💫🕛💫🚀 แดนศิวิไลซ์ ( หลงกาล ภาค 2 ) ตอนที่ 65 🚀💫🕛💫

กระทู้คำถาม
***** ความเดิมโดยย่อจากตอนที่แล้ว (64) *****

จักรพรรดิเนรอสซึ่งเป็นร่างจำแลงของหัวหน้าเร็พไทเลี่ยนผู้มาจากดาวไซเมนนัส ซึ่งแอบหลบหนีจากพรรคพวกกบดานอยู่บริเวณทะเลสาบโพเซดอนและนำสมองของเลโอนีดาสมาประกอบกับหุ่นยนต์อันล้ำด้วยเทคโนโลยี กำจัดได้ยากเพราะใช้โลหะเหลวผสมผสาน ส่วนใดของร่างกายขาดไปก็กลับคืนมาต่อกลับเป็นดังเดิม กลายเป็นเลโอนีดาสคนใหม่ที่สุดอันตรายเพราะสมบูรณ์พร้อมทั้งความรู้สึกนึกคิดและความสามารถ หลังจากฟื้นคืนชีพเลโอนีดาสและทำให้เขากลายเป็นบริวารชนิดที่เรียกได้ว่า "มือขวา" สำเร็จแล้ว ได้เข้าร่วมประมูลตัวมนุษย์พันธุ์พิเศษซึ่งถูกสร้างขึ้นมาใหม่โดยการตัดต่อพันธุกรรม ผสมกับลิงสายพันธ์ุที่เรียกว่า "เลมูร์" กลายเป็น "เลมูรัส" ซึ่งดำเนินการโดยนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำซึ่งมาจากทั้งสหพันธรัฐและจักรวรรดิทางใต้ มาร่วมกันสรรสร้างเพื่อขายให้เป็นสิ่งบำบัดความใคร่แก่บรรดาเศรษฐีผู้มั่งมีหรือคนผู้มีอำนาจเช่นนักการเมืองในทั้งสองสินแดน และประมูลตัวเลมูรัสสองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง เพศชายชื่ออีกอรัส เพศหญิงชื่อลีน่า ผู้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับออเรเคิล อดีตว่าที่จักรพรรดินีผู้หายไปจากวัง และให้ลีน่าสวมบทบาทแทนออเรเคิล

กัปตันวันชนะและคณะได้ทราบเรื่อง ทั้งยังสงสัยเรื่องนัยแห่งความฝันของสถาพรที่ฝันเห็นเลโอนีดาสคนใหม่ และพฤติกรรมของเนรอสก็แปลกไปในระยะหลังๆ ดังนั้นเขาและชาวคณะจึงตัดสินใจจะเดินทางไปเยี่ยมเยียนเนรอสที่พระราชวังอีกสักครั้งเพื่อสังเกตดูความเคลื่อนไหว

ขณะเดียวกัน ทางพระราชวัง เนรอสตัวจริงซึ่งถูกแฝงร่างได้โอกาสเป็นอิสระ เพราะหัวหน้าเร็พไทเลี่ยนออกจากร่างไปเพื่อไปทำกิจส่วนตัวบางอย่าง ได้ไปหาจักรพรรดินีเซฟิย่าและพูดคุยกับนาง พร้อมทั้งสองสาวอดีตบริจาริกาคือลิลลี่และโรซ่ากับทั้งอาเจอะและอาบือที่ตำหนักของเซฟิย่านั้นเอง ผลจากการสนทนากันทำให้จักรพรรดิเนรอสต้องการหนีให้พ้นจากอสูรร้ายเร็พไทเลี่ยน และตกลงใจชวนทุกคนขึ้นยานราชพาหนะส่วนพระองค์หนีออกไปจากพระราชวังโดยทันที มุ่งหน้าสู่เมืองโลโคเทีย โดยมีจุดมุ่งหมายคือ พบกับกัปตันและชาวคณะ...

ต่อจากนี้ไป เชิญพบกับ แดนศิวิไลซ์ ( หลงกาล ภาค 2 ) ตอนที่ 65 ต่อไป ได้เลยครับ...... 

