ใบไม้เปลี่ยนสีที่กรุงโซล ตอน 1

กระทู้สนทนา
ฉันนั่งเล่นอยู่ใต้อาคารของคณะ  ลมโชยพัดมา  ลมหนาวใกล้มาหละ  เช้านี้รู้สึกสดชื่นมาก  บรรยากาศแบบนี้รู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษ  ถึงแม้จะเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานพาร์ทไทม์ ก็ตามเพราะฉันชอบหน้าหนาวมาก  ความเย็นของอากาศทำให้หายเหนื่อย

             “คุณฤาวาด..มีโปรแกรมทัวร์เกาหลี  กรุงโซลสนใจหรือเปล่า”  ระวีพรเพื่อนสนิทชวนไปเที่ยวเกาหลี

              ฉันหันมาตามเสียงของระวีพรทันที  เพราะที่ยอมเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานพาร์ทไทม์  ก็เพราะต้องการหาเงินเก็บเอาไปเที่ยวประเทศในฝันนี่แหละ

             “สนใจซิพร  ตะเองไปเปล่าหละ  ชวนทิพย์ไปด้วย”

            ฉันตื่นเต้นมากกับโปรแกรมทัวร์เกาหลี  กรุงโซล  เพราะฉันชอบดูซีรี่ย์เกาหลีมากๆ  เป็นประเทศแรกที่อยากไปเที่ยวมาก  ไปตามรอยในซีรีย์  นั่นคือความฝันของฉันเลย  เป็นติ่งเกาหลีกับเขาเหมือนกัน

           “ ชวนชัยกับฤทธิ์ไปด้วยไหมวาด  เห็นชัยแอบๆมองตะเองบ่อยๆ ฮ่าๆๆ” หทัยทิพย์แซวฉันกับมณีชัย  เพื่อนร่วมคณะ  ที่ชอบคอยดูแลฉันตลอด  ไม่ว่าจะเรื่องอะไร  แต่ฉันมองเขาเป็นเพื่อนที่ดีเท่านั้น  ไม่มีอะไรในกอไผ่หรอกนะ  เดี๋ยวจะเข้าใจอะไรผิดไป  ไม่อนุญาตให้จับจอง ฮ่าๆๆ

           ทริปนี้  5 วัน 3 คืน  ราคา 12,999 บาท ขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ  สายการบิน Business Air(BB) ใช้ระยะเวลาบิน 5 ชั่วโมง 20 นาที  ลงสนามบินอินชอน  เวลาในประเทศเกาหลีจะเร็วกว่าประเทศไทย  2 ชั่วโมง

           “เตรียมอะไรไปกันมั้งเพื่อนๆ” มณีชัยเพื่อนที่ดีตลอดกาล  ถามพวกเราอย่างกระตือรือร้น  แววตามณีชัยฉายแววสดใสร่าเริง  ใจคงคิดอยากไปตามรอยซีรีย์เกาหลีเหมือนกัน  ส่วนคงฤทธิ์  ทำท่าทางว่าเขาศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเกาหลีมาซึ่งรู้หมด  เหลือแค่ไปใช้ชีวิตที่นั่นจริงช่วงไปทัวร์นี่แหละ

          ทุกคนตื่นเต้นกันมาก  เหลือเวลาอีก 3 วันก็บินไปกรุงโซลกันแล้ว  ระวีพรกับหทัยทิพย์เตรียมเสื้อผ้าเทรนด์เกาหลีตัวจริงไปกันเลยแหละ  ส่วนฉันไปแนวกางเกงยีนส์  เสื้อแขนยาว  เสื้อกั๊กผ้าแนวเท่ห์  เสื้อกันหนาวบางๆสักตัว  ก็น่าจะเอาอยู่  เพราะอากาศเกาหลีช่วงเดือนตุลาคม อุณหภูมิประมาณ 5-20 องศา  ฮ่าๆๆ  แนวใครแนวมันก็แล้วกันเนอะเพื่อนๆ  สำหรับมณีชัยกับคงฤทธิ์ก็คงแนวเดียวกับฉันแน่นอน  เพราะเห็นไปเที่ยวไหนด้วยกัน  เขาก็จะแต่งสบายๆแต่เหมาะกับพวกเขามาก  เพราะหน้าตาดี  แต่งอย่างไรก็ดูดี  เข้าข้างตัวเองกับเพื่อนๆ

           เวลา 7.30 น.  เครื่องลงที่สนามบินอินชอน  ช่วงเช้าๆแบบนี้อากาศเย็นมากๆเลย  ฉันต้องรีบเอาผ้าพันคอที่เตรียมไว้มาใช้ทันทีที่ลงจากเครื่อง  ไกด์ไทยแนะนำทุกอย่างก่อนที่จะเดินทางท่องเที่ยวในกรุงโซล  

