ฉันนั่งเล่นอยู่ใต้อาคารของคณะ ลมโชยพัดมา ลมหนาวใกล้มาหละ เช้านี้รู้สึกสดชื่นมาก บรรยากาศแบบนี้รู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ถึงแม้จะเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานพาร์ทไทม์ ก็ตามเพราะฉันชอบหน้าหนาวมาก ความเย็นของอากาศทำให้หายเหนื่อย
“คุณฤาวาด..มีโปรแกรมทัวร์เกาหลี กรุงโซลสนใจหรือเปล่า” ระวีพรเพื่อนสนิทชวนไปเที่ยวเกาหลี
ฉันหันมาตามเสียงของระวีพรทันที เพราะที่ยอมเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานพาร์ทไทม์ ก็เพราะต้องการหาเงินเก็บเอาไปเที่ยวประเทศในฝันนี่แหละ
“สนใจซิพร ตะเองไปเปล่าหละ ชวนทิพย์ไปด้วย”
ฉันตื่นเต้นมากกับโปรแกรมทัวร์เกาหลี กรุงโซล เพราะฉันชอบดูซีรี่ย์เกาหลีมากๆ เป็นประเทศแรกที่อยากไปเที่ยวมาก ไปตามรอยในซีรีย์ นั่นคือความฝันของฉันเลย เป็นติ่งเกาหลีกับเขาเหมือนกัน
“ ชวนชัยกับฤทธิ์ไปด้วยไหมวาด เห็นชัยแอบๆมองตะเองบ่อยๆ ฮ่าๆๆ” หทัยทิพย์แซวฉันกับมณีชัย เพื่อนร่วมคณะ ที่ชอบคอยดูแลฉันตลอด ไม่ว่าจะเรื่องอะไร แต่ฉันมองเขาเป็นเพื่อนที่ดีเท่านั้น ไม่มีอะไรในกอไผ่หรอกนะ เดี๋ยวจะเข้าใจอะไรผิดไป ไม่อนุญาตให้จับจอง ฮ่าๆๆ
ทริปนี้ 5 วัน 3 คืน ราคา 12,999 บาท ขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ สายการบิน Business Air(BB) ใช้ระยะเวลาบิน 5 ชั่วโมง 20 นาที ลงสนามบินอินชอน เวลาในประเทศเกาหลีจะเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง
“เตรียมอะไรไปกันมั้งเพื่อนๆ” มณีชัยเพื่อนที่ดีตลอดกาล ถามพวกเราอย่างกระตือรือร้น แววตามณีชัยฉายแววสดใสร่าเริง ใจคงคิดอยากไปตามรอยซีรีย์เกาหลีเหมือนกัน ส่วนคงฤทธิ์ ทำท่าทางว่าเขาศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเกาหลีมาซึ่งรู้หมด เหลือแค่ไปใช้ชีวิตที่นั่นจริงช่วงไปทัวร์นี่แหละ
ทุกคนตื่นเต้นกันมาก เหลือเวลาอีก 3 วันก็บินไปกรุงโซลกันแล้ว ระวีพรกับหทัยทิพย์เตรียมเสื้อผ้าเทรนด์เกาหลีตัวจริงไปกันเลยแหละ ส่วนฉันไปแนวกางเกงยีนส์ เสื้อแขนยาว เสื้อกั๊กผ้าแนวเท่ห์ เสื้อกันหนาวบางๆสักตัว ก็น่าจะเอาอยู่ เพราะอากาศเกาหลีช่วงเดือนตุลาคม อุณหภูมิประมาณ 5-20 องศา ฮ่าๆๆ แนวใครแนวมันก็แล้วกันเนอะเพื่อนๆ สำหรับมณีชัยกับคงฤทธิ์ก็คงแนวเดียวกับฉันแน่นอน เพราะเห็นไปเที่ยวไหนด้วยกัน เขาก็จะแต่งสบายๆแต่เหมาะกับพวกเขามาก เพราะหน้าตาดี แต่งอย่างไรก็ดูดี เข้าข้างตัวเองกับเพื่อนๆ