==========================================================================
ราชพาหนะส่วนพระองค์ของจักรพรรดิเนรอส ลงจอด ณ ลาดจอดส่วนพระองค์ซึ่งจัดไว้เป็นการเฉพาะ ณ ศูนย์วิทยาศาสตร์และกองบัญชาการแห่งโลโคเทียในตอนสายของวันนั้น อิบิคัสผู้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐหรือ "เจ้าเมือง" พร้อมกับเซบาสเต็นและบริวารต่างแปลกใจในการเสด็จมาอย่างปุปปับกระทันหันโดยมิได้แจ้งหมายกำหนดการใดๆ ให้ทราบล่วงหน้าขององค์จักรพรรดิ และแปลกใจมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นว่าผู้ตามเสด็จคือจักรพรรดินีเซฟิย่ากับสองสาว ลิลลี่และโรซ่าพร้อมกับอาบือและอาเจอะผู้เป็นสามี

"ขอถวายบังคมฝ่าบาท และองค์จักรพรรดินี ขอทั้งสองพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน พระเจ้าข้า" ชาวเมืองโลโคเทียทุกคนนำโดยอิบิคัสคุกเข่าลงพร้อมกันถวายความเคารพทันทีที่องค์จักรพรรดิและผู้ตามเสด็จทุกคนลงมาจากยานบินราชพาหนะ

"ขอบใจทุกๆ ท่าน และโปรดลุกขึ้นเถิด อย่ามากพิธีรีตองไปเลย ข้ามีเรื่องด่วนจึงต้องมาอย่างกระทันหันมิได้บอกกล่าวล่วงหน้า ขออภัยด้วย" เนรอสกล่าวอย่างร้อนรนขณะหงายฝ่าพระหัตถ์ยกขึ้นเป็นสัญญาณให้ทุกคนลุกขึ้นยืน

"ขอบพระทัยพระเจ้าข้า" อิบิคัสบังคมทูลแล้วยืนขึ้นเป็นคนแรก จากนั้นคนที่เหลือจึงลุกขึ้นยืนตาม แล้วเจ้าเมืองก็ทูลถามถึงสาเหตุแห่งการเสด็จมา

"ฝ่าบาท เสด็จมาอย่างเร่งด่วนในครานี้ เพราะเหตุอันใดพระเจ้าข้า ?"

"พวกเราเข้าไปในศูนย์บัญชาการกันก่อนดีกว่า แล้วค่อยคุยกัน ข้ารู้สึกไม่ปลอดโปร่งใจถ้าอยู่กลางแจ้งตรงนี้" เนรอสรีบชวนทุกคนเข้าไปข้างใน

"ได้พระเจ้าข้า ถ้าเช่นนั้น โปรดเสด็จเข้าไปพร้อมกันตอนนี้เลยพระเจ้าข้า ฝ่าบาท" อิบิคัสน้อมกายตอบก่อนจะกลับหลังหันแล้วเดินนำหน้า พาจักรพรรดิและผู้ตามเสด็จทุกคนเข้าสู่ภายในศูนย์วิทยาศาสตร์และกองบัญชาการ จากนั้นเข้าสู่ห้องประชุม อัญเชิญจักรพรรดิประทับนั่งที่หัวโต๊ะประธาน

เนรอสมองสำรวจไปทั่ว แล้วขมวดคิ้ว หันไปหาอิบิคัสและเอ่ยถาม "วันชนะ และบุคคลในคณะของเขา ไปไหนเสียแล้ว มิได้อยู่กับพวกท่านที่นี่หรือ ?"

"ขอเดชะฝ่าบาท ท่านวันชนะและชาวคณะทุกคน ไปอาศัยอยู่กับท่านผู้เฒ่าไดโอเซนัสกับศิษย์บนเกาะนิรนามนานแล้วพระเจ้าข้า" เจ้าเมืองทูลตอบ

"มีการติดต่อจากพวกเขามาถึงพวกท่านบ้างไหม ?"

"ก็...มีบ้างเป็นครั้งคราวพระเจ้าข้า"

"นี่หมายความว่า ถ้าข้าต้องการพบพวกเขา ข้าก็ต้องไปที่เกาะนิรนามน่ะสิ หรืออย่างไร ?"

