คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
คนแก่ เค้าจะมีความสุขมากๆเลยนะคะที่ได้ดูแลหลาน
ดูจากพ่อแม่เรา จากตอนแรกบอกไม่เอาไม่เลี้ยง ตอนนี้หลงหลานแทบตาย
โดยเฉพาะพ่อเรา รักหลานมาก น่าจะมากกว่าที่เคยรักลูกหลายเท่า ชีวิตเค้าตอนนี้คืออยู่เพื่อได้เห็นหลานโต เท่านั้นเลย
ที่พูดแบบนี้ไม่ได้น้อยใจนะคะ เพราะตอนเด็กก็ไม่เคยรู้สึกขาดความรัก แค่อยากให้เห็นภาพว่าเค้ารักหลานมากจริงๆ
พออ่านจากที่จขกท.เล่าวีรกรรมของคุณแม่แล้ว เห็นด้วยอย่างยิ่งว่าพฤติกรรมแบบนี้ไม่ควรให้เลี้ยงลูกเด็ดขาด
แต่คหสต.ก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการลาออกมาเลี้ยงลูกเองเหมือนกันนะคะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าตอนนี้มีหน้าที่การงานดีและมีโอกาสเจริญก้าวหน้าสูง
ขออนุญาตแนะนำให้จ้างพี่เลี้ยง แล้วจขกท.ทำงานต่อ อาจจะลาคลอดสัก 3-6 เดือนก็พอค่ะ
แต่ก็ไม่ควรทำงานหนักมาก ควรมีเวลาอยู่กับลูก เช่น เดิมเคยกลับถึงบ้าน 19-20 น. ก็ลองปรับลดให้กลับถึงบ้านสัก 17-18 น. ก็จะมีเวลาอยู่กับลูกมากขึ้น
ส่วนคุณแม่ ก็ให้มาอยู่เป็นเพื่อนพี่เลี้ยง คอยดูแลความปลอดภัยค่ะ
แต่เราต้องสั่งพี่เลี้ยงไว้ว่าให้ทำตามที่เราสั่งเท่านั้น เช่น ห้ามเดินป้อนข้าว อะไรแบบนี้
แม่ ให้มาอยู่เป็นเพื่อนเฉยๆ อยากเล่นกับหลานก็เล่นไป แต่เรื่องหลักๆต้องไม่ปล่อย ต้องเคลียร์กับพี่เลี้ยงให้ดีว่าต้องฟังคำสั่งเราเท่านั้น ถ้าไม่มั่นใจติดกล้องไว้ดูก็ดีค่ะ
คือเราก็ตามเพจคุณหมอประเสริฐอยู่เหมือนกัน คำแนะนำและแนวคิดหลายอย่างของคุณหมอ มีประโยชน์มากจริงๆค่ะ
แต่เรื่องที่ต้องเลี้ยงลูกเอง 3 ปี ส่วนตัวไม่เห็นด้วยค่ะ
ลูกเราน่ะค่ะ ยังไงก็เป็นลูกเรา อยู่ด้วยกันทุกวัน เด็กเค้ารู้ค่ะว่าคนไหนเป็นแม่
ส่วนตัวลาคลอดแค่ 3 เดือน ทุกครั้งที่ท้อง หลังจากนั้นให้พี่เลี้ยงดูแลตลอดค่ะ
พูดให้เห็นภาพคือ เราแทบไม่ได้ป้อนข้าวหรือเปลี่ยนผ้าอ้อมลูกด้วยซ้ำ คือพออึก็ส่งให้พี่เลี้ยงไปล้างก้น เวลากินข้าวก็พี่เลี้ยงป้อน แต่นั่งกินพร้อมกันนะคะ
ส่วน อุ้ม กอด บอกรัก นี่ทำตลอดค่ะ โดยเฉพาะตอนนอนคือลูกต้องนอนกับเราเท่านั้น คนอื่นลูกไม่เอาเลยค่ะ
เคยมีวันนึงเรามีงานด่วนต้องกลับบ้านดึก กลับถึงบ้าน 5 ทุ่ม ลูกยืนเกาะคอกกั้นหลับค่ะ ไม่ยอมนอน สงสารมาก
เรื่องสอนลูกเราค่อนข้างเข้มงวดและไม่ปล่อยค่ะ ถ้าเรื่องไหนไม่ได้คือไม่ได้ ถ้าทำโทษก็ต้องทำค่ะ