เวลา 7.30 น. เครื่องลงที่สนามบินอินชอน ช่วงเช้าๆแบบนี้อากาศเย็นมากๆเลย ฉันต้องรีบเอาผ้าพันคอที่เตรียมไว้มาใช้ทันทีที่ลงจากเครื่อง ไกด์ไทยแนะนำทุกอย่างก่อนที่จะเดินทางท่องเที่ยวในกรุงโซล
ทัวร์พาเพลินที่พวกเราไปด้วย มีแต่นักท่องเที่ยวที่เป็นวัยเดียวกับพวกเรา น่าสนุกหละซิทริปนี้ วัยเดียวกัน จะได้เพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นก็คราวนี้แหละ สมาชิกทัวร์มีทั้งหมด 28 คน มองดูแล้ว มาเป็นคู่กันก็หลายคู่ กลุ่มเพื่อน กลุ่มครอบครัว หลากหลายรูปแบบ ดูทุกคนตื่นเต้นกันมากที่ได้มาเที่ยวเกาหลี รวมเพื่อนๆและฉันด้วย ครั้งแรกในชีวิตเลยที่ได้มาต่างประเทศ และเป็นประเทศในฝัน ตื่นเต้นจริงๆ
ไกด์ไทยแนะนำให้รู้จักไกด์ท้องถิ่น เธอเป็นคนไทยและอยู่เกาหลีมา 15 ปี ชื่อมาศอินทร์ เธอพูดเก่งแนะนำอะไรเกี่ยวกับเกาหลี พร้อมโปรแกรมที่จะเที่ยวกันในช่วงเวลาที่จัดนี้
“หนุ่มเกาหลีเป็นอย่างไรบ้างค่ะ” มีเด็กสาวน่าจะรุ่นๆ 15-16 ปีตะโกนถามพี่มาศอินทร์ เพราะเธอคงอยากรู้เกี่ยวกับหนุ่มเกาหลีในสายตาของพี่มาศอินทร์ที่อยู่เกาหลีมานาน
มีเสียงหัวเราะดังครื้น ทุกคนอดกลั้นไม่ได้ที่จะขำในสิ่งที่เด็กสาวคนนั้นถาม แต่จริงๆที่หัวเราะเนี่ยก็คงจะอยากรู้เหมือนกันแหละ คือใจตรงกันแต่ไม่กล้าถาม มีแอบคิดในใจกันซะส่วนมาก
“บอกตรงๆเลยนะค่ะ พี่มาศมาอยู่นี่ 15 ปียังไม่เคยเจอหนุ่มเกาหลีที่ถูกใจเลยค่ะ” พี่มาศอินทร์ตอบแบบตรงมาก แต่ฉันคิดเล่นๆว่า พี่มาศอินทร์อาจจะไม่มีโอกาสได้เจอหนุ่มเกาหลีที่ดีๆก็ได้ ฮ่าๆๆ คิดไปยิ้มไป
“น้องเสื้อแดง ยิ้มอะไรเหรอค่ะ” มาศอินทร์ หันมาเจอฉัน ฟังที่เธอพูดแล้วยิ้มอยู่คนเดียว พรสะกิดบอกฉันว่าพี่มาศอินทร์พี่เขาถามฉัน
“อ๋อค่ะพี่ ที่ยิ้มก็เพราะว่าน้องคิดไปเองว่า มาเที่ยวเกาหลีคราวนี้ อาจได้เจอหนุ่มเกาหลีที่ใจดี และเป็นคนดีค่ะ” ฉันตอบออกไปอย่างจริงใจ เพราะคิดไปอย่างนั้น
ทุกคนหัวเราะกันงอหงาย พร้อมเสียงปรบมืออย่างสนุกสนานในคำตอบของฉัน มีแต่มณีชัยเท่านั้นที่มองฉันแบบตำหนิที่ตอบไปแบบนั้น
“กรุณาปรับนาฬิกาของทุกคนนะค่ะ จะได้สะดวกในการนัดหมายค่ะ”
“รถโค้ชจะพาพวกเราไปข้ามทะเลตะวันตก เพื่อเดินทางไปท่าเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากไปยังเกาะนามิ สถานที่ที่แสนโรแมนติก ถ่ายทำซีรีย์เรื่องเพลงรักในสายลมหนาว จะนั่งเรือข้ามไป 5 นาทีนะค่ะ แต่ก่อนจะไปเราจะแวะรับผู้ช่วยไกด์เกาหลีก่อนนะค่ะ” พี่มาศอินทร์ พูดรายการท่องเที่ยว และแวะรับผู้ช่วยไกด์ข้างทางที่เขานัดแนะกัน
รถโค้ชจอดรับผู้ช่วยไกด์ พอเขาขึ้นรถโค้ชมา พี่มาศอินทร์ กล่าวแนะนำผู้ช่วยไกด์