"ขอเดชะ ท่านผู้เฒ่าไดโอเซนัสปกปิดพิกัดที่อยู่ของเกาะแห่งนั้นไว้ ไม่บอกให้ใครทราบพระเจ้าข้า ดังนั้น พวกเราไม่อาจไปที่นั่นได้"

"โอ้...แย่แล้วถ้าอย่างนั้น..." เนรอสตรัสพลางทอดถอนพระหทัย

"ฝ่าบาท...มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นพระเจ้าข้า ท่าทางพระองค์ทรงหนักพระทัยอยู่มิใช่น้อย ?" คราวนี้เซบาสเต็นเป็นผู้ทูลถาม

จักรพรรดิถอนพระหทัยอีกครั้ง ก่อนตรัสบอกทุกคนในที่ประชุมโดยรวบรัด "ข้าคิดว่า ช่วงระยะหลังๆ มานี้ ข้าถูกครอบงำอีกครั้ง เพราะหลายครั้งที่ข้าตกอยู่ในสภาวะเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น ไม่เป็นตัวของตัวเอง หลายอย่างที่ข้าทำลงไป ข้าก็จำไม่ได้ ที่จำได้บ้างก็รางๆ เลือนๆ และหลายครั้งรู้สึกว่าตัวเองหลับใหลไปนานกว่าจะตื่นมา แล้วรู้สึกกลับมาเป็นตัวของตัวเอง เหมือนอย่างตอนนี้ และครั้งล่าสุดที่ข้าตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง ข้าได้ไปหาเซฟิย่าที่ตำหนัก หลังจากได้พูดคุยกับนาง จึงได้รู้ว่าตัวเองได้ทำอะไรหลายอย่าง ซึ่งเป็นเรื่องแปลกๆ ทั้งนั้น"

"พวกข้าพระองค์ทางนี้ ก็ได้ยินข่าวคราวแปลกๆ เกี่ยวกับฝ่าบาทเช่นกันพระเจ้าข้า" เฮโรดัส หัวหน้าตุลาการศาลทวีปผู้เป็น "พระสัสสุระ" (พ่อตา) กราบทูล

"มีข่าวแปลกๆ เกี่ยวกับข้า อย่างไรบ้างเล่า ท่านพ่อ ?" เนรอสถามและยิ้มแบบฝืดๆ

"พระเจ้าข้า...คือว่า ฝ่าบาท ได้ขึ้นภาษีกับชาวสหพันธรัฐ จากห้าส่วนร้อยเป็นสิบส่วนร้อย ทำให้ชาวสหพันธรัฐบางส่วนบ่นอยู่เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่ไม่ว่ากระไรพระเจ้าข้า แล้วก็...ทรงอนุญาตให้เหล่านักวิทยาศาสตร์จากสองดินแดนรวมกลุ่มกันเป็นคณะพิเศษ สร้างมนุษย์...ข้าพระองค์ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะเรียกว่ามนุษย์ดีหรือไม่ เพราะเป็นส่วนผสมระหว่างคนกับลิงพันธ์เลมูร์ กลายเป็นสิ่งมีชีวิตพันธ์ุใหม่ โดยมีชื่อว่า เลมูรัส พวกมันเหมือนมนุษย์เกือบสมบูรณ์ ที่ไม่เหมือนก็เหลือเพียงแต่ส่วนหางยังเหลืออยู่นิดหนึ่ง และพูดไม่ได้"

"ที่พวกมันพูดไม่ได้ เข้าใจว่า พวกนักวิทยาศาสตร์ซึ่งสร้างและเลี้ยงพวกมันในห้องทดลอง ไม่ยอมสอนให้พวกมันพูดมากกว่าพระเจ้าข้า" เซบาสเต็นกล่าวเสริม "เพราะสังเกตดูเวลาที่พวกมันอ้าปาก พวกมันก็มีลิ้น มีฟัน มีเหงือก เหมือนกับคนทั่วๆ ไป"

"อืม...แปลกจริง!" เนรอสว่า "แล้วข้าอนุญาตให้พวกนักวิทยาศาสตร์สร้างพวกมันขึ้นมา เพื่ออะไรกัน ?"

"เพื่อการพาณิชย์ พระเจ้าข้า" อิบิคัสตอบ

"ให้มีการซื้อขายพวกมัน อย่างนั้นหรือ ?"

"พระเจ้าข้า"

"คนซื้อ ซื้อพวกมันไปทำไม ? เอาไปเป็นทาสใช้งานหรือไร ?" จักรพรรดิเดา

"หามิได้พระเจ้าข้า หากแต่ ซื้อไปเพื่อให้พวกมันเป็นสิ่งบำเรอกาม บำบัดความใคร่ พระเจ้าข้า แต่ละคนๆ จะมีรูปร่างหน้าตาดีกันทั้งนั้น ถ้าดีมาก คือ สวยมาก หรือหล่อมาก หุ่นดีมาก สนนราคาก็จะแพง พวกเศรษฐี ผู้ดีมีเงิน ชอบพระเจ้าข้า!"

