ชื่อเดียวเอี่ยวทุกเรื่อง…..ขอบคุณ….. ‘คนที่13’

กระทู้สนทนา

.

                …อกหักคราวนี่นับเป็นเทือที่สิบสอง ปานหนูทดลองผู้สาวเขามองอ้ายคือของเล่น สาวใดกะตั๋วสาวใดกะต้มปานเครียดบ่เป็น ฮักไผอ้ายกะเสียเส้น ล่าสุดกะเป็นเจ้าคิดปล้นใจ….

                    เอกวิทย์เปิดเพลงเอ็มพีสามในโทรศัพท์ฟัง พึ่งจะไปบลูทูธกับเพื่อนมาหมาด ๆ อยู่ใต้ต้นประดู่ เพลงที่ฟังมันช่างกินใจ คมบาดลึกไปถึงทรวงในเหลือหลาย มันช่างเข้ากับชีวิตยิ่งนัก ชีวิตรักที่รันทด ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วไปทำกรรมอะไรเอาไว้ ชาตินี้ถึงได้ผิดหวังกับความรักทุกครั้งไป

                  เขาเอนหลังพิงกับต้นไม้ นั่งฟังเพลงด้วยใจหดหู่ รู้สึกอินกับเพลงยิ่งนัก น้ำตาก็พลันจะไหล เขามีอาชีพอิสระ คล้าย ๆ ฟรีแลนด์ ทว่าก็ไม่เคยไปรับงานจากใครสักที  แค่กิจการครอบครัวก็หัวหมุนพอตัว

                     ตำแหน่งประจำของเขาคือเลี้ยงควาย รับผิดชอบควายที่มีอยู่เป็นฝูงใหญ่ ที่เหลือพ่อแม่รับผิดชอบเอง นี่แหละคือกิจการประจำตระกูลของเขา

                  เปิดเพลงนี้ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น นึกสมเพชตนเองมาก รู้ว่าเจ็บปวดทรมานก็ยังจะฟัง ชอบฟังเพื่อตอกย้ำความเจ็บปวดของตน ก็ดี ! ให้มันเจ็บ ๆ แบบนี้แหละจะได้จำเสียบ้าง อย่าได้ริอ่านมีคนที่สิบสามตามมา จะได้ไม่เจ็บแบบนี้อีก

                    พอนึกถึงคนที่สิบสาม เอกวิทย์ก็หัวเราะลั่นทุ่ง นี่ตนเองมีแฟนมาแล้วตั้งสิบสองคนเชียวหรือ ล้วนก็เป็นฝ่ายอกหักทั้งนั้น สาว ๆ พวกนั้นล้วนทิ้งไปแบบไม่ใยดี

                      พอนึกได้แบบนี้ก็น้ำตาซึมอีก หัวใจดันเผลอไปคิดถึงน้องมดคนล่าสุด คนที่สิบสอง ไหนบอกว่าจะรักกันตลอดไป ฮือ ! คำว่าตลอดไปไม่มีอยู่จริง อี่มด ! อุบ ! น้องมด

                      เอกวิทย์พึมพำทั้งน้ำตาคลออยู่คนเดียวใต้ต้นประดู่ปลายนา ตรงนี้ไม่มีใครบังเอิญเดินผ่านมาเห็นหรอก พ่อแม่ดำนาอยู่กลางทุ่งนู่น คงไม่บังเอิญมาเห็นเข้าหรอก พอคิดแบบนี้ก็ร้องไห้โฮด้วยความน้อยใจ น้อยใจในวาสนาความรักของตน ที่แพ้พ่ายต่อความรักมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

                       เขาผิดอะไร ฐานะก็ไม่ถือว่าจน ทว่าก็ไม่ได้รวยขนาดฟุ่มเฟือย ถือว่าอยู่ในระดับที่เพื่อน ๆ คนอื่นยังต้องอิจฉาล่ะ แต่ ทำไมถึงไม่ประสบความสำเร็จในรักสักครั้ง