“ ขอแนะนำนะค่ะบีโจและซอนมินค่ะ เขาจะอยู่คอยช่วยเหลือพวกคณะทัวร์ไปจนวันสุดท้ายของการท่องเที่ยวเลยนะค่ะ ตบมือต้อนรับพวกเขาด้วยนะค่ะ”
ทุกคนมองหนุ่มเกาหลีเป็นตาเดียว ทิพย์มองอ้าปากค้าง พรทำตาโต ฉันมองตามที่ทุกคนมองไป
“ โอ้แม่เจ้า..หล่อสุดๆ หล่อทั้งสองคน ขาวสูง หน้าใส ยิ้มหวาน” ในใจคิด มาแล้วเนี่ยตามที่คิดเอาไว้เลย ว่าจะได้เจอหนุ่มเกาหลีหล่อๆ ใจดี มีน้ำใจ มาเร็วกว่าที่คิดเอาไว้อีก
“ไหมหละ พี่มาศอินทร์บอกยังไม่เคยเจอหนุ่มเกาหลีที่ถูกใจ สองคนนี้น่ารักมากๆ” แอบคิดในใจ
“ แต่ไม่รู้หน้าตาดี นิสัยและการบริการจะดีหรือเปล่า ต้องรอดูไปก่อน รู้หน้าไม่รู้ใจ”
“ทั้งบีโจและซอนมิน พูดไทยไม่ได้นะค่ะ เขาเป็นนักศึกษามาฝึกงานเป็นไกด์ หางานพาร์ทไทม์ทำช่วงที่มหาวิทยาลัยปิดภาคเรียนค่ะ ถ้าอย่างไรพูดภาษาอังกฤษกับเขานะค่ะ หรือไม่ก็บอกพี่มาศได้ค่ะจะแปลให้ค่ะ”
“ถูกสเปคเลยบีโจของพร” พรแอบกระซิบข้างหูฉัน ฮ่าๆ ติ่งเกาหลีเริ่มแสดงอาการหละ
เกาะนามิเป็นเกาะรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวกลางทะเลสาบชองเพียง มีเนื้อที่ประมาณ 270 ไร่ พอขึ้นฝั่ง ความงามที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
“ว้าว..อุโมงค์ต้นแปะก๊วย เหลืองอร่ามตา สวยสุดๆ” เป็นไฮไลท์ที่งดงามอะไรเช่นนี้ ณ จุดนี้พวกเราก็ระดมถ่ายรูปกันเต็มที่เลย สารพัดท่า ยิ่งพรกับทิพย์แต่งแนวเกาหลี เธอก็จัดเต็มแบบเกาหลีเลย
ความตื่นเต้นกันกับต้นแปะก๊วย และธรรมชาติที่งดงามแปลกตา ทำเอาลืมคิดถึงไกด์บีโจกับซอนมินไปชั่วขณะ ถ่ายรูปเสร็จก็มานั่งพักเหนื่อย จับกล้องดู
“เวรละฉัน...ฝากล้องถ่ายรูปร่วงหายตรงไหนเนี่ย เพิ่งซื้อมาใหม่ด้วย แง แง ทำไงดีนะ”
ส่วนพรกับทิพย์ ก็ยังสนุกกับการถ่ายรูปอยู่ จะกวนเธอก็ใช่ที่ ชัยกับฤทธิ์ก็ช่วยถ่ายรูปให้สาวๆกลุ่มอื่น ลองไปหาดูเองดีกว่า
ฉันก็พยายามก้มควานหาตามทางที่มีกอหญ้าอยู่ ดูไปให้ทั่วๆ ดูแล้วดูอีก เดินไปตรงไหนก็ตามดูทุกที่
“มองเห็นเหมือนจะใช่ฝากล้องอยู่ข้างหน้า “ แต่มีช่องระบายน้ำขวางอยู่ ฉันพยายามก้าวข้ามไป แต่ลื่นเข่ากระแทกกับก้อนหิน แรงพอประมาณที่จะร้องออกมาได้
“โอ้ย...เจ็บ” ฉันพยายามที่จะลุกขึ้นมาเอง แต่มีมือของใครคนหนึ่งช่วยพยุงฉันไว้ไม่ให้ล้มลงไปอีก แต่พูดภาษาอะไรออกมาก็ไม่รู้ฟังไม่รู้เรื่อง
ฉันมองคนที่มาช่วยพยุงฉัน หน้าเขาใกล้กับฉันมาก เพราะด้วยความเร็วที่ต้องช่วยให้ทัน ฉันเจ็บเข่าจนตาลาย เขาพูดเป็นภาษาอังกฤษขึ้นมาว่า
