คำว่ามนุษย์สัมพันธ์แย่ในที่นี้ไม่ได้แปลว่าเราเป็นคนนิสัยแย่นะ แต่แบบจะพูดยังไงดี ต้องท้าวความไปไกลอยู่ ด้วยพื้นนิสัยเป็นคนขี้อายแบบอายมากถึงมากที่สุด ทำให้เราไม่ค่อยมั่นใจกับการทำความรู้จักคนอื่น
ต้องบอกก่อนว่าเราเป็นคนหน้าตาพอไปวัดไปวาได้ สมัยช่วงเข้ามัธยมก็มีคนมาจีบมาเต๊าะบ้าง แต่เรารู้สึกไม่ชอบเลย ไม่ชอบให้ใครมามอง มาทัก มาคุยด้วย เพราะตัวเราจะรู้สึกอายจนมีอาการประหม่าทำตัวไม่ถูกทุกครั้ง เขินจะเดินหนีอย่างเดียว ไม่ชอบสบตาไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้าแต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเพื่อนเลย ถ้าใครเจตนามาแบบเพื่อนเราก็โอเคคุยได้สบายมาก นิสัยออกไปทางห้าวซะมากกว่า ไม่มีความกุลสตรีเลยสักนิด ทำให้มีเพื่อนผช.เยอะพอสมควรเพราะด้วยนิสัยแมนๆเตะบอล จนบางทีเพื่อนมันก็ทำเหมือนว่าเราเป็นผช.คนนึงซะด้วยซ้ำ แต่ถ้าใครเข้ามาในเชิงจีบเท่านั้นแหละ เราเซย์โนทันทีเหมือนกับตั้งระบบป้องกันไว้ว่าอย่ามาจีบGuuนะ55555 (TT) เป็นแบบนี้มาตลอดจนเคยเริ่มโดนคนอื่นหาว่า 'หยิ่ง' ทั้งที่ไม่ได้สวยขนาดนั้น เจอบ่อยสุดๆเลยคำนี้ พอโดนแบบนั้นมากเข้าก็ยิ่งกลายเป็นคนปิดตัวเอง
จนมาเจอแฟนที่เรียกได้เต็มปากว่าแฟนคนแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ มีโอกาสได้เริ่มคุยกันเพราะเขาเป็นเพื่อนของเพื่อนเราอีกที ไอเพื่อนตัวดีให้ไลน์เราไป เขาเป็นคนคุยเก่งมาแถมยังขี้เล่น ตอนแรกที่แอดมาคุยเราก็ถามคำตอบคำไป แต่เขาก็พยายามตามตื้อจีบจนเราหายเกร็ง พอได้คุยกันก็รู้สึกดีเลยตกลงคบกันนานถึง7ปี
ความรักมันไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด เพราะระหงระแหงกันมาตั้งแต่ปีแรกแต่เป็นเราเองที่รั้งเขาไว้ทุกครั้ง ยื้อกับความสัมพันธ์จนมายาวมาถึงขนาดนี้ ยอมรับเลยว่ารักคนนี้มากตอนจีบเขาทรีตเราดีมากไม่เคยมีใครทำให้แบบนี้ ไปรับไปส่ง กินข้าวเย็นด้วยกันทุกวัน ติดเรามากบอกคิดถึงตลอดจนจนว่ามันต้องดีมากถ้าได้คบกัน เราเลยตกลงให้สถานะแฟนกันได้ไม่ถึงปี กลายเราที่เป็นฝ่ายตามเขาง้ออยู่เสมอ สนใจน้อยลง ใส่ใจน้อยลง จากที่เคยมารับก็ต้องเป็นเราไปหาเขาเอง พยายามเข้าใจมาตลอดไม่งอแงงี่เง่า จนเข้ามัธยมปลายเขามีเพื่อนกลุ่มใหม่ สังคมใหม่ซึ่งแฟนของเพื่อนแต่ละคนจะเป็นเด็กรร.หญิงล้วนมีฐานะจากหลายแห่ง ซึ่งมีเราที่เรียนรร.รัฐอยู่คนเดียวในนั้น ประจวบกับช่วงนั้นรถเขาพังทำให้เราไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนแต่ก่อน