                         รูปร่างหน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้ แค่ผิวดำ ผมหยิก ตัวเตี้ย ฟันเหยินเท่านั้นเอง เงินก็มีให้ อยากได้อะไรก็จะซื้อให้ ทำไมนะทำไม ! ตัดพ้อต่อว่าตัวเองคนเดียว เพราะพิษรักที่มีผลมาจากน้องมดคนล่าสุดเล่นงานยังไม่หาย น้องมดแฟนคนที่สิบสองที่ถูกบอกเลิกไปแบบไม่ใยดีเลย

                     เอกวิทย์ร้องไห้ฟูมฟายไม่สนใจเจ้าทุยแม่ลูกที่หันหน้ามามอง ลูกตากลมโตดำขลับ ขนตางอนเป็นแพทั้งสองคู่เหมือนจะมองเขาด้วยความเข้าใจ

                    “มองไรฟะ อยากไปเที่ยวโรงฆ่าสัตว์หรือไง ฮือ ไม่เคยเห็นคนอกหักเหรอ ใช่ซี้ ! นังวิฬาร์แกมีผัวมีลูกแล้วหนิ เป็นไงละ แกก็ไม่ต่างจากข้าหรอก ถูกเขาฟันแล้วทิ้ง ทิ้งลูกไว้ให้ดูต่างหน้าหนึ่งตัวนี่ไง ฮือ สม ถูกฟันแล้วทิ้ง” ฟูมฟายให้ควายสองแม่ลูกที่ยืนเล็มหญ้าอยู่คันนาใกล้ ๆ ตนเอง

                     มอ !!!! ควายตัวแม่ดันร้องตอบเสียนี่ พร้อมจ้องมองหน้าเขาอย่างกับรู้ภาษามนุษย์

                     “อะไร ! พูดเล่นไม่ได้ไง มองหน้าข้าอยากมีเรื่องเหรอ ใครจะกล้าพาแกกับลูกไปโรงฆ่าสัตว์จริงล่ะ พ่อข้าเอาข้าตายสิ อย่ามากวนเล็มหญ้าไปเลย คนกำลังอกหักเว้ย เดี๋ยวปั๊ด !” พูดพร้อมยกไม้หวายขู่เจ้าทุยไปในตัว ควายสองแม่ลูกเลิกสนใจเขาจริง ๆ เดินเล็มหญ้าตามคันนาไปตามประสา

                     เหตุการณ์กลับมาปกติ กลับมาเศร้าเหมือนเดิม เขากดเพลงเปิดฟังซ้ำอีกรอบ ตั้งแต่มีแฟนคนแรกชื่อน้องกิ๊บ คบได้สามเดือนก็ฝากข้อความมาบอกเลิก ‘เราเข้ากันไม่ได้ เราเลิกกันเถอะ’ เข้ากันไม่ได้ตรงไหน เคยเอาเข้าแล้วก็เข้าได้นี่ ทำไมต้องบอกว่าเข้ากันไม่ได้ ไม่รักกันแล้วก็น่าจะบอกดี ๆ

                    เขาเคยพาน้องกิ๊บไปบ้าน เข้าไปในบ้านไหว้พ่อแม่ ก็เข้ากับพ่อแม่ได้ดี แค่สามเดือนก็มาบอกเลิก เขาไม่ดีตรงไหน นึกแล้วก็ช้ำใจ กิ๊บนะกิ๊บ บ่นถึงสาวคนแรกอย่างเจ็บใจ

                      คนที่สองน้องอายบ้านโนนทอง คบกันนานหน่อยห้าเดือน พอหมดรักมาบอกว่า ‘เราไปกันไม่ได้’ ทำไมเราจะไปกันไม่ได้ จะไปเถียงนา ป่าเขา หรือโรงแรมห้าดาวเขาก็พาไปได้ เคยพาไปแล้ว ยังจะมาบอกว่าพาไปไม่ได้อีก

