คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 15
แถลงความคืบหน้า สถานการณ์ โรคไวรัสโควิด-19 ประจำวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 เวลา 12.30 น.


แถลงความคืบหน้า สถานการณ์ โรคไวรัสโควิด-19
ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
ประจำวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 เวลา 12.30 น.
กระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 เวลา 13.30 น.


แถลงความคืบหน้าสถานการณ์ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ณ กระทรวงสาธารณสุข
วันที่ 30 กรกฎาคม 2564

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม 2564
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/375992117352452

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รายงานข้อมูลสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19
ณ วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม 2564
ประเทศไทย
วันนี้มีผู้ติดเชื้อ 17,345 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสม 578,375 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯเพิ่มขึ้น 12,823 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 681 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อที่เดินทางจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 8 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกวันนี้ 3,833 ราย (ยอดผู้ติดเชื้อสะสมจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกอยู่ที่ 145,638 ราย)
เสียชีวิตรวม 4,679 ราย(วันนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 117 ราย)
รักษาหายป่วยแล้ว 381,170 ราย (มีผู้ป่วยกลับบ้านเพิ่มขึ้น 10,678 ราย)
รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 192,526 ราย
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศ (ไม่รวมเรือนจำ) 16,656 ราย มีรายละเอียดดังนี้ จากกรุงเทพฯ(3,231) ปริมณฑล (3,867) จังหวัดอื่น ๆ (9,558)
สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เพิ่มขึ้นในวันนี้ 8 ราย และเข้า Quarantine โดยเข้ารับการรักษาที่ภูเก็ต(1) สุราษฎร์ธานี(2) นราธิวาส(3) และ อยู่ระหว่างประสาน(2) มีรายละเอียดดังนี้
- จากประเทศกาตาร์ 1 ราย
- จากประเทศสหราชอาณาจักร 1 ราย
- จากประเทศสเปน 1 ราย
- จากประเทศกัมพูชา 2 ราย
- จากประเทศมาเลเซีย 3 ราย
สถานการณ์โลกในวันนี้
- ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลก 197.3 ล้านราย มีจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 4.2 ล้านราย(คิดเป็นร้อยละ 2.14 ของจำนวนผู้ติดเชื้อ) ในขณะที่ผู้รักษาหายมีจำนวน 178.5 ล้านราย (คิดเป็นร้อยละ 90.45)
- สหรัฐอเมริกา มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ 92,485 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่อันดับ 1 ของโลก อยู่ที่ 628,492 ราย
- อินเดีย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 31.5 ล้านรายแล้ว โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 44,673 ราย ทั้งนี้ยอดผู้รักษาหายในอินเดียอยู่ที่ 30.7 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 97.3
- ไทยมียอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่อันดับ 44 และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่อันดับ 67 ของโลก
สถานการณ์อาเซียนในวันนี้
- เมียนมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 289,333 ราย โดยมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ยในรอบ 7 วันที่ผ่านมาอยู่ที่ 5,139 ราย และมีจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 8,552 ราย
- มาเลเซีย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 1,078,646 ราย โดยยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ อยู่ที่ 17,170 ราย
- กัมพูชา ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 75,917 ราย มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 1,350 ราย
- ลาว ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 5,675 ราย โดยกำลังรักษาอยู่ 2,978 ราย
- เวียดนาม ผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ 7,594 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสะสม 1,020 ราย
ประมวลข้อมูลโดย กรมควบคุมโรค และศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนาสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.)
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
https://www.facebook.com/nrctofficial/posts/4017940401664835


แถลงความคืบหน้า สถานการณ์ โรคไวรัสโควิด-19
ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
ประจำวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 เวลา 12.30 น.
กระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 เวลา 13.30 น.


แถลงความคืบหน้าสถานการณ์ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ณ กระทรวงสาธารณสุข
วันที่ 30 กรกฎาคม 2564

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม 2564
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/375992117352452

