“แกรู้อย่างนี้แล้ว แกจะทำยังไงวะ หมอก” แก้วสุดามองหน้าฉัน ที่นั่งนิ่งฟังเรื่องราวที่ผ่านมา แทบไม่หายใจด้วยซ้ำ
“ก้อย ถึงตอนนี้ ฉันก็ยังไม่รู้ว่าเขาแต่งงานกับฉันทำไม แต่ถ้าให้เดา ที่เขาแต่งงานกับฉัน เพราะเขาคงอยากจะประชดคุณอ่อนก็เท่านั้น” ฉันพูดเสียงอ่อย ความน้อยใจเริ่มเข้ามาแทนที่ ความมั่นใจที่มีทั้งหมดเริ่มหดหายไป
"เฮ้ย.. มันคงไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ยัยหมอก"
"ถ้าไม่อย่างนั้น แล้วจะอย่างไหน.. รักเหรอ.. อย่ามาหลอกให้ฉันมโน หลอกตัวเองไปวันๆ" ฉันเอ่ยอย่างหัวเสีย เพราะอารมณ์ต่างๆ ที่พุ่งขึ้นมาในร่างกาย ที่ตัวเองก็บอกไม่ได้ว่า มันเป็นอารมณ์แบบไหนกันแน่
“ฉันจะหาทางหย่า” ฉันโผล่งออกมาในที่สุด
“หย่า” แก้วสุดาร้องเสียงหลง
“เฮ้ย.. แกจะบ้าไปแล้ว”
“ไม่บ้าสิวะ ก็ฉันกับเขา ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย เราเป็นแค่สามีภรรยาในนามแค่นั้นเอง หย่าๆ ไปซะ แล้วเขาจะไปทำอะไรกับคุณอ่อนก็ไป ฉันไม่เล่นด้วยหรอก เกมรักสามเส้า สี่เส้านี่น่ะ”
“หมอกครับออกมาทำอะไรกันที่นี่ตั้งแต่เช้า” จักรินทร์ที่ออกมาวิ่งออกกำลังกายในตอนเช้า เหมือนอย่างทุกวันที่เคยทำ ทำให้เขาวิ่งผ่านมาทางนี้พอดี และเลยเดินเข้ามาทรุดตัวนั่งลงใกล้ๆ แต่ฉันผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว แทบจะทันที จนเขางงเป็นไก่ตาแตก
“หมอกต้องขอตัวก่อนนะคะ ลืมไปว่ามีประชุม Video Conference Call กับบอสตอนเช้าค่ะ”
ว่าแล้วฉันก็เร่งฝีเท้าเดินจากมาอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้สองคนนั้น นั่งหน้าเหลอหลากันไป โดยที่ไม่เปิดโอกาสให้ .. คุณสามีในนาม.. ได้มีโอกาสเดินตามฉันมา หากแต่ว่าฉันเดินออกมา ยังไม่พ้นเขตหาดทรายมากนัก ฉันก็เดินมาพบกับอรุณฉาย ที่ดูท่าทางว่าจะหายดีแล้ว และท่าทางเหมือนกับว่าจะเดินตามหาใคร
“สวัสดีค่ะคุณอ่อน หายดีแล้วหรือคะ” ฉันเดินเข้าไปทักทายก่อน
“สวัสดีค่ะคุณหมอก ดีขึ้นแล้วค่ะ” รอยยิ้มหวานๆ ที่ส่งมาดูเหมือนจะเสแสร้งมากกว่า เพราะดวงตาที่มองฉันแข็งยิ่งกว่าหิน
“คุณหมอกเห็นพี่จักรไหมคะ ไม่ทราบว่าไปวิ่งจนถึงไหน เช้าๆ แบบนี้”
...คิดไว้แล้วว่า คุณอ่อนกำลังมองหาใคร.. ทำไมเวลาซื้อหวยถึงไม่ถูกกับเขาบ้างนะ...
“เห็นค่ะ นั่งอยู่กับแก้วสุดา ตรงหน้าชายหาดโน่นค่ะ ลองไปดูสิคะ เผื่อว่าอยากจะคุยอะไรกันต่อจากเมื่อคืน”
ฉันหันมามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเต็มตา ด้วยสายตาที่ฉันพยายามอย่างยิ่ง ที่จะมองกลับไปในแบบเดียวกัน ก่อนที่จะขอตอบประชดประชันสักหน่อยเถอะ เพื่อให้คลายความขุ่นเคืองใจบ้าง ก่อนที่จะเดินจากออกมา ด้วยใจที่เต้นแรง อย่างบอกไม่ถูก
... ฉันทำถูกแล้ว ปล่อยเขาไปซะ ให้เขาไปอยู่กับคนที่เขารัก ส่วนตัวฉัน ฉันจะอยู่ในที่ที่ของฉันเอง...