ทำโทษเช่นงดดูการ์ตูนนะคะ ไม่เคยใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการตีหรือแม้แต่ดุเสียงดังก็แทบไม่เคยค่ะ
แค่เสียงเข้มลูกก็รู้แล้วว่าแม่โกรธ และลูกก็รู้ค่ะว่าแม่ไม่ตามใจ kind but firm ค่ะ
ทุกวันนี้ลูกก็รักและเชื่อฟังเราดีนะคะ แม่เรายังชมว่าลูกเราเชื่อฟังพ่อแม่ดีมากๆ ทั้งต่อหน้าและลับหลังค่ะ
เคยเห็นทั้งแม่เพื่อน ทั้งเพื่อน รุ่นพี่ เรียบจบสูง หน้าที่การงานดี
ลาออกจากงานไปเลี้ยงลูก พอลูกโตก็กลับไปอยู่จุดเดิมไม่ได้อีก
กลายเป็นว่าเจอกันทีไรก็คอยจะอวดลูก คือลูกเค้าก็เก่งจริงๆนะคะ แต่ก็อวดมากไปจนไม่อยากคุยด้วย
ส่วนแม่เพื่อน เป็นคุณแม่ full-time คอยไปรับส่งและตามติดชีวิตลูก เพื่อนก็อึดอัดค่ะ
เราเป็นแม่ของลูกก็จริง แต่เราก็ต้องมีชีวิตส่วนตัวของตัวเองด้วย
ออกจากงานมาตั้ง 3 ปี ไม่รู้ว่าจะกลับเข้าไปอยู่ที่เดิมได้หรือเปล่า หรือถ้ากลับไปได้จะดีเหมือนเดิมมั้ย
ถ้าสุดท้ายแล้วหน้าที่การงานเราไม่ดี ก็จะกลายเป็นฝากชีวิตและความหวังทั้งหมดไว้กับลูก ซึ่งเราไม่อยากใช้ชีวิตแบบนั้นค่ะ
เคยอ่านเจอคุณหมอเด็กบอกมีวิจัยด้วยนะคะว่า แม่ที่เลี้ยงเองกับแม่ที่ทำงานนอกบ้าน มีพัฒนาการของลูกไม่ต่างกัน
แต่ก็ไม่เคยเห็น paper นะคะ ลอง search ดูก็หาไม่เจอ ไม่รู้จะใช้ keyword ว่าอะไร
ดูจากพ่อแม่เรา จากตอนแรกบอกไม่เอาไม่เลี้ยง ตอนนี้หลงหลานแทบตาย
โดยเฉพาะพ่อเรา รักหลานมาก น่าจะมากกว่าที่เคยรักลูกหลายเท่า ชีวิตเค้าตอนนี้คืออยู่เพื่อได้เห็นหลานโต เท่านั้นเลย
ที่พูดแบบนี้ไม่ได้น้อยใจนะคะ เพราะตอนเด็กก็ไม่เคยรู้สึกขาดความรัก แค่อยากให้เห็นภาพว่าเค้ารักหลานมากจริงๆ
พออ่านจากที่จขกท.เล่าวีรกรรมของคุณแม่แล้ว เห็นด้วยอย่างยิ่งว่าพฤติกรรมแบบนี้ไม่ควรให้เลี้ยงลูกเด็ดขาด
แต่คหสต.ก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการลาออกมาเลี้ยงลูกเองเหมือนกันนะคะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าตอนนี้มีหน้าที่การงานดีและมีโอกาสเจริญก้าวหน้าสูง
ขออนุญาตแนะนำให้จ้างพี่เลี้ยง แล้วจขกท.ทำงานต่อ อาจจะลาคลอดสัก 3-6 เดือนก็พอค่ะ
แต่ก็ไม่ควรทำงานหนักมาก ควรมีเวลาอยู่กับลูก เช่น เดิมเคยกลับถึงบ้าน 19-20 น. ก็ลองปรับลดให้กลับถึงบ้านสัก 17-18 น. ก็จะมีเวลาอยู่กับลูกมากขึ้น
ส่วนคุณแม่ ก็ให้มาอยู่เป็นเพื่อนพี่เลี้ยง คอยดูแลความปลอดภัยค่ะ
แต่เราต้องสั่งพี่เลี้ยงไว้ว่าให้ทำตามที่เราสั่งเท่านั้น เช่น ห้ามเดินป้อนข้าว อะไรแบบนี้