           ทัวร์พาเพลินที่พวกเราไปด้วย  มีแต่นักท่องเที่ยวที่เป็นวัยเดียวกับพวกเรา  น่าสนุกหละซิทริปนี้  วัยเดียวกัน  จะได้เพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นก็คราวนี้แหละ  สมาชิกทัวร์มีทั้งหมด 28 คน  มองดูแล้ว  มาเป็นคู่กันก็หลายคู่  กลุ่มเพื่อน  กลุ่มครอบครัว  หลากหลายรูปแบบ  ดูทุกคนตื่นเต้นกันมากที่ได้มาเที่ยวเกาหลี  รวมเพื่อนๆและฉันด้วย  ครั้งแรกในชีวิตเลยที่ได้มาต่างประเทศ  และเป็นประเทศในฝัน  ตื่นเต้นจริงๆ

          ไกด์ไทยแนะนำให้รู้จักไกด์ท้องถิ่น  เธอเป็นคนไทยและอยู่เกาหลีมา 15 ปี  ชื่อมาศอินทร์  เธอพูดเก่งแนะนำอะไรเกี่ยวกับเกาหลี  พร้อมโปรแกรมที่จะเที่ยวกันในช่วงเวลาที่จัดนี้

         “หนุ่มเกาหลีเป็นอย่างไรบ้างค่ะ”  มีเด็กสาวน่าจะรุ่นๆ 15-16 ปีตะโกนถามพี่มาศอินทร์  เพราะเธอคงอยากรู้เกี่ยวกับหนุ่มเกาหลีในสายตาของพี่มาศอินทร์ที่อยู่เกาหลีมานาน

         มีเสียงหัวเราะดังครื้น  ทุกคนอดกลั้นไม่ได้ที่จะขำในสิ่งที่เด็กสาวคนนั้นถาม  แต่จริงๆที่หัวเราะเนี่ยก็คงจะอยากรู้เหมือนกันแหละ  คือใจตรงกันแต่ไม่กล้าถาม  มีแอบคิดในใจกันซะส่วนมาก

        “บอกตรงๆเลยนะค่ะ  พี่มาศมาอยู่นี่ 15 ปียังไม่เคยเจอหนุ่มเกาหลีที่ถูกใจเลยค่ะ”  พี่มาศอินทร์ตอบแบบตรงมาก  แต่ฉันคิดเล่นๆว่า  พี่มาศอินทร์อาจจะไม่มีโอกาสได้เจอหนุ่มเกาหลีที่ดีๆก็ได้  ฮ่าๆๆ  คิดไปยิ้มไป  

        “น้องเสื้อแดง  ยิ้มอะไรเหรอค่ะ”  มาศอินทร์  หันมาเจอฉัน  ฟังที่เธอพูดแล้วยิ้มอยู่คนเดียว  พรสะกิดบอกฉันว่าพี่มาศอินทร์พี่เขาถามฉัน

        “อ๋อค่ะพี่  ที่ยิ้มก็เพราะว่าน้องคิดไปเองว่า  มาเที่ยวเกาหลีคราวนี้  อาจได้เจอหนุ่มเกาหลีที่ใจดี  และเป็นคนดีค่ะ”  ฉันตอบออกไปอย่างจริงใจ  เพราะคิดไปอย่างนั้น

        ทุกคนหัวเราะกันงอหงาย  พร้อมเสียงปรบมืออย่างสนุกสนานในคำตอบของฉัน  มีแต่มณีชัยเท่านั้นที่มองฉันแบบตำหนิที่ตอบไปแบบนั้น

       “กรุณาปรับนาฬิกาของทุกคนนะค่ะ  จะได้สะดวกในการนัดหมายค่ะ”

       “รถโค้ชจะพาพวกเราไปข้ามทะเลตะวันตก  เพื่อเดินทางไปท่าเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากไปยังเกาะนามิ สถานที่ที่แสนโรแมนติก  ถ่ายทำซีรีย์เรื่องเพลงรักในสายลมหนาว  จะนั่งเรือข้ามไป 5 นาทีนะค่ะ  แต่ก่อนจะไปเราจะแวะรับผู้ช่วยไกด์เกาหลีก่อนนะค่ะ” พี่มาศอินทร์  พูดรายการท่องเที่ยว  และแวะรับผู้ช่วยไกด์ข้างทางที่เขานัดแนะกัน

           รถโค้ชจอดรับผู้ช่วยไกด์  พอเขาขึ้นรถโค้ชมา  พี่มาศอินทร์  กล่าวแนะนำผู้ช่วยไกด์

         “ ขอแนะนำนะค่ะบีโจและซอนมินค่ะ  เขาจะอยู่คอยช่วยเหลือพวกคณะทัวร์ไปจนวันสุดท้ายของการท่องเที่ยวเลยนะค่ะ  ตบมือต้อนรับพวกเขาด้วยนะค่ะ”