“คุณเป็นอะไร ทำหน้ายุ่งเชียว”
เสียงทักคุ้นหู ดังขึ้นเมื่อฉันกลับเข้าถึงห้องพัก และเห็นเขากำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ กลิ่นหอมอ่อนๆ จากร่างกายของเขา ทำให้ฉันมองท่อนบน ของร่างกายกำยำที่เปลือยเปล่า มีหยดน้ำไหลย้อยเป็นทาง ก่อนที่จะจักรินทร์เดินเข้ามาเอามือแตะหน้าผาก
“ตัวก็ไม่ร้อนนี่... แล้วนี่คุณคุยกับเจ้านายเสร็จแล้วหรือ... มีอะไรหรือเปล่า หน้าเครียดเชียว" เขาก้มลงหอมแก้มฟอดใหญ่อย่างรวดเร็ว ก่อนที่ฉันจะตั้งตัวได้ ก่อนที่จะยิ้มกว้างให้ แล้วเดินกลับเข้าห้องน้ำไป เพื่อใส่เสื้อผ้า
“ไม่มีอะไรค่ะ แค่บอสต้องการเช็ค เรื่องความเรียบร้อยขั้นตอนสุดท้าย ก่อนที่จะแขกจะทยอยมาที่นี่ค่ะ.. เอ่อ.. แล้วเจอคุณอ่อนไหมคะ เห็นว่ากำลังเดินหาคุณอยู่” ฉันทำเป็นถามไปเรื่อยเปื่อย แต่หูกางเตรียมรับฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“ไม่เจอนี่ครับ” จักรินทร์ตอบเรียบๆ
“อ้าวถ้าอย่างนั้นก็ไม่ได้คุยกันต่อสิคะ” ฉันหลุดปากเอ่ย
“เรื่องอะไรครับ คุณคิดว่าผมกับอรุณฉาย จะคุยเรื่องอะไรกัน” จักรินทร์เดินออกจากห้องน้ำ มาจ้องหน้าฉันอย่างกับว่าจะคาดคั้นหาคำตอบ
“เอ่อ.. คือ.. ไม่ทราบสิคะ ก็คุณอ่อนเขามองหาคุณ ก็คิดว่ามีเรื่องอะไรที่คุยค้างเอาไว้” ฉันเสเดินออกมาที่โต๊ะทำงาน แสร้งว่าเปิดโน๊ตบุ๊คเพื่อจะทำงาน
“คุณจะทำงานแล้วเหรอครับ แล้วจะไม่ลงไปทานอาหารเช้า กับผมก่อนหรือครับ ตอนสายๆ ผมต้องเข้ากรมแล้วนะ กว่าจะได้เจอกันอีก ก็อีกตั้งห้าวันนะ” เขาเดินมานั่งใกล้ๆ เอาคางเกยไหล่ ทำท่าออดอ้อนเหมือนเด็กน้อย
“เป็นครั้งแรกเลยนะที่เราจะต้องห่างกัน ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ผมไม่เคยที่จะอยู่ห่างจากคุณเลยแม้แต่วันเดียว ผมคงคิดถึงคุณแย่”
“คุณจะมาคิดถึงฉันทำไม มีคนอื่นให้คิดถึงออกจะตายไป”
ฉันตวัดเสียงตอบ แล้วก็หวีดร้องเสียงดัง ด้วยความตกใจ เมื่อเขาดึงตัวฉันลงไปนอนราบบนเตียง แล้วร่างใหญ่ค่อยๆ ทาบทับ ตรึงร่างของฉันไว้บนที่นอน ทำให้ฉันดิ้นไปไหนได้ ก่อนที่เขาจะโน้มใบหน้าคมเข้ามาใกล้ ใบหน้าของฉัน จมูกโด่งอยู่ห่างจากปลายจมูกของฉันเพียงลมหายใจกั้น
“พูดแบบนี้แปลว่าต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ” ดวงตามสวมมองสำรวจใบหน้าของฉันไปมา
“หึงผมหรือ”
“บ้า ฉันจะหึงคุณทำไม” ฉันหลบตาเสไปมองฝาผนัง เขาหัวเราะในลำคอ ก่อนที่จะโน้มตัวมาหอมแก้มฉันทั้งสองข้าง ก่อนที่จะปล่อยฉันเป็นอิสระ
“คุณแสดงอาการหึงผมบ้างก็ดีนะ ทำให้ผมรู้สึกว่า..” เขาพูดแค่นั้นแล้วก็ฉุดดึงฉันลุกขึ้น
“ไปเถอะไปกินข้าวกัน ผมหิวแล้ว”
_____________________________
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 24