"นี่ข้า...เกิดความคิดบ้าๆ พิลึกพิลั่นเช่นนี้ได้อย่างไร!" เนรอสตรัสอย่างงุนงงไม่เข้าใจตนเอง

"ยังมากกว่านั้นอีกพระเจ้าข้า..." เฮโรดัสทูลเสริม "ล่าสุด มีเย็นวันหนึ่ง ฝ่าบาทเสด็จไปร่วมในงานประมูลตัวพวกเลมูรัสด้วย"

"เรื่องนี้ข้าทราบจากเซฟิย่าแล้วละ ท่านพ่อ" ตรัสพลางยกพระหัตถ์ขึ้นเกาพระเศียรและฝืนแย้มสรวล "ข้านี่งงตัวเองมากเลย ประมูลเลมูรัสชายมาหนึ่งคนและหญิงอีกหนึ่งคน ประมูลมาเพื่ออะไรก็ไม่รู้! ตัวผู้ชายไม่เท่าไร ข้าไม่สนใจหรอก แต่ตัวผู้หญิงนี่สิ! นางมีรูปร่างหน้าตาเหมือนออเรเคิล! ทำไม ??? ข้าอยากรู้เหตุผลสำหรับข้อนี้มากเลย!!"

"คงไม่มีใครให้เหตุผลได้พระเจ้าข้า นอกจากพระองค์เอง ผู้ทรงประมูลตัวพวกมันด้วยพระองค์เอง ฝ่าบาท! ทรงรู้ตัวหรือไม่พระเจ้าข้า ในขณะที่กำลังทรงทำการประมูลแข่งกับคนอื่นอยู่ในคืนนั้น ?" เฮโรดัสทูลถามอีก

"ไม่รู้ตัวเลยท่านพ่อ! เหมือนข้าหลับสนิท แต่มีคนอื่นใช้ร่างกายของข้าดำเนินการทุกสิ่งทุกอย่าง! และถ้าข้ามิได้ไปหาเซฟิย่าที่ตำหนัก แล้วพูดคุยกับนาง ข้าก็จะมิได้ทราบเรื่องราวพิลึกพิลั่นนี้เลย! นี่แหละที่ข้าคิดว่า ข้าถูกครอบงำ โดยใครหรืออะไรสักอย่าง อีกครั้ง!"

"และมันอาจจะเป็น...เจ้าอสูรต่างพิภพ กลับมาอีกครั้ง!" เซฟิย่ากล่าวสรุป

"ไม่น่านะ..." เซบาสเต็นกล่าวแย้ง "พวกเราก็ได้เห็นกันทุกคน ว่าพวกอสูรต่างดาวถูกขับไล่โดยชาวต่างดาวผู้เป็นมิตร ซึ่งรู้จักกับท่านวันชนะและชาวคณะ มีความสัมพันธ์อันดีกับชาวโลก พวกเขาช่วยกันขับไล่พวกนั้นออกไปจากโลกจนหมดสิ้น ได้ยินว่าพวกมันต้องไปขึ้นศาลแห่งดาราจักรและต้องรับโทษข้อหาบุกรุกและก่อการร้ายกับโลกของเราด้วยมิใช่หรือ ?"

"มันก็จริงอย่างท่านว่านะ สหายรัก!" อิบิคัสหันไปกล่าวกับเพื่อนคู่หู "แต่ก็อาจเป็นได้ว่า คงมีพวกมันสักคน ไม่ยอมเดินทางไปกับคณะเดินทาง แต่แอบหลบหนี ซ่อนตัวอยู่ พอได้โอกาส ก็กลับไปหาฝ่าบาทอีกครั้ง และแฝงร่างเข้าพระวรกายของฝ่าบาทอีกครั้ง!"

"ใช่ๆๆ !!" เนรอสเห็นด้วยกับสหายรักของเจ้าเมืองอย่างเต็มร้อย "ต้องเป็นอย่างที่ท่านว่าแน่นอนเลย เซบาสเต็น!"