                        ตอนคบกับน้องอาย เธอเคยบอกให้พาไปส่งครีมให้ลูกค้าที่โรงแรม ในเมืองบ้าง ที่เถียงนาบ้าง เขาก็พาไปได้ หมดรักกันก็ไม่เห็นต้องหาข้ออ้างเลย ปาดน้ำตาเมื่อนึกถึงรักเก่า ๆ

                   คนที่สามน้องกี้ คนที่สี่น้องปลา คนที่ห้าน้องนก คนที่หกน้องเกรช คนที่เจ็ดน้องแน็ต คนที่แปดน้องข้าว คนที่เก้าน้องกระจิบ คนที่สิบน้องเก็จ คนที่สิบเอ็ดฉลอง คนที่สิบสองน้องมดนี่แหละ แล้วใครกันนะจะมาเป็นคนที่สิบสาม

                        ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดใจ ทั้งสิบสองคนต่างมีเหตุผลมากมายมาบอกเลิกกับเขา ทั้งที่เขาจริงใจ จริงจัง รักเดียว ทำไมต้องเจอแต่คนหลายใจ เจอแต่คนมาหลอกลวงกันด้วย

                 …ไผน้อสิเป็นคนที่สิบสาม สิพาใบหน้างาม ๆ มาตั๋วกระหน่ำให้อ้ายเมามัว คนซื่อคืออ้ายพกตั้งแต่ความจริงใจติดตัว ถ้าน้องบ่แซบบ่นัวกะเชิญมาตั๋วคัก ๆ โลดหล่า….

                    พอดีกับเพลงที่เปิดตรงกับวรรคนี้พอดี นักเขียนเพลงเอาชีวิตของเขาไปเขียนหรืออย่างไร ทำไมมันถึงได้บังเอิญอะไรขนาดนี้ ครูเพลงเขารู้ได้อย่างไรกันว่า เขาอกหักจากผู้หญิงมาแล้วถึงสิบสองคน ไม่กล้าเปิดใจให้คนที่สิบสามเลย กลัวเจ็บ กลัวคบกันไม่เกินสามเดือน กลัวผิดหวังอีก ทว่าใจหนึ่งมันก็บอกให้สู้ สู้จนกว่าจะได้ชัย

                 เอกวิทย์ตัดพ้อตนเองฟังเพลงไปด้วย เลี้ยงควายไปด้วย นี่คืองานหลักที่ได้รับผิดชอบ ตำแหน่งประจำหัวหน้าแผนกเลี้ยงควาย น้องสาวหัวหน้าแผนกแม่บ้าน น้องชายหัวหน้าแผนก ไม่มีสิ มันยังเด็กอยู่ ซีอีโอแล้วกัน ไม่ ๆ พ่อกับแม่สิเป็นซีอีโอ ส่วนน้องชายเหรอ ยาม ! ก็แล้วกัน

                   วันเวลาผ่านไป เขาทำใจลืมรักล่าสุดได้ เลิกคิดถึงน้องมดได้แล้ว กลับมาสดใสเหมือนเดิม กลับมาเป็นไอ้วิทย์มาดแมนมั่นใจในตนเองเหมือนเดิม เงินในกระเป๋าอย่าได้พูดถึงใคร ๆ ก็กล่าวขานว่า ไม่มี ! ดีแต่เชื่อไว้ก่อน ก็แม่ยังไม่ให้นี่นา ก็ต้องเชื่อไว้ก่อนล่ะ แม่ให้ค่อยเอามาจ่าย ไม่เคยบิดพลิ้วสักที ใครอยากได้อะไร กินอะไร ลงบันทึกชื่อเอกวิทย์ได้เลย