จุดเปลี่ยนมันเริ่มมาจากตรงนี้แหละ เขาเริ่มไม่พอใจในตัวเรา ไม่ว่าจะเสื้อผ้า หน้าผม รวมไปถึงไลฟ์สไตล์ ทำไมใส่แบบนั้น ทำไม ไม่ใส่แบบนี้ ทำไม ทำไม คำถามที่วนในบทสนทนาเสมอ ทำผมแบบนี้ไม่เหมาะ ใส่ชุดแบบนี้ไม่โอเค ตัวเธอคล้ำจะใส่สีนี้จริงหรอ จนเรากลายเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองขึ้นมาซะงั้น เราเลยเลิกแต่งตัวใส่เสื้อยืดเสื้อบอลไปเลยจบ หมดปัญหา
แถมเขายังเป็นคนขี้หึง จากที่เราเคยมีเพื่อนผช.เราก็ต้องเว้นระยะห่างไปจนถึงเลิกคบ เพราะเขาไม่ชอบที่เราไปสนิทกับผช.คนอื่น แต่ตัวเขากลับมีเพื่อนผญ.ได้ บอกกับเราแค่อย่าคิดมาก ความจริงมันดูย้อนแย้ง แต่ด้วยความที่เราไม่ถือตรงนี้เราก็ปล่อยผ่านไป จน3-4ปีต่อมาเราไม่มีเพื่อนไม่มีสังคม อยู่แต่ห้อง เรียนเสร็จไปหาเขา กลับบ้าน นอน กิจวัตรวนอยู่แค่นั้น มีหายคนเข้ามาในตอนนั้นเราปัดออกหมด ไม่ว่าจะเพื่อน พี่ น้องที่เป็นผช. เราเลือกที่จะไม่ยุ่ง เพราะกลัวเขาจะไม่สบายใจ ทำแบบนี้มาตลอด จนกระทั้งเราเลิกกันในช่วง7ปี ยอมรับว่าที่เลิกเพราะเราหมด passion กับเขาเอง เรื่องนี้เราคิดมาเกือบปี จนตัดสินใจบอกเขาและจบกันมาแบบไม่สวยนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขามีส่วนหล่อหลอมที่ทำให้เรากลายเป็นคนเย็นชาในทุกวันนี้ โดนมาเยอะจนดูแลตัวเองได้เลยคิดว่าถ้าทำอะไรเองได้ก็ไม่จำเป็นต้องมีเขาในชีวิตแล้วมั้ย
จนตอนนี้เกือบครึ่งปีแล้วที่เลิกกัน เรารู้สึกเหงามากพอสมควร อยากมีนะแฟนอีกนะแต่ไม่ได้ทำความรู้จักใครมานานมากจนลืมวิธีคุยกับคนอื่นเลยก็ว่าได้ แต่ก็เริ่มพาตัวเองเข้าสังคม ติดต่อกับกลุ่มเพื่อนบ้าง เจอคนมากหน้าหลายตามตามงานที่ทำแต่กลับกลายเป็นว่าตัวเรามนุษย์สัมพันธ์ที่ไม่ดีเอาซะเลย สบตาคนที่ไม่สนิทไม่ได้ ถามคำตอบคำจนแอบคิดว่าเราอาจจะหนักกว่าเดิม ประโยคสนทนาที่มีแค่ อ่อ อืม อ่า โอเค กับ หึในลำคอ พร้อมกับตัดจบไม่มีถามต่อดินฟ้าอากาศ วันไหนหนักหน่อยคือพยักหน้า ส่ายหน้า หรือยิ้มเป็นคำตอบส่วนขั้นกว่าก็คือการมองหน้าและยักคิ้วตอบบแค่นั้นแล้วเดินหนี ภาษามีชี้ซ้ายขวาจบไม่มีคำพูดหลุดออกจากปาก พยายามดัดนิสัยตัวเองลองหัดคุยกับคนอื่นเยอะๆ ทำความรู้จักเพื่อนใหม่บ้างแต่เอาเข้าจริงนึกบทสนทนาไม่ออก คนเราสามารถแบ่งเลเยอร์การแสดงออกต่อคนสนิทกับไม่สนิทได้ชัดขนาดนี้เลยหรอ จนพี่ในกลุ่มหลายคนเตือนว่าถ้ามนุษย์สัมพันธ์จะเห้.. ขนาดนี้ชาตินี้จะมีแฟนอีกเมื่อไหร่ ใครเขาจะกล้ามาคุยด้วย กลัวคนอื่นมองว่าเรานิสัยไม่ดี อย่าทำหน้าเหมือนโกรธใครตลอดได้มั้ย อะไรประมานนี้ ซึ่งเราก็บอกตลอดว่าไม่ได้ตั้งใจมันเป็นไปเอง