“ก้อย ถึงตอนนี้ ฉันก็ยังไม่รู้ว่าเขาแต่งงานกับฉันทำไม แต่ถ้าให้เดา ที่เขาแต่งงานกับฉัน เพราะเขาคงอยากจะประชดคุณอ่อนก็เท่านั้น” ฉันพูดเสียงอ่อย ความน้อยใจเริ่มเข้ามาแทนที่ ความมั่นใจที่มีทั้งหมดเริ่มหดหายไป
"เฮ้ย.. มันคงไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ยัยหมอก"
"ถ้าไม่อย่างนั้น แล้วจะอย่างไหน.. รักเหรอ.. อย่ามาหลอกให้ฉันมโน หลอกตัวเองไปวันๆ" ฉันเอ่ยอย่างหัวเสีย เพราะอารมณ์ต่างๆ ที่พุ่งขึ้นมาในร่างกาย ที่ตัวเองก็บอกไม่ได้ว่า มันเป็นอารมณ์แบบไหนกันแน่
“ฉันจะหาทางหย่า” ฉันโผล่งออกมาในที่สุด
“หย่า” แก้วสุดาร้องเสียงหลง
“เฮ้ย.. แกจะบ้าไปแล้ว”
“ไม่บ้าสิวะ ก็ฉันกับเขา ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย เราเป็นแค่สามีภรรยาในนามแค่นั้นเอง หย่าๆ ไปซะ แล้วเขาจะไปทำอะไรกับคุณอ่อนก็ไป ฉันไม่เล่นด้วยหรอก เกมรักสามเส้า สี่เส้านี่น่ะ”
“หมอกครับออกมาทำอะไรกันที่นี่ตั้งแต่เช้า” จักรินทร์ที่ออกมาวิ่งออกกำลังกายในตอนเช้า เหมือนอย่างทุกวันที่เคยทำ ทำให้เขาวิ่งผ่านมาทางนี้พอดี และเลยเดินเข้ามาทรุดตัวนั่งลงใกล้ๆ แต่ฉันผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว แทบจะทันที จนเขางงเป็นไก่ตาแตก
“หมอกต้องขอตัวก่อนนะคะ ลืมไปว่ามีประชุม Video Conference Call กับบอสตอนเช้าค่ะ”
ว่าแล้วฉันก็เร่งฝีเท้าเดินจากมาอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้สองคนนั้น นั่งหน้าเหลอหลากันไป โดยที่ไม่เปิดโอกาสให้ .. คุณสามีในนาม.. ได้มีโอกาสเดินตามฉันมา หากแต่ว่าฉันเดินออกมา ยังไม่พ้นเขตหาดทรายมากนัก ฉันก็เดินมาพบกับอรุณฉาย ที่ดูท่าทางว่าจะหายดีแล้ว และท่าทางเหมือนกับว่าจะเดินตามหาใคร
“สวัสดีค่ะคุณอ่อน หายดีแล้วหรือคะ” ฉันเดินเข้าไปทักทายก่อน
“สวัสดีค่ะคุณหมอก ดีขึ้นแล้วค่ะ” รอยยิ้มหวานๆ ที่ส่งมาดูเหมือนจะเสแสร้งมากกว่า เพราะดวงตาที่มองฉันแข็งยิ่งกว่าหิน
“คุณหมอกเห็นพี่จักรไหมคะ ไม่ทราบว่าไปวิ่งจนถึงไหน เช้าๆ แบบนี้”
...คิดไว้แล้วว่า คุณอ่อนกำลังมองหาใคร.. ทำไมเวลาซื้อหวยถึงไม่ถูกกับเขาบ้างนะ...
“เห็นค่ะ นั่งอยู่กับแก้วสุดา ตรงหน้าชายหาดโน่นค่ะ ลองไปดูสิคะ เผื่อว่าอยากจะคุยอะไรกันต่อจากเมื่อคืน”
ฉันหันมามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเต็มตา ด้วยสายตาที่ฉันพยายามอย่างยิ่ง ที่จะมองกลับไปในแบบเดียวกัน ก่อนที่จะขอตอบประชดประชันสักหน่อยเถอะ เพื่อให้คลายความขุ่นเคืองใจบ้าง ก่อนที่จะเดินจากออกมา ด้วยใจที่เต้นแรง อย่างบอกไม่ถูก
... ฉันทำถูกแล้ว ปล่อยเขาไปซะ ให้เขาไปอยู่กับคนที่เขารัก ส่วนตัวฉัน ฉันจะอยู่ในที่ที่ของฉันเอง...