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รายงานข้อมูลสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19
ณ วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม 2564
ประเทศไทย
วันนี้มีผู้ติดเชื้อ 17,345 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสม 578,375 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯเพิ่มขึ้น 12,823 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 681 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อที่เดินทางจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 8 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกวันนี้ 3,833 ราย (ยอดผู้ติดเชื้อสะสมจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกอยู่ที่ 145,638 ราย)
เสียชีวิตรวม 4,679 ราย(วันนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 117 ราย)
รักษาหายป่วยแล้ว 381,170 ราย (มีผู้ป่วยกลับบ้านเพิ่มขึ้น 10,678 ราย)
รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 192,526 ราย
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศ (ไม่รวมเรือนจำ) 16,656 ราย มีรายละเอียดดังนี้ จากกรุงเทพฯ(3,231) ปริมณฑล (3,867) จังหวัดอื่น ๆ (9,558)
สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เพิ่มขึ้นในวันนี้ 8 ราย และเข้า Quarantine โดยเข้ารับการรักษาที่ภูเก็ต(1) สุราษฎร์ธานี(2) นราธิวาส(3) และ อยู่ระหว่างประสาน(2) มีรายละเอียดดังนี้
- จากประเทศกาตาร์ 1 ราย
- จากประเทศสหราชอาณาจักร 1 ราย
- จากประเทศสเปน 1 ราย
- จากประเทศกัมพูชา 2 ราย
- จากประเทศมาเลเซีย 3 ราย
สถานการณ์โลกในวันนี้
- ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลก 197.3 ล้านราย มีจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 4.2 ล้านราย(คิดเป็นร้อยละ 2.14 ของจำนวนผู้ติดเชื้อ) ในขณะที่ผู้รักษาหายมีจำนวน 178.5 ล้านราย (คิดเป็นร้อยละ 90.45)
- สหรัฐอเมริกา มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ 92,485 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่อันดับ 1 ของโลก อยู่ที่ 628,492 ราย
- อินเดีย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 31.5 ล้านรายแล้ว โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 44,673 ราย ทั้งนี้ยอดผู้รักษาหายในอินเดียอยู่ที่ 30.7 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 97.3
- ไทยมียอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่อันดับ 44 และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่อันดับ 67 ของโลก
สถานการณ์อาเซียนในวันนี้
- เมียนมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 289,333 ราย โดยมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ยในรอบ 7 วันที่ผ่านมาอยู่ที่ 5,139 ราย และมีจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 8,552 ราย
- มาเลเซีย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 1,078,646 ราย โดยยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ อยู่ที่ 17,170 ราย
- กัมพูชา ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 75,917 ราย มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 1,350 ราย
- ลาว ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 5,675 ราย โดยกำลังรักษาอยู่ 2,978 ราย
- เวียดนาม ผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ 7,594 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสะสม 1,020 ราย
ประมวลข้อมูลโดย กรมควบคุมโรค และศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนาสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.)
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
https://www.facebook.com/nrctofficial/posts/4017940401664835
แสดงความคิดเห็น
🇹🇭มาลาริน⏺วันนี้(30ก.ค.)ป่วย17,345คน รักษาหาย10,678คน เสียชีวิต117คน/77จังหวัดติดเชื้อ/ทำไมคนอ้วนเสี่ยงทรุดหนักโควิด
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 17,345 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 16,664 ราย และผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 681 ราย ยอดติดเชื้อรวมระลอกเมษายน 549,512 ราย รวมยอดติดเชื้อสะสม 578,375 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 117 ราย เสียชีวิตสะสม 4,679 ราย หายป่วยเพิ่ม 10,678 ราย รวมหายป่วยสะสม ระลอกเมษายน 353,744 ราย
รายละเอียดผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 17,345 ราย มีดังนี้
1.ผู้ป่วยรายใหม่ จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 12,823 ราย
2.ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 3,833 ราย
3.จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 681 ราย
4.เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้า State Quarantine 8 ราย
รายละเอียดผู้เสียชีวิตทั้ง 117 ราย มีดังนี้
https://www.sanook.com/news/8418450/
"สมุทรปราการ-สมุทรสาคร" ทำนิวไฮ