“ คุณเป็นอย่างไรบ้างครับ” ฉันเริ่มเห็นหน้าเขาชัดหละ เพราะเริ่มหายมึนหัว
“ อุ๊ย..บีโจ” ฉันเรียกชื่อของเขาออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขายิ้มและพูดว่า
“ครับ ผมบีโจ คุณเป็นอย่างไรบ้าง เข่าของคุณ ผมเห็นคุณตั้งแต่คุณพยายามจะกระโดดข้ามท่อระบายไป ผมกำลังจะเรียกคุณ แต่คุณโดดไปแล้ว คุณไปทำอะไรที่ตรงนั้นหละครับ”
“ ขอบคุณมากนะค่ะคุณบีโจที่ช่วยฉัน ฉันทำฝาครอบเลนส์กล้องหล่นหายค่ะ” เริ่มขอความช่วยเหลือ
“ อ๋อ..อันนี้ใช่ไหมครับ ผมเห็นมันหล่นอยู่กลางถนน ผมจึงเก็บมาว่าจะถามเป็นของใครครับ” บีโจเอาฝาครอบเลนส์กล้องส่งให้ฉันดู ใช่ของฉันจริงๆด้วย ดีใจจังคิดว่าหายซะแล้ว ฉันยิ้มออกมาดีใจสุด ให้กับบีโจ
หลังจากที่ขอบคุณกันเรียบร้อย บีโจเขาบอกว่าถ้าฉันมีปัญหาเรื่องเข่ามากต้องกินยา และเขาก็เอายาแก้ปวดเข่ามาให้กิน เขาดูแลลูกทัวร์ดีมาก
พรกระซิบบอกว่า “ เราอิจฉาตะเองเลยนะที่บีโจ ดูแลตะเองดีมาก มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับหนุ่มเกาหลีหล่อๆ เรายังไม่มีโอกาสใกล้ชิดเขาสักที ต้องสร้างโอกาสมั้งละ”
ดูท่าพรกับทิพย์พยายามมากที่จะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับบีโจและซอนมิน ฮ่าๆๆ พวกเธอจริงจังกันน่าดูนะ กะมาเกาหลีคราวนี้จะได้หนุ่มเกาหลีติดไม้ติดมือกันไปละซิ ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจให้บีโจมาดูแลหรอก แต่พี่มาศอินทร์คงบอกให้เขาช่วยเหลือฉัน น่าจะเป็นอย่างนั้น
หลังจากอาหารมื้อกลางวันเรียบร้อย
“ รายการต่อไปเราจะไปเที่ยวเขานัมซานกันนะค่ะเป็นภูเขาเพียงลูกเดียวที่อยู่ใจกลางเมืองหลวง กรุงโซล และจะขึ้นไปคล้องกุญแจคู่รัก นำท่านขึ้นลิฟท์ N Tower ชมทัศนียภาพโดยรอบหอคอย ชมพิพิธภัณฑ์หมีเท็ดดี้ เตรียมตัวสนุกกันได้เลยนะค่ะ”
พี่มาศอินทร์กระตุ้นให้เร้าใจเรื่องคล้องกุญแจคู่รัก ซึ่งบางคู่รักเตรียมกุญแจมาจากไทย เพื่อมาคล้องกันที่นี่เลยหวานกันซะ น่าอิจฉาเลยนิ
ฉันก็ยังเจ็บเข่าอยู่แต่ก็ฝืนยิ้มตลอด เพราะไม่อยากให้พรกับทิพย์หมดสนุกไปด้วย เจ็บก็ทนเอา กินยาที่บีโจให้ไว้ตามเวลา ก็บรรเทาลงไปบ้าง
ตอนจะขึ้นลิฟท์ไปที่หอคอย บังเอิญบีโจเดินมา พรกับทิพย์ เร่งหาโอกาส เรียกเขาขึ้นมาพร้อมกัน บีโจยิ้มหวาน และขึ้นมาด้วย
“ สัญลักษณ์แบบนี้คืออะไร ที่นี่ใช้เหมือนกันหรือเปล่าจ้า บีโจ”
พรเริ่มทันทีทำสัญลักษณ์มือที่คนทั่วโลกจะรู้จักหมด คือสัญลักษณ์ฉันรักคุณ
ฉันหัวเราะออกมาเพราะเห็นพรตั้งใจมากที่จะสานสัมพันธ์กับบีโจ ทิพย์ก็ชวนเขาคุย ถามโน้นนี่