“คุณเป็นอะไร ทำหน้ายุ่งเชียว”
เสียงทักคุ้นหู ดังขึ้นเมื่อฉันกลับเข้าถึงห้องพัก และเห็นเขากำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ กลิ่นหอมอ่อนๆ จากร่างกายของเขา ทำให้ฉันมองท่อนบน ของร่างกายกำยำที่เปลือยเปล่า มีหยดน้ำไหลย้อยเป็นทาง ก่อนที่จะจักรินทร์เดินเข้ามาเอามือแตะหน้าผาก
“ตัวก็ไม่ร้อนนี่... แล้วนี่คุณคุยกับเจ้านายเสร็จแล้วหรือ... มีอะไรหรือเปล่า หน้าเครียดเชียว" เขาก้มลงหอมแก้มฟอดใหญ่อย่างรวดเร็ว ก่อนที่ฉันจะตั้งตัวได้ ก่อนที่จะยิ้มกว้างให้ แล้วเดินกลับเข้าห้องน้ำไป เพื่อใส่เสื้อผ้า
“ไม่มีอะไรค่ะ แค่บอสต้องการเช็ค เรื่องความเรียบร้อยขั้นตอนสุดท้าย ก่อนที่จะแขกจะทยอยมาที่นี่ค่ะ.. เอ่อ.. แล้วเจอคุณอ่อนไหมคะ เห็นว่ากำลังเดินหาคุณอยู่” ฉันทำเป็นถามไปเรื่อยเปื่อย แต่หูกางเตรียมรับฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“ไม่เจอนี่ครับ” จักรินทร์ตอบเรียบๆ
“อ้าวถ้าอย่างนั้นก็ไม่ได้คุยกันต่อสิคะ” ฉันหลุดปากเอ่ย
“เรื่องอะไรครับ คุณคิดว่าผมกับอรุณฉาย จะคุยเรื่องอะไรกัน” จักรินทร์เดินออกจากห้องน้ำ มาจ้องหน้าฉันอย่างกับว่าจะคาดคั้นหาคำตอบ
“เอ่อ.. คือ.. ไม่ทราบสิคะ ก็คุณอ่อนเขามองหาคุณ ก็คิดว่ามีเรื่องอะไรที่คุยค้างเอาไว้” ฉันเสเดินออกมาที่โต๊ะทำงาน แสร้งว่าเปิดโน๊ตบุ๊คเพื่อจะทำงาน
“คุณจะทำงานแล้วเหรอครับ แล้วจะไม่ลงไปทานอาหารเช้า กับผมก่อนหรือครับ ตอนสายๆ ผมต้องเข้ากรมแล้วนะ กว่าจะได้เจอกันอีก ก็อีกตั้งห้าวันนะ” เขาเดินมานั่งใกล้ๆ เอาคางเกยไหล่ ทำท่าออดอ้อนเหมือนเด็กน้อย
“เป็นครั้งแรกเลยนะที่เราจะต้องห่างกัน ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ผมไม่เคยที่จะอยู่ห่างจากคุณเลยแม้แต่วันเดียว ผมคงคิดถึงคุณแย่”
“คุณจะมาคิดถึงฉันทำไม มีคนอื่นให้คิดถึงออกจะตายไป”
ฉันตวัดเสียงตอบ แล้วก็หวีดร้องเสียงดัง ด้วยความตกใจ เมื่อเขาดึงตัวฉันลงไปนอนราบบนเตียง แล้วร่างใหญ่ค่อยๆ ทาบทับ ตรึงร่างของฉันไว้บนที่นอน ทำให้ฉันดิ้นไปไหนได้ ก่อนที่เขาจะโน้มใบหน้าคมเข้ามาใกล้ ใบหน้าของฉัน จมูกโด่งอยู่ห่างจากปลายจมูกของฉันเพียงลมหายใจกั้น
“พูดแบบนี้แปลว่าต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ” ดวงตามสวมมองสำรวจใบหน้าของฉันไปมา
“หึงผมหรือ”
“บ้า ฉันจะหึงคุณทำไม” ฉันหลบตาเสไปมองฝาผนัง เขาหัวเราะในลำคอ ก่อนที่จะโน้มตัวมาหอมแก้มฉันทั้งสองข้าง ก่อนที่จะปล่อยฉันเป็นอิสระ
“คุณแสดงอาการหึงผมบ้างก็ดีนะ ทำให้ผมรู้สึกว่า..” เขาพูดแค่นั้นแล้วก็ฉุดดึงฉันลุกขึ้น
“ไปเถอะไปกินข้าวกัน ผมหิวแล้ว”
_____________________________