แม่ ให้มาอยู่เป็นเพื่อนเฉยๆ อยากเล่นกับหลานก็เล่นไป แต่เรื่องหลักๆต้องไม่ปล่อย ต้องเคลียร์กับพี่เลี้ยงให้ดีว่าต้องฟังคำสั่งเราเท่านั้น ถ้าไม่มั่นใจติดกล้องไว้ดูก็ดีค่ะ
คือเราก็ตามเพจคุณหมอประเสริฐอยู่เหมือนกัน คำแนะนำและแนวคิดหลายอย่างของคุณหมอ มีประโยชน์มากจริงๆค่ะ
แต่เรื่องที่ต้องเลี้ยงลูกเอง 3 ปี ส่วนตัวไม่เห็นด้วยค่ะ
ลูกเราน่ะค่ะ ยังไงก็เป็นลูกเรา อยู่ด้วยกันทุกวัน เด็กเค้ารู้ค่ะว่าคนไหนเป็นแม่
ส่วนตัวลาคลอดแค่ 3 เดือน ทุกครั้งที่ท้อง หลังจากนั้นให้พี่เลี้ยงดูแลตลอดค่ะ
พูดให้เห็นภาพคือ เราแทบไม่ได้ป้อนข้าวหรือเปลี่ยนผ้าอ้อมลูกด้วยซ้ำ คือพออึก็ส่งให้พี่เลี้ยงไปล้างก้น เวลากินข้าวก็พี่เลี้ยงป้อน แต่นั่งกินพร้อมกันนะคะ
ส่วน อุ้ม กอด บอกรัก นี่ทำตลอดค่ะ โดยเฉพาะตอนนอนคือลูกต้องนอนกับเราเท่านั้น คนอื่นลูกไม่เอาเลยค่ะ
เคยมีวันนึงเรามีงานด่วนต้องกลับบ้านดึก กลับถึงบ้าน 5 ทุ่ม ลูกยืนเกาะคอกกั้นหลับค่ะ ไม่ยอมนอน สงสารมาก
เรื่องสอนลูกเราค่อนข้างเข้มงวดและไม่ปล่อยค่ะ ถ้าเรื่องไหนไม่ได้คือไม่ได้ ถ้าทำโทษก็ต้องทำค่ะ
ทำโทษเช่นงดดูการ์ตูนนะคะ ไม่เคยใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการตีหรือแม้แต่ดุเสียงดังก็แทบไม่เคยค่ะ
แค่เสียงเข้มลูกก็รู้แล้วว่าแม่โกรธ และลูกก็รู้ค่ะว่าแม่ไม่ตามใจ kind but firm ค่ะ
ทุกวันนี้ลูกก็รักและเชื่อฟังเราดีนะคะ แม่เรายังชมว่าลูกเราเชื่อฟังพ่อแม่ดีมากๆ ทั้งต่อหน้าและลับหลังค่ะ
เคยเห็นทั้งแม่เพื่อน ทั้งเพื่อน รุ่นพี่ เรียบจบสูง หน้าที่การงานดี
ลาออกจากงานไปเลี้ยงลูก พอลูกโตก็กลับไปอยู่จุดเดิมไม่ได้อีก
กลายเป็นว่าเจอกันทีไรก็คอยจะอวดลูก คือลูกเค้าก็เก่งจริงๆนะคะ แต่ก็อวดมากไปจนไม่อยากคุยด้วย
ส่วนแม่เพื่อน เป็นคุณแม่ full-time คอยไปรับส่งและตามติดชีวิตลูก เพื่อนก็อึดอัดค่ะ
เราเป็นแม่ของลูกก็จริง แต่เราก็ต้องมีชีวิตส่วนตัวของตัวเองด้วย
ออกจากงานมาตั้ง 3 ปี ไม่รู้ว่าจะกลับเข้าไปอยู่ที่เดิมได้หรือเปล่า หรือถ้ากลับไปได้จะดีเหมือนเดิมมั้ย
ถ้าสุดท้ายแล้วหน้าที่การงานเราไม่ดี ก็จะกลายเป็นฝากชีวิตและความหวังทั้งหมดไว้กับลูก ซึ่งเราไม่อยากใช้ชีวิตแบบนั้นค่ะ
เคยอ่านเจอคุณหมอเด็กบอกมีวิจัยด้วยนะคะว่า แม่ที่เลี้ยงเองกับแม่ที่ทำงานนอกบ้าน มีพัฒนาการของลูกไม่ต่างกัน
แต่ก็ไม่เคยเห็น paper นะคะ ลอง search ดูก็หาไม่เจอ ไม่รู้จะใช้ keyword ว่าอะไร
แสดงความคิดเห็น
ทำไงดีแม่จะมาแย่งเลี้ยงลูก?