"ตอนนี้ พระองค์ทรงรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง มากน้อยแค่ไหนพระเจ้าข้า ฝ่าบาท ?" อิบิคัสทูลถาม

"รู้สึกตัวเต็มที่ เป็นตัวข้าเอง อย่างสมบูรณ์ ทั้งกายและใจ ไม่มีอันใดผิดเพี้ยน ให้ตายเถอะ! ข้าอยากจะออกคำสั่งให้เลิกสร้างพวกเลมูรัสและทำลายศูนย์ปฏิบัติการสถานที่สร้างพวกมันเสียเดี๋ยวนี้ทีเดียว!"

"ถ้าข้าพระองค์คาดเดาไม่ผิด...ตอนนี้ แอตแลนติส ปรากฏมีจักรพรรดิสององค์ อีกครั้งหนึ่งแล้ว!" เฮโรดัสกล่าวคาดการณ์ "เพราะว่า ถ้าอสูรต่างพิภพกลับมาจริง และได้เคยแฝงร่างเข้าพระวรกายของฝ่าบาทแล้วไซร้ มันจะไม่ปล่อยให้ทางพระราชวังปราศจากองค์จักรพรรดิเป็นแน่! เพราะฉะนั้น ในเมื่อฝ่าบาทเสด็จหนีมาเช่นนี้ มันก็ต้องจำแลงตัวเป็นฝ่าบาท สวมบทบาทเป็นฝ่าบาท เหมือนอย่างที่มันเคยทำมาก่อน!"

"บางที อาจจะต้องมีการตัดสินชี้ตัวจริงตัวปลอมกันอีกรอบ ก็เป็นได้" อิบิคัสกล่าว

"ฝ่าบาท ตราพระราชลัญจกรประจำพระองค์ ทรงนำมาด้วยหรือไม่พระเจ้าข้า ?" เฮโรดัสทูลถาม

"อยู่ติดตัวข้าตลอดเวลา ท่านพ่อ" เนรอสตอบพลางยกมือขึ้นตบๆ ดูที่หน้าอก และรู้สึกใจชื้นเมื่อสัมผัสกับดวงตราพระราชลัญจกรซึ่งซ่อนอยู่ภายในฉลองพระองค์

"ลองเอาออกมาทดสอบดูอีกสักครั้งเถิด ฝ่าบาท"

"ได้เลย!" เนรอสพยักหน้า แล้วล้วงมือเข้าไปใต้พระภูษาในฉลองพระองค์ หยิบสายสร้อยซึ่งห้อยดวงตราพระราชลัญจกรออกมา แล้วหันไปบอกเจ้าเมือง

"เปิดเพดาน ให้แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาเถิด อิบิคัส"

"พระเจ้าข้า"

อิบิคัสน้อมกายรับพระบัญชา แล้วยกมือข้างขวาซึ่งถือแท่งโลหะแท่งหนึ่งชูขึ้น ชี้ไปที่เพดานรูปทรงโดม แท่งโลหะนั้นคืออุปกรณ์รีโมทนั่นเอง ทันทีที่เขาชี้ปลายแท่งโลหะนั้นขึ้นไป โดมรูปทรงกลมก็แยกเปิดออก แสงแดดเจิดจ้าจากภายนอกก็สาดส่องลงมา

เนรอสจับเพชรสีน้ำเงินอันใหญ่เบ้อเริ่มกลางตราพระราชลัญจกรขึ้นส่องกับแสงแดดด้วยมือซ้าย นิ้วมือข้างขวาจับขอบเพชรแล้วบิดหมุนไปทางขวาตามเข็มนาฬิกา เสียงดังกริ๊กก้องกังวาน ตามมาด้วยเสียงดัง ตี๊ดดด...แล้วลำแสงเล็กลำหนึ่งพุ่งออกจากกลางเพชรเม็ดมหึมานั้น ขยายลำแสงกว้างใหญ่ขึ้นๆ ตามลำดับ ฉายภาพสามมิติลอยกลางอากาศ เป็นภาพอดีตจักรพรรดิและจักรพรรดินีผู้เป็นพระชนกและพระชนนีของเนรอส และเนรอสในวัยเยาว์ อยู่ในอ้อมอกพระชนนี มีอักษรภาษาแอตแลนเชี่ยนตัวใหญ่ปรากฏข้างล่างภาพ "นี่คือ เนรอส รัชทายาทของเรา"

(ต่อครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่