#ใครพอจะมีประสบการ์ณการเข้าสังคมมาแนะนำบ้างมั้ยค่ะ รบกวนหน่อยน้า
เป็นคนมนุษย์สัมพันธ์แย่ รบกวนขอคำแนะนำที
ต้องบอกก่อนว่าเราเป็นคนหน้าตาพอไปวัดไปวาได้ สมัยช่วงเข้ามัธยมก็มีคนมาจีบมาเต๊าะบ้าง แต่เรารู้สึกไม่ชอบเลย ไม่ชอบให้ใครมามอง มาทัก มาคุยด้วย เพราะตัวเราจะรู้สึกอายจนมีอาการประหม่าทำตัวไม่ถูกทุกครั้ง เขินจะเดินหนีอย่างเดียว ไม่ชอบสบตาไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้าแต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเพื่อนเลย ถ้าใครเจตนามาแบบเพื่อนเราก็โอเคคุยได้สบายมาก นิสัยออกไปทางห้าวซะมากกว่า ไม่มีความกุลสตรีเลยสักนิด ทำให้มีเพื่อนผช.เยอะพอสมควรเพราะด้วยนิสัยแมนๆเตะบอล จนบางทีเพื่อนมันก็ทำเหมือนว่าเราเป็นผช.คนนึงซะด้วยซ้ำ แต่ถ้าใครเข้ามาในเชิงจีบเท่านั้นแหละ เราเซย์โนทันทีเหมือนกับตั้งระบบป้องกันไว้ว่าอย่ามาจีบGuuนะ55555 (TT) เป็นแบบนี้มาตลอดจนเคยเริ่มโดนคนอื่นหาว่า 'หยิ่ง' ทั้งที่ไม่ได้สวยขนาดนั้น เจอบ่อยสุดๆเลยคำนี้ พอโดนแบบนั้นมากเข้าก็ยิ่งกลายเป็นคนปิดตัวเอง
จนมาเจอแฟนที่เรียกได้เต็มปากว่าแฟนคนแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ มีโอกาสได้เริ่มคุยกันเพราะเขาเป็นเพื่อนของเพื่อนเราอีกที ไอเพื่อนตัวดีให้ไลน์เราไป เขาเป็นคนคุยเก่งมาแถมยังขี้เล่น ตอนแรกที่แอดมาคุยเราก็ถามคำตอบคำไป แต่เขาก็พยายามตามตื้อจีบจนเราหายเกร็ง พอได้คุยกันก็รู้สึกดีเลยตกลงคบกันนานถึง7ปี
ความรักมันไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด เพราะระหงระแหงกันมาตั้งแต่ปีแรกแต่เป็นเราเองที่รั้งเขาไว้ทุกครั้ง ยื้อกับความสัมพันธ์จนมายาวมาถึงขนาดนี้ ยอมรับเลยว่ารักคนนี้มากตอนจีบเขาทรีตเราดีมากไม่เคยมีใครทำให้แบบนี้ ไปรับไปส่ง กินข้าวเย็นด้วยกันทุกวัน ติดเรามากบอกคิดถึงตลอดจนจนว่ามันต้องดีมากถ้าได้คบกัน เราเลยตกลงให้สถานะแฟนกันได้ไม่ถึงปี กลายเราที่เป็นฝ่ายตามเขาง้ออยู่เสมอ สนใจน้อยลง ใส่ใจน้อยลง จากที่เคยมารับก็ต้องเป็นเราไปหาเขาเอง พยายามเข้าใจมาตลอดไม่งอแงงี่เง่า จนเข้ามัธยมปลายเขามีเพื่อนกลุ่มใหม่ สังคมใหม่ซึ่งแฟนของเพื่อนแต่ละคนจะเป็นเด็กรร.หญิงล้วนมีฐานะจากหลายแห่ง ซึ่งมีเราที่เรียนรร.รัฐอยู่คนเดียวในนั้น ประจวบกับช่วงนั้นรถเขาพังทำให้เราไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนแต่ก่อน