ตอนนี้พร้อมแล้ว ตั้งใจกับสามีไว้ว่าจะเลี้ยงเองค่ะ เราอยากเลี้ยงนมแม่อย่างน้อย 1ปี, สอนลูกนั่งกินข้าวเอง (BLW), เป็นเด็ก 2 ภาษาไปเลย คือเราจะพูดภาษาอังกฤษกับลูกตั้งแต่เกิด ให้พ่อเขาสอนพูดไทยไป, ให้เล่นฝึกพัฒนาการตามวัย ฯลฯ (เผลอๆอาจจะอยากทำโฮมสคูลด้วยซ้ำไปค่ะ)
แต่แม่ยืนยันว่าให้เราทำงานเก็บเงินไป แม่จะมาเลี้ยงลูกให้เราเอง ใครๆเขาก็ทำกัน ใช่ค่ะ…แม่แทบไม่ได้เลี้ยงเราเลย เอาไปให้ย่ากับพี่เลี้ยงเลี้ยง เลยรู้ว่าเด็กที่ไม่มั่นใจโลก ข้างในโหวงๆน่ะมันเป็นยังไง แล้วโตมาเราก็พยายามดูแลแม่ในฐานะแม่ แต่ถ้าถามว่าจูนกันติดมั้ย…ก็ค่อนข้างจะไม่ ก็ไม่อยากที่จะให้ลูกโตมาแล้วมีความรู้สึกเหินห่างกับเรา มองเราเป็นแค่คนที่อุ้มท้องแล้วก็คลอดออกมาเท่านั้นค่ะ
แล้วแม่ยิ่งมีผลงานซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเรารับไม่ได้ คือแม่เลี้ยงหลาน (ลูกของน้อง) มาแล้ว 2 คนค่ะ มาครบเลย ตามป้อนข้าว กินนอนไม่เป็นเวลา ติดไอแพด ป่วยบ่อย แถมขี้กลัวด้วยค่ะ กลัวไปหมด กลัวหมอ กลัวคนแปลกหน้า กลัวหมา กลัวแมว กลัวแมลง กลัวจิ้งจกตุ๊กแก กลัวที่มืด ฯลฯ เฮ้ออออ
ทำไงให้แม่เข้าใจดีคะว่าลูกเราเราจะเลี้ยงเอง? ทุกวันนี้ไม่อยากจะคุยกับแม่แล้ว คุยอะไรก็วนเวียนมาจะมาเลี้ยงลูกเราตลอดค่ะ ไม่ให้ก็เอาแต่ดราม่า ว่าเราไม่เห็นคุณค่าบ้างล่ะ ว่าไม่งั้นแม่จะอยู่ไปเพื่ออะไรบ้างล่ะ (เพื่ออะไรก็ได้ที่แม่อยากทำนะ แต่ไม่ใช่การเลี้ยงหลานแน่ๆค่ะ) ว่าอุตส่าห์ส่งให้เรียนดีๆ จะได้ทำการทำงานดีๆ ไม่ใช่มานั่งเลี้ยงลูกอยู่บ้านบ้างล่ะ ต้องทำยังไงให้แม่เข้าใจสิ่งที่เราต้องการได้บ้างคะ?