         ทุกคนมองหนุ่มเกาหลีเป็นตาเดียว  ทิพย์มองอ้าปากค้าง พรทำตาโต  ฉันมองตามที่ทุกคนมองไป  

         “ โอ้แม่เจ้า..หล่อสุดๆ  หล่อทั้งสองคน  ขาวสูง  หน้าใส  ยิ้มหวาน”  ในใจคิด  มาแล้วเนี่ยตามที่คิดเอาไว้เลย  ว่าจะได้เจอหนุ่มเกาหลีหล่อๆ  ใจดี  มีน้ำใจ  มาเร็วกว่าที่คิดเอาไว้อีก

         “ไหมหละ  พี่มาศอินทร์บอกยังไม่เคยเจอหนุ่มเกาหลีที่ถูกใจ  สองคนนี้น่ารักมากๆ”  แอบคิดในใจ

        “ แต่ไม่รู้หน้าตาดี  นิสัยและการบริการจะดีหรือเปล่า  ต้องรอดูไปก่อน  รู้หน้าไม่รู้ใจ”

         “ทั้งบีโจและซอนมิน  พูดไทยไม่ได้นะค่ะ  เขาเป็นนักศึกษามาฝึกงานเป็นไกด์  หางานพาร์ทไทม์ทำช่วงที่มหาวิทยาลัยปิดภาคเรียนค่ะ  ถ้าอย่างไรพูดภาษาอังกฤษกับเขานะค่ะ หรือไม่ก็บอกพี่มาศได้ค่ะจะแปลให้ค่ะ”

        “ถูกสเปคเลยบีโจของพร”  พรแอบกระซิบข้างหูฉัน  ฮ่าๆ  ติ่งเกาหลีเริ่มแสดงอาการหละ    
          
         เกาะนามิเป็นเกาะรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวกลางทะเลสาบชองเพียง มีเนื้อที่ประมาณ 270 ไร่  พอขึ้นฝั่ง  ความงามที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า 

          “ว้าว..อุโมงค์ต้นแปะก๊วย  เหลืองอร่ามตา  สวยสุดๆ”  เป็นไฮไลท์ที่งดงามอะไรเช่นนี้  ณ จุดนี้พวกเราก็ระดมถ่ายรูปกันเต็มที่เลย  สารพัดท่า  ยิ่งพรกับทิพย์แต่งแนวเกาหลี  เธอก็จัดเต็มแบบเกาหลีเลย  

          ความตื่นเต้นกันกับต้นแปะก๊วย  และธรรมชาติที่งดงามแปลกตา  ทำเอาลืมคิดถึงไกด์บีโจกับซอนมินไปชั่วขณะ  ถ่ายรูปเสร็จก็มานั่งพักเหนื่อย  จับกล้องดู  

         “เวรละฉัน...ฝากล้องถ่ายรูปร่วงหายตรงไหนเนี่ย  เพิ่งซื้อมาใหม่ด้วย  แง  แง ทำไงดีนะ”

          ส่วนพรกับทิพย์  ก็ยังสนุกกับการถ่ายรูปอยู่  จะกวนเธอก็ใช่ที่  ชัยกับฤทธิ์ก็ช่วยถ่ายรูปให้สาวๆกลุ่มอื่น  ลองไปหาดูเองดีกว่า

         ฉันก็พยายามก้มควานหาตามทางที่มีกอหญ้าอยู่  ดูไปให้ทั่วๆ  ดูแล้วดูอีก  เดินไปตรงไหนก็ตามดูทุกที่

        “มองเห็นเหมือนจะใช่ฝากล้องอยู่ข้างหน้า “  แต่มีช่องระบายน้ำขวางอยู่  ฉันพยายามก้าวข้ามไป  แต่ลื่นเข่ากระแทกกับก้อนหิน  แรงพอประมาณที่จะร้องออกมาได้

        “โอ้ย...เจ็บ”   ฉันพยายามที่จะลุกขึ้นมาเอง  แต่มีมือของใครคนหนึ่งช่วยพยุงฉันไว้ไม่ให้ล้มลงไปอีก  แต่พูดภาษาอะไรออกมาก็ไม่รู้ฟังไม่รู้เรื่อง

        ฉันมองคนที่มาช่วยพยุงฉัน  หน้าเขาใกล้กับฉันมาก  เพราะด้วยความเร็วที่ต้องช่วยให้ทัน  ฉันเจ็บเข่าจนตาลาย  เขาพูดเป็นภาษาอังกฤษขึ้นมาว่า