จุดเปลี่ยนมันเริ่มมาจากตรงนี้แหละ เขาเริ่มไม่พอใจในตัวเรา ไม่ว่าจะเสื้อผ้า หน้าผม รวมไปถึงไลฟ์สไตล์ ทำไมใส่แบบนั้น ทำไม ไม่ใส่แบบนี้ ทำไม ทำไม คำถามที่วนในบทสนทนาเสมอ ทำผมแบบนี้ไม่เหมาะ ใส่ชุดแบบนี้ไม่โอเค ตัวเธอคล้ำจะใส่สีนี้จริงหรอ จนเรากลายเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองขึ้นมาซะงั้น เราเลยเลิกแต่งตัวใส่เสื้อยืดเสื้อบอลไปเลยจบ หมดปัญหา
แถมเขายังเป็นคนขี้หึง จากที่เราเคยมีเพื่อนผช.เราก็ต้องเว้นระยะห่างไปจนถึงเลิกคบ เพราะเขาไม่ชอบที่เราไปสนิทกับผช.คนอื่น แต่ตัวเขากลับมีเพื่อนผญ.ได้ บอกกับเราแค่อย่าคิดมาก ความจริงมันดูย้อนแย้ง แต่ด้วยความที่เราไม่ถือตรงนี้เราก็ปล่อยผ่านไป จน3-4ปีต่อมาเราไม่มีเพื่อนไม่มีสังคม อยู่แต่ห้อง เรียนเสร็จไปหาเขา กลับบ้าน นอน กิจวัตรวนอยู่แค่นั้น มีหายคนเข้ามาในตอนนั้นเราปัดออกหมด ไม่ว่าจะเพื่อน พี่ น้องที่เป็นผช. เราเลือกที่จะไม่ยุ่ง เพราะกลัวเขาจะไม่สบายใจ ทำแบบนี้มาตลอด จนกระทั้งเราเลิกกันในช่วง7ปี ยอมรับว่าที่เลิกเพราะเราหมด passion กับเขาเอง เรื่องนี้เราคิดมาเกือบปี จนตัดสินใจบอกเขาและจบกันมาแบบไม่สวยนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขามีส่วนหล่อหลอมที่ทำให้เรากลายเป็นคนเย็นชาในทุกวันนี้ โดนมาเยอะจนดูแลตัวเองได้เลยคิดว่าถ้าทำอะไรเองได้ก็ไม่จำเป็นต้องมีเขาในชีวิตแล้วมั้ย
จนตอนนี้เกือบครึ่งปีแล้วที่เลิกกัน เรารู้สึกเหงามากพอสมควร อยากมีนะแฟนอีกนะแต่ไม่ได้ทำความรู้จักใครมานานมากจนลืมวิธีคุยกับคนอื่นเลยก็ว่าได้ แต่ก็เริ่มพาตัวเองเข้าสังคม ติดต่อกับกลุ่มเพื่อนบ้าง เจอคนมากหน้าหลายตามตามงานที่ทำแต่กลับกลายเป็นว่าตัวเรามนุษย์สัมพันธ์ที่ไม่ดีเอาซะเลย สบตาคนที่ไม่สนิทไม่ได้ ถามคำตอบคำจนแอบคิดว่าเราอาจจะหนักกว่าเดิม ประโยคสนทนาที่มีแค่ อ่อ อืม อ่า โอเค กับ หึในลำคอ พร้อมกับตัดจบไม่มีถามต่อดินฟ้าอากาศ วันไหนหนักหน่อยคือพยักหน้า ส่ายหน้า หรือยิ้มเป็นคำตอบส่วนขั้นกว่าก็คือการมองหน้าและยักคิ้วตอบบแค่นั้นแล้วเดินหนี ภาษามีชี้ซ้ายขวาจบไม่มีคำพูดหลุดออกจากปาก พยายามดัดนิสัยตัวเองลองหัดคุยกับคนอื่นเยอะๆ ทำความรู้จักเพื่อนใหม่บ้างแต่เอาเข้าจริงนึกบทสนทนาไม่ออก คนเราสามารถแบ่งเลเยอร์การแสดงออกต่อคนสนิทกับไม่สนิทได้ชัดขนาดนี้เลยหรอ จนพี่ในกลุ่มหลายคนเตือนว่าถ้ามนุษย์สัมพันธ์จะเห้.. ขนาดนี้ชาตินี้จะมีแฟนอีกเมื่อไหร่ ใครเขาจะกล้ามาคุยด้วย กลัวคนอื่นมองว่าเรานิสัยไม่ดี อย่าทำหน้าเหมือนโกรธใครตลอดได้มั้ย อะไรประมานนี้ ซึ่งเราก็บอกตลอดว่าไม่ได้ตั้งใจมันเป็นไปเอง
#ใครพอจะมีประสบการ์ณการเข้าสังคมมาแนะนำบ้างมั้ยค่ะ รบกวนหน่อยน้า