของพระเจ้ากัรตะนครา (Kertanagara)
ระเด่นวิชัย (Raden Wijaya) ราชบุตรเขย ได้จังหวะเหมาะพอดีกับที่มองโกลรุกรานชวา ได้ร่วมมือกับมองโกล เข้าโจมตีพระเจ้าไชยกัตวัง
หลังจากที่ได้ยึดอำนาจจากพระเจ้าไชยกัตวังแล้ว ระเด่นวิชัย ได้หันเหขับไล่มองโกลออกไปจากชวา พร้อมทั้งสถาปนาอาณาจักรมัชปาหิตขึ้นมา
มัชปาหิต มีความหมายว่า มะตูมขม เพราะดินแดนตะริก์ที่พระเจ้าไชยกัตวังยกให้ระเด่นวิชัยหลังยึดอำนาจนั้น แม้แต่ผลมะตูม ก็ยังขม
มัชปาหิต ผ่านยุคมาหลายสมัย รวมถึงยุคของพระเจ้าศรีราชษานคราชัยวิษณุวัฒนะ หรือพระเจ้าฮายัม วูรูก์ (Hayam Wuruk) ที่รุ่งเรืองสูงสุด
หลังจากผ่านไปหลายร้อยปี อาณาจักรมัชปาหิตก็เสื่อมอำนาจและถูกรุกรานโดยรัฐสุลต่านดะมะก์ (Demak) ที่อยู่ทางชวากลาง และเป็นรัฐมุสลิม
หลังจากนั้นไม่กี่สิบปีต่อมา อาณาจักรมะตะรัม ก็ถูกสถาปนาขึ้น และรุ่งเรืองสุดขีดในยุคสุลต่านอะกุง หันยากรากุสุมะ (Agung Hanyakrakusuma)
หลังจากยุคสุลต่านอะกุงผ่านไปหลายสมัย ดัตช์ได้เข้ายึดครองมะตะรัมและแบ่งราชบัลลังก์ออกเป็น 2 ส่วน คือ สุรการ์ตา และ โยกยาร์การ์ตา
โยกยาร์การ์ตา ยังปกครองโดยสุลต่านในฐานะผู้ว่าเขตพิเศษอยู่ ส่วนสุรการ์ตา ได้ถูกล้มล้างราชบัลลังก์ไปในขณะที่เกิดการปฏิวัติอินโดนีเซีย
[Re-Post] มองประวัติศาสตร์ชวา ผ่าน 'อิเหนา'
อิเหนา น่าจะเป็นวรรณคดีของไทย ที่ค่อนข้างสับสนอยู่ระดับหนึ่ง โดยเฉพาะการใช้คำชวาปนไทย และการมีหลากหลายฉบับที่แตกต่างกันไป
อิเหนา เป็นเรื่องเล่าของชวา ที่เผยแพร่กันไปทั่วโลกมลายู เริ่มเผยแพร่เข้ามาในสมัยกรุงศรีอยุธยา ก่อนที่จะได้มีการปรับแต่งเสริมสร้างมากขึ้น
สันนิษฐานว่า ได้แต่งก่อนที่อาณาจักรมัชปาหิตสถาปนา 100 ปี หรืออาจจะก่อนหน้านั้นไปมากกว่านี้ เพราะพบหลักฐานในช่วงศตวรรษที่ 11
อย่างไรก็ตาม อิเหนาที่ใกล้เคียงกับของไทยมากที่สุดนั้น คาดว่าน่าจะแต่งขึ้นจากบาหลี ในช่วงที่ศาสนาอิสลามกำลังรุ่งเรืองไปทั่วโลกมลายู
เป็นที่สนใจว่า มีหลายวัฒนธรรม ที่ไม่ได้ปรากฎให้เห็นในชวาในยุคที่ได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาอิสลามกันแล้ว หรืออาจจะยังมีอยู่ในเกาะบาหลี
ตามเรื่องเล่าในวรรณคดี กล่าวว่า อิเหนาเป็นเชื้อสายของอสัญแดหวา หรือวงศ์เทวัญ เชื่อว่าหมายถึงท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ตามความเชื่อฮินดู
อสัญแดหวาทั้ง 4 เมืองนั้น ประกอบไปด้วย กุเรปัน หรือ กาหุริปัน (Kahuripan) หรือ หรือเมืองจังกาลา (Janggala) ปัจจุบันอยู่ใกล้เมืองสุราบายา
เมืองดาหา ตั้งอยู่ริมแมน้ำบรันตัส ปัจจุบันคือเมืองกะดิรี (Kediri) เมืองกาหลัง ไม่แน่ใจ แต่คาดว่าน่าจะอยู่ใกล้เมืองดาหาในปัจจุบัน