       “ คุณเป็นอย่างไรบ้างครับ”  ฉันเริ่มเห็นหน้าเขาชัดหละ  เพราะเริ่มหายมึนหัว

        “ อุ๊ย..บีโจ”  ฉันเรียกชื่อของเขาออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ  เขายิ้มและพูดว่า

         “ครับ  ผมบีโจ  คุณเป็นอย่างไรบ้าง  เข่าของคุณ  ผมเห็นคุณตั้งแต่คุณพยายามจะกระโดดข้ามท่อระบายไป  ผมกำลังจะเรียกคุณ  แต่คุณโดดไปแล้ว  คุณไปทำอะไรที่ตรงนั้นหละครับ”

       “ ขอบคุณมากนะค่ะคุณบีโจที่ช่วยฉัน  ฉันทำฝาครอบเลนส์กล้องหล่นหายค่ะ” เริ่มขอความช่วยเหลือ

       “ อ๋อ..อันนี้ใช่ไหมครับ  ผมเห็นมันหล่นอยู่กลางถนน  ผมจึงเก็บมาว่าจะถามเป็นของใครครับ”  บีโจเอาฝาครอบเลนส์กล้องส่งให้ฉันดู  ใช่ของฉันจริงๆด้วย  ดีใจจังคิดว่าหายซะแล้ว  ฉันยิ้มออกมาดีใจสุด  ให้กับบีโจ

        หลังจากที่ขอบคุณกันเรียบร้อย  บีโจเขาบอกว่าถ้าฉันมีปัญหาเรื่องเข่ามากต้องกินยา  และเขาก็เอายาแก้ปวดเข่ามาให้กิน  เขาดูแลลูกทัวร์ดีมาก  

        พรกระซิบบอกว่า  “ เราอิจฉาตะเองเลยนะที่บีโจ  ดูแลตะเองดีมาก  มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับหนุ่มเกาหลีหล่อๆ  เรายังไม่มีโอกาสใกล้ชิดเขาสักที  ต้องสร้างโอกาสมั้งละ”

        ดูท่าพรกับทิพย์พยายามมากที่จะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับบีโจและซอนมิน  ฮ่าๆๆ  พวกเธอจริงจังกันน่าดูนะ  กะมาเกาหลีคราวนี้จะได้หนุ่มเกาหลีติดไม้ติดมือกันไปละซิ  ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจให้บีโจมาดูแลหรอก  แต่พี่มาศอินทร์คงบอกให้เขาช่วยเหลือฉัน  น่าจะเป็นอย่างนั้น

         หลังจากอาหารมื้อกลางวันเรียบร้อย  

         “ รายการต่อไปเราจะไปเที่ยวเขานัมซานกันนะค่ะเป็นภูเขาเพียงลูกเดียวที่อยู่ใจกลางเมืองหลวง  กรุงโซล  และจะขึ้นไปคล้องกุญแจคู่รัก  นำท่านขึ้นลิฟท์ N Tower ชมทัศนียภาพโดยรอบหอคอย  ชมพิพิธภัณฑ์หมีเท็ดดี้ เตรียมตัวสนุกกันได้เลยนะค่ะ”

       พี่มาศอินทร์กระตุ้นให้เร้าใจเรื่องคล้องกุญแจคู่รัก  ซึ่งบางคู่รักเตรียมกุญแจมาจากไทย  เพื่อมาคล้องกันที่นี่เลยหวานกันซะ  น่าอิจฉาเลยนิ

       ฉันก็ยังเจ็บเข่าอยู่แต่ก็ฝืนยิ้มตลอด  เพราะไม่อยากให้พรกับทิพย์หมดสนุกไปด้วย  เจ็บก็ทนเอา  กินยาที่บีโจให้ไว้ตามเวลา  ก็บรรเทาลงไปบ้าง

       ตอนจะขึ้นลิฟท์ไปที่หอคอย  บังเอิญบีโจเดินมา  พรกับทิพย์  เร่งหาโอกาส  เรียกเขาขึ้นมาพร้อมกัน  บีโจยิ้มหวาน  และขึ้นมาด้วย

       “ สัญลักษณ์แบบนี้คืออะไร  ที่นี่ใช้เหมือนกันหรือเปล่าจ้า บีโจ” 

       พรเริ่มทันทีทำสัญลักษณ์มือที่คนทั่วโลกจะรู้จักหมด  คือสัญลักษณ์ฉันรักคุณ  

     ฉันหัวเราะออกมาเพราะเห็นพรตั้งใจมากที่จะสานสัมพันธ์กับบีโจ  ทิพย์ก็ชวนเขาคุย  ถามโน้นนี่ 

      บีโจก็พยายามอธิบายให้ฟัง  แต่บีโจพูดไปก็หันมามองฉันไป  ฉันก็ยิ้มให้ตลอดเพราะยิ้มเป็นไมตรีจิตที่งดงามอยู่แล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่