บีโจก็พยายามอธิบายให้ฟัง แต่บีโจพูดไปก็หันมามองฉันไป ฉันก็ยิ้มให้ตลอดเพราะยิ้มเป็นไมตรีจิตที่งดงามอยู่แล้ว
ใบไม้เปลี่ยนสีที่กรุงโซล ตอน 1
“คุณฤาวาด..มีโปรแกรมทัวร์เกาหลี กรุงโซลสนใจหรือเปล่า” ระวีพรเพื่อนสนิทชวนไปเที่ยวเกาหลี
ฉันหันมาตามเสียงของระวีพรทันที เพราะที่ยอมเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานพาร์ทไทม์ ก็เพราะต้องการหาเงินเก็บเอาไปเที่ยวประเทศในฝันนี่แหละ
“สนใจซิพร ตะเองไปเปล่าหละ ชวนทิพย์ไปด้วย”
ฉันตื่นเต้นมากกับโปรแกรมทัวร์เกาหลี กรุงโซล เพราะฉันชอบดูซีรี่ย์เกาหลีมากๆ เป็นประเทศแรกที่อยากไปเที่ยวมาก ไปตามรอยในซีรีย์ นั่นคือความฝันของฉันเลย เป็นติ่งเกาหลีกับเขาเหมือนกัน
“ ชวนชัยกับฤทธิ์ไปด้วยไหมวาด เห็นชัยแอบๆมองตะเองบ่อยๆ ฮ่าๆๆ” หทัยทิพย์แซวฉันกับมณีชัย เพื่อนร่วมคณะ ที่ชอบคอยดูแลฉันตลอด ไม่ว่าจะเรื่องอะไร แต่ฉันมองเขาเป็นเพื่อนที่ดีเท่านั้น ไม่มีอะไรในกอไผ่หรอกนะ เดี๋ยวจะเข้าใจอะไรผิดไป ไม่อนุญาตให้จับจอง ฮ่าๆๆ
ทริปนี้ 5 วัน 3 คืน ราคา 12,999 บาท ขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ สายการบิน Business Air(BB) ใช้ระยะเวลาบิน 5 ชั่วโมง 20 นาที ลงสนามบินอินชอน เวลาในประเทศเกาหลีจะเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง
“เตรียมอะไรไปกันมั้งเพื่อนๆ” มณีชัยเพื่อนที่ดีตลอดกาล ถามพวกเราอย่างกระตือรือร้น แววตามณีชัยฉายแววสดใสร่าเริง ใจคงคิดอยากไปตามรอยซีรีย์เกาหลีเหมือนกัน ส่วนคงฤทธิ์ ทำท่าทางว่าเขาศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเกาหลีมาซึ่งรู้หมด เหลือแค่ไปใช้ชีวิตที่นั่นจริงช่วงไปทัวร์นี่แหละ
ทุกคนตื่นเต้นกันมาก เหลือเวลาอีก 3 วันก็บินไปกรุงโซลกันแล้ว ระวีพรกับหทัยทิพย์เตรียมเสื้อผ้าเทรนด์เกาหลีตัวจริงไปกันเลยแหละ ส่วนฉันไปแนวกางเกงยีนส์ เสื้อแขนยาว เสื้อกั๊กผ้าแนวเท่ห์ เสื้อกันหนาวบางๆสักตัว ก็น่าจะเอาอยู่ เพราะอากาศเกาหลีช่วงเดือนตุลาคม อุณหภูมิประมาณ 5-20 องศา ฮ่าๆๆ แนวใครแนวมันก็แล้วกันเนอะเพื่อนๆ สำหรับมณีชัยกับคงฤทธิ์ก็คงแนวเดียวกับฉันแน่นอน เพราะเห็นไปเที่ยวไหนด้วยกัน เขาก็จะแต่งสบายๆแต่เหมาะกับพวกเขามาก เพราะหน้าตาดี แต่งอย่างไรก็ดูดี เข้าข้างตัวเองกับเพื่อนๆ
เวลา 7.30 น. เครื่องลงที่สนามบินอินชอน ช่วงเช้าๆแบบนี้อากาศเย็นมากๆเลย ฉันต้องรีบเอาผ้าพันคอที่เตรียมไว้มาใช้ทันทีที่ลงจากเครื่อง ไกด์ไทยแนะนำทุกอย่างก่อนที่จะเดินทางท่องเที่ยวในกรุงโซล