                   มีใครบ้างไม่รู้จัก ‘เอกวิทย์หนุ่มหล่อพ่อรวย คอกควายติดแอร์’ ก็ให้มันรู้ไป เป็นประโยคสุดฮิตที่เอามาล้อกันในหมู่เพื่อน ๆ พูดตามตรงที่บ้านก็พอมีฐานะ บ้านรวย หลังใหญ่ รุ่นเดียวกันมีใครบ้างได้เรียนมหาลัย ไม่มี ! ทำไมสาว ๆ ถึงได้ไม่มีใครจริงใจกับเขาสักคน แต่ก็ไม่เป็นปัญหา ผ่านมาแล้วสิบสองคน คนที่ยี่สิบอาจจะจริงใจก็ได้ อาจได้สร้างครอบครัวด้วยกัน

                    และแล้วสวรรค์ก็เห็นใจ ส่งสาวหน้าหวานสวยใสมาให้ เขาไปเที่ยวงานต่างหมู่บ้านตามประสาหนุ่มโสด ได้เจอกับสาวเจ้าถิ่นเข้าให้ ถูกชะตาถูกใจมาก ถึงแม้เขาจะมีแฟนมาหลายคนใช่ว่าจะบุ่มบ่ามเข้าไปขอเบอร์เอาดื้อ ๆ มันต้องมองต้องเล็งไว้ก่อน เผื่อเจอแจ็กพ็อตมีผัวแล้วจะได้หนีทัน เขายังเชื่อในพรมลิขิต ถ้าเป็นคู่กันคงได้เจอกันอีก

                   และเหมือนคนบนฟ้าจะเห็นใจ สาวเจ้าเรียนมหาลัยที่เดียวกันกับเขาอีก ดีใจมาก คราวนี้แหละไม่ยอมให้เสียเวลา เดินเข้าไปทักทายได้เบอร์มาก็จะดีมาก เขาบังเอิญมาเจอกับเอ้ที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัย จึงเดินเข้าไปทัก โชคดีว่าเอ้ก็จำเขาได้ที่เจอกันวันก่อนนั้น ทักทายกันพอหอมปากหอมคอแล้วจึงขอตัว หลังจากนั้นก็ทำเป็นบังเอิญเจอกับเอ้บ่อย ๆ จนได้เบอร์โทรศัพท์มา

                  “เอ้ ดาราพร ถ้าตกลงคบกันก็คนที่สิบสามแล้วนะ เอาวะ ! ถ้าจะผิดหวังอีกก็ไม่เป็นไร ไหน ๆ ก็ผ่านมาตั้งสิบสองคนแล้ว เพิ่มมาอีกคนเป็นคนที่สิบสามก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย” พูดกับตนเองก่อนจะกดเบอร์โทรหาเอ้

                      ทั้งสองคนคุยกันเรื่อย ๆ ทุก ๆ วัน นี่ก็ผ่านมาจะถึงเดือนแล้ว เขาคุยไปลุ้นไปว่าเอ้จะบอกเลิกจากไปตอนไหน ระหว่างนั้นก็ทำหน้าที่แฟนเป็นอย่างดี

                    “วิทย์ รู้ว่าเป็นคนผิวดำก็หัดใช้ครีมบำรุงหน่อย อ่ะนี่เอ้ซื้อมาให้ ต่อไปซื้อเองนะ ผมจะฟูไปไหนตัดให้สั้นดิรู้ว่ามันฟูน่ะ จะปล่อยยาวกะเซอะกะเซิงไปไหน ฟันน่ะเก็บหน่อย โดนมีดโดนปืนคงไม่ระแคะระคายมั้งใช่มั้ย ฮา” เอ้พูดล้อ แววตาห่วงใยจริงใจส่งให้กับเขาจริง ไม่ได้จะแซะอะไรเลย

                     “จะบอกว่าเค้าฟันไม่เข้าใช่มั้ย” ไม่โกรธแถมตบมุกให้อีก

                      “เปล่า… ถ้ามีตังค์เดี๋ยวเอ้พาไปดัดฟันนะ มันแก้ได้ หล่อแล้วอย่าทิ้งเอ้ไปหาสาวสวย ๆ ก็แล้วกัน”