เมื่อวันที่ 30 ก.ค.64 ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 ได้รายงานสถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศไทย ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ค.64 เวลา 01.00 น. โดยพบผู้ติดเชื้อทั้ง 77 จังหวัดของประเทศไทย จังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่และสะสมสูงที่สุดคือกทม.3,231 ราย ที่แม้วันนี้รายใหม่จะลดลงแต่ยังคงสูงอยู่ ขณะที่จังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่น้อยที่สุดคือ แม่ฮ่องสอน 6 ราย
ขณะพบ 39 จังหวัดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เกินร้อย
สูงสุดยังคงเป็นภาคกลาง ติดเชื้อรายใหม่เกินร้อยมี 13 จังหวัดคือ กทม. ตามด้วยสมุทรปราการ ที่วันนี้ยอดรายใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ 1,386 ราย ตามด้วยสมุทรสาคร 1,186 ราย นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม อยุธยา ลพบุรี สระบุรี นครสวรรค์ สุพรรณบุรี อ่างทอง เพชรบูรณ์
ตามด้วยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี 12 จังหวัดที่ติดเชื้อรายใหม่เกินร้อย สูงสุดที่อุบลราชธานี ตามด้วย
สุรินทร์ ศรีสะเกษ มหาสารคาม นครราชสีมา ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ ขอนแก่น ยโสธร และสกลนคร
ภาคใต้ ติดเชื้อรายใหม่เกินร้อยมี 6 จังหวัดคือ สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี
ภาคตะวันตก พบ 4 จังหวัดติดเชื้อใหม่เกินร้อย ได้แก่ ตาก กาญจนบุรี เพชรบุรี และราชบุรี
ภาคตะวันตก 4 จังหวัดติดเชื้อเกินร้อย ชลบุรี ที่จ่อแตะหลักพัน ฉะเชิงเทรา ระยอง และสระแก้ว
ขณะที่ภาคเหนือ ติดเชื้อรายใหม่ยังไม่มีจังหวัดใดเกินร้อย แต่มีอุตรดิตถ์ที่ตัวเลขจ่อใกล้ร้อยอยู่ที่ 95 ราย
https://siamrath.co.th/n/266755
นอกจากคนอ้วนจะเสี่ยงโรคไม่ติดต่อหลายโรคแล้ว ยังเสี่ยงมีอาการหนักหากเป็นโควิด-19 ด้วย
พญ. ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล หรือ หมอผิง ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและเวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ระบุเอาไว้ในเพจ Pleasehealth Books ว่า ผู้ป่วยโรคอ้วน มีความเสี่ยงอาการทรุดหนักจากโควิด-19 มากกว่าคนที่มีน้ำปกติ โดยอธิบายเอาไว้ ดังนี้
โควิด-19 มีอัตราการเสียชีวิตทั่วโลกโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3% ในขณะที่บางประเทศมีอัตราการเสียชีวิตสูงเกือบ 10% (ฝรั่งเศส อังกฤษ) บางประเทศก็สามารถกดจนอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ต่ำกว่า 2% (อิสราเอล รัสเซีย) ด้วยปัจจัยหลายด้าน
ปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้ป่วยโควิด-19 มีอาการทรุดหนัก หรือเสี่ยงเสียชีวิต คือ อายุ งานวิจัยพบว่ากว่า 75% ของผู้เสียชีวิตมีอายุมากกว่า 65 ปี รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่น เบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันโลหิตสูง และมะเร็งต่างๆ
โรคอ้วน ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงทรุดหนักจากโควิด-19 โดยเฉพาะคนอายุน้อย หากมีโรคอ้วน คือมีดัชนีมวลกายมากกว่า 30 ความเสี่ยงที่จะทรุดหนักหรือเสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นมาก
ทำไม "คนอ้วน" ถึงเสี่ยงทรุดหนัก หากเป็น "โควิด-19"
บางคนอาจสงสัยว่าความอ้วนเกี่ยวอะไรกับโควิด19 สาเหตุที่โรคอ้วนเพิ่มความเสี่ยงทรุดหนักจากโควิด-19 มีงานวิจัยที่อธิบายว่ามาจากกลไกหลักๆคือ
ระบบภูมิคุ้มกันหรือทหารที่ไม่แข็งแรง โดยเฉพาะทหารประเภท T-cells อันเป็นผลจากภาวะดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลินและฮอร์โมนเลปตินเรื้อรัง ซึ่งเป็นภาวะที่พบในคนเป็นโรคอ้วน พบว่าความอ้วนส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันแก่กว่าที่ควรจะเป็นตามช่วงอายุ
การอักเสบเรื้อรังในระดับโมเลกุล ซึ่งเป็นการอักเสบในระดับต่ำๆที่ไม่มีอาการแต่เกิดขึ้นตลอดเวลาในผู้ป่วยโรคอ้วน โดยสามารถวัดได้จากสารก่อการอักเสบต่างๆในเลือดเช่น TNF-α, IL-1β, IL-6 เมื่อถูกสมทบด้วยการอักเสบเฉียบพลันจากโควิด19 จึงส่งผลให้มีปฏิกิริยาอักเสบที่รุนแรงขึ้น เสี่ยงต่อการทรุดหนักมากขึ้น
การมีประตูที่เปิดรับเชื้อไวรัสมากขึ้น เซลล์ในเยื่อบุจมูก ทางเดินหายใจ และหลายอวัยวะในร่างกายจะมี ACE-2 receptor ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นประตูทางเข้าเซลล์ของไวรัส SARS-COV-2 พบว่าในผู้เป็นโรคอ้วนจะมีประตูนี้มากขึ้นกว่าคนทั่วไป จึงอาจเป็นอีกหนึ่งกลไกที่ส่งผลให้ไวรัสบุกสะดวก
ในคนที่เป็นโรคอ้วนจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตันง่ายขึ้น ซึ่งการเกิดลิ่มเลือดเป็นหนึ่งในกลไกที่ทำให้ผู้ป่วยโควิด-19 ทรุดหนักขึ้น
ความอ้วน จัดเป็นโรคที่ส่งผลเสียต่อร่างกายหลายด้าน รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการทรุดหนักและเสียชีวิตจากโควิด-19ด้วย สำหรับคนที่อยากห่างไกลจากโรคอ้วน แนะนำให้ลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี ด้วยการเข้าใจหลักการรับประทานอาหารที่ถูกต้อง รับประทานในปริมาณที่เหมาะสม เลี่ยงการรับประทานน้ำตาลที่มากเกินไปจากเครื่องดื่ม ขนมหวาน ขนมขบเคี้ยว ออกกำลังกายและเคลื่อนไหวร่างกายสม่ำเสมอ
https://www.sanook.com/health/28269/
มีความหวังว่าใน 4-10 สัปดาห์ โควิดจะลดลงค่ะ