ทัวร์พาเพลินที่พวกเราไปด้วย มีแต่นักท่องเที่ยวที่เป็นวัยเดียวกับพวกเรา น่าสนุกหละซิทริปนี้ วัยเดียวกัน จะได้เพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นก็คราวนี้แหละ สมาชิกทัวร์มีทั้งหมด 28 คน มองดูแล้ว มาเป็นคู่กันก็หลายคู่ กลุ่มเพื่อน กลุ่มครอบครัว หลากหลายรูปแบบ ดูทุกคนตื่นเต้นกันมากที่ได้มาเที่ยวเกาหลี รวมเพื่อนๆและฉันด้วย ครั้งแรกในชีวิตเลยที่ได้มาต่างประเทศ และเป็นประเทศในฝัน ตื่นเต้นจริงๆ
ไกด์ไทยแนะนำให้รู้จักไกด์ท้องถิ่น เธอเป็นคนไทยและอยู่เกาหลีมา 15 ปี ชื่อมาศอินทร์ เธอพูดเก่งแนะนำอะไรเกี่ยวกับเกาหลี พร้อมโปรแกรมที่จะเที่ยวกันในช่วงเวลาที่จัดนี้
“หนุ่มเกาหลีเป็นอย่างไรบ้างค่ะ” มีเด็กสาวน่าจะรุ่นๆ 15-16 ปีตะโกนถามพี่มาศอินทร์ เพราะเธอคงอยากรู้เกี่ยวกับหนุ่มเกาหลีในสายตาของพี่มาศอินทร์ที่อยู่เกาหลีมานาน
มีเสียงหัวเราะดังครื้น ทุกคนอดกลั้นไม่ได้ที่จะขำในสิ่งที่เด็กสาวคนนั้นถาม แต่จริงๆที่หัวเราะเนี่ยก็คงจะอยากรู้เหมือนกันแหละ คือใจตรงกันแต่ไม่กล้าถาม มีแอบคิดในใจกันซะส่วนมาก
“บอกตรงๆเลยนะค่ะ พี่มาศมาอยู่นี่ 15 ปียังไม่เคยเจอหนุ่มเกาหลีที่ถูกใจเลยค่ะ” พี่มาศอินทร์ตอบแบบตรงมาก แต่ฉันคิดเล่นๆว่า พี่มาศอินทร์อาจจะไม่มีโอกาสได้เจอหนุ่มเกาหลีที่ดีๆก็ได้ ฮ่าๆๆ คิดไปยิ้มไป
“น้องเสื้อแดง ยิ้มอะไรเหรอค่ะ” มาศอินทร์ หันมาเจอฉัน ฟังที่เธอพูดแล้วยิ้มอยู่คนเดียว พรสะกิดบอกฉันว่าพี่มาศอินทร์พี่เขาถามฉัน
“อ๋อค่ะพี่ ที่ยิ้มก็เพราะว่าน้องคิดไปเองว่า มาเที่ยวเกาหลีคราวนี้ อาจได้เจอหนุ่มเกาหลีที่ใจดี และเป็นคนดีค่ะ” ฉันตอบออกไปอย่างจริงใจ เพราะคิดไปอย่างนั้น
ทุกคนหัวเราะกันงอหงาย พร้อมเสียงปรบมืออย่างสนุกสนานในคำตอบของฉัน มีแต่มณีชัยเท่านั้นที่มองฉันแบบตำหนิที่ตอบไปแบบนั้น
“กรุณาปรับนาฬิกาของทุกคนนะค่ะ จะได้สะดวกในการนัดหมายค่ะ”
“รถโค้ชจะพาพวกเราไปข้ามทะเลตะวันตก เพื่อเดินทางไปท่าเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากไปยังเกาะนามิ สถานที่ที่แสนโรแมนติก ถ่ายทำซีรีย์เรื่องเพลงรักในสายลมหนาว จะนั่งเรือข้ามไป 5 นาทีนะค่ะ แต่ก่อนจะไปเราจะแวะรับผู้ช่วยไกด์เกาหลีก่อนนะค่ะ” พี่มาศอินทร์ พูดรายการท่องเที่ยว และแวะรับผู้ช่วยไกด์ข้างทางที่เขานัดแนะกัน
รถโค้ชจอดรับผู้ช่วยไกด์ พอเขาขึ้นรถโค้ชมา พี่มาศอินทร์ กล่าวแนะนำผู้ช่วยไกด์
“ ขอแนะนำนะค่ะบีโจและซอนมินค่ะ เขาจะอยู่คอยช่วยเหลือพวกคณะทัวร์ไปจนวันสุดท้ายของการท่องเที่ยวเลยนะค่ะ ตบมือต้อนรับพวกเขาด้วยนะค่ะ”