                     “จริงอ่ะ “

                     “จริง ! “ เอ้พยักหน้า

                วันหยุดเอกวิทย์กลับบ้านมาช่วยธุรกิจของพ่อแม่เช่นเดิม มาถึงบ้านแม่มองด้วยสายตาแปลก ๆ มองตั้งแต่หัวจดเท้า เท้าขึ้นมาจดหัวแล้วก็หัวเลาะลั่นบ้านซะอย่างนั้น “บ๊ะ ! ใครมันทำให้เอ็งเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ฮา “ แม่ทัก พร้อมหัวเราะไม่หยุดอีก  “มีแฟนล่ะสิ คนที่เท่าไหร่ล่ะ”

                   “แม่ ! คนที่สิบสามเอง !” ตอบเบา ๆ ไม่อยากให้ใครได้ยิน แม่หัวเราะส่ายหัวให้กับเขา ทำเอาขาดความมั่นใจไปเสียดื้อ ๆ แม่จะหัวเราะอะไรนักหนา เขาไม่หล่อหรืออย่างไร “แม่จะขำทำไม ผมดูดีขึ้นมั้ยแม่” ผายมืออวดหน้าตารูปร่าง ถึงจะเตี้ยล่ำทว่าก็สมส่วน ดำไปนิดก็ไม่เป็นไร เอ้ชอบอยู่แล้ว

                     “อือ ก็ดี ! กูอยากเห็นจัง ใครมันทำให้เอ็งเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ “ แม่พูด

                     “ผมหล่อใช่มั้ยล่ะ “ พูดปนยิ้ม แล้วเข้าไปนั่งใกล้ ๆ กอดแม่ หอมแม่ “คุณนาย คุณนายสมศรี ซีอีโอของบ้าน” เขากระซิบแม่ทางด้านหลังพร้อมกอดไม่ปล่อย

                   “อะไร ! ว่ามา” แม่ตอบ

                  “ขอตังค์ไปทำฟันหน่อยสิ สาวบอกว่าฟันไม่เข้าอ่ะ หมื่นนึงนะคุณนาย” ทันใดนั้นแม่หันขวับมามอง เขาเบิกตากว้างเมื่อเห็นแม่ง้างมือ จากนั้นเขาก็ปล่อยอ้อมกอดออกจากตัวของแม่ รีบเผ่นเข้าบ้านไป

                    “ไอ้ลูกเวร !”

                  แต่แล้วสุดท้ายเขาก็ได้เงินมาทำฟันดั่งใจ มีหรือแม่จะขัดใจลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างเขาได้ เอ้เปลี่ยนแปลงตัวเขาทุกอย่าง ตอนนี้สองปีแล้วที่คบกันกับเอ้ ตอนนี้พวกเขากำลังจะเรียนจบ มีแพลนว่าจะทำอะไรหลาย ๆ อย่างร่วมกันด้วย

                    อนาคตข้างหน้าไม่อาจรู้ได้ ทว่าในตอนนี้อยาก ‘ขอบคุณ’ เอ้มากที่ให้โอกาสคนอย่างเขาได้แสดงความรัก แสดงความจริงใจที่มีในตัวเองออกมา ผู้หญิงทั้งสิบสองคนที่ผ่านมา เขาก็แสดงความจริงใจด้วยทั้งนั้น ในระหว่างที่คบกัน แต่ พวกเธอเหล่านั้นก็มองไม่เห็นคุณค่าในตัวเขา มีเพียงเอ้ที่มองเห็น และ ให้โอกาสเสมอมา เขาก็มีดีเหมือนกันนะ จริงใจ รักจริงเช่นกัน ถึงหน้าตาจะร้ายแต่ความจริงใจรักเดียวไม่แพ้ชายใดในโลกล่ะ

                  “ขอบคุณเอ้ที่ยอมสร้างครอบครัวกับวิทย์นะ” เขากระซิบข้างหูเธอเบา ๆ ก่อนที่ไฟห้องหอจะดับมืดลง…

จบ…..


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่