ส่วนสิงหะส่าหรี ต่อมากลายเป็นเมืองตุมะปัล (Tumapel) ปัจจุบันคือเมืองมาลัง (Malang) 4 เมืองนี้อยู่ในเขตชวาตะวันออกในปัจจุบันหมด
ทั้ง 4 เมือง ปัจจุบันล้วนอยู่ในเขตชวาตะวันออกทุกเมือง บริเวณชวาตะวันออกยังเป็นที่ตั้งของโตรวูหลัน เมืองหลวงเก่าของมัชปาหิตอีกด้วย
สันนิษฐานว่า อิเหนา มีตัวตนมาจากกษัตริย์แห่งกะดิรีที่พระนามว่า กาเมศวร (Kameshwara) ครองราชย์ในระหว่างปี 1115-1130
พระเจ้ากาเมศวร ทรงเสกสมรสกับพระนางศรีกิรานะ (Kirana) แห่งเมืองจังกาลา ชวาโบราณถือว่าทั้ง 2 พระองค์เป็นกามเทพและรตีกลับชาติมาเกิด
พระนางศรีกิรานะ เชื่อกันว่าน่าจะเป็นบุษบาในเรื่องอิเหนานั้นเอง แต่ว่าที่มาของเมืองถือว่าผิดพลาดไป เพราะอิเหนานั้นมาจากกุเรปันหรือจังกาลา
ขณะที่บุษบานั้นมาจากดาหาหรือกะดิรี แต่องค์ตัวตนจริง กลับอยู่ตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง พูดง่ายๆ ก็คือ เป็นการสลับเมืองที่ประสูติและประทับกัน
เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับพระเจ้ากาเมศวรอีกเรื่องก็คือ พระลัญจกรของพระองค์ เป็นรูปกะโหลกกับดวงจันทร์ เป็นสัญลักษณ์ของพระศิวะนั้นเอง
หลังยุคของพระเจ้ากาเมศวร กะดิรีก็ถูกสิงหะส่าหรียึดเมืองในยุคพระเจ้ากัรตะไชยะ (Kertajaya) โดยพระเจ้ากันอาโระราชษา (Ken Arok Rajasa)
อย่างไรก็ตาม ต่อมา พระเจ้าไชยกัตวัง หรือ ชัยขัตวงศ์ (Jayakatwang) เข้ายึดสิงหะส่าหรีคืนในยุคของพระเจ้ากัรตะนครา (Kertanagara)
ระเด่นวิชัย (Raden Wijaya) ราชบุตรเขย ได้จังหวะเหมาะพอดีกับที่มองโกลรุกรานชวา ได้ร่วมมือกับมองโกล เข้าโจมตีพระเจ้าไชยกัตวัง
หลังจากที่ได้ยึดอำนาจจากพระเจ้าไชยกัตวังแล้ว ระเด่นวิชัย ได้หันเหขับไล่มองโกลออกไปจากชวา พร้อมทั้งสถาปนาอาณาจักรมัชปาหิตขึ้นมา
มัชปาหิต มีความหมายว่า มะตูมขม เพราะดินแดนตะริก์ที่พระเจ้าไชยกัตวังยกให้ระเด่นวิชัยหลังยึดอำนาจนั้น แม้แต่ผลมะตูม ก็ยังขม
มัชปาหิต ผ่านยุคมาหลายสมัย รวมถึงยุคของพระเจ้าศรีราชษานคราชัยวิษณุวัฒนะ หรือพระเจ้าฮายัม วูรูก์ (Hayam Wuruk) ที่รุ่งเรืองสูงสุด
หลังจากผ่านไปหลายร้อยปี อาณาจักรมัชปาหิตก็เสื่อมอำนาจและถูกรุกรานโดยรัฐสุลต่านดะมะก์ (Demak) ที่อยู่ทางชวากลาง และเป็นรัฐมุสลิม
หลังจากนั้นไม่กี่สิบปีต่อมา อาณาจักรมะตะรัม ก็ถูกสถาปนาขึ้น และรุ่งเรืองสุดขีดในยุคสุลต่านอะกุง หันยากรากุสุมะ (Agung Hanyakrakusuma)
หลังจากยุคสุลต่านอะกุงผ่านไปหลายสมัย ดัตช์ได้เข้ายึดครองมะตะรัมและแบ่งราชบัลลังก์ออกเป็น 2 ส่วน คือ สุรการ์ตา และ โยกยาร์การ์ตา
โยกยาร์การ์ตา ยังปกครองโดยสุลต่านในฐานะผู้ว่าเขตพิเศษอยู่ ส่วนสุรการ์ตา ได้ถูกล้มล้างราชบัลลังก์ไปในขณะที่เกิดการปฏิวัติอินโดนีเซีย