ทุกคนมองหนุ่มเกาหลีเป็นตาเดียว ทิพย์มองอ้าปากค้าง พรทำตาโต ฉันมองตามที่ทุกคนมองไป
“ โอ้แม่เจ้า..หล่อสุดๆ หล่อทั้งสองคน ขาวสูง หน้าใส ยิ้มหวาน” ในใจคิด มาแล้วเนี่ยตามที่คิดเอาไว้เลย ว่าจะได้เจอหนุ่มเกาหลีหล่อๆ ใจดี มีน้ำใจ มาเร็วกว่าที่คิดเอาไว้อีก
“ไหมหละ พี่มาศอินทร์บอกยังไม่เคยเจอหนุ่มเกาหลีที่ถูกใจ สองคนนี้น่ารักมากๆ” แอบคิดในใจ
“ แต่ไม่รู้หน้าตาดี นิสัยและการบริการจะดีหรือเปล่า ต้องรอดูไปก่อน รู้หน้าไม่รู้ใจ”
“ทั้งบีโจและซอนมิน พูดไทยไม่ได้นะค่ะ เขาเป็นนักศึกษามาฝึกงานเป็นไกด์ หางานพาร์ทไทม์ทำช่วงที่มหาวิทยาลัยปิดภาคเรียนค่ะ ถ้าอย่างไรพูดภาษาอังกฤษกับเขานะค่ะ หรือไม่ก็บอกพี่มาศได้ค่ะจะแปลให้ค่ะ”
“ถูกสเปคเลยบีโจของพร” พรแอบกระซิบข้างหูฉัน ฮ่าๆ ติ่งเกาหลีเริ่มแสดงอาการหละ
เกาะนามิเป็นเกาะรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวกลางทะเลสาบชองเพียง มีเนื้อที่ประมาณ 270 ไร่ พอขึ้นฝั่ง ความงามที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
“ว้าว..อุโมงค์ต้นแปะก๊วย เหลืองอร่ามตา สวยสุดๆ” เป็นไฮไลท์ที่งดงามอะไรเช่นนี้ ณ จุดนี้พวกเราก็ระดมถ่ายรูปกันเต็มที่เลย สารพัดท่า ยิ่งพรกับทิพย์แต่งแนวเกาหลี เธอก็จัดเต็มแบบเกาหลีเลย
ความตื่นเต้นกันกับต้นแปะก๊วย และธรรมชาติที่งดงามแปลกตา ทำเอาลืมคิดถึงไกด์บีโจกับซอนมินไปชั่วขณะ ถ่ายรูปเสร็จก็มานั่งพักเหนื่อย จับกล้องดู
“เวรละฉัน...ฝากล้องถ่ายรูปร่วงหายตรงไหนเนี่ย เพิ่งซื้อมาใหม่ด้วย แง แง ทำไงดีนะ”
ส่วนพรกับทิพย์ ก็ยังสนุกกับการถ่ายรูปอยู่ จะกวนเธอก็ใช่ที่ ชัยกับฤทธิ์ก็ช่วยถ่ายรูปให้สาวๆกลุ่มอื่น ลองไปหาดูเองดีกว่า
ฉันก็พยายามก้มควานหาตามทางที่มีกอหญ้าอยู่ ดูไปให้ทั่วๆ ดูแล้วดูอีก เดินไปตรงไหนก็ตามดูทุกที่
“มองเห็นเหมือนจะใช่ฝากล้องอยู่ข้างหน้า “ แต่มีช่องระบายน้ำขวางอยู่ ฉันพยายามก้าวข้ามไป แต่ลื่นเข่ากระแทกกับก้อนหิน แรงพอประมาณที่จะร้องออกมาได้
“โอ้ย...เจ็บ” ฉันพยายามที่จะลุกขึ้นมาเอง แต่มีมือของใครคนหนึ่งช่วยพยุงฉันไว้ไม่ให้ล้มลงไปอีก แต่พูดภาษาอะไรออกมาก็ไม่รู้ฟังไม่รู้เรื่อง
ฉันมองคนที่มาช่วยพยุงฉัน หน้าเขาใกล้กับฉันมาก เพราะด้วยความเร็วที่ต้องช่วยให้ทัน ฉันเจ็บเข่าจนตาลาย เขาพูดเป็นภาษาอังกฤษขึ้นมาว่า
“ คุณเป็นอย่างไรบ้างครับ” ฉันเริ่มเห็นหน้าเขาชัดหละ เพราะเริ่มหายมึนหัว
“ อุ๊ย..บีโจ” ฉันเรียกชื่อของเขาออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขายิ้มและพูดว่า
“ครับ ผมบีโจ คุณเป็นอย่างไรบ้าง เข่าของคุณ ผมเห็นคุณตั้งแต่คุณพยายามจะกระโดดข้ามท่อระบายไป ผมกำลังจะเรียกคุณ แต่คุณโดดไปแล้ว คุณไปทำอะไรที่ตรงนั้นหละครับ”
“ ขอบคุณมากนะค่ะคุณบีโจที่ช่วยฉัน ฉันทำฝาครอบเลนส์กล้องหล่นหายค่ะ” เริ่มขอความช่วยเหลือ
“ อ๋อ..อันนี้ใช่ไหมครับ ผมเห็นมันหล่นอยู่กลางถนน ผมจึงเก็บมาว่าจะถามเป็นของใครครับ” บีโจเอาฝาครอบเลนส์กล้องส่งให้ฉันดู ใช่ของฉันจริงๆด้วย ดีใจจังคิดว่าหายซะแล้ว ฉันยิ้มออกมาดีใจสุด ให้กับบีโจ
หลังจากที่ขอบคุณกันเรียบร้อย บีโจเขาบอกว่าถ้าฉันมีปัญหาเรื่องเข่ามากต้องกินยา และเขาก็เอายาแก้ปวดเข่ามาให้กิน เขาดูแลลูกทัวร์ดีมาก
พรกระซิบบอกว่า “ เราอิจฉาตะเองเลยนะที่บีโจ ดูแลตะเองดีมาก มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับหนุ่มเกาหลีหล่อๆ เรายังไม่มีโอกาสใกล้ชิดเขาสักที ต้องสร้างโอกาสมั้งละ”
ดูท่าพรกับทิพย์พยายามมากที่จะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับบีโจและซอนมิน ฮ่าๆๆ พวกเธอจริงจังกันน่าดูนะ กะมาเกาหลีคราวนี้จะได้หนุ่มเกาหลีติดไม้ติดมือกันไปละซิ ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจให้บีโจมาดูแลหรอก แต่พี่มาศอินทร์คงบอกให้เขาช่วยเหลือฉัน น่าจะเป็นอย่างนั้น
หลังจากอาหารมื้อกลางวันเรียบร้อย
“ รายการต่อไปเราจะไปเที่ยวเขานัมซานกันนะค่ะเป็นภูเขาเพียงลูกเดียวที่อยู่ใจกลางเมืองหลวง กรุงโซล และจะขึ้นไปคล้องกุญแจคู่รัก นำท่านขึ้นลิฟท์ N Tower ชมทัศนียภาพโดยรอบหอคอย ชมพิพิธภัณฑ์หมีเท็ดดี้ เตรียมตัวสนุกกันได้เลยนะค่ะ”
พี่มาศอินทร์กระตุ้นให้เร้าใจเรื่องคล้องกุญแจคู่รัก ซึ่งบางคู่รักเตรียมกุญแจมาจากไทย เพื่อมาคล้องกันที่นี่เลยหวานกันซะ น่าอิจฉาเลยนิ
ฉันก็ยังเจ็บเข่าอยู่แต่ก็ฝืนยิ้มตลอด เพราะไม่อยากให้พรกับทิพย์หมดสนุกไปด้วย เจ็บก็ทนเอา กินยาที่บีโจให้ไว้ตามเวลา ก็บรรเทาลงไปบ้าง
ตอนจะขึ้นลิฟท์ไปที่หอคอย บังเอิญบีโจเดินมา พรกับทิพย์ เร่งหาโอกาส เรียกเขาขึ้นมาพร้อมกัน บีโจยิ้มหวาน และขึ้นมาด้วย
“ สัญลักษณ์แบบนี้คืออะไร ที่นี่ใช้เหมือนกันหรือเปล่าจ้า บีโจ”
พรเริ่มทันทีทำสัญลักษณ์มือที่คนทั่วโลกจะรู้จักหมด คือสัญลักษณ์ฉันรักคุณ
ฉันหัวเราะออกมาเพราะเห็นพรตั้งใจมากที่จะสานสัมพันธ์กับบีโจ ทิพย์ก็ชวนเขาคุย ถามโน้นนี่
บีโจก็พยายามอธิบายให้ฟัง แต่บีโจพูดไปก็หันมามองฉันไป ฉันก็ยิ้มให้ตลอดเพราะยิ้มเป็นไมตรีจิตที่งดงามอยู่แล้ว